Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
เลขาเนื้อทอง :: ยอแสงแข - 4 ติดต่อทีมงาน

http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W12248771/W12248771.html

บทที่ 4

ทันทีที่เห็นรถคันเดิมเลี้ยวมาจอดที่เดิมเสียด้วย สงสัยจะกันไว้สำหรับเขาโดยเฉพาะล่ะ ปัญปัทม์ก็รีบปรี่เข้าไปช่วยเปิดประตู แจกยิ้มหวานตาหวาน ทำเป็นไม่เห็นกิริยาเลิกคิ้วกับหน้าเอือมๆ ช่วยไม่ได้จริงๆ ก็นี่มันเป็นงานของเธอ

"คงไม่มีสายวงในคอยบอกความเคลื่อนไหวของผมหรอกนะครับ"

"ถ้าบอกว่ามี คุณตรงฉัตรต้องเรียกประชุมด่วนเค้นจนคนคนนั้นยอมเผยตัวออกมาสารภาพผิดแน่ๆ "

"หรือในทางตรงกันข้าม คุณมีความอดทนสูงจนน่าทึ่งที่แกร่วรอผมตั้งแต่เช้าจรดดึก"

ชายหนุ่มเกือบยิ้มตอนเธออาสาหอบหิ้วทั้งกระเป๋าเอกสารและแฟ้มอีกสามสี่เล่ม ทั้งที่ตัวเธอเองก็มีแฟ้มเล็กหนึ่งเล่ม คอก็คล้องกล้องถ่ายรูปอย่างหรูอีกหนึ่ง แล้วตัวเธอก็ 'เล็ก'

"ฉันจะไม่รบกวนคุณแม้แต่ก้าวเดียว สัญญาค่ะ" เธอบอกแข็งขันขณะสาวเท้าตามหลัง

"คุณไม่มีโอกาสนั้นอยู่แล้วล่ะ ขอบคุณนะครับ ผมมีประชุมเช้า กว่าจะออกจากห้องนั้นเพื่อไปประชุมย่อยประจำเดือนที่โรงแรมก็น่าจะเป็นช่วงพักกลางวันเลยไปสักนิดหน่อย"

"ค่ะ"

"จากนั้นผมต้องไปเข้าร่วมสัมมนาทิศทางการเงินในอนาคตอีกโรงแรม กว่าจะเสร็จตรงนั้นก็น่าจะห้าถึงหกโมงเย็น แล้วก็ไปต่องานเลี้ยงของสมาคมฮกเกี้ยน"

"ค่ะ"

"ออกจากงานเลี้ยงแล้ว ซึ่งก็ไม่น่าจะเกินสามทุ่มครึ่ง ผมได้รับเชิญไปเป็นกรรมการกิตติมศักดิ์ตัดสินบทความเชิงวิชาการที่มูลนิธิสงเคราะห์ของคุณหญิงเรืองพิสมัย"

"เอ้อ.. "

"สวัสดีครับ"

"ค่ะ"

หัวใจมันเต้นแรงผิดวิสัยไปหน่อย แต่ตรงฉัตรก็พยายามไม่ไปติดใจพิศวงนาน เขาเอ็นดูหน้าแห้งของสาวมุ่งมั่นคนนี้ ตาเรียวที่ล้นไปด้วยแสงแห่งความหวังแกมดื้อรั้นก็ฉายแววหงอยๆ หรือแม้แต่เสียงที่ยอมล่าถอยอย่างรู้สถานการณ์ก็ฟังม่อยๆ น่ารัก

ใช่ เธอเหนื่อยแทนเขานั่นล่ะ แล้วยิ่งเขาเหนื่อยกับภารกิจแน่นขนัดเท่าไหร่ เธอก็จะยิ่งเหนื่อยกว่า เพราะมันไม่สนุกเลยกับการวิ่งรอกตามเขาไปทุกที โดยที่เขาไม่มีสักหนึ่งนาทีให้กับเธอ




ผลักประตูเข้ามาสวนทางกับพนักงานแผนกพัสดุคนหนึ่ง ตรงฉัตรถามถึงนายสมเกียรติ ตอนนี้ก็ตั้งข้อกล่าวหาว่าหนอนบ่อนไส้อย่างไม่เป็นทางการไว้ก่อน อีกฝ่ายก็รีบตอบว่า

"วันนี้ไม่มาทำงานครับ ได้ยินว่าญาติป่วยต้องไปเฝ้าที่โรงพยาบาล"

"ลากี่วัน"

"ได้ยินว่าสามวันครับ"

ตรงฉัตรหรี่ตาขณะสาวเท้ายาวๆ ไปหยุดหน้าลิฟต์ เหลือบไปทางซ้ายแวบหนึ่ง ทันได้สบตากับลูกน้องสายลับเข้า ก็พยักหน้าเร็วส่งสัญญาณให้เข้าไปพบในห้องทำงาน เขายังพอมีเวลาก่อนเข้าประชุมประมาณหกเจ็ดนาที คงสั่งความทัน

พอเข้าลิฟต์ ตั้งใจว่าจะใช้ช่วงนี้เรียงลำดับความคิดสักหน่อย พลิ้วแพรก็โทรเข้ามาก่อกวนเสียอีก หล่อนกระเง้ากระงอดว่าเขาผิดสัญญา ไม่ยอมโทรหาทั้งที่หล่อนก็รอแล้วรออีก แถมยังเป็นฝ่ายโทรกลับเองแต่เขา 'ปิดเครื่องหนี'

"ปิดเครื่องหนีอะไร แบตหมดต่างหาก ผมก็มัวแต่ยุ่งๆ กับเอกสารสัมมนาไม่ทันสังเกต"

ลิฟต์ส่งเขาขึ้นมาถึงห้องทำงาน เขาเดินไปพลางแก้ตัวส่งเดชไปพลาง ฝ่ายโน้นไม่เชื่อหรอก แต่โวยวายไปก็เหนื่อยเปล่า หล่อนก็พอจะรู้จักนิสัยยอมหักไม่ยอมงอของเขาอยู่บ้าง หรือต่อให้หล่อนไม่ซึมซับมันไว้ เขาก็เตือนตัวเองเสมอว่าจะไม่ยอมเพลี่ยงพล้ำให้สาวใจแตกคนนี้อีกแล้ว ไม่ว่าจะด้วยกายวาจาหรือใจ

"โทรหาพี่นาไม่ติด ปิดเครื่องเหมือนกัน โทรหาพี่พันศิลป์ก็ไม่ติด สายว่างนะ แต่ไม่ยอมรับสาย เกิดอะไรขึ้นกับสัญญาณโทรศัพท์ในเมืองไทยหรือคะ"

"อย่าพาล"

"พลิ้วจะพาล ก็คนที่เมืองไทยอยากใจดำกับพลิ้วก่อน บอกไว้เลยนะ กลับไปเมื่อไหร่ พลิ้วจะทวงสัญญา ถ้าไม่ได้ละก็ พลิ้วจะอาละวาด"

"ผมถึงห้องประชุมแล้ว" ตรงฉัตรโกหกตัดบทเมื่อหยุดหน้าห้องทำงาน "ทุกคนรอผมอยู่ แค่นี้ก่อนนะครับ"

"เดี๋ยวก่อนค่ะ พี่ตรงคะ พี่ตรง บ้าที่สุดเลย"

'นายรับรู้' เดินเตร่ผ่านเข้ามาในสายตา ตรงฉัตรพยักพเยิดให้เข้าไปก่อน เขาเป็นฝ่ายดูลาดเลาทั่วทางเดินเอง เมื่อแน่ใจว่าไม่มีใครเห็นก็ค่อยเข้าตามหลัง แล้วทิ้งเสียงแว้ดแหวของพลิ้วแพรไว้นอกห้องนั่นล่ะ

"ไปสืบดูว่ามีญาติคนไหนของนายสมเกียรติป่วยและต้องนอนโรงพยาบาล"

"อ้อ ครับ ผมก็ตั้งใจจะมารายงานเหมือนกันว่าวันนี้เขาไม่มาทำงาน ลากิจสามวัน"

"ให้รู้วันนี้นะ"

ตรงฉัตรติดนิสัยทำงานเร็วและกระชับ ลูกน้องอย่างนายรับรู้ก็ดูจะเข้ากันดีกับนิสัยนั้น นายสั่งปุ๊บก็ไปปั๊บ เข้าใจหรือเปล่าก็ค่อยไปตีความเอาเองภายหลัง




ก็เหมือนกับปัญปัทม์ เธอต้องมานั่งกุมขมับให้ยามรูปหล่อเมียงมองอย่างสงสัย ในสายตาของเขาเธอเป็นสาวแปลก ทำอะไรพิเรนทร์ซ้ำซาก

เป็นต้นว่านั่งอยู่ตรงนี้ครึ่งค่อนวันบ้าง ย้ายไปนั่งบนลานซีเมนต์ที่จัดไว้เป็นมุมพักผ่อนหย่อนใจปะปนกับลูกค้าที่เบื่อการรอคอยในสำนักงานบ้าง หรือบางทีก็หายขึ้นไปบนโน้นแล้วกลับออกมานั่งตรงนี้อีก

"ผมไม่อยากซอกแซกหรอกนะ แต่ว่าถามจริงๆ เถอะ ยังไม่ได้เจอคุณตรงฉัตรสักครั้งเลยหรือ"

"สมกับฉายาเลขาเนื้อทองของเขาไหมละคะ"

"แหมคุณ มันไม่ใช่อย่างนั้นหรอก คนก็เสียดสีกันไปตามประสาไม่ได้ดั่งใจ คนเราก็เป็นแบบนี้ละนะ เห็นความต้องการของตัวเองใหญ่เท่าฟ้า เห็นธุระของคนอื่นเล็กกว่าเม็ดกรวด"

"แหมพี่ชาย จะด่ากันก็ไม่บอก"

ปัญปัทม์วางขวดน้ำดังตึก หงุดหงิดอยู่นะ แทนที่จะมาชวนคุยให้ผ่อนคลายกลับกลายเป็นว่ามาหาเรื่องติเตียน เธอรู้หรอกน่าว่าพ่อเลขาเนื้อทองงานเยอะงานยุ่ง

แล้วเธอเองก็เป็นคนมีมารยาท ไม่อย่างนั้นคงบุกเข้าไปตามใจฉัน ไม่สนขั้นตอนบ้าบอคอแตกพวกนั้นหรอก หรือดีไม่ดีนะ เธอก็อาจจะพรวดขึ้นรถเขาไปเลยด้วยซ้ำ

แต่นี่เธอก็ไม่ได้ทำอย่างนั้นนี่ เธอมีเหตุผลจะตาย แล้วดูแต่วันนี้สิ ฟังแล้วห่อเหี่ยวใจเป็นบ้า คนอะไรก็ไม่รู้ ทำงานจนไม่มีช่องว่างให้ชาวบ้านแทรกแซงบ้างเลย

บ้างานจริงหรือเปล่าก็ไม่รู้ อาจจะอดทนสร้างภาพตอนนี้ไปก่อน หวังจะให้คู่ชู้ชื่นชมตายใจ แล้วหลังจากนั้นก็ค่อยๆ ตักตวงเก็บเกี่ยวผลประโยชน์ อิ่มหมีพีมันเป็นเสือนอนกินสบายๆ ไปทั้งชาติ

"ด่าอะไรกัน" ยามรูปหล่อหัวเราะขำๆ แล้วออกจากป้อมมายืนคุยด้วย "ผมก็ว่าไปตามที่ผมคิด ผมชินแล้ว ฟังบ่อยมากเลย คนที่ขอเข้าพบคุณตรงฉัตรไม่ได้ ก็มักจะมานั่งตรงนี้แล้วก็บ่นเอาๆ ขุดคำขึ้นมาติเตียนเขาสารพัด แต่ไม่ยอมเข้าใจเลยว่างานเขายุ่ง"

"บริษัทมันก็ใหญ่นะพี่ชาย พนักงานมีเป็นร้อย ถ้าเขาคิดจะรวบทั้งหมดไว้ทำเอง แล้วจ้างพนักงานมาให้สิ้นเปลืองเงินเดือนทำไมกัน นี่ฉันไม่ได้บ่นหรือติเตียนนะคะ ฉันแสดงความคิดเห็น"

ยามรูปหล่อหัวเราะ เข้าใจว่าเธอแดกดัน น้ำเสียงกับหน้าตาบอกความหงุดหงิดไม่หาย แต่เขาก็ชื่นชมและทึ่งในตัวเธอมาก เพราะที่เห็นๆ มาก็มีเธอนี่แหละที่มีความอดทนเป็นเลิศ ไม่ยอมเปลี่ยนหรือสลับๆ กับคนอื่นบ้างเหมือนที่หลายๆ คนเขาทำกัน

"เข้าใจคุณเขาหน่อยเถอะ จะให้ทำยังไงได้ในเมื่อคุณนาไว้ใจเขามาก งานเล็กใหญ่ก็ให้อภิสิทธิ์เขาพิจารณาและตัดสินใจก่อน มันเป็นอย่างนี้มาตั้งแต่คุณนาเข้ามารับช่วงบริหารนั่นแหละ"

"พี่ชายทำงานที่นี่นานมากขนาดนั้นเลยหรือ"

"ใช่ ผมก็รับช่วงต่อมาจากพ่ออีกทีไง"

"ถ้าอย่างนั้นพี่ชายก็น่าจะรู้อะไรดีๆ เกี่ยวกับเขาสองคนไม่น้อยละสิ"

คุณยามเลิกคิ้วเมื่อเห็นว่ากิริยาของคนถามดูจะกระตือรือร้นขึ้นมา เขาไม่ค่อยเข้าใจอารมณ์แปรปรวนของเธอนัก แต่พอฟังคำถามตรงไปตรงมาเข้า ก็สะดุ้งโหยงทีเดียว

"เฮ้ย อะไรกันคุณ ทำไมพูดส่งเดช" เขาเอ็ดก่อนแล้วค่อยเหลียวซ้ายแลขวา "มันก็เป็นข่าวที่ลือๆ กัน แต่ก็ไม่มีใครเขาพูดดังๆ กันหรอก เข้าหูคุณตรงฉัตรน่ะไม่เท่าไหร่นะ แต่เข้าหูคุณนานี่ไม่มีสิทธิ์อุทธรณ์ ไล่ออกสถานเดียว"

"คนเขาพูดกันว่าไม่มีไฟก็ไม่เห็นควันจริงไหมพี่ชาย"

"เฮ้อ คุณเอ๊ย ไอ้จริงมันก็จริงอยู่ แต่จะมีใครไหมที่กล้าหาญเดินหน้าลุยเข้าไปหาความจริงในกองไฟน่ะ ก็ได้แต่จดจ้องควันที่มันลอยไปเรื่อยแล้วก็แสดงความคิดเห็นแบบคุณไง"

ปัญปัทม์ยิ้มนักเลง ใจก็อยากปราดเข้าต่อยปากคุณยามปากจัด เขาชอบด่ากระทบกรายๆ ฟังทีก็จุกที แต่ก็ต้องอดทนไว้ ในเมื่อฝ่ายตรงข้ามจัดเจนพื้นที่ เธอก็ต้องผูกมิตรไว้ก่อน

"พี่ชายเคยเจอคุณพันศิลป์ไหม"

"เคย มาที่นี่สองสามครั้งนะ คิดว่าสามครั้งละเอ้า ครั้งหนึ่งก็ไม่นานนะ สิบยี่สิบนาทีก็กลับ"

"ตอนนั้นคุณตรงฉัตรเข้ามาทำงานที่นี่หรือยังคะ"

"เข้ามาแล้ว เอ.. แต่จะบอกอย่างนั้นก็ไม่เชิงนะ เพราะจริงๆ แล้วคุณตรงฉัตรก็ตามคุณนาไปทุกที่มาตั้งแต่ยังเรียนไม่จบโน่นแหละ ตอนนั้นเป็นคนขับรถเสียด้วยซ้ำ แล้วเวลาว่างก็จะมาช่วยทำสวนตรงลานสวนหย่อมนั่นไง"

เขาชี้ด้วย แล้วปัญปัทม์ก็มองตามด้วยตาที่เป็นประกาย เธอไม่เคยรู้ข้อมูลมาก่อน เห็นทีว่าจะจริงเสียแล้ว เธอไม่เคยรู้อะไรเลยเกี่ยวกับตรงฉัตร นอกจากว่าเขาเป็นเลขาคนสนิทของณพนา และโดนตั้งข้อกล่าวหาว่าเป็น 'ชายชู้'

"นี่ฉันทำงานลัดขั้นตอนอะไรอยู่หรือเปล่า" เธอพึมพำกับตัวเอง

"อะไรนะครับ" คุณยามก็ได้ยินไม่ถนัดจึงถามขึ้น

"ไม่มีอะไรค่ะ เอ้อ ขอบคุณสำหรับข้อมูล ปกติชอบดื่มอะไร ชาเย็น กาแฟเย็น น้ำอัดลม เบียร์ เหล้า"

"ผมถนัดน้ำเปล่าที่สุด มันดีต่อสุขภาพ"

"อ้อ ค่ะ มิน่าล่ะ พี่ชายถึงได้หล่อระเบิดเสียขนาดนี้ อย่าเพิ่งรีบมีแฟนนะคะ เพราะฉันต้องมาป้วนเปี้ยนที่นี่อีกนาน อย่างน้อยก็ภายในสามเดือนนี้ บางทีเราสองคนอาจจะมีชะตาที่ต้องกัน ไปนะคะ จุ๊บๆ "

ยามรูปหล่อตาโตหน้าแดงกับกิริยาส่งจูบทะเล้นๆ ของสาวแปลก เขาหัวเราะเบาๆ ทั้งขำทั้งเขิน จะพูดอะไรก็ไม่ทันแล้ว เพราะหุ่นเล็กปลิวอ้าวๆ ไปโบกรถจักรยานยนต์รับจ้างเสียแล้ว คงจะมีเป้าหมายใหม่ที่ไหนสักแห่งอีกละกระมัง




การประชุมช่วงเช้าเสร็จเร็วกว่าที่คิดไว้เกือบครึ่งชั่วโมง หุ่นเล็กของปัญปัทม์จึงค่อยเข้ามาเป็นเงากระจ่างในตาคมที่หรี่ลึก ตรงฉัตรยิ้มออกมาเองเมื่อเห็นเธอเหวี่ยงตัวคร่อมรถจักรยานยนต์รับจ้างด้วยท่าทางคล่องแคล่ว ชี้มือไปข้างหน้าคล้ายจะบอกเป้าหมาย แล้วตบบ่าเจ้าของดั่งเร่งให้รีบไป

ยังนึกขำไม่หาย เธอพูดออกมาได้ยังไงว่าวัยของเขากับเธอก็น่าจะไล่เลี่ยกัน เธอเพิ่งจะเบญจเพสเองนี่ แต่เขาน่ะ อีกสามปีก็สี่สิบแล้ว ก็ไม่ใช่ความผิดของเธอละสินะที่เข้าใจคลาดเคลื่อนขนาดนั้น

หน้าตาเขามันคงอ่อนเยาว์จริงอย่างที่ณพนาเคยชมกึ่งค่อนขอดนั่นแหละ แล้วเธอก็ไม่ใช่คนแรกที่คาดเดาผิดไปไกล เขาเองก็ไม่ได้ปลาบปลื้มนอกจากชินไปแล้ว

เห็นว่ายังพอมีเวลาเหลืออยู่ รูปถ่ายสวยๆ ของปัญปัทม์จึงถูกเลื่อนมาตรงหน้า หยิบดูไปทีละรูป รอยยิ้มเบิกบานที่ตรงฉัตรไม่รู้สึกตัวเลยยังคลี่ไปเรื่อยและกว้างขึ้นตามระดับความชื่นชมเร้นลึก

แน่นอน ความรู้สึกนี้เขาก็จะยังไม่รู้สึกตัวในตอนนี้หรอก แล้วเมื่อถึงรูปล่าสุด รอยยิ้มก็สะดุด ตาเชื่อมพราวก็หายวับ อิริยาบถสบายๆ บนเก้าอี้ก็เปลี่ยนไปด้วย

ตรงฉัตรสวมแว่นอย่างกระตือรือร้น เขาคิดว่ามีบางอย่างปรากฏผิดปกติในรูปนี้ มันเป็นบันไดทางลงหน้าสำนักงาน จากแสงไฟและความมืดรายรอบก็พอจะเดาได้ว่ามันดึกแล้ว อ้อ นี่ยังไง ตรงมุมขวายังประทับวันเดือนปีและเวลาที่บันทึกรูปนี้ไว้ด้วย เที่ยงคืนสิบห้านาที กับวันที่ที่น่าสนใจ

"คุณเพ็ญพักตร์ครับ เข้ามาหน่อย" เขาเรียกผู้ช่วยหน้าห้องเข้ามา

"มีอะไรคะ"

"ผมอยากได้แฟ้มของลูกค้าที่ยกเลิกเซ็นสัญญาช่วงนี้"

เขาบอกแล้วยื่นกระดาษโน้ตกำกับวันที่ที่ต้องการไว้เรียบร้อยแล้ว อีกฝ่ายรับไปอ่านว่องไวแล้วรับคำพร้อมกับกลับออกไปทันที ก็เหมือนกันนั่นล่ะ ทุกคนที่ทำงานกับตรงฉัตรต้องรู้จักนิสัยไวและกระชับที่เขามีเป็นอย่างดี ไม่อย่างนั้น ก็คงร่วมงานกันไม่ได้ แล้วก็อย่าหวังว่าจะไปเรียกร้องความยุติธรรมใดๆ ถ้าเขาจะสั่งเลื่อนสั่งย้ายแล้วณพนาก็อนุมัติทันที

"คุณเก่งมากคุณปัญปัทม์ ถ้าสิ่งที่ผมกำลังสืบอย่างลับๆ รุดหน้าไปอย่างราบรื่นเพราะรูปถ่ายรูปนี้ของคุณละก็ ผมจะให้รางวัลด้วยการให้เข้าพบอีกครั้งตามที่คุณต้องการ อ้อ แต่แค่เข้าพบนะ ส่วนความร่วมมืออื่นๆ ก็คงต้องว่ากันไปตามสถานการณ์"

เขาพูดกับเธอผ่านรูปสำคัญในมือ ให้ได้ข้อมูลจาก 'เพ็ญพักตร์' มายืนยันเสียก่อนเถอะ นายสมเกียรติต้องดิ้นไม่หลุดแน่

เพราะการซุ่มซ่อนหลังกระถางต้นไม้ยักษ์ที่ประดับขนาบบันไดมันส่อเจตนาไม่บริสุทธิ์อยู่แล้ว ดึกดื่นขนาดนั้น ก็ต้องมีหนอนบ่อนไส้ล่ะ ที่จะอดทนให้ยุงชิมเลือดไปพลางๆ เพื่อเป้าหมายบางอย่างหลังจากที่เขากลับบ้านไปแล้ว




ประหลาดมากเลย ทำไมไม่มีประวัติของเขาเล่า เกิดมาจากโลกไหนหรือ ข้อมูลตั้งแต่แรกเกิดจนถึงอายุสิบเจ็ดหายไป จู่ๆ ก็มาโผล่ตอนอายุสิบเจ็ดถึงปัจจุบัน

แล้วที่ทำให้เธอหน้าแตกมากก็ตรงที่เขาไม่ใช่หนุ่มเบญจเพส แต่เกือบจะเป็นหนุ่มใหญ่อยู่แล้ว ผู้ชายอะไรหน้าใสเด้งเหมือนหนุ่มน้อย ไม่อยากเชื่อเลย

"แกเป็นอะไร ประวัติคุณตรงฉัตรคนนั้นพิลึกมากเลยหรือ อ้อ หรือว่าสืบเชื้อสายเจ้าฝั่งไหน ย้อนยุคไปถึงศรีสัชนาลัยอะไรพวกนั้นไหม"

"ฮื่อ พวกนั้นแหละ มาต่อยกันดีไหมพี่อม"

อมฤทธิ์หัวเราะขำๆ ชินเสียแล้วกับเสียงกระชากห้วนของสาวทนาย เอ็นดูว่าเป็นรุ่นน้องหรอกถึงได้ไม่ถือสา หรืออันที่จริงแล้ว ปัญปัทม์ห้วนห้าวแต่ปาก เธอเป็นสาวที่มีมารยาทและรู้ว่าควรแสดงกิริยาอะไรกับใครและยังไงเป็นอย่างดี

"ก็แล้วมันยังไงล่ะ จู่ๆ ก็พรวดพราดมาขอประวัติของเขา แกไม่มีหน้าที่สอดรู้สอดเห็นเรื่องพวกนั้นหรอก มันไม่เกี่ยวกัน หน้าที่ของแกก็คือทำยังไงก็ได้ให้เขายอมรับข้อกล่าวหา ทำยังไงก็ได้ที่จะพาเขากับคุณณพนามาเจอคุณพันศิลป์ แล้วก็เซ็นใบหย่ากันให้เรียบร้อย เท่านี้แหละ หน้าที่ของแกก็จะสำเร็จลุล่วงและจบอย่างอลังการงานสร้าง"

"แล้วปัทม์ก็จะกลายเป็นทนายความผู้ยิ่งใหญ่ ชื่อเสียงไหลมาเทมา งานก็ทะลักพรูเหมือนน้ำท่วมกรุง รับทรัพย์กันไม่อั้น เปิดร้านถ่ายรูปได้อย่างต่ำก็สามสาขา"

"เออ มันเป็นฝันที่สวยงามมากเลย" เจ้านายอารมณ์ดีตีขลุมขำๆ ให้เข้ากันกับประโยคแดกดันเสียงดุๆ

"ช่วยอะไรปัทม์หน่อย" เธอค้อนขวับ แล้วก็วกเข้าเรื่องงาน เสียงจริงจังและฟังดูน่าสนใจ

"ว่ามา"

"ปัทม์ต้องการประวัติโดยละเอียดของคุณตรงฉัตร"

"ไม่มี ที่มีก็เท่าที่แกเห็น แล้วไอ้ที่แกทำหน้าแปลกใจเมื่อกี้นี้น่ะ พี่ก็ทำมาแล้วตอนได้รับมันวันแรกโน่น"

"อะไรนะคะ"

"แกนึกว่าพี่เป็นใคร เป็นเจ้านายที่ดีแต่สั่งหรือ พี่ก็ต้องหาทางหนีทีไล่เตรียมไว้ให้น้องๆ มันด้วยสิเว้ย"

"หรือคะ"

"เออ ข้อมูลอะไรก็ตามที่พี่คิดแล้วว่ามันจะเป็นประโยชน์ต่อรูปคดี พี่ก็ต้องหาๆ เสาะๆ มาเตรียมๆ ไว้ก่อน แกอยากใช้หรือไม่อยากได้ก็ค่อยไปว่ากันอีกเรื่อง"

"โอ้โฮ นี่ปัทม์ไม่เคยนึกหรือมองพี่อมสูงส่งขนาดนั้นเลยจริงๆ ให้ตายสิ"

"เออ พี่ก็รู้ตั้งนานแล้วว่าตาแกถั่วมองเพชรอย่างพี่เป็นกรวด"

"เชอะ"

"นี่แกรู้ไว้เสียด้วยนะไอ้ปัทม์ พี่นี่น่ะ ทนายความมีคุณภาพเว้ย ไม่เห็นชื่อสำนักงานหรืออมฤทธิ์ฟิตทุกชัยชนะ"

ปัญปัทม์หัวเราะออกมาในที่สุด มันก็จริงของเขา แล้วอีกอย่างเธอก็ไม่ได้ตาถั่วมองเพชรอย่างเขาเป็นกรวดสักหน่อย เขาเป็นทนายความรุ่นพี่ที่เธอนับถือมากด้วยซ้ำ ไม่อย่างนั้นมีหรือจะยอมมาทำงานด้วยแค่ว่าเขาชวนเปรยๆ มากกว่าตั้งใจชวนในบ่ายวันนั้น

เอาล่ะ ทีนี้เธอก็เจอปัญหาที่เปรียบได้ดั่งถนนทองคำแล้วสินะ ถ้าเธอเสาะหาประวัติที่หายไปของพ่อเลขาเนื้อทองมาไว้ในกำมือได้ มันก็อาจจะกลายเป็นเครื่องต่อรองที่มีคุณสมบัติทำลายล้างความอวดดียโสของพ่อหนุ่มให้พังพินาศละสิ ใช่ เวลานี้มันอาจจะยากสักหน่อย เพราะไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นจากตรงไหน แต่งานยากไม่ใช่ปัญหาของปัญปัทม์หรอก 'ขอบอก'

จากคุณ : รัชนีกานต์
เขียนเมื่อ : 24 มิ.ย. 55 19:49:08




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com