Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
จอมใจอเวจี (Psycho Hell).....บทที่ 26 (ข่าวจากเบื้องบน) ติดต่อทีมงาน

============
PSYCHO HELL
จอมใจอเวจี บทที่ 26
ข่าวจากเบื้องบน
:GTW Psycho Man
============


บทที่แล้ว (บทที่ 25)
http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W12189945/W12189945.html


*************



เฟรี่จ้องมองอาคารใหญ่เบื้องหน้าห่างออกไปไม่ไกลนักด้วยสีหน้าท่าทางแปลกใจ เพราะเดิมคิดว่าบนยอดเขาสื่อสารแห่งนี้คงจะเต็มไปด้วยความน่ากลัว เช่นปราสาททึบทึมแบบโบราณอันชวนชนลุก เหล่าภูตผีปีศาจเพ่นพ่านไปมาท่ามกลางกลุ่มควันและเปลวไฟ แต่ภาพที่เห็นในตอนนี้กลับเป็นอาคารสี่เหลี่ยมสีขาวสูงสามชั้น รายรอบไปด้วยอาคารบ้านเรือนเรียงรายเหมือนเป็นชุมชนขนาดย่อม ผู้จนจำนวนหนึ่งเดินไปมาให้เห็น ก็ไม่ได้มีรูปลักษณ์เป็นปีศาจน่าเกลียดน่ากลัวแต่ประการใด

นางฟ้าตกสวรรค์หันไปมองหน้าผู้นำทางเหมือนจะขอความเห็นว่าจะทำอย่างไรต่อไป ปีศาจหนุ่มดูเหมือนจะเดาใจได้ บอกเสียงเรียบๆว่า

“ตามข้ามาก็แล้วกัน”

ว่าพลางก้าวเท้าเดินนำหน้าตรงไปยังทางเข้าอาคารเหมือนคนคุ้นเคยกับสถานที่เป็นอย่างดี นั่นทำให้หญิงสาวรู้สึกอุ่นใจขึ้น

กลางห้องโถงชั้นล่างมีโต๊ะไม้มันวาวยาวเกินความยาวเกินครึ่งห้อง ไนท์เดินตรงเข้าไปหาหญิงชราสวมชุดดำสนิทคนหนึ่งซึ่งก้มหน้าง่วนอยู่กับภารกิจบางอย่างหลังโต๊ะพร้อมกับทักทายอย่างคุ้นเคยหญิงชราเงยหน้าขึ้นมามอง สายตาคล้ายพร่าเลือนอยู่ในกรอบหน้าชราภาพประมาณอายุไม่ได้ปรากฏแววจดจำคุ้นเคย

ทั้งสองคนพูดคุยกันด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา และสั้นๆ รวบรัดจนหญิงสาวจับใจความไม่ได้ จากนั้นก็เห็นไนท์วางแผ่นสีเหลืองแวววาวขนาดไม่เกินฝ่ามือลงบนโต๊ะ หญิงชรารับมันไปแล้วเก็บไว้ในลิ้นชักด้านหลังก่อนก้มหน้าค้นหาอะไรบางอย่างสักครู่หนึ่งก่อนหยิบกุญแจดอกหนึ่งส่งให้แล้วพยักหน้าเหมือนจะบอกว่าทุกอย่างเรียบร้อย

ปีศาจหนุ่มหันมาบอกเพื่อนร่วมทางแสนสวยว่า

“เราจะขึ้นไปบนดาดฟ้าของอาคารนี้”

พูดจบก็ก้าวเดินนำหน้าไปโดยที่ไม่ปล่อยโอกาสให้อีกฝ่ายซักถามอะไร ทำให้หญิงสาวต้องรีบก้าวเดินตามไปแทบไม่ทัน

“จะรีบไปไหน..แถวนี้ไม่มีควายให้เดินตามหรอกน่า”

อดกัดคำใหญ่ไม่ได้ด้วยความรู้สึกขุ่นๆเคืองๆ กับพฤติกรรมของคนนำทาง ที่ทำอะไรเหมือนไม่ค่อยสนใจความรู้สึกของคนข้างๆ หากไนท์ยังคงตอบเรียบราบเรียบเช่นเคยว่า

“ก็มันจะมืดค่ำแล้ว รีบๆ ทำธุระให้จบๆไปดีกว่า”

ทางเดินขึ้นดาดฟ้าเป็นบันใดไม้เนื้อแข็งวนขึ้นไปเป็นลักษณะก้นหอย มีทางแยกออกไปยังชั้นต่างๆ แสดงถึงการออกแบบอย่างดี แม้จะดูเรียบง่ายก็ตาม ทางเดินเริ่มสลัวมัวหม่นเพราะใกล้ค่ำ ไม่มีใครเดินสวนทางลงมาแม้แต่คนเดียว เริ่มทำให้หญิงสาวใจคอไม่ดี แต่ก็ก้าวเท้าตามขึ้นไปแบบไม่ทิ้งระยะ

แม้อาคารจะมีความความสูงเพียงสามชั้น แต่เพราะความสูงผิดปกติของแต่ละชั้น กว่าจะถึงดาดฟ้าก็ทำเอานางฟ้าคนเก่งแทบเข่าอ่อน หายใจหอบ แต่พยายามรักษาฟอร์มโดยการทำหน้าให้เป็นปกติเท่าที่จะทำได้

บนดาดฟ้ายังมีคนอยู่สามสี่กลุ่ม แยกย้ายกันอยู่มุมส่วนตัวไม่ยุ่งเกี่ยวกับใคร ไนท์พาหญิงสาวมามุมหนึ่งของดาดฟ้าซึ่งว่างอยู่ มองหน้าก่อนบอกว่า

“เจ้ามีเวลาประมาณ 5 นาทีของเวลาบนโลก ติดต่อได้แล้ว พูดให้รวบรัดไม่ต้องอ้อนหวาน..ให้ได้ข้อมูลสถานที่จะมารับตัว..วันและเวลา....ให้เรียบร้อย เพราะถ้าพลาดวันนี้ต้องรออีกเป็นเดือน”

“อ้อนหวานอะไรกัน..” เฟรี่แยกเขี้ยวขู่ฟ่อ “ข้ายังไม่ได้ติดต่อยังไม่ได้พูดอะไรเลยสักนิด ไม่เห็นต้องมาพูดดักคอกันแบบนี้เลย”

“ข้าก็แค่เตือนเท่านั้น ทำไมต้องมาขึ้นเสียง..ว่าแต่ไหนล่ะ เครื่องมือสื่อสารของเจ้า หวังว่าคงไม่ลืมหยิบติดตัวมาหรอกนะ”

“ไม่มีทาง..”

เฟรี่ย่นจมูก ทำหน้าล้อเลียนแล้วดึงวัตถุสีดำบางๆขนาดเล็กออกมาจากอกเสื้อ แล้วหันมาถาม

“แล้วทำไงต่อไป”

“ก็ใช้วิธีการที่พวกเจ้าติดต่อกันตามปกตินั่นล่ะ.....อย่าลืม เวลาที่จะติดต่อมีน้อย อย่าพร่ำพิไร”

ฟังแล้วเกือบลืมตัว แทบเอาเครื่องมือสื่อสารขว้างหน้า หากปีศาจหนุ่มหันหลังเดินดุ่มออกไปเหมือนจะเปิดโอกาสให้พูดคุยกันโดยสะดวก ทำให้หญิงสาวฉุนฉิวจนกลายเป็นขบขัน คนบ้าอะไร...มีวิธีการกวนประสาทคนอื่นได้แบบเหลือเชื่อขนาดนี้ เห็นท่าทางเฉยๆ แต่บทจะกวนประสาท แต่ละคำพูดออกมาแล้วอยากกระโดดกัด

พอเห็นคู่กรณีเดินห่างออกไปจนพ้นรัสมีความเป็นส่วนตัว เฟรี่ก็เริ่มใช้เครื่องมือสื่อสารติดต่อไปยังอีกมิติหนึ่งทันที ไม่สนใจหรอกว่าทำไมยอดเขานี้ถึงสามารถสื่อสารออกไปได้ ขอให้ติดต่อกับเบื้องบนได้ก็พอแล้ว

เฟรี่ติดต่อครั้งแรกไปยังบ้านของเธอโดยใช้คำพูดที่รวบรัดที่สุด จากนั้นค่อยติดต่อไปยังคู่หมั้นเพราะรู้ว่าเขาจะเป็นคนสะดวกและคล่องตัวที่สุดในการจะต้องมารับตัวเธอ

สมแล้วกับเป็นยอดเขาสื่อสาร เฟรี่สามารถติดต่อกับคนรักได้จริงๆ.....

ปีศาจมือสังหารไม่ได้แสดงท่าทางสนใจอะไร ยืนกอดอกจ้องมองลงไปยังเบื้องล่าง  อาคารใหญ่หลังนี้ตั้งอยู่บนยอดเขาสูง มองออกไปเห็นทิวเขาคล้อยต่ำลงไปและกำลังกลืนหายไปในกลุ่มหมอกและเงามือของปีกม่านแห่งรัตติกาล อาคารบ้านเรือนเริ่มมีปรากฏแสงไฟขึ้นบ้างแล้ว สถานที่นี้เป็นแห่งเดียวในแถบนี้ซึ่งมีประตูมิติเปิดสู่โลกอื่นเพียงแต่การติดต่อทางด้านข่าวสารเท่านั้น ไม่สามารถส่งผ่านวัตถุใดออกไปได้ แต่นี่ก็น่าจะเพียงพอแล้วกับการเริ่มต้นในภารกิจส่งนางฟ้าคืนสวรรค์ เพราะพอรู้พิกัดรู้เวลา ก็จะสามารถดำเนินการขั้นต่อไปได้

ไนท์ไม่ได้หันไปมองการสนทนาของอีกฝ่าย ปล่อยให้พูดคุยกันตามสบาย อย่างไรก็เป็นเรื่องส่วนตัวของพวกเขา ไม่เห็นจำเป็นต้องอยากไปรับรู้อะไรมากมาย ทำตามหน้าที่ก็พอแล้ว

เวลาผ่านไปครู่หนึ่งก็ได้ยินเสียงเดินเข้ามาใกล้จึงหันไปมอง เห็นเฟรี่เดินเข้ามาหาด้วยสายตาเป็นประกายยินดี ท่าทางจะติดต่อกันได้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว

“หิวหรือยัง..”

ปีศาจหนุ่มเอ่ยปากถามเรื่องอาหารการกิน แทนที่จะถามถึงเรื่องสำคัญกว่านั้น เฟรี่เอียงคอมองหน้าอยู่ครู่หนึ่งแล้วขมวดคิ้วถามว่า

“ไม่อยากรู้หรือว่าผลการติดต่อสื่อสารเป็นอย่างไร”

“ถ้าเจ้าอยากให้ข้ารู้ เจ้าคงจะบอกข้าเอง”

นั่น...มาในมาดใหม่อีกแล้ว แบบนี้มันน่าข่วนให้เนื้อขาด ก็แค่เอ่ยปากถามมันจะหนักหนาสาหัสขนาดไหนกัน เพียงแต่ตอนนี้หญิงสาวไม่ได้อยู่ในอารมณ์จะทำร้ายร่างกายใคร จึงได้แต่ค้อนขวับเข้าให้ทีหนึ่ง ก่อนบอกว่า

“ไม่มีปัญญาถาม ข้าบอกให้ก็ได้ อีกสองวันเบื้องบนจะเชื่อมประตูมิติลงมาบนยอดเขาสูงที่สุดบนโลกมนุษย์ เจ้าจะต้องพาข้าไปส่งที่จุดนั้น”

“ก็ได้...” ไนท์ตอบสั้นๆ เหมือนเป็นเรื่องง่ายๆ จนคนฟังแปลกใจต้องถามว่า
“มันเป็นเรื่องไม่ยากใช่ไหม”

“ไม่ยาก”

“แล้วเจ้าจะไปส่งข้าใช่ไหม”

“ใช่”

“สัญญาแล้วนะ”

“ใช่”

หญิงสาวยิ้มออกมาได้ ถ้านักรบปีศาจรับปากก็สบายใจได้ว่าจะต้องทำตามนั้นเสมอ อย่างที่เคยเป็นมา

“แล้วจะไปส่งข้าออกจากอเวจีแห่งนี้ตรงไหน แบบไหนอย่างไรกัน”

“เรื่องนั้นถึงเวลาแล้วจะรู้เอง ขี้เกียจอธิบาย”

พูดจบก็พยักหน้าเป็นสัญญาณบอกให้ลงไปจากดาดฟ้าอาคารสื่อสาร แล้วก้าวนำออกไป หญิงสาวรู้สึกหงุดหงิดอย่างไม่มีสาเหตุ
แต่ก็ยอมเดินตามไปโดยดีเพราะไม่อยากต่อล้อต่อเถียง

“ว่าแต่หิวหรือยังล่ะ”

ไนท์ถามขึ้นอีกครั้งหลังจากเดินลงมาถึงชั้นล่าง ซึ่งดูค่อนข้างเงียบสงบ แทบไร้ผู้คนในห้องโถง

หลังจากหายอาการตื่นเต้นกับการสื่อสารไปยังเบื้องบน เฟรี่ก็เริ่มหันมาสำรวจตัวเอง จะว่าไปก็ไม่ค่อยหิวอะไร จึงสั่นหน้าตอบว่า

“ไม่ค่อยหิวเท่าไร”

“ไม่ค่อยหิวก็ต้องหาอะไรกินแล้ว”

“เอาไว้กินพรุ่งนี้ก็ได้นะ..พรุ่งนี้....เอ๊ะ.....”  แล้วเฟรี่ก็ทำตาโตเหมือนเพิ่งนึกอะไรออกมาได้ ร้องถามเสียงค่อนข้างดังว่า

“แล้ว...เราจะกลับกันตอนนี้หรือยังไง....มืดแล้วนะ”

“ใครบอกว่าเราจะกลับกันตอนนี้ล่ะ มืดแล้ว เส้นทางเต็มไปด้วยอันตราย ถึงไปถึงแม่น้ำก็ไม่มีใครมารับ ต้องรอจนกว่าพรุ่งนี้เช้าโน่นล่ะ...”

“หมายความว่า.....”

“ก็หมายความว่าต้องหาที่พักกันแถวนี้”

นางฟ้าตกสวรรค์อ้าปากหวอ ลืมนึกถึงข้อนี้ไปเสียสนิท เพราะมัวแต่คิดเรื่องการติดต่อกับโลกเบื้องบนมาแทบตลอดการเดินทางจนไม่ได้คิดเรื่องอื่น

นักรบปีศาจเห็นท่าทางของอีกฝ่ายแล้วหัวเราะในลำคอ บอกว่า

“ไม่ต้องกังวลหรอกน่า ข้าไม่จับเจ้ากินเป็นอาหารหรอก ในอาหารแห่งนี้มีห้องสำหรับให้พัก ไม่ต้องไปหาที่อื่นให้ยาก และห้องอยู่ที่ไหนข้าก็รู้แล้ว”

ว่าพลางยกลูกกุญแจในมือหมุนเล่นให้ดู คู่กรณีถึงรู้ว่าอีกฝ่ายเตรียมการไว้ล่วงหน้าแล้วโดยไม่บอกไม่กล่าว

“ทำไมไม่เห็นบอกข้าเลย” มองด้วยสายตาคมวาวขณะถาม ไนท์ยิ้มที่มุมปากตอบว่า

“ก็ไม่เห็นจำเป็นต้องยอก อีกอย่างเจ้าจะมารู้ดีมากไปกว่าข้าได้อย่างไรว่าจะนอนพักที่ไหนอย่างไร ตอนนี้เจ้าต้องฟังที่ข้าบอกเท่านั้น”

จะว่าไปก็จริงอย่างที่นักรบปีศาจบอก เพราะเฟรี่เองก็ไม่รู้อะไรเกี่ยวกับสถานที่แห่งนี้เลย เรียกว่าถ้าโดนตัดหางปล่อยวัดคงจะไม่ต่างจากสภาพถูกลอยแพในนรกแบบคนตาบอดเป็นแน่แท้ แต่ทั้งที่รู้ก็ยังรู้สึกเหมือนมีอะไรขัดๆในใจอยู่ดีตั้งแต่ลงมาจากดาดฟ้าอาคารแล้ว

“เผด็จการ...” เสียงเฟรี่บ่นอุบเบาพอได้ยิน หากคนถูกบ่นทำท่าเหมือนไม่ได้ยิน ถามขึ้นในเรื่องเดิมเป็นครั้งที่สามว่า

“จะไม่หาอะไรกินหน่อยหรือ ดึกๆมาข้าไม่อยากฟังคนบ่นมาหิว”

“เอาอย่างนี้ดีกว่า..”

หญิงสาวยื่นข้อเสนอ “เราออกไปเดินเล่นดูอะไรแถวนี้ดีกว่า แล้วค่อยตัดสินใจอีกทีว่าจะหิวหรือไม่หิวดี ข้าไม่อยากขึ้นไปนอนพักในตอนนี้ แต่เอ๊ะ.....”

หยุดชะงักแล้วหันมามองคู่กรณี ทำท่าเหมือนนึกอะไรขึ้นมาได้อีกแล้ว

“เจ้าขอที่พักไว้กี่ห้อง”

“ห้องเดียว”

“อะไรนะ...” เฟรี่ร้องเสียงดัง “หมายความว่าเราต้องนอนห้องเดียวกันเหรอ ทำไมไม่จองห้องสองห้อง”

นักรบปีศาจหัวเราะเบาๆอย่างคนใจเย็น จ้องหน้าคนโวยวายซึ่งทำหน้าหาเรื่องอยู่ข้างหน้า อธิบายช้าๆว่า

“เจ้าแน่ใจหรือว่า จะห้องคนเดียวในห้องของอาคารแห่งนี้ได้ ถ้าแน่ใจข้าจะให้เจ้านอนคนเดียว ไม่ต้องห่วง ยังไงข้าก็เป็นปีศาจ นอนไหนก็นอนได้อยู่แล้ว”
“แล้ว....เจ้าจะไปนอนที่ไหน”

“นั่นมันเรื่องของข้า ว่าไง...บอกมาเลยว่าเจ้าจะขอนอนคนเดียว”

คราวนี้นางฟ้าตกสวรรค์เป็นฝ่ายลังเล ไม่แน่ใจว่าสถานที่แห่งนี้จะให้ความรู้สึกหลอนขนาดไหน เพราะจำได้ถึงวันแรกที่มานอนพักอยู่ในคฤหาสถ์ของปีศาจขาว ยังนอนกลัวจนนอนไม่หลับ จนต้องให้ไนท์มาเล่านิทานข้างผนังให้ฟัง นั่นล่ะถึงจะข่มตาหลับได้

“แล้ว....ถ้านอนห้องเดียวกันล่ะมันจะดีหรือ.”

“ถ้าเป็นแบบนั้น ข้านอนข้างผนังก็ได้ไม่เห็นเป็นไร เจ้าก็ยึดเตียงนอนไปก็แล้วกัน”

“งั้น....ก็ได้”

เอ่ยปากตกลงแบบไม่เต็มปากเต็มคำนัก ไม่รู้ว่าเพราะอะไรเหมือนกัน ที่ผ่านมานักรบปีศาจก็ไว้ใจได้เสมอในทุกสถานการณ์ และที่สำคัญเมื่อมีปีศาจหนุ่มอยู่ใกล้ๆจะทำให้รู้สึกเบาใจและรู้สึกถึงการปกป้องดูแลเสมอ

“เราไปข้างนอกกันดีกว่า ข้าอยากรู้ว่าสถานที่แห่งนี้เป็นอย่างไรบ้าง”

จู่ๆก็เปลี่ยนเรื่องคุย แล้วดึงมือคู่กรณีให้เดินตามไปแบบงงๆ เฟรี่ก็ยังเป็นเฟรี่คนเดิมผู้เปลี่ยนอารมณ์ได้รวดเร็วจนตั้งตัวไม่ทัน

ท้องฟ้าด้านนอกตอนนี้มืดสนิท อาคารบ้านเรือนซึ่งเรียงรายอยู่ข้างทางปรากฏแสงไฟวับแวม หญิงสาวเริ่มรู้สึกได้ว่าขอบอเวจีมีความแตกต่างจากโลกเบื้องบนอย่างสิ้นเชิงกับการที่ไม่เห็นความเจริญในรูปแบบที่ชาชิน นรกแห่งนี้ไม่มีหลอดไฟ ไม่มียานอวกาศ ไม่มีอุปกรณ์เครื่องมือทันมัย ไม่มีอะไรที่บ่งบอกถึงความล้ำยุค แต่ในทางตรงกันข้าม ก็มีสิ่งที่น่าทึ่งและไม่เข้าใจมากมาย ตัวอย่างเช่นก้อนหินที่เรืองแสงเหมือนหลอดไฟ การมรเวลากลางวันและกลางคืนโดยที่ไม่มีดวงอาทิตย์และดวงดาวใดๆปรากฏให้เห็น แต่ในความเรียบง่ายและอิงอยู่กับธรรมชาติกลับมีระบบธุรกิจ มีระบบการค้าขาย มีการใช้เงินทอง ซึ่งผิดแผกไปจากที่เคยศึกษามาในตำราว่าด้วยนรก..หรือว่านี่ไม่ใช่นรกของจริง..หญิงสาวได้แต่สงสัยในใจ..ถ้าที่นี่ไม่ใช่นรกที่แท้จริงแล้วนรกขอจริงจะอยู่ที่ไหน แล้วสิ่งที่เรียกว่าสวรรค์เบื้องบนซึ่งร่วงหล่นมาจะเป็นสวรรค์จริงๆหรือไม่ ก็ชักจะไม่แน่ใจแล้ว

เฟรี่สั่นศีรษะเหมือนพยายามไล่ความคิดอันสับสนออกไปจากสมอง หันไปสนใจสภาพแวดล้อมรอบตัวแทน

ยอดเขาสื่อสาร เป็นสถานที่แห่งแรกที่หญิงสาวรู้สึกว่ามีผู้คนให้เห็นมากหน้าหลายตาและปกติที่สุด ผู้คนดูแล้วก็เหมือนพวกมนุษย์ปกติธรรมดา ไม่ได้มีรูปร่างวิปริตผิดเพี้ยนน่าเกลียดน่ากลัว เหมือนเป็นดินแดนพิเศษอีกแห่งหนึ่ง เพียงแต่ผู้คนเหล่านั้นดูเหมือนจะพากะนพูดน้อย ไม่ค่อยแสดงสีหน้าอารมณ์ให้เห็นมากนัก การมาปรากฏตัวของทั้งสองก็ไม่ได้ทำให้คนแถวนี้สนใจอะไรมากนัก แต่ละคนก็เหมือนมีหน้าที่ของใครของมัน

ถึงกระนั้นยังสังเกตเห็นร้านขายอาหารและอุปกรณ์สิ่งของเครื่องใช้บางอย่างอยู่ข้างทางเป็นระยะ จนทำให้อดแวะไปดูไม่ได้

ไนท์เองก็ได้แต่เดินตามหลังไปเหมือนเป็นองครักษ์จำเป็น ไม่อากขัดใจ เพราะอีกไม่นานก็จะจากกันแล้วตลอดกาล ตามใจบ้างตอนนี้คงไม่เป็นไร

“ดูสิไนท์...”

เฟรี่ชี้มือให้ดูร้านขายเสื้อผ้าร้านหนึ่งอยู่ข้างทางอย่างตื่นเต้น “ ไม่อยากจะเชื่อว่านรกมีร้านขายเสื้อผ้าด้วย กลับขึ้นไปเล่าให้ใครฟังคงไม่มีคนเชื่อเนอะ....ไปดูกันเถอะ..”

ไม่ต้องรอการตอบรับหรือปฏิเสธ ลากแขนองครักษ์ประจำตัวลิ่วไปทันที

ร้านค้าแห่งนี้เป็นร้านเล็กๆชั้นเดียว ตั้งค่อนข้างห่างออกมาจากบ้านเรือนหลังอื่นๆ คนขายเป็นหญิงวัยกลางคนซึ่งดูอย่างไรก็เป็นคนปกติ ไม่มีกลิ่นไอของปีศาจเลยสักนิด แต่สิ่งดึงดูดใจของหญิงสาวคือเสื้อผ้าซึ่งส่วนใหญ่จะมีสีมีทึบทึมตามลักษณะพบเห็นด้วยทั่วไปในอเวจี แต่รูปแบบการออกแบบทำให้ต้องพิจารณาอย่างสนใจ

“ไม่น่าเชื่อ เสื้อผ้าพวกนี้ออกแบบได้ดีมาก..”

ว่าพลางหยิบๆจับๆไปมาอยู่หลายตัว “นี่ถ้าเอาไปขายเบื้องบนไม่แน่ว่าจะเป็นที่นิยมโด่งดัง...แปลกดีนะ หรือเจ้าคิดว่าไง ไนท์”

ประโยคหลังหันไปถามนักรบปีศาจ รายนั้นผายมือส่ายหน้าตอบว่า

“ข้าไม่รู้เรื่องพวกนี้หรอก”

“นั่นสินะ....ข้าลืมไป ว่าเจ้ารู้จักแต่ไล่ล่าสังหารพวกปีศาจ เรื่องอื่นคงไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรมากนัก”

พูดจบก็หันมาทำจมูกย่นแล้วยิ้มให้แบบล้อเลียน ก่อนหันไปเลือกเสื้อผ้าอีกครั้ง

“โอ....ข้าชอบตัวนี้จัง..ออกแบบมาดีเหลือเชื่อและเนื้อผ้าละเอียดสวย”

พูดพลางยื่นมือสัมผัสชุดกระโปรงยาวสีดำเนื้อผ้าลื่นละเอียดตัวหนึ่งซึ่งแขวนอยู่ข้างผนังรวมกับชุดอื่นๆ แต่ดูเหมือนว่าหญิงสาวจะติดใจต้องตาชุดนี้มากที่สุด

“ท่าทางจะสวมได้พอดี..”

พูดจบก็หันไปทางเจ้าของร้าน แต่แล้วก็ชะงัก ทำหน้าเจื่อนลงทันใด เพิ่งนึกได้ว่า

ตัวเองไม่มีเงินทองติดตัวเลยสักนิด แล้วนี่มายืนเลือกเสื้อผ้าอยู่ได้อย่างไร...ท่าทางจะบ้าแล้วเรา....เฟรี่บอกกับตัวเองด้วยความรู้สึกว่าตัวเองตัวหดเล็กลงจนแทบจะหายวับไปกับสายตา

“ถ้าเจ้าชอบข้าจะซื้อให้”

ในอึดใจแห่งความคับขันนั้น ไนท์ก็โพล่งออกมาเหมือนรู้ใจ ทำให้คนซึ่งกำลังจะหายวับไปเพราะความหน้าแตกกลับมายืนและยิ้มออกมาได้อีกครั้ง

“จริงๆนะ..”

เสียงร้องใสและนัยน์ตาเป็นประกาย “เจ้าน่ารักจริงๆเลย  ตกลงข้าเอาตัวนี้ล่ะ”
พูดจบก็ดึงชุดยาวนั้นลงมายื่นให้คนขายเหมือนกับว่ากลัวว่าคนรับปากซื้อให้จะเปลี่ยนใจ ประกายตาของไนท์มีแววขบขันลอดหน้ากากเย็นชาออกมาให้เห็น นางฟ้าตกสวรรค์คนนี้บางทีก็เหมือนเด็กๆ หลากหลายอารมณ์ เมื่อจากกันไปแล้ว จะทำให้รู้สึกว่ารอบตัวข้างกายเงียบเหงาอ้างว้างขนาดไหนกันนะ..

“ซื้อให้แล้ว เจ้าต้องใส่ให้ข้าดูด้วยก่อนกลับนะ”

นักรบปีศาจมีข้อแม้หลังจากซักถามราคากับคนขาย แต่เฟรี่คราวนี้ไม่งอแง รีบพยักหน้ายิ้มรับคำอย่างรวดเร็ว

“ได้เลย....เดี๋ยวจะใส่ให้ดูคืนนี้เลย”

ไนท์สะดุ้ง แทบทำเงินนรกซึ่งกำลังยื่นให้คนขายหล่นจากมือ ได้แต่แอบชำเลืองมองเหมือนจะพยายามเก็บภาพและบรรยากาศไว้ในลิ้นชักแห่งความทรงจำ

ฝ่ายเฟรี่พอได้สิ่งของถูกใจก็มีสีหน้าท่าทางสดชื่นร่าเริงขึ้นมาก ....มากกว่าตอนลงมาจากอาคารสื่อสารเสียด้วยซ้ำ พับชุดยาวนั้นอย่างเป็นระเบียบแล้วยื่นให้คนข้างๆ ยิ้มแย้มบอกว่า

“ฝากเจ้าถือทีนะ”

“อะไรกัน”

“เจ้าเป็นคนซื้อให้ ก็ควรมีส่วนร่วมบ้างไงล่ะ...เวลากลับไปแล้วข้าจะได้คิดถึงเจ้ายังไง”

ดีว่ามีหน้าการสีขาวเย็นชาปิดบังสีหน้า ไม่อย่างนั้นคงไม่มีใครอธิบายสีหน้าของไนท์ในตอนนี้ถูก เพราะฟังคำพูดนั้นแล้วไม่เห็นจะมาเกี่ยวข้องกับความคิดถึงได้อย่างไรแต่ก็ยื่นมือออกไปรับชุดยาวนั้นมาเก็บไว้ในอกเสื้อโดยดี

เมื่ออกมาจากร้าน จึงพบว่าทั้งสองพากันเดินห่างออกมาจากอาคารสื่อสารพอสมควร จนมองแทบไม่เห็นตัวอาคารสื่อสารแล้ว สังเกตเห็นเพียงสว่างเลือนรางในม่านหมอกอยู่ลิบๆ สายลมยามราตรีเย็นยะเยือกพัดผ่านไปเป็นระยะ ถนนสายหลักแห่งนี้ก็ยังคงมีผู้คนปรากฏให้เห็น

เฟรี่พยายามมองดูดวงดาวบนท้องฟ้า ทั้งที่รู้ว่ามองอย่างไรดวงดาวก็ไม่มีทางปรากฏ การมองนั้นเป็นเพียงการมองไปในความทรงจำมากกว่า

“ไนท์ เจ้าเคยเห็นดวงดาว ดวงจันทร์ และพระอาทิตย์ไหม”

นางฟ้าตกสวรรค์พูดขึ้นเหมือนเป็นการชวนคุย

“เคยสิ ทำไมจะไม่เคย”

“เอ๊ะ..ในนรกแห่งนี้ยังมีท้องฟ้าแบบนั้นให้เห็นอีกเหรอ” เฟรี่ฟังแล้วมีสีหน้าสงสัย

“ไมใช่หรอก ข้าเคยเห็นสมัยที่ข้าขึ้นไปปฏิบัติภารกิจบนโลกมนุษย์”

“อ๋อ..เป็นแบบนี้นี่เอง ว่าแต่ขึ้นไปบ่อยไหม”

“ไม่บ่อย และข้าไม่ชอบบนโลกมนุษย์”

“ทำไมล่ะ” โจทย์ยังคงเป็นฝ่ายซักจำเลย

“ไม่รู้เหมือนกัน คงเป็นเพราะไม่ใช่ที่ของข้ามั้ง..”

“อืม....แล้วอีกอย่างที่ข้าสงสัย เจ้าสวมหน้ากากแบบนี้ทำไม ไม่รู้สึกรำคาญบ้างหรือ”

“มันเป็นกฏของนักล่าสังหารเมื่ออกนอกพื้นที่จะต้องมีหน้ากากประจำตัว และหน้ากากนี้ทำมาจากโลหะชนิดพิเศษ กลับทำให้รู้สึกสบายมากกว่าไม่ใส่เสียด้วยซ้ำ”

“พิลึก...” เฟรี่ฟังอย่างตั้งใจแล้วทำหน้าสงสัยอีกแล้ว ถามต่อไปว่า

“แล้วอย่างนี้ถ้าพวกเจ้าอยู่กันหลายๆคน จะรู้อย่างไรว่าใครเป็นใคร”

“มีมือล่าสังหารไม่กี่คนในนรกแห่งนี้ และหน้ากากแต่ละอันไม่เหมือนกัน.... ว่าแต่จะกลับหรือยังล่ะ”

หญิงสาวยังไม่ตอบทันที หันไปมองรอบๆอีกครั้งและพบว่าถนนเบื้องหน้าคราวจริงยังมีร้านรวงอาคารบ้านเรือนให้เห็นแต่รู้สึกว่าไม่อยากเดินต่อไปอีกแล้ว แต่ในขณะเดียวกันก็ยังไม่อยากกลับที่พัก ความรู้สึกเหมือนอยากจะสัมผัสบรรยากาศของที่นี่ไว้ให้มากที่สุด





*******

จากคุณ : GTW
เขียนเมื่อ : 23 มิ.ย. 55 22:32:37




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com