Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
คฤหาสน์สนธยา ตอนที่ 11 ติดต่อทีมงาน

'เขาออกแรงดึงบ่วงเชือกให้รัดแน่นยิ่งขึ้น เชือกเส้นนี้เป็นส่วนประกอบหนึ่งของชุดผ้าม่าน เขานำมันมาจากห้องของตัวเอง แต่ห้องพักทั้งหมดถูกตกแต่งเป็นแบบเดียวกัน ดังนั้นภายในห้องของเธอก็ต้องมีเชือกที่เหมือนกันนี้อยู่อีกเส้น ที่เขาต้องทำคือถอดมันออกมา แล้วนำกลับไปเปลี่ยนแทนของเดิม

เขาใช้มือที่สวมถุงมือลูบไล้ไปตามเส้นผมของเธออย่างลืมตัว เขาอยากทำอะไรกับเธอตั้งมากมาย อย่างเช่น กินเธอ แต่ของทุกอย่างในห้องนี้ต้องถูกรบกวนให้น้อยที่สุด โดยเฉพาะร่างกายของเธอ เพราะมันคือหลักฐานชิ้นสำคัญ

เขาจดจ่ออยู่กับเสียงลมหายใจที่กำลังขาดหาย การบิดเกร็งของกล้ามเนื้อตลอดทั้งร่าง โดยที่ไม่อาจทำอะไรได้ นอกจากออกแรงรัด และหอบหายใจไปพร้อมกัน มันคือความรู้สึกขัดแย้งอย่างสุขสม

เธอยังอยู่ในอาการมึนงง ล่องลอยอยู่ในความรู้สึกกึ่งฝัน เนื่องจากยาที่เขาแอบผสมลงไปในอาหารมื้อสุดท้ายของเธอ มันจะถูกตรวจพบ แต่การเสพยาสำหรับอาชีพอย่างเธอนั้นเป็นที่เข้าใจได้ จะไม่มีใครรู้สึกแปลกใจกับเรื่องนี้มากนัก

ส่วนที่ยากคือการหาโอกาสเข้าถึงอาหารภายในครัวโดยไม่ถูกพบเห็น แต่มันก็ผ่านพ้นไปได้ด้วยดี และยังมีอีกสอง สามคนในคืนนี้ ที่จำเป็นต้องกินอาหารมื้อพิเศษของเขาเข้าไปด้วย 'ป่านนี้พวกนั้นคงกำลังผจญกับความรู้สึกที่ไม่เคยพบเจอมาก่อน' มันอาจจะเป็นฝันดี หรือผันร้ายทั้งที่ยังตื่นอยู่ก็เป็นได้

'มันก็ไม่ได้ต่างจากชีวิตจริงนักหรอก' เขาคิดอย่างขบขัน

ร่างของเธอบิดกระตุกเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะแน่นิ่งไป จุดจบ ความตายของเธอเดินทางมาถึง เขาหลับตา กลั้นลมหายใจ เสพรับกับความรู้สึกที่ไม่อาจอธิบายได้นี้ อำนาจอันเปี่ยมล้นที่มีเหนือชีวิตของผู้อื่น อำนาจที่เปรียบประดุจเทพเจ้า

'งานเลี้ยงยังไม่จบ' เขาเตือนตัวเอง

เขาได้ความรู้จากวิชาการต่อสู้ด้วยมือเปล่าที่เคยเรียนว่า เมื่อหมดสติ หรือตายอย่างในตอนนี้ เมื่อปราศจากแรงต่อต้านขัดขืน ร่างกายของคนเราจะเหมือนกับมีน้ำหนักมากขึ้นกว่าเดิม แต่ด้วยร่างกายบึกบึนแบบนักกีฬาของเขา ทำให้การย้ายร่างไร้วิญญาณของเธอทำได้อย่างง่ายดาย

'ต้องระวังไม่ให้เกิดรอยลาก' เขาทบทวนขั้นตอนต่างๆ ภายในใจ ล้วงไฟฉายเล็กๆ ที่ถูกพลางให้เป็นแสงสีแดงออกมา ความสว่างของมันเพียงพอให้เขามองเห็น แต่ไม่มากพอที่จะทำให้ถูกพบจากภายนอกได้โดยง่าย 'ต้องไม่ส่องแสงไฟไปที่หน้าต่างโดยตรงอย่างเด็ดขาด'

ปลายเชือกอีกข้างถูกนำไปผูกเข้ากับเหล็กดัดรูปดอกไม้ซึ่งใช้ป้องกันผู้บุกรุก และประดับบานหน้าต่างของห้องพักทีถูกตกแต่งเป็นแบบตะวันตก ถึงตอนนี้มันต้องรับหน้าที่พิเศษเพิ่มอีกอย่างหนึ่ง คือการเป็นหลักประหารให้กับเธอ

ปมที่ใช้ต้องไม่ใช่ปมแบบมืออาชีพ ไม่ใช่ปมที่ซับซ้อน ไม่ใช่ปมที่ถูกต้อง แต่เป็นปมธรรมดาแบบที่คนทั่วไปใช้ ปมที่ผูกขึ้นอย่างผิดๆ ถูกๆ เหมือนกับอีกปมที่อยู่ด้านหลังคอของเธอในตอนนี้

เขาค่อยๆ ปรับท่าร่างของเธอให้ได้ตามต้องการ ตรวจดูทั้งหมดซ้ำอีกครั้ง ตำแหน่งความสูงก็เป็นอีกเรื่องที่ต้องใส่ใจ มันต้องเหมาะเจาะพอดี 'ร่างจะต้องลอยอยู่ในระดับที่มากพอ แต่ไม่สูงจนเกินไป' เขาดันชุดโต๊ะ เก้าอี้ ข้างหน้าต่างให้ขยับห่างออกไปเล็กน้อย 'ต้องไม่มากจนดูเหมือนจงใจ แต่ต้องไม่น้อยจนทำให้ร่างนั้นดูอึดอัด'

เขาถอยออกมาก่อนหลับตาลง เดินทางย้อนเวลากลับไปภายในความคิด

เขามองเห็นเธอนั่งซึมอยู่เพียงลำพัง นิยายที่เขียนค้างถูกเปิดกางวางทิ้งไว้บนโต๊ะ เธอคิดอะไรไม่ออก ความคิดตีบตันเป็นครั้งที่เท่าไรแล้วก็ไม่รู้ มันเป็นทั้งความสุข และความทุกข์ในเวลาเดียวกัน

เธอพยายามคิด และคิด แต่ก็คิดอะไรดีๆ ไม่ออก เธอเดินทางมายังที่พักห่างไกลแห่งนี้ด้วยคำแนะนำจากเพื่อนคนหนึ่ง เพื่อนที่เธอมีเหลืออยู่เพียงหยิบมือ มาเพื่อหาแรงบันดาลใจให้กับการเขียนนิยายเรื่องใหม่ มาโดยไม่รู้ว่ามีคนอย่างเขากำลังรออยู่ มาโดยไม่รู้ว่าได้ถูกเพื่อนขายทิ้งเสียแล้ว

เธอวางดินสอในมือลง 'กระดาษกับดินสอ' มันเป็นวิธีการเขียนนิยายที่ไม่เหมือนใครซึ่งเขาพึ่งค้นพบ ผู้ช่วยของเธออาจจะเป็นคนพิมพ์ต้นฉบับทั้งหมดจากลายมือเหล่านี้ นำมาให้เธอตรวจทาน และแก้ไขอีกครั้ง ตราบเท่าที่นิยายของเธอยังคงขายได้ จะแปลกประหลาดอย่างไร มันก็คงไม่เป็นปัญหา

เขาลืมตาขึ้น ส่องแสงไฟไปยังจุดหมาย ทุกอย่างบนโต๊ะวางอยู่ในตำแหน่งที่ถูกต้อง

เธอหลับตา ยกสองมือขึ้นกุมศีรษะก่อนบีบมันเบาๆ ในนั้นมีแต่ความว่างเปล่าที่แสนเจ็บปวด เธอแลบลิ้นเลียริมฝีปาก ในเวลาแบบนี้เธอจะรู้สึกต้องการ มัน ในครั้งแรกอาจเกิดจากการชักชวนของใครบางคน ลองใช้ไปโดยไม่ทันคิดให้รอบคอบ แต่ที่จริงแล้ว มันมีจุดเริ่มต้นมาจากความอ่อนแอภายในจิตใจนั่นเอง

เธอลุกขึ้นแล้วเดินไปหยิบกระเป๋าใบเล็กออกมา กระเป๋าเล็กๆ ไว้ใส่สิ่งของเล็กๆ ที่ผู้หญิงส่วนใหญ่ชอบมี เขาลืมตาขึ้น พบมันวางอยู่บนโต๊ะ ในนั้นมีซองพลาสติกใส่สารแปลกๆ ที่เธอตัวจริงไม่เคยมี เขาปิดตา เธอนำมันใส่ปากก่อนดื่มน้ำตามลงไป

'น้ำ' เขามองไปรอบๆ ไม่พบเห็นสิ่งที่ต้องการ ตรวจดูซ้ำอีกครั้งจนแน่ใจ แล้วจึงเดินไปหยิบขวดน้ำที่เปิดแล้วออกมาจากตู้เย็นขนาดเล็กภายในห้อง เขาพิจารณาสิ่งของต่างๆ บนโต๊ะ ก่อนวางมันลงในตำแหน่งที่ถูกต้อง

หลังจากนั้นไม่นาน จิตใจของเธอก็เริ่มล่องลอยออกไปสู่ท้องทะเลกว้าง ฝูงปลามากมายนับไม่ถ้วนว่ายวนอยู่รอบๆ ตัว เธอเริ่มเต้นรำ และพวกมันทั้งหมดก็ร่ายรำไปพร้อมกับเธอ ดนตรีแห่งท้องทะเลดังก้อง ปลาทั้งหมดค่อยๆ หลอมรวมกันเข้า จนกลายเป็นปลาฉลามวาฬขนาดยักษ์เพียงตัวเดียว มันอ้าปากกว้าง แล้วเริ่มส่งเสียงหัวเราะ

เขาพยายามไม่ใส่ใจกับจินตนาการส่วนเกินเหล่านี้ แต่พวกมันดูเหมือนมีตัวตนจริงจังอย่างไม่น่าเชื่อ เขาพยายามปิดมัน ก่อนย้อนกลับมายังเหตุการณ์ที่ดำเนินต่อไปในความคิด

เธอลุกขึ้นอย่างงงงง เดินไปที่ผ้าม่านผืนหนึ่ง เขาเดินตามไปยังตำแหน่งดังกล่าว แล้วถอดเชือกเส้นหนึ่งในผ้าม่านที่เธอต้องการออกมา ตรวจดูคร่าวๆ ว่ามันเหมือนกับเส้นที่เขานำมาใช้ ก่อนเก็บไว้ในกระเป๋าของตนเอง

เมื่อได้สิ่งที่ต้องการแล้ว เธอก็เดินกลับไปที่หน้าต่าง ก่อนลงมือผูกมันเข้ากับเหล็กดัดด้วยปมที่เขาใช้ ในตำแหน่งเดียวกันอย่างไม่ผิดเพี้ยน มันอาจจะไม่ใช่ครั้งแรกที่เธอทำแบบนี้ อาจจะไม่ใช่ครั้งแรกสำหรับที่นี่ด้วย เพราะเธอเข้าพักมาแล้วหลายคืน แต่มันจะกลายเป็นครั้งสุดท้าย

ซึ่งเธอยังไม่รู้ เมื่อไม่รู้ มันก็จะไม่มีจดหมาย ไม่มีการสั่งเสีย ไม่มีอะไรทั้งนั้น 'หวังว่าตำรวจพวกนั้นคงฉลาดพอที่จะคิดตามได้ทัน'

เธอนั่งยองๆ ก่อนคล้องเชือกเข้าที่ลำคอของตนเอง ดันโต๊ะ เก้าอี้ ที่อยู่ข้างๆ ออกไปอย่างไม่ตั้งใจ พวกมันจะอยู่ในตำแหน่งอย่างที่เป็นอยู่ในตอนนี้ เธอเริ่มกระทำสิ่งอันเป็นความลับดำมืดในชีวิต ที่ต่างมีเก็บซ่อนลึกอยู่ภายในจิตใจที่สับสน ทุกคนต่างมี แต่แตกต่างกันออกไป

ขาของเธอค่อยๆ เหยียดยืดออก น้ำหนักตัวจะดึงให้เชือกรั้งจนตึงแน่น ทางเดินหายใจถูกปิด ความอึดอัดที่เย้ายวนค่อยๆ ทวีความรุนแรงมากขึ้น หนึ่งครั้ง สองครั้ง สามครั้ง ก่อนที่มันจะเลยเถิดจนหลุดจากการควบคุมของเธอในที่สุด พวกนักข่าวจะโดดเข้างับเรื่องนี้ไม่ยอมปล่อย เพราะมันเป็นเรื่องที่ขายได้

ร่องรอยการปีนเข้ามาภายในห้อง จากช่องเปิดบนหลังคาห้องน้ำซึ่งถูกออกแบบไว้ให้สามารถมองเห็นท้องฟ้าได้นั้น ไม่น่าจะมี เพราะเขาระมัดระวังอย่างที่สุด โดยใช้ความแข็งแกร่งของร่างกายให้เกิดประโยชน์ ส่วนร่องรอยเล็กๆ น้อยๆ ที่อาจมีบนพื้นดินด้านนอกจะถูกพนักงานที่ทำหน้าที่รดน้ำต้นไม้ในตอนเช้า ช่วยทำลายให้จนหมด

จินตนาการของผู้คนที่เข้ามาเกี่ยวข้องจะทำหน้าที่ขยายมันต่อไป และจะยิ่งทำให้ความเชื่อเรื่องการฆ่าตัวตายโดยอุบัติเหตุมีน้ำหนักมากยิ่งขึ้น หากไม่มีสิ่งน่าสงสัย เมื่อตำรวจไม่แน่ใจว่ากำลังมองหาอะไร รายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ เหล่านี้จะถูกมองข้าม พวกเขาจะสรุปไปตามที่ถูกลวงตา ทุกอย่างจะจบลงด้วยดี

สมบูรณ์แบบ มันไม่ใช่การฆ่าอย่างมักง่าย ไม่ใช่การฆ่าที่จะนำมาซึ่งการถูกไล่ล่าอย่างไม่รู้จบ มันเป็นการฆ่าที่มีการวางแผนล่วงหน้าเอาไว้เป็นอย่างดี การฆ่าที่ไม่ใช่ฆาตกรรม มันคือ ศิลปะแห่งการฆ่า ในแบบที่เขาคิดขึ้น

เขาลืมตา มองดูจุดจบ และเรื่องราวของเธอที่เขาเป็นคนจัดการให้ ทุกอย่างถูกต้องเหมาะสมอย่างที่ควรจะเป็น ความจริงแล้วเขายังอยากที่จะอยู่ภายในห้องนี้อีกสักครู่ เพื่อปลดปล่อยความลับดำมืดในจิตใจที่สับสนของเขาออกมาบ้าง มันจะใช้เวลาเพียงไม่นาน มันจะไม่มีความผิดพลาดใดๆ เกิดขึ้น 'ไม่ได้' เขาปัดความต้องการของตัวเองทิ้งไป เพราะความประมาทคือหนทางแห่งหายนะ

'ได้เวลาไปแล้ว' เขาไม่กังวลในการกลับออกไป เพราะ ประตู เป็นคำตอบที่ง่าย และดีที่สุด

เขาเดินไปที่ประตู เปิดมันออกช้าๆ ก่อนมองออกไปในทางเดินว่างเปล่าอย่างไม่ใส่ใจ ไฟยังคงดับอยู่ และมันจะดับต่อไป จนกว่าพนักงานที่รู้เรื่องระบบไฟฟ้าจะหาฟิวส์ที่ขาดมาเปลี่ยนได้ในเวลากลางดึกแบบนี้ 'ซึ่งคงอีกนาน' นั่นเป็นข้อดีสำหรับพื้นที่ห่างไกล กับระบบไฟฟ้าโบราณ ไม่มีกล้องวงจรปิด ไม่มีแสงไฟ ไม่มีใครเดินเพ่นพ่านไปมาในเวลากลางคืน

เขาก้าวออกไป ปิดประตูเอาไว้อย่างเรียบร้อย เดินช้าๆ พร้อมกับถอดหน้ากาก ถุงมือ ถุงสวมเท้า ที่ใส่เอาไว้ออก ทั้งหมดจะถูกนำไปกำจัดให้หายไปตลอดกาลหลังจากนี้

เขายังต้องแวะกลับไปหากลุ่มเพื่อน ซึ่งได้รับประทานอาหารมื้อพิเศษของเขาเข้าไปด้วย เพื่อนที่คงกำลังสนุกสนานอยู่กับประสบการณ์แปลกใหม่ในชีวิต เพื่อนที่ถูกทำให้คิดว่า ทั้งหมดยังคงอยู่ด้วยกันตลอดเวลา พวกเขาจะเป็นพยานที่ดี ในกรณีที่ใครบางคนอาจมีข้อสงสัยเกิดขึ้น

เงินสดก้อนโตจะถูกส่งถึงมือเขาตามที่ต้องการ ไม่มีหลักฐาน ไม่มีความเชื่อมโยงใดๆ ให้สืบค้นได้ เขามีแผนที่จะใช้พวกมันเตรียมไว้เรียบร้อยแล้ว การลงทุนในแบบของเขา การลงทุนที่ก่อให้เกิดทั้งผลกำไร และความพึงพอใจให้กับความต้องการที่มืดดำในเวลาเดียวกัน

เรื่องทั้งหมดนี้มันเริ่มขึ้นได้อย่างไร

ในบั้นปลายชีวิตของชายคนหนึ่ง ที่ถึงแม้จะประสบความสำเร็จจนร่ำรวย แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะต้องมีความสุข เขาหวนนึกถึงสิ่งผิดพลาดมากมายที่เคยก่อไว้ในอดีต หนึ่งในนั้นคือลูกสาวที่ทอดทิ้งไป เขาต้องการชดใช้ในสิ่งที่ตัวเองก่อไว้ หรือไม่ก็พยายามที่จะหาทางปลอบประโลมใจตัวเอง เขาตั้งใจที่จะแบ่งสมบัติบางส่วน คืนสิ่งที่ควรได้รับให้กับเธอ

แน่นอนที่ผู้รอรับมรดกคนอื่นๆ ต้องไม่เห็นด้วย เพราะหมายถึงส่วนแบ่งที่ถึงแม้จะมีอยู่มากมาย แต่ก็ต้องถูกลดทอนลงไปโดยไม่จำเป็น ในเมื่อร่างกายของชายคนนั้นอยู่ในสภาพที่ไม่อาจทำอะไรได้มากนัก แต่ยังคงดื้อรั้นไม่ยอมฟังใคร พวกเขาก็มีอีกทางเลือกหนึ่ง ที่ทำให้ส่วนแบ่งลดลงน้อยกว่า

'หากไม่มีผู้หญิงคนนั้น ทุกอย่างก็จบ'

มันจึงกลายเป็นพินัยกรรมเลือด เป็นคำพิพากษาแห่งความตายสำหรับเธอ เป็นสิ่งสุดท้ายที่ชายผู้นั้นมอบให้ แม้ว่าเขาจะไม่ได้ตั้งใจก็ตาม

คนรวยพวกนั้นไม่ธรรมดา พวกเขาตามหาเธอจนพบ และที่สำคัญ ยังตามหาเขาซึ่งใช้ชีวิตครึ่งหนึ่งอยู่ในแสงสว่าง และซ่อนร่างอีกด้านหนึ่งเอาไว้ในความมืดจนพบ เขา ที่ต้องดิ้นรนเอาชีวิตรอดด้วยตัวเองมาตั้งแต่เด็ก ต้องทำทุกอย่าง ทุกหนทาง แม้แต่การล่าผู้อื่น เพื่อให้ได้เงินมา

เขา เธอ กับพวกเหล่านั้น อาจมีความสัมพันธ์บางอย่าง บิดาของพวกเขา คนที่ทิ้งเธอไปตั้งแต่ยังเด็ก อาจเป็นคนเดียวกับบิดาที่ทิ้งมารดา และตัวเขา อย่างที่คนพวกนั้นบอกไว้

ชายคนนั้นอาจนึกถึงเธอกับมารดา แต่จะไม่มีวันนึกถึงผู้หญิงอีกคนหนึ่ง กับเด็กที่เกือบจะไม่มีโอกาสได้ลืมตาออกมาดูโลกอย่างเขา ไม่ว่ามารดาจะเคยพูดอย่างไร แต่สุดท้ายก็ยังตั้ง ชื่อ นามสกุล ของเขาตามชายชาวต่างชาติผู้นั้น นั่นอาจเป็นเบาะแสที่พวกนั้นใช้สาวมาจนถึงตัวเขา แต่ถึงรู้อย่างนั้น เขาก็จะยังคงใช้มันต่อไป

คนพวกนั้นเสนอเงินก้อนโต พร้อมทั้งบอกว่าจะจัดส่งเธอมาให้เขาเป็นคนจัดการถึงที่ บางที มันอาจเป็นอารมณ์ขันบ้าๆ บอๆ ของคนรวยพวกนั้นก็เป็นได้ แต่เขาไม่สนใจ เขาตกลงที่จะรับงาน

เขาไม่มีความสัมพันธ์อะไรกับใครทั้งสิ้น ทั้งหมดนี้ไม่ใช่เพราะความโกรธแค้น แต่เป็นเพราะเงินเพียงอย่างเดียวเท่านั้น เขาจะฆ่า ไม่ว่าจะเป็นใคร นามสกุลอะไรก็ตาม ฆ่าแล้วรับเงินมา มันก็เท่านั้น

พี่น้องที่ไม่ใช่พี่น้อง ความสัมพันธ์อันไร้สาระ ไม่มีอะไรแบบนั้น แม้แต่พี่น้องที่แท้จริงก็ยังไม่อาจหวังในสิ่งใดได้ ทุกสิ่งเป็นภาพลวงตา มีเพียงตัวเรา และเราเพียงคนเดียวในโลกโดดเดี่ยวใบนี้'

หญิงสาวปิดหนังสือในมือ ก่อนทอดสายตามองไปยังท้องทะเลกว้าง ฉากการฆาตกรรม และเนื้อเรื่องที่บิดเบี้ยวในนิยายเรื่องนี้ยังคงส่งผลกับความรู้สึก แต่เธอกลับไม่อาจตัดใจเลิกอ่านมัน เธออยากรู้ตอนจบ แต่ไม่ใช่ด้วยการเปิดไปยังหน้าสุดท้าย และจากความหนาของหนังสือที่เหลืออยู่ มันคงอีกไม่นานแล้ว

นิยายที่ดำเนินไป ตอนจบที่ผู้เขียนต้องทุ่มเทอย่างเต็มที่ เพื่อจัดการทุกสิ่งทุกอย่างที่ได้วางไว้ตั้งแต่ต้นให้ลงตัว แต่เขาก็ยังสามารถย้อนกลับไปแก้ไขเนื้อเรื่องที่ผ่านมาได้ จนกว่าจะพอใจ ซึ่งต่างจากชีวิตจริงที่ดำเนินไป โดยไม่อาจย้อนคืน กับตอนจบแบบเดียวที่มีไว้ให้สำหรับทุกคน

'แต่มันเหลือน้อยเกินไป เรื่องจะจบลงอย่างไรกันนะ'

เธอมองดูหน้าปก รูปที่นำมาใช้เหมือนกับเป็นภาพวาดจากฝีมือของผู้ป่วยทางจิต สีต่างๆ เลอะเทอะไปทั่ว ทั้งสีฟ้าอมเทา สีดำ สีขาว และสีแดง แวบหนึ่งเธอมองเห็นมันเป็นเงาลางเลือนของสิ่งก่อสร้างบางอย่าง เป็นปลาวาฬตัวโต และหยดเลือดสาดกระเซ็นเต็มหน้ากระดาษ

ภาพสุดท้ายนั้นทำให้เธอพยายามเลิกคิดถึงพวกมันทั้งหมด

'เวลา ไม่ใช่สิ่งคงที่ ที่น่าปวดหัวกว่านั้น มันไม่จำเป็นต้องเดินทางเป็นเส้นตรง ทุกวันนี้ เราเอาแต่กระโดดไปมาระหว่าง อดีต ปัจจุบัน อนาคต และจินตนาการ ภายในจิตของเราอยู่ตลอดเวลา'

นั่นเป็นคำโปรยที่พิมพ์อยู่บนปกหลัง ซึ่งดูไม่ค่อยเข้ากับเนื้อเรื่องสักเท่าไร ผลงานของนักเขียนที่ใช้นามปากกาประหลาดว่า โส่ย ซึ่งเธอไม่เคยได้ยินมาก่อน และหากได้พบเจอหนังสือเล่มอื่นของนักเขียนผู้นี้ เธอก็คงต้องคิดหนักว่าจะหยิบขึ้นมาอ่านดีหรือไม่

มันมีหลายอย่างที่ไม่ปกติ อยู่ในงานเขียนของ เขา หรือ เธอ ถึงจะน่าสนใจ แต่ก็ชวนอึดอัด อีกทั้งยังให้ความรู้สึกบิดเบี้ยวในระหว่างที่อ่าน 'และมันไม่ปลอดภัย' นั่นไม่ใช่ความรู้สึกที่ควรจะเกิดจากการอ่านหนังสือเลยสักนิด

เธอเก็บมันกลับเข้าไปในเป้ลายเสือสีเหลืองพาดดำ ที่สะพายติดตัวมา เมื่อหนังสือหลุดจากปลายนิ้ว เธอก็เกิดความรู้สึกโดดเดี่ยวขึ้นอย่างประหลาด

เธอลุกขึ้นยืนบิดตัวเพื่อขับไล่ความเมื่อยล้า ทะเลสีเขียวทอดยาวไกลอยู่ทางเบื้องหน้า แต่ที่ด้านหลังเป็นคฤหาสน์หลังใหญ่ซึ่งกำลังตบแต่งในขั้นสุดท้าย แต่ก็เปิดให้ลูกค้าเข้าพักแล้ว

เธอไม่ชอบมันเลยสักนิด ไม่ใช่แค่ความแปลกประหลาดของโครงสร้างภายนอก ไม่ใช่การก่ออิฐเลียนแบบอาคารโบราณ ไม่ใช่บานหน้าต่างไม้ขนาดใหญ่ที่มีลวดลายงดงาม แต่อยู่ผิดที่ผิดทาง ไม่ใช่หลังคาที่เต็มไปด้วยยอดแหลมคอยทิ่มแทงท้องฟ้าพวกนั้นด้วย แต่เป็นความรู้สึกบางอย่างที่แผ่กระจายออกมาจากตัวมัน

'มัน ใช่ ฉันรู้สึกอย่างกับว่ามันมีชีวิต'

ในบริเวณใกล้ๆ นี้ไม่มีที่พักอื่นใดอีกแล้ว เธอติดอยู่ที่นี่ สถานที่เงียบๆ เพื่อใช้ตัดสินใจเรื่องสำคัญในชีวิต ดั้งนั้นเธอจึงต้องกลายเป็นแขกเพียงหนึ่งเดียวของสถานที่พิลึกในคืนนี้

เธอหันหน้ากลับไปหาท้องทะเลอีกครั้ง ทะเลที่เธอรัก คลื่นที่ซัดสาด หาดทราย สายลม และสิ่งสำคัญที่สุดก็ต้องเป็น น้ำทะเล เพราะมันคือสิ่งที่ทำให้ทะเลเป็นทะเล เธอค่อยๆ เคลื่อนสายตาไปตามแนวชายหาด ก่อนพบเห็นเงาของใครบางคนนั่งนิ่งอยู่บนหาดทรายห่างออกไปไม่ไกลนัก เธอพึ่งพบเห็นเขา และรู้สึกเหมือนถูกดึงดูดอย่างประหลาด

ความโดดเดี่ยวที่เป็นเหมือนกับเกลียวคลื่น มันพยายามผลักทุกสิ่งออกพ้นไปในยามสาดซัดเข้าสู่ฝั่ง ผลักดันทุกอย่างให้ออกไปจากตัวมัน แต่ในเวลาเดียวกัน มันก็ลากพาสิ่งที่เคยพยายามผลักไสนั้น ให้กลับคืนลงสู่ทะเลไปด้วย

ความโดดเดี่ยวที่คอยผลักไสตัวเองออกไป และดึงดูดผู้เปลี่ยวเหงาให้เคลื่อนเข้าหากัน

เธอนั่งลงอย่างกระสับกระส่าย พยายามจะมองไปทางอื่น แต่ความคิด ความสนใจทั้งหมดกลับถูกดึงดูดไปยังเงาหลังของชายคนนั้น เธอใจสั่นอย่างที่ไม่เคยเป็น จนในที่สุดก็ทนไม่ไหว เธอลุกขึ้น กระชับเป้ ก่อนก้าวออกจากเงื้อมเงาทึบหนาจนราวกับจะสามารถจับต้องได้ของสิ่งก่อสร้างทางด้านหลัง เดินไปอย่างมั่นคง

ทุกครั้งที่เหลือบมองไปยังสิ่งอื่น ดูทางข้างหน้า หรือกระพริบตา เธอคิดอยู่เสมอว่าเขาจะหายไป ง่ายๆ อย่างนั้น ตอนนี้ยังอยู่ แล้วจู่ๆ ก็หายวับไป มันจะต้องมีอะไรบางอย่างเกิดขึ้น อาจมีคลื่นสูงซัดเข้ามา กลืนเขาหายลงทะเลไป เธอจะไม่ได้พบกับเขาอีกตลอดกาล เธอกลัวอย่างนั้น แต่มันก็ไม่เป็นอย่างนั้น

เขาอยู่ตรงหน้านี้แล้ว ห่างออกไปไม่ไกล เป็นจริงเหมือนกับที่คนคนหนึ่งจะเป็นได้ สิ่งแรกที่เธอเห็นคือชายคนนี้ไว้หนวดเครา กับแว่นดำที่ถูกยกคาดไว้เหนือหน้าผาก เขากำลังอยู่ในโลกของตัวเอง สายตาจ้องมองทะเลราวกับคนรัก ดวงตาที่ดูเศร้าโศก ในมือของเขามีหนังสืออยู่เล่มหนึ่ง

'ไม่' มันไม่ใช่หนังสือ 'ดูเหมือนจะเป็นสมุดบันทึกมากกว่า' มีลายมือเขียนอยู่บนหน้ากระดาษค่อนข้างเป็นระเบียบ เธอกำลังลังเลว่าควรจะส่งเสียงเพื่อให้เขารู้ตัว แต่ก็กลัวว่าจะเป็นการทำลายห้วงความคิดบางอย่าง ที่อาจกำลังก่อตัวขึ้นในหัวของเขา มันเป็นภาวะกระอักกระอ่วนที่แสนคุ้นเคย

“อดีต ปัจจุบัน อนาคต ความทรงจำ ความฝัน จินตนาการ ทั้งหมดนั้นคือโลกของแต่ละคน บ่อยครั้งที่พวกมันจะซ้อนเหลื่อม กระทบกระทั่ง ส่งผลถึงกันและกัน จนบางครั้ง เกิดเป็นผลลัพธ์ที่คาดไม่ถึง”

เธอคงคิดว่ามันเป็นเสียงที่ดังขึ้นในหัวของตัวเอง เสียงลึกลับที่ดังมากับเกลียวคลื่น หรือในสายลม หากไม่เห็นริมฝีปากของเขาขยับตามไปด้วย เขายกสมุดบันทึกในมือขึ้นดู มันคงเป็นหนึ่งในข้อความที่ถูกเขียนอยู่ในนั้น มันอาจเป็นหนึ่งในงานเขียนของเขาเองก็เป็นได้

เธอตัดสินใจใช้คำพิเศษ คำที่เป็นดุจดั่งยามเช้า จุดกำเนิดแห่งจักรวาล การเริ่มต้นของทุกสิ่ง คำที่เก่าแก่ คำที่ใช้ได้ดีเสมอ ปากของเธอขยับ คำพูดนั้นสั่นไหวอากาศโดยรอบ ก่อเกิดเป็นตัวตน เชื่อมโยงสองฟากฝั่ง ไม่ว่าปลายทั้งสองด้านนั้นจะอยู่ห่างไกลกันเพียงใด

“สวัสดีค่ะ...”

แก้ไขเมื่อ 27 มิ.ย. 55 23:23:27

จากคุณ : zoi
เขียนเมื่อ : 25 มิ.ย. 55 07:47:07




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com