Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
เล่ห์ร้ายละลายรัก -บทที่ 19&20- ติดต่อทีมงาน

มาแบบเบิ้ลตามเคยค่ะ ขอให้สนุกกับสองตอนนี้นะคะ :)

ขออนุญาตตัดลิงค์ตอนต้นๆนะค้า เพื่อใส่นิยายได้ยาวขึ้น XD
บทที่ 17&18

 

บทที่ 19

 

                “คัท!”

“ฝัน วันนี้เพลียๆนะ พักหน่อยไหม”

“ไม่เป็นไรค่ะอา ฝันโอเคค่ะ”

ดุจฝันพูดไปงั้นๆ ความจริงมันไม่ได้เป็นอย่างที่เธอว่าเลยแม้แต่น้อย เธอจะไปโอเคได้อย่างไรในเมื่อไม่ได้นอนแทบทั้งคืนเพราะเอาแต่เก็บคำพูดชายหนุ่มมาคิดทบทวนซ้ำไปซ้ำมาโดยไม่รู้ตัว กว่าจะข่มตาหลับได้ก็เล่นเอาตีสี่ แล้วต้องตื่นตีห้ามาถ่ายละครในช่วงเช้า

“ไหวไหม”

ตามเคย... เป็นปิลันธน์ที่เดินเข้ามาทักเธอเช่นนี้ ดุจฝันอดทำหน้าเบะใส่เขาไม่ได้ที่เมื่อคืนเพื่อนสนิทผู้นี้ก็ทิ้งเธอไปเสียดื้อๆปล่อยให้เธอต้องกลับกับภาคภูมิ

                “แล้วเมื่อคืนเป็นอย่างไรบ้าง คุณภาคภูมิเขาพาส่งถึงที่หรือเปล่า ไม่ชกกันกลางทางใช่ไหม”

                คนถูกถามเงียบไปพอนึกถึงคำพูดเมื่อคืน ก่อนจะรีบเปลี่ยนมาพูดจาหาเรื่องแก้ขัดเขิน

                “จะได้ชกปริ๊นซ์นี่แหละ รู้ทั้งรู้ว่าเราเกลียดยังจะให้กลับด้วยกันอีก ดึกก็ดึก อันตรายแทบแย่ นึกยังไงให้กลับกับคนแบบนั้น”

                “ก็เพราะรู้ว่าเป็นคุณไพรด์ไงถึงได้วางใจ”

                “หมายความว่าอย่างไร”  ดุจฝันเค้นทันทีเมื่อได้ยินคนหน้านิ่งว่ามา

                “ตามนั้น”  ปิลันธน์หยุด  “ไปคิดเอาเอง”

                คนฟังนั่งเงียบไปพักใหญ่พร้อมกับความร้อนที่ชักจะมารุมๆอยู่ที่หน้าเมื่อคิดออก แต่ยังไม่ทันที่จะได้ตอบอะไรออกไป เมษาก็เข้ามานั่งด้วยอีกคนเสียก่อน

                “เป็นไงฝัน เมื่อวานเจอบทไหม”

                “เจอๆ”

                “แล้วกลับถึงบ้านกี่โมงเนี่ย”

                “เอ่อ... ห้าทุ่มครึ่ง”

                “อ้าว ทำไมถึงดึกจัง”  เมษาหรี่ตามองเธอ

                “พอดีเราออกมาไม่ทัน ลุงโชคแกล็อกประตูก่อน เราก็เลยติดอยู่ในนั้น”

                “แย่เลย แล้วออกมาได้อย่างไรนั่น”  คนรับฟังทำหน้ามุ่ยตามไปด้วย ดุจฝันโบ้ยหน้าไปทางปิลันธน์ เมษาพยักหน้าหงึกหงักแล้วเปลี่ยนเรื่อง

                “เอ้อ ตอนนี้เราเพิ่งได้ข่าวมา เห็นว่าตำรวจเพิ่งจับแก๊งเจาะยางได้ที่เขตนี้”

                “แก็งเจาะยาง?”

                “น่าจะเป็นพวกเดียวกับที่เจาะยางของฝันกับพี่ๆในกองนี่ เราว่านะ”

                ดุจฝันถอนหายใจโล่ง... สรุปแล้วเรื่องการเจาะยางก็ไม่ใช่แผนร้ายแบบเฉพาะเจาะจงตัวใคร เรื่องล็อกประตูก็เป็นฝีมือของลุงภารโรงที่เข้าใจผิด เธอก็ก็แค่คิดมากไปเองที่คิดว่ามีใครกำลังไม่หวังดีกับเธออยู่ทั้งๆที่จริงๆแล้วก็เป็นแค่เรื่องบังเอิญเท่านั้น

                เสียงเรียกเข้าเป็นบทเพลงทำนองอ่อนหวานดังขึ้น ดุจฝันรับทันที

                “ค่ะพี่พีท เป็นไงบ้าง”

                “ฝัน ตอนนี้พี่อยู่แถวๆกับที่ฝันถ่ายละคร ถ้ายังไงเดี๋ยวจะแวะเข้าไปหานะ”

                “ดีเลยๆ อยากเจอ ไม่ได้เจอนาน”

                “พี่ก็อยากเจอเหมือนกัน ซื้อขนมมาฝากเยอะแยะเลยเนี่ย เอาไว้ถึงแล้วเดี๋ยวจะโทรหาอีกรอบนะ”

                “ได้ค่ะ เจอกันนะ”

                ดุจฝันรับคำแล้วก็คิดถึงคนที่เพิ่งโทรมา ตั้งแต่ปรับความเข้าใจกันกับพิธกรรวมถึงกำหนดสถานะไว้อย่างชัดเจนแล้วทำให้หญิงสาวรู้สึกสบายใจขึ้นมาก จนบางทีก็ทำให้เธอนึกย้อนเสียดายว่าแต่ก่อนถ้าหากไม่หลอกใช้คนดีๆ ป่านนี้เธอคงมีมิตรภาพกับคนดีๆเต็มไปหมดเป็นแน่แท้

                “คนที่ชนะรายการนั้นเหรอ”

                เมษาถามเมื่อเห็นดุจฝันวางโทรศัพท์ คนถูกถามเบะปากก่อนตอบ

                “เปล่า”

                “ถ้าอย่างนั้นใครเหรอ”

                ดุจฝันนึกอยากถามกลับไปเหลือเกินว่าถ้าอย่างนั้นจะรู้ไปทำไม แม้จะเข้าใจดีว่านิสัยสอดรู้สอดเห็นนั้นเป็นของคู่กันกับผู้หญิง หากแต่ถ้ามันมากจนเกินงามก็จะกลายเป็นความน่ารำคาญไปแทน

                พิธกรมาถึงภายในสามนาทีหลังจากนั้น ดุจฝันขอตัวแวบออกไปจากวงสนทนาทันที ชายหนุ่มยืนยิ้มกว้างรอเธออยู่ข้างนอกอาคารถ่ายทำพร้อมด้วยถุงขนมหลากหลายชนิดในมือพร้อมยื่นให้เธอ

                “ขอบคุณนะคะพี่พีท เยอะไปหมดเลย”

                “แบ่งกันกินๆ แล้วนี่ฝันโอเคหรือเปล่าเนี่ย เห็นพี่ไพรด์เล่าให้ฟังอยู่ว่าเมื่อคืนไปติดอยู่ที่โรงถ่ายละคร”

                ดุจฝันเงยหน้าขึ้นมาสบตาพิธกรหลังจากที่ง่วนอยู่กับถุงขนม

                “เขาเล่าให้พี่พีทฟังเยอะไหมคะ”

                “ไม่เท่าไรนะ แค่เล่าให้ฟังว่าก็ขับรถกลับมาส่ง แค่นั้น”

                “ก็ยังดีที่ออกมาได้ก่อน ไม่อย่างนั้นได้นอนทั้งคืนแน่ๆ”

                หญิงสาวฟังแล้วก็ยังนึกสยองตาม ถ้าหากเมื่อคืนไม่มีใครมาช่วยเธอจริงๆก็ไม่รู้ว่าป่านนี้เธอจะเป็นอย่างไรบ้าง

                “ขอโทษนะ... ที่พี่ไม่ได้เข้าไปช่วยเลยในงานนี้ เสียดายว่าอยู่ต่างจังหวัด”

                “ไม่เป็นไรค่ะ ถ้าพี่พีทอยู่กรุงเทพฯนะ ฝันจะโทรหาพี่พีทคนแรกเลย”

                พิธกรยิ้มกว้างเมื่อได้ยินเช่นนั้น แล้วถามคำถามที่ผู้เป็นพี่ชายไม่ได้เล่าให้ฟัง

                “ว่าแต่... เราคุยกับพี่ไพรด์เขาบ้างหรือยัง”

                ดุจฝันเงียบไปจนพิธกรพอจะรู้คำตอบ

“เปล่าหรอก ที่พี่ถามไปอย่าไปซีเรียส พี่ถามเฉยๆ พอดีนึกขึ้นได้ว่าตอนเช้าเห็นพี่ไพรด์มือเจ็บ ทำอะไรก็ดูทุลักทุเล วันนี้พอพี่กลับมาถึงกรุงเทพฯก็เลยต้องเป็นคนขับรถไปส่งที่มหาวิทยาลัย”

                “เจ็บขนาดนั้นเลยเหรอ”  คนฟังเผลอถามขึ้นมา จนคนเล่าให้ฟังยกคิ้วสูงด้วยความแปลกใจ

                “ก็เจ็บอยู่ เจ็บไม่พอ ดื้อด้วย ก่อนไปมหาวิทยาลัยจะพาไปโรงพยาบาลเพื่อเปลี่ยนผ้าพันแผลเพราะอันเก่าซับเลือดจนสกปรกหมดแล้ว นี่ก็ไม่ยอมถอด บอกแต่ว่าเดี๋ยวก็หาย เลยไม่รู้ว่าแผลข้างในเป็นไงบ้าง ไปโดนอะไรมาก็ไม่รู้”

“อ้าว ทำไมไม่รู้คะ”

“ใช่ ไม่รู้ เพราะพี่ไพรด์ไม่ได้บอก” 

“เขาไม่บอก?”

เมื่อดุจฝันย้อนถาม พิธกรก็ใช้ความคิดชั่วครู่แล้วตอบ

“เอาจริงก็บอก แต่บอกว่าหกล้มนิดหน่อย”

“เขาบอกว่าอย่างนั้น?”

“พี่ก็ไม่ค่อยเชื่อเท่าไรหรอก แต่ก็ขี้เกียจซักไซ้ เพราะรู้ดีว่าถ้าไม่อยากพูด คั้นอย่างไรก็ไม่ได้คำตอบ”

จากคุณ : Chanuikarn
เขียนเมื่อ : 22 มิ.ย. 55 23:25:39




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com