Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
สาปกณิการ์ :: งามชบา - บทที่ 3 ติดต่อทีมงาน

http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W12250010/W12250010.html

บทที่ 3

ความมืดบนทางเดินสิ้นสุดลง ประตูบานหนาและสูงท่วมหัวเปิดอ้าได้เองพร้อมกับส่งเสียงฝืดครืดๆ ให้ธิสัยกลืนน้ำลายปนสยอง

เขากำลังนึกถึงหนังผีที่เคยดูทั้งของไทยของเทศ มันก็มักจะมีฉากบีบคั้นหัวใจแบบนี้เหมือนกัน แต่ถึงจะกลัวมากแค่ไหน เขาก็จำเป็นต้องตามนางผีร้ายเข้าไป เพราะภรรยาโดนหอบหิ้วเข้าไปในนั้นด้วย

ใจหายวาบไปเลยกับเสียงโครมข้างหลัง ธิสัยสูดหายใจลึก ความหวาดกลัวปนขวัญสยองในยามนี้ มันเหมือนยาชาที่สะกดความเจ็บปวดบนร่างกายให้หยุดแผ่ฤทธิ์

เขาเหลียวขวับไปมองประตูบานหนาสีไม่แน่ชัด มันอาจจะเป็นสีทองมาก่อนก็ได้ แต่ตอนนี้ดูมันกะดำกะด่างและเปรอะไปด้วยหยากไย่หนาๆ

บันไดหินสีทะมึนหน่อยทอดลงข้างล่าง เขาไม่อยากนับว่ากี่ขั้น เพราะไม่ว่ามันจะมากขั้นหรือน้อยขั้น เขาก็ต้องลงไปอยู่ดี แล้วก็ไม่รู้ว่าข้างล่างมันคืออะไร

"ตามเรามา อย่ากลัว ขอเพียงเจ้าทำงานให้เราสำเร็จ เราจะคืนชีวิตภรรยาให้เจ้าเอง"

"คำพูดของแกเชื่อได้แค่ไหนกัน"

ธิสัยบดกรามสะกดความกลัวจับใจ นางผีร้ายไม่ยอมตอบคำถามแดกดัน แต่กลับหัวเราะยืดๆ ต่ำๆ และก้องพลิ้วเหมือนคลื่นกระเพื่อม

เขาเกลียดเสียงบีบหัวใจแบบนั้นจริงๆ สภาพมืดครึ้มในนี้ก็อับชื้นอึดอัด คล้ายว่าไม่ค่อยมีอากาศไหลเข้าไหลออก เหลียวมองโดยรอบก็เจอแต่กำแพงทึบๆ กับเงาพลิ้วๆ ของมวลหยากไย่

พื้นหินอ่อนคายความเย็นแปลกๆ ขึ้นมา ทุกย่างก้าวที่เหยียบลงบนซากกรอบแห้ง มันจะเกิดเสียงกรุบๆ คล้ายใบไม้กรอบโดนบีบหรือขยำจนป่น

ธิสัยอดที่จะเหลียวกลับไปมองบันไดอีกครั้งไม่ได้ ใจหายไปเลยเมื่อเพิ่งจะรู้สึกว่าข้างบนมันสูงมาก หรือว่าเขาจะลงมาห้องใต้ดิน มันอาจจะเป็นที่เก็บหรือที่ฝังดวงวิญญาณของนางผีร้ายเองกระมัง

"คุณธิ"

เสียงกรีดเรียกอย่างตระหนกดึงภวังค์ชั่ววูบของธิสัยให้หยุดเคลื่อนไหล เขาหันขวับไปตามเสียงแล้วเบิกตากว้าง หลุดอุทาน 'คุณพระ' ด้วยแรงตระหนก เมื่อเห็นภรรยาถูกแขวนอยู่บนตะขอใหญ่ติดผนัง หล่อนห้อยต่องแต่งและพร้อมจะร่วงลงมา โอ้ ตายแล้ว ข้างล่างคือเตาขนาดใหญ่ที่แสงเพลิงกำลังลุกโชติช่วง

"แกทำอะไร ไอ้ผีบ้า แกทำอะไรกับผกาแบบนั้น ถ้าเธอหล่นลงไป.. "

"ก็ขึ้นอยู่กับเจ้า" แม่นางแพรแทรกขัดเสียงเย็นยืด "ถ้าเจ้าทำงานให้เราไม่สำเร็จ ภรรยาของเจ้าก็ต้องพลีร่างสังเวยในกองเพลิง แล้วดวงวิญญาณก็จะเป็นทาสของเราตลอดกาล เหมือนเจ้าพวกนี้ทั้งหมด ลองมองไปรอบๆ ตัวเจ้าสิ"

ธิสัยขนลุกขนพองกับกลุ่มดวงวิญญาณที่ผุดพรูออกมาจากผนัง มันเยอะแยะและหนาแน่นแออัดจนเขาอยากจะเรียกมันว่า 'ตัวหนอน'

"ไปให้พ้น ออกไป" เขาตะคอกไล่พร้อมกับร้องไห้ เข่าอ่อนแรงจนต้องทรุดลงคลุกฝุ่นที่หนาพูนเหมือนกองดิน

"ภรรยาของเจ้าก็จะเป็นหนึ่งในนั้นหรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับความสามารถของเจ้า จงดู"

ธิสัยเลื่อนตาแดงก่ำชุ่มหยาดน้ำร้อนระอุไปตามเสียงบัญชา ปรากฏลำแสงสีแดงจางแผ่กระจายแล้วหมุนวนเป็นเกลียวรูปแตรคว่ำ บนแท่นหินหรือเปล่าก็ไม่แน่ใจ วางนิ่งด้วยร่างซากศพแห้งกรัง

เดาว่าตอนมีชีวิตคงเป็นคนที่มีรูปร่างสูงใหญ่มาก เพราะเท่าที่เห็นก็แค่นั่งพับขา แต่ธิสัยกลับต้องแหงนคอตั้งบ่าเพื่อจะมองขึ้นไปให้เห็นหน้าตา

"เจ้าเห็นโซ่เส้นนั้นไหม มันรัดกายพี่ชายของเราไว้ด้วยคำสาป เห็นแผ่นทองเหลืองลงยันต์แผ่นนั้นไหม จงเข้าไปดึงมันออกมา ถ้าเจ้าทำได้ ข้าจะคืนชีวิตภรรยาให้เจ้า"

ธิสัยเหลือบไปมองร่างห้อยต่องแต่งของมวลผกา ใจเต้นระทึกทุกครั้งที่เห็นตะขอโยกเยก มันไม่แข็งแรงหรือ เด้งขึ้นเด้งลงแบบนั้น แล้วจะแบกรับน้ำหนักของภรรยาได้อีกนานแค่ไหนกัน

"คุณธิ" หล่อนร้องไห้อย่างหวาดกลัว "คุณธิช่วยผกาด้วย ผกากลัว"

"ไม่ต้องกลัว" เขาปลอบประโลมพร้อมกับร้องไห้ "ผมยังอยู่ทั้งคน ผมจะไม่ปล่อยให้คุณเป็นอะไรไปต่อหน้าผมหรอก เราจะกลับออกไปด้วยกัน ผมสัญญา"

เสียงสั่นเครือปลุกปลอบไปแกนๆ มันสิ้นหวังจะตายไม่ใช่หรือ เขาก็แค่คนธรรมดา ต่อให้รูปร่างสูงใหญ่บึกบึน แต่ลำพังเรี่ยวแรงที่เหลืออยู่น้อยแค่นี้ มันจะไปงัดข้อกับโซ่เส้นใหญ่และหนาเกือบจะเท่าขาข้างหนึ่งได้ยังไง

ยังมีไอ้แผ่นทองเหลืองลงยันต์อะไรนั่นอีก มันประกบอยู่บนอกใหญ่ของซากศพ คะเนจากสายตาพร่าๆ นี่แหละ ก็พอจะรู้ว่ามันครบสูตรหนาหนักใหญ่ ไม่เลย มันไม่ใช่เรื่องง่าย นางผีร้ายตั้งใจล่อหลอกเข้ามาฆ่าต่างหาก

"จงไป จงเข้าไป จงไปปลดโซ่คำสาปออก แล้วดึงแผ่นยันต์ลงมาให้ภรรยาของเจ้าเหยียบย่ำ ไปสิ ไป ไป"

เสียงบัญชากร้าวขึ้นอย่างดุร้าย สายลมประหลาดตวัดมาปุบปับ ธิสัยถลาไปข้างหน้าเหมือนมีคนผลักหลังเต็มแรง เขาล้มฟุบหน้าชิดเข่าซากศพ กลิ่นเหม็นเน่ารุนแรงโชยออกมาจากตรงนั้น

ยามเงยหน้าขึ้นก็สะดุ้งเฮือกใจหายวาบ หลุดร้อง 'คุณพระ' อย่างตระหนกสุดขีด ร่างหนุ่มกระตุกรุนแรงขึ้นหนึ่งครั้ง แล้วจากนั้นก็ 'หมดสติแน่นิ่ง'

ก็ควรให้ขวัญขาดแล้วล่ะ เพราะซาตานวจายังไม่ตาย ไม่สิ ชีวิตของมันเป็นอมตะต่างหาก คำสาปของแม่นางกณิการ์ก็แค่สะกดมันไว้ชั่วคราว ถ้าวันดีคืนดีมีใครสักคนมาปลดโซ่กับแผ่นยันต์ให้มันได้ ชีวิตซาตานเป็นอิสระ ยุคอันรุ่งเรืองของมันก็จะเริ่มต้นขึ้น

แผ่นดินคงลุกเป็นไฟ ผู้คนคงจะโดนเข่นฆ่าล้มตาย เหลือแต่เมืองร้าง เหมือนเช่นที่หลายร้อยปีก่อน คามดารกะก็ตกอยู่ในวิกฤติการณ์นั้น และนั่นล่ะ คือเหตุผลสำคัญที่ทำให้แม่นางกณิการ์ตัดสินใจ 'พลีชีพ'




กลิ่นคาวเลือดฉุนจัดเข้ามาในจมูกปลุกธิสัยให้ฟื้นสติอย่างรวดเร็ว เขาถลันลุกอย่างตกใจ เนื้อตัวเหนียวเหนอะและเหม็นคาวจนอยากอาเจียน

ยามลืมตัวก็แหงนเงยขึ้นไปประจันกับตาเรียวใหญ่แดงฉานของซาตานวจาแล้วสะดุ้งเฮือก ขาข้างหนึ่งไถลลื่นลงจากแท่นหินสูง แต่มือยังว่องไวทันคว้าโซ่ไว้ได้หนึ่งเส้น ร่างจึงห้อยต่องแต่งน่าหวาดเสียว

"ใช่แล้วไอ้เหยื่อของข้า ดึงมันออกไป ดึงมันออกไปเร็ว ข้าต้องการอิสระ ข้าจะแก้แค้น ดึงมันออกไป"

ซาตานวจาคำรามคลุ้มคลั่ง ซากศพแห้งกรังสั่นครืนและโยกเยกรุนแรง ร่างที่ห้อยต่องแต่งก็มีอันแกว่งส่ายหนักหน่วง ธิสัยใจหายเมื่อนึกว่าหากร่วงลงไปข้างล่าง ก็คงกระดูกหักหมดตัว หรือแค่หัวฟาดเต็มเหนี่ยวก็อาจจะตายเลย โดยไม่ทันได้ล่ำลาภรรยาที่แขวนอยู่บนตะขอยักษ์

"ปล่อยผมลงไป ใครก็ได้ช่วยผมด้วย ปล่อยผมลงไป"

เขาตะเบ็งเสียงลั่น ทั้งโกรธทั้งกลัว รู้สึกเจ็บร้าวทั่วแขนที่ยึดโซ่ใหญ่คล้ายว่ากล้ามเนื้อกำลังปริขาด อีกสักพักมันก็คงจะหลุดออกไป ตาพร่ามัวมองฝ่ามวลควันฟุ้งลงไปถึงพื้นข้างล่าง แล้วค่อยพบว่ายังมีแท่นหินยื่นออกมาอีกชั้น

ถ้ากระโดดลงไป อย่างมากก็น่าจะข้อเท้าแพลง ไม่เป็นอันตรายถึงแก่ชีวิตแน่ เขายังไม่อยากตายหรอก ยังไงก็ต้องเอาชีวิตรอดออกไปจากวิหารวังสยองแห่งนี้พร้อมกับภรรยาให้ได้

พอตัดสินใจได้อย่างนั้น ธิสัยก็ปล่อยมือจากสายโซ่ ซาตานวจาพลันเดือดดาลสุดขีด เหยื่อปล่อยมือก็แสดงให้เห็นว่าไม่ต้องการช่วย ตาเรียวใหญ่แดงฉานพลันเหลือกไปถลึงใส่แม่นางแพรที่ลอยอยู่ห่างในซอกมืด

"เจ้าฆ่ามันให้พี่ มันกำแหงไม่ช่วยพี่"

"แต่มันอยู่ในนั้น น้องเข้าไปไม่ได้" แม่นางแพรบอกอย่างยำเกรง

"ไม่ได้ความ"

ซาตานร้ายพลันคำราม สะบัดซากแห้งกรังฮึดฮัด เสียงโซ่เส้นยักษ์กระทบกันหนักๆ ดังเหมือนแผ่นโลหะใหญ่ๆ ถูกกวนให้คลุกๆ กันอยู่ในเบ้าหลอม

ธิสัยเจ็บข้อเท้าจริงดังที่คาด แต่มันก็ไม่รุนแรงจนถดถอยหนีภาพน่าสะพรึงกลัวไม่ได้ ใช่แล้ว เขากลัวมาก กลัวซากศพยักษ์ที่โดนพันธนาการด้วยโซ่คล้ำหนาหนักใหญ่

ทั้งที่มันเป็นโซ่คำสาป ทั้งที่มีแผ่นทองเหลืองลงยันต์กำราบ แต่ซากศพก็ยังไม่ยอมตาย มันไม่ตาย แค่ว่ามันเคลื่อนไหวไม่ได้ แต่ถึงจะเคลื่อนไหวไม่ได้ ตาเรียวใหญ่แดงฉานเหมือนไฟคู่นั้นก็ข่มขวัญได้

เขาฝืนใจคืบคลานไปตามพื้นที่สกปรกไปด้วยฝุ่นกับเลือดเหนียวข้น ในแววตาฉายความลิงโลดขึ้นแวบหนึ่ง เมื่อเห็นบันไดทางลงจากแท่นสูง

แต่เขาเดินไม่ไหวหรอก ต้องใช้วิธีตะกายลงไปอย่างทุลักทุเล มีซอกทางเดินแคบๆ ให้เขาคืบคลานไปหาภรรยา ต้องหาทางปลดหล่อนลงมาให้ได้

ในความหวาดกลัวและระทึกขวัญอยู่ตลอดเวลา ธิสัยกลับพบว่าแม่นางแพรลอยไปลอยมาไม่ยอมเข้ามาคุกคาม แสดงว่าในเขตแท่นหินต้องมีความพิเศษบางอย่าง นางผีร้ายถึงได้แต่ลอยวนอยู่แต่รอบนอก ก็ดีแล้วล่ะ เขาจะถือโอกาสนี้ช่วยภรรยาก่อน

"ผกา" เขาเรียกเมื่อยึดขาหล่อนไว้โยกตัวเองขึ้นยืน "อดทนหน่อยนะ" เขาปลุกปลอบให้กำลังใจ

"เราคงออกไปไม่ได้แล้ว เราคงตายที่นี่"

มวลผกาคร่ำครวญกลั้วร้องไห้ หล่อนสำนึกผิดแล้วที่ไม่ยอมฟังลุงลึกลับคนนั้นห้ามปราม หล่อนเองที่ชักนำภัยพิสดารมาทำร้ายทั้งตัวเองและสามี อยากขอโทษ แต่ก็รู้ว่าสามีคงไม่ต้องการฟัง เขาไม่โกรธหล่อนหรอก แต่หล่อนนี่สิ เสียใจอย่างสุดซึ้งทีเดียว

"คุณธิ ว้าย คุณธิ"

ภรรยากรีดร้องรัวเพราะรู้สึกได้ว่าตะขอมันโยกเยกรุนแรง แกว่งขึ้นแกว่งลง ธิสัยโดนปลายเท้าภรรยาดีดกระเด็นอย่างไม่ตั้งใจ แต่จังหวะบังเอิญนั่นล่ะ ที่เปรียบได้ดั่งการช่วยชีวิตไปพร้อมกับการพลัดพรากตลอดกาล

ทันทีที่ร่างบอบช้ำของสามีปลิววืดไปกระแทกบันไดหิน ร่างภรรยาก็ร่วงตุบลงสู่เตาใหญ่ ธิสัยร้องตระหนกโหยหวน หัวใจเหมือนถูกบีบจนแตกกระจาย

น้ำตาที่ไหลร้อนระอุเหมือนน้ำเดือด เลือดปริเป็นเส้นฝอยแดงๆ ในตาชอกช้ำ เสียงกรีดร้องเจ็บปวดทรมานของภรรยาดังแหลมรัวอยู่กลางกองไฟเปลวแดงฉาน

ร่างทุรนทุรายลุกท่วมไปด้วยไฟคร่าชีวิตดิ้นพล่านกวัดแกว่งมือดั่งจะขอความช่วยเหลือ หล่อนกรีดร้อง หล่อนตะเบ็งเสียง เขาเข้าใจในความเจ็บความปวดแสนทารุณนั้นได้ดี

เขาร้องไห้โฮเหมือนผู้หญิงเชียวล่ะ ปากก็พร่ำเรียกชื่อภรรยาเหมือนใจจะขาด หล่อนหยุดดิ้นพล่านแล้ว และการนิ่งไปนั่นล่ะ คือสัญญาณที่บอกเขาว่า 'หล่อนตายแล้ว'

พ่อหม้ายในชั่วพริบตากระเจือกกระสนถอยขึ้นบันไดอย่างขมขื่น แม่นางแพรหัวเราะก้องสะท้านไปทั่วโถงอับ นางพลิ้วร่างมาถลึงตาชั่วช้า ยื่นมือยาวออกมาหมายกระตุกหรือขย้ำคอเหยื่อ แต่แล้ว เหตุอัศจรรย์ก็พลันอุบัติขึ้น

มวลผกาลอยคว้างขึ้นจากเตานรก ร่างไร้มวลหย่อนลงขวางนางผีร้าย ธิสัยตาเบิกโพลง กายเปื้อนเลือดกระตุกเฮือก เมื่อตาไร้แววคู่นั้นเหลียวมาจดจ้องอย่างอาลัยอาวรณ์ หล่อนเปล่งเสียงเศร้าเร่งยืดยานว่า

"คุณธิ รีบหนีไป กลับขึ้นไป"

"ผกา"

"รีบไปคุณธิ รีบไป"

มวลผกาน้ำตาไหลเป็นเลือด ตระหนักว่านี่คือนาทีสุดท้ายที่จะได้เห็นหน้าสามีแล้ว หล่อนเป็นเพียงดวงวิญญาณใหม่ ไม่มีพลังอำนาจต้านทานฤทธิ์แข็งแกร่งของแม่นางแพรได้ แต่เพื่อปกป้องเขาในเฮือกสุดท้าย ต่อให้ต้องแลกด้วยการดับสูญชั่วนิรันดร์ ไม่ได้ผุดได้เกิดอีก 'หล่อนก็พร้อม'

แม่นางแพรเดือดดาลจัดที่ดวงวิญญาณใหม่กำแหงมาขัดขวางทางคร่าเหยื่อ นางยื่นมือคล้ำเน่าเฟะมาตบหน้าโหดเหี้ยม มวลผกากรีดร้องเจ็บปวด

เสียงโหยหวนของหล่อนแหลมยาวและเย็นยะเยือกจนธิสัยขนลุกเกรียว เขาตะกายถอยหลังขึ้นบันไดไปอย่างทุลักทุเลปนลนลาน อีกสองขั้นก็ถึงประตูแล้ว แต่จู่ๆ ขาก็หยุดกึกเหมือนโดนยึด

"คุณธิ รีบไป ไม่ต้องสนใจ รีบไป"

มวลผกากรีดร้องแหลมรัว ร่างเบาพลิ้วมาดึงขาสามีหลุดจากกรงเล็บแม่นางแพร หล่อนร้องไห้สะอึกสะอื้น ยกมือไหว้วิงวอนขอให้ไว้ชีวิตสุดที่รัก

หากแต่นางผีกลับพลุ่งพล่านโกรธแค้น หน้าคล้ำเป็นรูพรุนยื่นมาประจัน ถลนตาแดงก่ำดุร้าย ก่อนจะพ่นไอเหม็นเน่าใส่หน้าเศร้าของดวงวิญญาณใหม่

"เจ้าเป็นดวงวิญญาณกำแหง กล้าต้านบัญชาของเราเชียวหรือ เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนเรามีชีวิต เรามีศักดิ์สูงส่งแค่ไหน ประชาชนทั่วคามต้องยอบกายทำความเคารพเราในฐานะแม่นาง หลีกไปนังผีสวะ"

นังผีสวะยอมเจ็บปวดด้วยฤทธิ์แม่นางผู้สูงส่ง หล่อนโดนจิกผม ทรวงอกโดนทะลวงด้วยมือเน่า แม้จะกลายเป็นผีเหมือนกัน แต่ด้วยว่าเป็นผีหมาดๆ จึงยังไม่คุ้นเคยกับกลิ่นเหม็นฉุนจัดของซากศพ

ขณะเม้มปากกลั้นอาการผะอืดผะอม สามีก็คืบคลานไปผลักประตูได้แล้ว หล่อนจำเป็นต้องอดทนต่อความเจ็บปวดและกลิ่นเหม็นเน่ารุนแรงให้ถึงที่สุด

ร่างเบาลอยวืดไปกางแขนขวางไม่ให้แม่นางแพรลอดล่วงไปคุกคามชีวิตของสามีอย่างสุดกำลัง หล่อนถูกฉีกร่างอย่างพลุ่งพล่าน โถงอับชื้นสั่นครืนเหมือนแผ่นดินไหว เศษหินเศษฝุ่นร่วงพรูเหมือนสายฝน

บนแท่นหินสูงตั้งซากศพแห้งกรังของซาตานวจาปรากฏควันแดงจางพวยพุ่ง โซ่ตรวนสั่นหนักกระทบกับแผ่นทองเหลืองเสียงดังครืดครืนยาวนาน

ธิสัยขวัญขาดอีกหนกับภาพที่เห็น ภรรยาถูกฉีกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย แต่หล่อนก็ยังมุมานะลอยกลับมารวมตัวกันใหม่ เพียงเพื่อจะร้องเร่งให้เขารีบหนี

เสาต้นหนึ่งคงจะต้านแรงสั่นสะเทือนไม่ไหวจึงหักโค่นแล้วร่วงลงมาขัดช่องประตู มันเฉียดฉิวอีกนิดเดียวก็ทับขาข้างหนึ่งของหนุ่มพ่อหม้ายหมาดๆ ได้แล้ว




ประตูเลื่อนปิดดังปัง ทุกอย่างตรงหน้ามืดตื๋อ ธิสัยคืบคลานอยู่ในความมืด ตาแดงก่ำฉายแววสะพรึงกลัวและขาดสติ ใช่ สติเขาเตลิดไปไกลแล้ว มันไม่มีวันกู่กลับอีกแล้วกระมัง ภาษาชาวบ้านก็ต้องเรียกว่า 'วิปลาสโดยสิ้นเชิง'

เขาร้องเรียกภรรยาอย่างคลุ้มคลั่ง บางคราก็หัวเราะปนร้องไห้ ร่างเปื้อนเลือดและเหม็นคลุ้งไปด้วยกลิ่นคาวกลิ่นเหม็นเน่าลุกล้มกลิ้งคลานไปตามประสาลนลานและจับทิศไม่ถูก มือสองข้างเต็มไปด้วยบาดแผลที่เกิดจากแรงครูดกรีดของเศษปรักหักพังตามพื้น

"ผกา อยู่ไหนผกา คุณอยู่ไหน รีบออกมา เราจะหนีออกไปจากที่นี่ ผกา ผกา"

เขาร้องตะโกนเข้าไปในความมืดที่น่ากลัว ร้องไห้โฮไปพร้อมกับตะกายร่างไม่หยุดหย่อน แม่นางแพรร้องสั่งปวงผีทาสทั้งหลายออกมาสกัดเหยื่อ

ปรากฏลำแสงกลมสีดำปนแดงลอยหนาแน่นเหนือลำตัวสกปรก มันประสานเสียงคำรามระงม พร้อมกับยื่นมือแห้งกรังออกมาจากลำแสงกลมนั้น แล้วมันก็มีมากมายจนเข้าข่าย 'ยั้วเยี้ย'

"ไม่ ออกไป ไม่ ไม่ ช่วยด้วย ช่วยด้วย"

ธิสัยแผดเสียงพลางเร่งกระเถิบถอยหนีอย่างลนลาน ตาเบิกถลนมองแพยั้วเยี้ยที่เคลื่อนคุกคาม เขารีบยกสองมือปัดป้องอย่างสิ้นหวัง

แต่ด้วยสัญชาตญาณของคนที่ไม่อยากตาย เขาจึงต้องต่อสู้กับความหวาดกลัวสุดขีดนั้นอย่างสุดกำลัง กระทั่งศีรษะฟาดกับขอบแข็งบางอย่าง ซึ่งเขาก็มองไม่เห็นหรอกว่ามันคือขอบประตูทางเข้าโถงวิหารนั่นเอง

สองขาโดนยึดด้วยมือยั้วเยี้ยแน่นหนึบ ปวงผีค่อยๆ ลากย้อนกลับเข้าข้างในตามบัญชาของแม่นางแพร ธิสัยแผดเสียงไม่ยินยอมพร้อมกับเกร็งกำลังต้านทานแรงยุดยื้ออย่างสุดความสามารถ

เขาคว้าชายผ้าม่านขาดวิ่นที่บังเอิญเหลือบไปเห็นเข้า แล้วจู่ๆ หน้าผีร้ายก็ยื่นมาอวดความน่าสะพรึงกลัว ทั้งรูพรุนน้ำเลือดน้ำหนองผุดพรูเป็นฝอยน้ำพุ ตาแดงถลนหลุดเหมือนลูกปิงปองร่วงแต่ก็ไม่หล่น เพราะโดนยึดไว้ด้วยใยเหนียวของน้ำเลือดน้ำหนอง

นั่นล่ะ วูบนั้นล่ะ ที่สติสัมปชัญญะต้องยอมแพ้อย่างราบคาบ ความตระหนกสุดขีดกระจายไปทั่วร่างบอบช้ำ อาการชารุนแรงแผ่ซ่านรวดเร็ว

ธิสัยแผดเสียงโหยหวนยาวนานก่อนร่างจะกระตุกเฮือกขึ้นแล้วล้มหงายศีรษะฟาดพื้นแน่นิ่ง โอ.. จากนั้นไป เขาจะไม่รับรู้อะไรอีกต่อไปแล้วล่ะ




การหลับใหลอย่างไร้กำหนดเวลาทำให้เขาไม่ต้องรับรู้ว่าร่างที่กระตุกเฮือกอย่างหวาดกลัวสุดขีดนั้น บังเอิญถลันพ้นออกมาจากโถงวิหาร ปวงผีทาสไม่อาจล่วงล้ำออกไป มันจึงได้แต่ลอยวนเวียนหนาแน่นรอท่าว่าแม่นางแพรจะจัดการยังไงต่อไป

แน่นอน แม่นางแพรต้องจัดการเองอยู่แล้ว นางพลิ้วร่างผีออกไปอวดบรรยากาศวังเวง ณ รัตติกาลคล้อย ตั้งท่ากางเล็บถลึงตาหวังเจาะลำคอหรือไม่ก็ควักหัวใจเหยื่อหมดสติเพื่อดูดดึงวิญญาณให้ออกจากร่าง แต่ก็คงทำได้ยากแล้วล่ะ เพราะองครักษ์ศมะซึ่งมีกำลังและอำนาจนอกเขตวิหารวังย่อมไม่นิ่งดูดายให้เหยื่อต้องดับสูญ

ดวงวิญญาณในชุดสีเทาพลิ้วมาขวางมือยาวเน่าเฟะ ท่านแค่โบกมือเบาๆ ก็บังเกิดรัศมีสีขาวขุ่นกรีดเป็นเส้นคล้ายสายฟ้าปรากฏในยามพายุคะนอง มือเน่าข้างนั้นโดนฟันฉับขาดสะบั้นทันที

นางผีร้ายกรีดร้องโหยหวนก่อนจะพลิ้วร่างหนีไปตั้งหลักหน้าประตู ร่างผีค่อยแปรเปลี่ยนเป็นสาวสง่าในชุดกระโปรงแดง เรือนผมยาวพลิ้วไหวตามแรงลมปีศาจ

"ท่านศมะ" นางคำรามอย่างไม่พอใจ

"เขาเป็นเหยื่อรายแรกในรอบหลายร้อยปีที่สามารถรักษาชีวิตกลับออกมา" องครักษ์ผู้สุขุมกล่าวเนิบ "ปล่อยเขาไปเถอะ เราขอ"

"ไม่ได้ มันทำงานให้เราไม่สำเร็จ มันไม่ยอมช่วยพี่เรา ทำให้.. "

"เขาช่วยไม่ได้ แม่นางก็รู้อยู่เต็มอก ไม่มีใครถอนคำสาปแม่นางกณิการ์ได้"

"ขอเพียงมีคนทำลายโซ่และแผ่นยันต์ได้ คำสาปก็จะหมดความขลัง"

"ไม่มีคนธรรมดาที่ไหนทำได้หรอกแม่นางแพร แม่นางอย่าหลับหูหลับตาช่วยพี่ชายก่อบาปนักเลย ตอนมีชีวิตอยู่ ซาตานวจาก็เข่นฆ่า.. "

"หุบปากของเจ้าไอ้องครักษ์ปลายแถว"

ซาตานวจาคำรามออกมาจากตัววิหารวัง คลื่นเสียงทรงพลังจนทำให้ทั่วบริเวณเกิดแรงสะเทือนคล้ายแผ่นดินไหว ปวงผียั้วเยี้ยหายวับไปในทันทีด้วยความยำเกรง แม้แต่องครักษ์ศมะก็จำต้องถอยห่างไปสามก้าว แต่ก็ไม่ลืมผลักร่างหมดสติของธิสัยไถลลงจากเนินมาด้วย

"ท่าน"

"ไอ้นักรบสวะ"

สองเสียงประสานคำรามอย่างเดือดดาล ซาตานวจาเดือดดาลอยู่บนแท่นหินสูง มันเบิกตาถลนอาฆาตแค้น ยามหลุบมองโซ่คำสาปกับแผ่นยันต์ที่ร้อยรัดร่างแห้งกรังก็ยิ่งแผดเสียงพลุ่งพล่าน

ฝ่ายแม่นางแพรก็รุ่มร้อนใจว่าเหยื่อกลิ้งออกไปนอนแน่นิ่งบนพงหญ้า โดยมีรัศมีขาวขุ่นทั้งคมกริบและร้อนจัดขององครักษ์ศมะรายล้อมปกป้อง

นางเป็นเพียงผีบาปตนหนึ่ง หากไม่จำเป็นก็ไม่อยากปะทะกับองครักษ์ใจซื่อตรงๆ เพราะต่อให้นางได้รับชัยชนะ แต่มันก็เป็นชัยชนะที่สะบักสะบอมเกินกว่าจะ 'ดีใจ'

แก้ไขเมื่อ 24 มิ.ย. 55 17:30:25

แก้ไขเมื่อ 24 มิ.ย. 55 17:29:06

แก้ไขเมื่อ 24 มิ.ย. 55 17:26:24

จากคุณ : รัชนีกานต์
เขียนเมื่อ : 24 มิ.ย. 55 17:23:09




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com