Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
กนกนาคราช (บทที่ 11 หัวใจของพิมพ์วารี) ติดต่อทีมงาน

กนกนาคราช (บทที่ 1 ผ้าไหมโบราณ)
http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W12086966/W12086966.html
กนกนาคราช (บทที่ 2 แรงดึงดูด)
http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W12103088/W12103088.html
กนกนาคราช (บทที่ 3 แรงปรารถนานำพา)
http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W12115475/W12115475.html
กนกนาคราช (บทที่ 4 ชายชุดแดง)
http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W12128775/W12128775.html
กนกนาคราช (บทที่ 5 คำทำนายของอดีตชาติ)
http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W12147685/W12147685.html
กนกนาคราช (บทที่ 6 ญาณทิพย์ของพิศลย์)
http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W12152536/W12152536.html
กนกนาคราช (บทที่ 7 ความลับของปลายฟ้า)
http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W12182646/W12182646.html
กนกนาคราช (บทที่ 8 ลางสังหรณ์ของพงศกร)
http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W12200476/W12200476.html
กนกนาคราช (บทที่ 9 คำขอร้องของพิมพ์วารี)
http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W12214553/W12214553.html
กนกนาคราช (บทที่ 10 แรงอาฆาตของปลายฟ้า)
http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W12260304/W12260304.html




บทที่ 11 หัวใจของพิมพ์วารี


ใบหม่อนเพิ่งได้รับอีเมล์จากเจ้าของผ้าไหมลายกนกผืนที่ปลายฟ้าไปได้มาจากร้านผ้าแห่งนั้น หลังจากที่หญิงสาวเดินทางไปขอข้อมูลจากทางร้าน เธอก็ได้รับการแนะนำให้รู้จักกับเจ้าของเดิมซึ่งอยู่ในเมืองสวรรค์เขต

ทันทีที่อ่านข้อความในจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ตรงหน้าจนจบ ใบหน้ากลมอิ่มก็อัดแน่นไปด้วยความเครียดเกร็งทันที แม้เธอจะเป็นสาวยุคใหม่ หากแต่ก็ยังเชื่อถือในโชคลาง เวรกรรมและสิ่งที่มองไม่เห็น

ผ้าไหมผืนนี้ เจ้าของเดิมพบมันวางอยู่ที่ริมฝั่งแม่น้ำโขง ในตอนรุ่งเช้าปลายเดือนมกราคม เมื่อกว่าสิบปีที่แล้ว และก่อนหน้าที่จะพบมันนั้น หญิงชาวลาวคนดังกล่าวได้ฝันไปว่า มีสตรีรูปร่างหน้าตางดงามราวกับนางฟ้า มาบอกให้ไปนำเอาผ้าของกนกนาคราช ซึ่งถูกครุฑฆ่าตายมาเก็บไว้ หญิงลาวผู้นั้นได้ซักถามด้วยความอยากรู้ กนกนาคราชนั้นคือผู้ใด แล้วทำไมนางต้องเก็บผ้าผืนนี้ไว้ด้วย

จดหมายบรรยายเรื่องราวโดยละเอียด ก่อนที่ใบหม่อนจะจดเรื่องราวทั้งหมดคร่าวๆ ไว้บนกระดาษโน้ต หญิงลาวผู้เป็นเจ้าของผ้าผืนนั้นเล่าว่า... หญิงสาวนางนั้น บอกว่าผ้าไหมผืนนี้ เป็นผ้าที่ใช้ห่อรัตนมณี ซึ่งกนกนาคราชจะนำไปถวายแด่องค์วิรูปักษ์ นาคราชผู้เป็นใหญ่ ปกครองสวรรค์ชั้นจาตุมหาราชิกาทางทิศประจิม โดยมีนางนาคาผู้เป็นชายาทั้งสองติดตามไปด้วย

และระหว่างทางก็เกิดเรื่องไม่คาดฝันขึ้น เมื่อมีครุฑผู้มากฤทธิ์เข้ามาขัดขวางทั้งสาม ปักษาตนนั้นจับเอานางชายาของกนกนาคราชไปและหมายจะสังหารนางเพื่อเป็นอาหาร แต่กนกนาคราชก็เอาตัวเข้าแลก เสียสละตนเองเพียงเพื่อขอให้นางอันเป็นที่รักปลอดภัย หากแต่เรื่องก็กลับไม่ง่ายดังนั้น ครุฑเจ้าเล่ห์ต้องการรัตนมณีที่อยู่ในมือของกนกนาคราชด้วย เมื่อสังหารนาคหนุ่มจนสิ้นใจตายแล้ว จึงนำรัตนมณีนั้นไป และทิ้งเพียงผ้าไหมลายกนกที่ใช้ห่อสิ่งล้ำค่าให้แก่นางชายาทั้งสอง สองนาคีต่างแก่งแย่งและหมายจะครอบครองผ้าไหมอันเป็นสิ่งแทนตัวของผู้เป็นสามี ต่างกล่าวโทษกันและกัน จนกระทั่งนาคสาวผู้สูงศักดิ์แห่งนครบาดาลเข้ามาเจรจา และขอเก็บผ้าไหมผืนนั้นไว้เอง โดยให้คำมั่นว่า หากนางทั้งสองได้มีบุญวาสนาไปเกิด ณ ภพภูมิเดียวกับกนกนาคราชที่สิ้นใจตายไป จึงจะคืนผ้าไหมผืนนี้ให้ เพื่อให้พวกเธอสามารถระลึกถึงอดีต และไม่ลืมความรักที่มีให้ต่อพญานาคผู้เป็นสามี

ใบหม่อนระบายลมหายใจออกจนสุด นึกไปถึงเพื่อนรักของเธอที่ยังอยู่บึงกาฬ อดห่วงไม่ได้ว่าปลายฟ้าอาจจะเกิดเรื่องเพียงเพราะผ้าไหมสีน้ำเงินลายกนกผืนเดียว... หรือเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับปลายฟ้า จะเกี่ยวโยงกับผ้าไหมผืนนี้ที่มีประวัติไม่ธรรมดา หนึ่งในชายาของกนกนาคราชเมื่ออดีตชาติ คงไม่ใช่ปลายฟ้าหรอกนะ !


“น้องฟ้าปวดหัวรึเปล่าครับ ถ้ารู้สึกไม่สบายบอกพี่ได้เลยนะครับ” ธันย์ทรุดนั่งลงข้างเตียงหญิงสาว หลังประคองร่างเธอเข้ามาภายในห้องพักส่วนตัว  ณ โรงแรมแห่งหนึ่งในเมืองบึงโขงหลง

“ฟ้าไม่เป็นอะไรแล้วค่ะ พี่ธันย์ไม่ต้องเป็นห่วง แต่ว่า...ฟ้าอยากให้พี่ธันย์อยู่เป็นเพื่อนฟ้าที่นี่...” หญิงสาวลากเสียง ดวงตากลมใสแหงนมองใบหน้าคร้ามคมตรงหน้า สีหน้าและแววตาที่วอนขอนั้นเกือบจะทำให้ธันย์ใจอ่อน หากแต่ชายหนุ่มก็ยังคงยึดสัจจะตัวเองเป็นสำคัญ

“แต่เย็นนี้พี่ต้องไปทำธุระสำคัญนะครับ อีกอย่าง...พี่เป็นผู้ชาย มาค้างคืนกับน้องฟ้าแบบนี้คงไม่ดีแน่ เอาไว้พรุ่งนี้เช้าพี่มาหาใหม่นะจ้ะ” ชายหนุ่มลุกจากเตียง มองปลายฟ้าด้วยแววตาอาทร

“แต่พี่ธันย์คะ...” ปลายฟ้าดีดตัวลุกนั่ง เม้มปากด้วยความน้อยใจ

“ที่ทำอย่างนี้เพราะพี่ห่วงในศักดิ์ศรีของน้องฟ้านะครับ หากมีใครรู้ว่าเรานอนค้างด้วยกัน น้องฟ้าเป็นผู้หญิงก็มีแต่จะเสียกับเสีย” น้ำเสียงเข้มขรึมที่ได้ยินทำเอาหญิงสาวแทบไม่กล้าสบตาชายหนุ่ม

ปลายฟ้าระบายลมหายใจออกเบาๆ ก่อนเงยหน้าขึ้นมองอีกฝ่ายด้วยสีหน้าสำนึกผิด

“ฟ้าขอโทษค่ะ... ฟ้าไม่น่าพูดแบบนั้นเลย ตัวเองเป็นผู้หญิงแท้ๆ ยังจะมาขอให้ผู้ชายมานอนเป็นเพื่อนอีก ฟ้านี่หน้าด้านจริงๆ เลยนะคะ”

“ปลายฟ้า !”

ธันย์ร้องเรียกหญิงสาวเสียงดังจนฟังดูคล้ายตะคอก ปลายฟ้าพลันได้สะดุ้งเฮือกอย่างไม่รู้ตัว ทั้งสองสบสายตากัน มีเพียงความห่วงใยเท่านั้นที่หญิงสาวรับรู้ได้จากแววตาชายหนุ่ม สีหน้าของธันย์ในตอนนี้ทำให้ปลายฟ้าอดนึกไปถึงสีหน้าของผู้เป็นพ่อยามดุด่าเมื่อเธอกระทำความผิดไม่ได้

“อย่าพูดแบบนี้สิครับ พี่อยากให้ฟ้ารู้ว่า พี่ห่วงน้องฟ้านะครับ” ธันย์บอกช้าชัด คำพูดที่ได้ยินและแววตาของเขาทำให้หัวใจของหญิงสาวพองโตขึ้นมา ริมฝีปากเรียวบางจึงคลี่ยิ้มออกมาอย่างไม่รู้ตัว จนเมื่อพิศลย์โทร.เข้ามา ธันย์จึงต้องบอกลาปลายฟ้าไปในที่สุด



พงศกรเริ่มรู้สึกไม่สบายใจมากกว่าเดิม เมื่อรู้ว่าเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อเย็นนี้ ระหว่างพิมพ์วารีกับปลายฟ้า มีชนวนเหตุมาจากผ้าไหมผืนนั้น วันนี้แค่ผลักกันตกน้ำ วันข้างหน้าไม่ต้องได้เอาปืนเอามีดมาฆ่ากันให้ตายไปข้างหนึ่งเลยหรือ

หลังเสร็จงานเสียเคราะห์ของพิมพ์วารีแล้ว ชายหนุ่มจึงขอคุยกับเพื่อนสาวเป็นการส่วนตัว ขณะที่พิศลย์และธันย์กำลังร่วมวงนั่งดื่มกับชาวบ้านที่มาร่วมงานเสียงดังจอแจอยู่ใต้ถุนบ้าน

“เธอคิดกับคุณธันย์มากกว่าคนรู้จักใช่มั้ยพิม... เธอรักเขาใช่มั้ย?” พงศกรจ้องหน้าพิมพ์วารีตรงๆ ดวงตากลมใสของอีกฝ่ายหรี่ต่ำลง ทอดมองสายน้ำโขงยามค่ำคืนที่สงบเงียบ

“ใช่...ฉันรักคุณธันย์...” หญิงสาวบอกเต็มเสียง เงยหน้าขึ้นจ้องมองท้องนภายามราตรี

“งั้นเธอก็รู้ใช่มั้ยว่าคุณปลายฟ้าเขาก็คิดกับคุณธันย์เหมือนกับที่เธอคิด” พงศกรว่าเสียงค่อย ก่อนเอื้อมมือไปบีบแขนเพื่อนสนิทเบาๆ

“ไม่ใช่ว่าฉันอยากจะเข้ามากีดขวางความรักของเธอหรอกนะพิม แต่ฉันเป็นห่วงในฐานะเพื่อน สิ่งสำคัญไม่ได้อยู่ที่ว่าเธอหรือปลายฟ้าที่รักคุณธันย์มากกว่า แต่มันอยู่ที่ว่าคุณธันย์เขารักใครด้วย ?”

พิมพ์วารีหันขวับมาคล้ายถูกดึงอย่างแรง ดวงตากลมโตประสายสายตากับพงศกร แววตานั้นเปิดเผยความกลัวและหวั่นไหวออกมาจนชายหนุ่มรับรู้ได้
“เรื่องของเธอ มันเริ่มจะทำให้ฉันเชื่อคำทำนายของหมอดูคนนั้นขึ้นมาแล้ว...แต่ก็ช่างเถอะ เมื่อเธอรักเขาแล้ว ก็ขอให้เธอสมหวังกับความรัก ฉันจะคอยเอาใจช่วยอยู่ห่างๆ” พงศกรคลายยิ้มอ่อนโยน ดวงหน้าที่เริ่มยับย่นด้วยความกังวลจึงพลันกลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง

พิมพ์วารีเม้มริมฝีปากที่สั่นระริก ก่อนคลี่ยิ้มออกมาทั้งน้ำตา ร่างอรชรอ้าแขนกอดพงศกรไว้พร้อมกับสะอึกสะอื้น

“ขอบคุณนะกร... ชั่วชีวิตนี้ฉันคงรักใครเท่าคุณธันย์ไม่ได้อีกแล้ว ตลอดเวลาที่อยู่กับเขา ฉันไม่กล้าแสดงความรู้สึกตัวเองออกมาให้เขารู้ แต่ต่อนี้ไป...ฉันจะไม่กลัวอะไรอีกแล้ว” พงศกรคลายยิ้มเมื่อได้ยินคำมั่นของผู้เป็นเพื่อน

ชายหนุ่มลูบหลังพิมพ์วารีเบาๆ ก่อนคลายอ้อมกอดออกจากกัน ฝ่ายตรงข้ามรีบยกมือขึ้นเช็ดน้ำตาพร้อมกับยิ้มแก้มปริ

“พรุ่งนี้ฉันต้องไปดูงานที่รีสอร์ทคุณปลายฟ้าที่บึงกาฬ กะว่าจะให้คุณพิศลย์ไปส่ง” พอเพื่อนหนุ่มพูดถึงเรื่องงานขึ้นมาก็ทำให้หญิงสาวอดหวนนึกไปถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันนี้ไม่ได้

“แต่คิดว่าปลายฟ้าคงไม่ได้กลับไปที่รีสอร์ทเธอหรอก ตราบใดที่คุณธันย์ยังอยู่แถวนี้ ว่าแต่...คืนนี้สองคนนั้นเขาจะค้างที่บ้านเธอใช่มั้ย?” พงศกรรีบเปลี่ยนเรื่อง เบนสายตาไปยังบ้านไม้หลังย่อมที่มีผู้คนมากมายนั่งคุยกันอยู่ทั้งบนเรือนและใต้ถุนบ้าน

“คงอย่างนั้น...” พูดแล้วก็อมยิ้ม จนพงศกรอดแซวไม่ได้

“โอกาสมาถึงมือแล้ว คืนนี้ก็รีบจัดการให้เรียบร้อยเลยสิยัยพิม”

“บ้า...แกพูดอะไรของแกกร” คนที่ถูกแหย่ตีแขนพงศกรเข้าไปฉาดใหญ่ก่อนที่อีกฝ่ายจะหัวเราะร่า

“ฉันว่าเรากลับเข้าบ้านกันดีกว่า แกเป็นเจ้าภาพ หายมาแบบนี้นานๆ ไม่ดี เผื่อยังมีผู้ใหญ่ที่ยังไม่ได้ผูกข้อไม้ข้อมือแก เขาจะคอยนาน” พงศกรว่าอย่างมีเหตุผล พิมพ์วารีจึงรีบสาวเท้าเดินนำหน้าเพื่อนหนุ่มกลับสู่เรือนพัก


“คุณยายพันวลีอาการเป็นยังไงบ้างครับ...” เสียงทุ้มกังวานที่ดังมาจากด้านหลังทำให้คนที่กำลังนั่งแหงนหน้ามองดาวบนฟ้าต้องสะดุ้งโหยง พิมพ์วารีดีดตัวลุกขึ้น ก่อนหันหลังกลับมาประจันหน้ากับธันย์

“ก็ดีขึ้นแล้วค่ะ ฟกช้ำนิดหน่อย พรุ่งนี้พิมว่าจะข้ามไปฝั่งลาว ทางนั้นเขาทำลูกประคบสมุนไพร เอามาประคบแผลฟกช้ำของยายน่ะค่ะ” หญิงสาวว่าเสียงใส ดวงตากลมโตครอบครองใบหน้าคมเข้มของเขาอย่างไม่กระพริบตา ชายหนุ่มใส่เสื้อกล้ามสีขาวเผยมัดกล้ามจากการออกกำลังกายเป็นประจำ ท่อนล่างเป็นโสร่งที่ยายพันวลีทอไว้นานแล้ว

“คุณพิมยิ้มอะไรครับ?” ธันย์หรี่ตามองร่างอรชรตรงหน้า หญิงสาวใส่เสื้อยืดคอวีสีขาวตัวบางและผ้าซิ่นที่ทอจากฝ้ายสีฟ้าอ่อน

“ก็... เห็นคุณธันย์แต่งตัวแบบนี้ อดทำให้พิมคิดถึงพ่อไม่ได้น่ะค่ะ...” จบคำธันย์ก็พยักหน้าหงึกหงัก ก่อนเดินอ้อมมาทรุดนั่งบนแคร่ข้างๆ หญิงสาว

ชายหนุ่มแหงนหน้าขึ้นมองหมู่ดาวบนฟ้า สายลมพัดหอบเอาความชื้นของแม่น้ำโขงมาปะทะร่าง พิมพ์วารีค่อยๆ ทรุดนั่งลงข้างกัน หัวใจดวงน้อยของหญิงสาวเริ่มเต้นแรงขึ้นมาอีกครา

“ที่นี่สงบเงียบ น่าอยู่มากเลยนะครับ น่าอยู่มากกว่าบ้านผมที่ให้คุณตกแต่งให้ซะอีก” เขาว่าพร้อมรอยยิ้มขณะที่ดวงตายังคงแหงนมองผืนฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาว

“พิมเองก็ไม่ได้กลับมาที่นี่นานแล้วเหมือนกันค่ะ ถ้าเลือกได้ พิมก็อยากทำงานอยู่ที่บึงกาฬมากกว่า นี่ก็คิดไว้เหมือนกันว่าอีกปีสองปีจะมาหางานทำที่นี่ เพราะยายก็แก่มากแล้ว”

“ดีครับ...เผื่อผมผ่านบึงกาฬจะได้แวะมาขอข้าวเย็นทานที่นี่ ส้มตำและน้ำตกฝีมือคุณพิมนี่อร่อยสุดยอดเลยครับ” ธันย์หันมาพร้อมหัวเราะน้อยๆ คำชมของเขาทำให้หญิงสาวก้มหน้ายิ้มอย่างอายม้วน กลิ่นหอมอ่อนๆ ของดอกไม้กลางคืนลอยอบอวลมาตามลม คละเคล้ากับเสียงหัวเราะและรอยยิ้มของสองหนุ่มสาวที่นั่งมองดูดาวริมฝั่งแม่น้ำโขง


พงศกรเดินทางออกจากบ้านพิมพ์วารีตั้งแต่เช้า โดยมีพิศลย์ที่อยู่ค้างด้วยเป็นสารถีนำทางสู่ตัวเมืองบึงกาฬ ส่วนธันย์นั้นขออาสาเดินทางไปเป็นเพื่อนหญิงสาว ข้ามฟากไปยังฝั่งลาวเพื่อไปนำลูกประคบสมุนไพรมารักษาแผลฟกช้ำของยายพันวลี

วันนี้ท้องฟ้าโปร่งใส มีเพียงปอยเมฆเล็กๆ เคลื่อนลอยอยู่บนท้องฟ้า แสงอาทิตย์สีเหลืองทองทาบทอแม่น้ำโขงเป็นประกายระยิบระยับ สองร่างที่นั่งอยู่บนเรือลำเล็กที่กำลังล่องผ่านแม่น้ำโขง ทอดมองภาพธรรมชาติตรงหน้าด้วยหัวใจอันเป็นสุข... ต่างกับอีกคนที่กำลังกระวนกระวายอยู่ไม่เป็นสุข

ธันย์ปิดโทรศัพท์มือถือ หลังจากที่คุยกับปลายฟ้า ด้วยที่เขาไม่อยากจะให้อะไรมารบกวนกับการดื่มด่ำธรรมชาติและวิถีชีวิตของผู้คนที่เขากำลังจะมุ่งหน้าไปนี้ นั่นยิ่งทำให้ปลายฟ้าร้อนรนดุจไฟเผาที่ติดต่อชายหนุ่มไม่ได้ หญิงสาวลนลานวิ่งออกจากห้องพัก แทรกกายเข้าไปในยานพาหนะส่วนตัว ก่อนขับตรงมายังบ้านพักของพิมพ์วารี

ฝนเริ่มตั้งเค้ามาแต่ไกล ทั้งที่เมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อนอากาศก็ยังคงแจ่มใสดี พิมพ์วารีจึงรีบนำทางชายหนุ่มเดินไปให้ถึงหมู่บ้านอย่างรีบเร่ง

“ถ้าคุณธันย์ไม่รีบ พิมจะพาไปกราบพระที่วัดด้วยค่ะ” หญิงสาวหันมาบอกคนที่เดินเคียงข้าง ธันย์นั้นไม่ขัดใจอยู่แล้ว นานๆ ทีได้มาเที่ยวพักผ่อน โดยเฉพาะได้อยู่ท่ามกลางธรรมชาติ สัมผัสวิถีชีวิตอันเรียบง่ายของผู้คนเขายิ่งชอบ

“เอาสิครับคุณพิม เดี๋ยวสายๆ ค่อยกลับก็ได้” เขาบอกอย่างยิ้มแย้ม ก่อนที่พิมพ์วารีจะเดินนำตรงไปยังบ้านไม้หลังเล็กของผู้เป็นป้า พอได้ของที่ต้องการแล้วหญิงสาวจึงพาเข้าไปกราบพระภายในวัดเก่าแก่ของหมู่บ้าน

“ปกตินี่คุณพิมไปๆ มาๆ ระหว่างที่นี่กับฝั่งไทยเหรอครับ?” ธันย์ถามขึ้นระหว่างทาง พิมพ์วารีจุดยิ้มก่อนบอก

“ค่ะ แม่พิมเป็นคนลาว ญาติทางแม่ก็อยู่ฝั่งนี้เกือบหมด แต่หลังจากแม่เสีย ยายเลยมาอยู่ที่บ้านฝั่งไทยกับพิมด้วย แต่เราก็ยังไปมาหาสู่กันเสมอ เวลามีงานบุญ หรือเวลามีงานเลี้ยงย่อมๆ ก็นั่งเรือข้ามมาหากัน ก็ใกล้แค่นี้เองค่ะ” เธอว่า ก่อนเบือนหน้าหันไปมองแม่น้ำโขงที่สามารถมองเห็นได้จากจุดที่ยืนอยู่

“นั่นสิครับ ใกล้นิดเดียวเอง...” ธันย์ว่าเสียงค่อยคล้ายเหม่อลอย ดวงตาคมคายทอดมองแม่น้ำสายยาวที่ทอดตัวไปไกลสุดลูกหูลูกตา

“น่าอิจฉาคุณพิมจังเลยนะครับที่มีบ้านน่าอยู่แบบนี้...” ธันย์สูดอากาศบริสุทธิ์เข้าไปเต็มปอด ก่อนหายใจออกพร้อมคลายยิ้มกว้าง

“ถ้าคุณธันย์ไม่รังเกียจ จะมาพักที่บ้านพิมเมื่อไหร่ก็ได้นะคะ พิมยินดีต้อนรับเสมอ...” คำพูดที่ได้ยินทำให้ชายหนุ่มต้องหันมามองหญิงสาวจริงจัง แววตาของเธอคู่นั้นซาบซึ้งตรึงใจ ฉุดรั้งเขาไว้ให้หยุดนิ่งจ้องมองเนิ่นนาน...

หัวใจอันแห้งผากของธันย์ชุ่มชื่นขึ้น ประหนึ่งได้รับหยาดฝนอันเย็นฉ่ำ จากใบหน้าคมสวยและแววตาที่มองเขาอย่างเข้าใจและเต็มเปี่ยมไปด้วยความหวังดี ชายหนุ่มสู้ตามหามาเสียนาน... หญิงสาวที่จะเข้ามาเติมเต็มช่องว่างในหัวใจของเขา บัดนี้ก็ได้พบแล้วเสียที...


อุสารีบถอยกรูเมื่อเห็นร่างระหงเดินดุ่มๆ ตรงมายังบ้านพัก ปลายฟ้ากวาดสายตามองหาร่างชายหนุ่มด้วยความกระวนกระวายแต่ก็ไม่พบ จึงตะโกนถามเด็กสาวออกไปด้วยความร้อนใจ

“คุณธันย์อยู่ที่นี่รึเปล่า เขาได้มานี่มั้ย?”

“เอ่อ...ใครเหรอคะ” เด็กสาวตอบตะกุกตะกัก ด้วยยังจำภาพเหตุการณ์เมื่อวานนี้ได้ดี

“ก็ผู้ชายที่มาช่วยฉันเมื่อวานนั่นไง พี่ธันย์บอกว่าอยู่กับพิมพ์วารี กำลังจะไปทำบุญที่วัด ตอนนี้พี่สาวแกอยู่ไหน?”

“อ๋อ...พี่พิมข้ามไปฝั่งลาวค่ะ ไปเอาลูกประคบกับคุณป้า”

“ข้ามไปฝั่งลาวงั้นเหรอ?” หญิงสาวทวนคำ ก่อนมองข้ามแม่น้ำใหญ่ไปยังแผ่นดินอีกฟาก หัวใจดวงน้อยล่องลอยตามไปหาเขาแล้ว จะเหลือก็แต่กายเท่านั้นที่จะต้องติดตามไปพบให้จงได้

ปลายฟ้ามองซ้ายขวาเพื่อหาหนทางข้ามไปหาธันย์ เกลียวเมฆดำเข้มละลิ่วลอยมากับสายลมแรงต้นฤดูฝน ชาวบ้านที่ปลูกบ้านอยู่แม่น้ำต้องรีบวิ่งลงมาเก็บเสื้อผ้าและข้าวปลาที่ตากไว้

“ช่วยบอกทีค่ะว่าจะข้ามไปฝั่งลาวได้ยังไง?” ปลายฟ้าวิ่งไปถามชายแก่วัยห้าสิบคนหนึ่งที่กำลังผูกเรือกับเสาไม้ริมฝั่งขณะที่อุสาได้แต่ยืนมองอยู่บนศาลาริมน้ำหน้าบ้านตน

“คงไปบ่ได้ดอกหนู ฝนสิตกแล้ว...” ชายแก่แหงนหน้ามองฟ้าที่มืดครึ้ม ฟ้าร้องครืนๆ แบบนี้ไม่มีใครที่ไหนกล้าเอาเรือออกแน่

“ช่วยทีเถอะค่ะ หนูต้องข้ามไปฝั่งลาวให้ได้ นี่ค่ะ” ปลายฟ้าอ้อนวอน ก่อนยื่นธนบัตรสีเทาส่งให้ชายแก่สามใบ

“ลุงบ่ได้เดือดฮ้อนเงินนะหนู แต่ห่วงความปลอดภัยของหนูนั่นหละ”

“หนูขอร้องเถอะค่ะ ช่วยพาหนูข้ามไปที ถ้าไม่อย่างนั้นคงต้องได้ว่ายน้ำข้ามไปแน่” ปลายฟ้ากัดฟันว่า สีหน้าและแววตาเป็นทุกข์ร้อนนั้นอดทำให้ชายแก่เห็นใจไม่ได้ สายฝนเริ่มโปรยปรายลงมาจากฟากฟ้าขณะที่ชายแก่กำลังชั่งใจอยู่ว่าจะข้ามไปดีหรือไม่...

“เอาก็เอา... งั้นก็รีบไปกันเลย เดี๋ยวฝนจะตกแรงกว่านี้” พออีกฝ่ายรับปาก ปลายฟ้าก็พลันฉีกยิ้มดีใจ เธอรีบแก้มัดเชือกที่ผูกกับเสาไม้ไว้ ก่อนลงเรือมาตามชายแก่ผู้เป็นเรือจ้าง นำเธอข้ามสู่ฝั่งลาวพร้อมกับสายฝนที่ซัดสาดลงมาอย่างไม่ลืมหูลืมตา

เรือแล่นจนจวนจะถึงฝั่งก็เกิดดับลงเพราะน้ำมันหมด ชายแก่ผู้นำทางหน้าถอดสีในทันที ฟ้ายังคงคำรามก้องด้วยความพิโรธ สายฝนซัดกระหน่ำลงสู่แม่น้ำใหญ่และเรือลำเล็กอย่างไม่ขาดสาย ลมแรงพัดตีใส่สองร่างจนเกือบตกเรือหลายครั้ง

“หยุดทำไมล่ะคะลุง...เหลืออีกนิดเดียวก็จะถึงฝั่งแล้ว” ปลายฟ้าร้องถามท่ามกลางเสียงฝนที่กระเซ็นสาด ทั้งร่างเปียกโชกดูไม่ได้ อุณหภูมิลดต่ำจนเยือกเย็นหนาวจับใจ

“น้ำมันเบิดจ้ะ เฮ็ดจั่งได๋ดีล่ะ...” คำตอบที่ได้ยินทำเอาร่างบางใจหายวาบ ลมพัดแรงขึ้นเรื่อยๆ เรือลำเล็กกำลังถูกน้ำและสายลมพัดหอบออกสู่กลางแม่น้ำใหญ่

ปลายฟ้าเอามือยึดขอบเรือไว้ด้วยความตื่นกลัว สายตาของเธอทอดมองผ่านสายฝนไปยังริมฝั่งตรงหน้า ธันย์ รัตนเวคินทร์ อยู่เบื้องหน้านี้แล้ว เธอจะต้องไปหาเขาให้ได้ จะต้องไม่ปล่อยให้เขาอยู่กับพิมพ์วารี จะไม่ปล่อยให้ใครแย่งเขาไปจากเธอเด็ดขาด...

หากแต่วาโยก็ไม่ได้เห็นใจในความปรารถนาเธอเลย ลมแรงพัดโหมใส่เรือลำเล็กจนคว่ำ สองร่างต่างกระ:-)กระสนว่ายกลับเข้าฝั่งเอาชีวิตรอด ท่ามกลางสายฝนและลมพายุเหนือลำน้ำโขง



เมื่อฝนหยุดตก พิมพ์วารีจึงนำทางธันย์นั่งเรือข้ามฝั่งเพื่อกลับไปยังบ้านพัก แต่ก่อนหน้าจะลงเรือ เธอก็ได้ยินพวกเรือจ้างเล่าถึงเหตุเรือล่มเมื่อสองชั่วโมงก่อนหน้านี้ หญิงสาวหน้าตาสะสวยคนหนึ่ง ว่าจ้างให้ชาวบ้านฝั่งไทย ขับรถมาส่งยังฝั่งลาว ระหว่างที่ลมพายุกำลังโหมกระหน่ำลงมาอย่างไม่ลืมหูลืมตา จนทำให้เรือลำนั้นล่ม ทั้งเจ้าของเรือและผู้โดยสารต่างกระ:-)กระสนว่ายกลับเข้าฝั่ง ทราบแต่เพียงว่าหญิงผู้โดยสารเกิดหมดแรงและจมน้ำ แต่ชายเจ้าของเรือก็ช่วยเอาไว้ได้อย่างหวุดหวิด และเมื่อธันย์ลงเรือได้ไม่นาน ทันทีที่ชายหนุ่มเปิดเครื่องโทรศัพท์ก็มีสายโทร.เข้ามา

“คุณธันย์ใช่มั้ยคะ ดิฉันชื่อใบหม่อน เป็นเพื่อนของปลายฟ้าค่ะ เมื่อกี้เจ้าหน้าที่จากโรงพยาบาลบึงโขงหลงโทร.มาบอกว่ายัยฟ้าจมน้ำ ตอนนี้พักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล ทราบว่าตอนนี้คุณธันย์ก็อยู่ที่อำเภอนั้นด้วย”

ธันย์นิ่งค้างไปชั่วขณะ ทันทีที่ได้ทราบเรื่องสำคัญจากปลายสาย ใบหน้าอันสดใสแปรเปลี่ยนเป็นเศร้าหมองหดหู่ในทันที

ใบหม่อนกลืนน้ำลงคออันแห้งผากก่อนบอกต่อ “คุณธันย์ช่วยไปดูอาการยัยฟ้าที่โรงพยาบาลได้มั้ยคะ ตอนนี้ดิฉันก็กำลังเดินทางไปที่สนามบิน คงจะถึงในอีกสองสามชั่วโมง”

“ครับ ได้ครับ ผมจะรีบไปโรงพยาบาลเดี๋ยวนี้เลย” ธันย์รับคำรัวเร็วก่อนกดวางสายไป

“มีเรื่องอะไรเหรอคะ...ใครเป็นอะไรรึเปล่า?” พิมพ์วารีเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง สายตาชายหนุ่มจับจ้องไปที่ริมฝั่งแม่น้ำอย่างใจจดใจจ่อ คิดไปถึงร่างเล็กที่นอนซมอยู่บนเตียงคนไข้แล้วก็ใจแป้ว

“ปลายฟ้าครับ น้องฟ้าจมน้ำ ตอนนี้อยู่ที่โรงพยาบาล ถ้าขึ้นฝั่งแล้วผมต้องรีบไปหาน้องฟ้าตอนนี้เลย...” เขาบอกด้วยอาการร้อนรน สิ่งที่ได้ยินทำให้พิมพ์วารีเบิกตาโพลงด้วยความตกใจ หากแต่สีหน้าและอาการร้อนรนของชายหนุ่มก็อดทำให้เธอน้อยใจไม่ได้...

และเมื่อเรือเทียบฝั่ง ธันย์ก็รีบวิ่งดุ่มๆ ตรงไปยังรถยนต์ทันที ก่อนขับออกไปอย่างรวดเร็ว และเป็นอีกครั้งที่พิมพ์วารีทำได้แต่เพียงยืนมองชายหนุ่มจากไป เพราะว่าปลายฟ้า... โดยที่เธอมิอาจเหนี่ยวรั้งเขาไว้ได้ ไม่มีเหตุผลที่จะเหนี่ยวรั้งเขาไว้ เพราะหัวใจของเขานั้นยังคงแคร์ปลายฟ้าอยู่... หญิงสาวหวังเพียงว่าความรักที่เธอมอบให้นั้น มันจะมากพอที่จะทำให้เขาอนุญาตให้เธอเข้าไปอยู่ในหัวใจเขาได้นะ....

จากคุณ : ผีเสื้อสีดำ
เขียนเมื่อ : 23 มิ.ย. 55 18:06:23




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com