15/1
แสงอรุณยามเช้าในฤดูร้อนเพิ่มความอบอุ่นภายในห้องติดเครื่องปรับอากาศเย็นฉ่ำ ลลิลดาปรือตามองคนนอนหลับสนิทข้างกาย เขาคงเพิ่งนอนเมื่อเช้าตรู่ที่ผ่านมา เพราะตอนที่เธอตื่นขึ้นมากลางดึก เขายังคงกุมมือเธอไว้พลางมอบจุมพิต จนเธอผล็อยหลับไปอีกครา
เขาปฏิบัติต่อเธออย่างทะนุถนอมและเทิดทูน แสดงออกว่าเธอมีค่าและหวงแหน สร้างความอิ่มเอมใจแก่หญิงสาวยิ่งนัก ผู้หญิงคนหนึ่งจะต้องการสิ่งใดจากคนรักมากกว่านี้คงไม่มีอีกแล้ว
เธอเกลี่ยเส้นผมสีดำสนิทซึ่งตกลงมาปรกหน้าผากคนหลับใหล พิมพ์ภาพใบหน้าอันเปี่ยมสุขนั้นติดตรึงในใจ ลลิลดาเคลื่อนกายลงจากเตียงแผ่วเบา ก่อนจัดการสวมเสื้อผ้าในเวลารวดเร็ว เสียงลมหายใจสม่ำเสมอบอกว่าคาชาลยังคงด่ำดิ่งในห้วงนิทรา เขาควรพักผ่อนอย่างเต็มที่ในวันหยุดเช่นนี้ เธอค่อยแง้มประตูปิดแล้วกลับห้องตนเอง
ผ้าปูที่นอนเรียบตึงของเตียงสี่เสาสั่นไหวหัวใจคนมอง กรอบรูปซึ่งมีรูปเธอกับแม่ไว้ดูต่างหน้าตั้งบนโต๊ะหัวเตียง สองแขนแม่โอบรอบคอเธอด้วยความรักและหวงแหน สายตาของแม่มองกล้องอย่างอ่อนโยนอย่างคนไม่เคยถือโกรธทุกสิ่ง เธอควรจะนอนที่นี่เมื่อคืน โทรศัพท์พูดคุยกับท่าน แต่ทุกอย่างก็ผ่านไปด้วยความเต็มใจของเธอ
หากถามว่าเสียใจไหม เธอไม่เสียใจเลยที่ได้มอบกายให้เขา นอกจากละอายแก่ใจเท่านั้นที่ตนไม่ได้ปฏิบัติตามคำสอนของแม่ เผลอกายเผลอใจไปกับชายหนุ่มก่อนเวลาอันสมควร เธอเคยภูมิใจที่ตนสามารถรักษากายใจมาได้กว่ายี่สิบเจ็ดปี มาบัดนี้ความภาคภูมิใจนั้นหมดไปแล้ว แต่ก็แทนที่ด้วยความรู้สึกเป็นเจ้าข้าวเจ้าของ เป็นหนึ่งเดียวกันกับเขามาชดเชย
ลลิลดายุติความคิดฟุ้งซ่านด้วยการเตรียมตัวอาบน้ำ เหตุการณ์ดำเนินมาจนถึงจุดนี้แล้วจะย้อนไปแก้ไขอะไรไม่ได้ อนาคตต่างหากที่เธอต้องก้าวต่อไปอย่างระมัดระวัง แต่จะเป็นไปได้สักกี่น้ำก็ไม่รู้อีกนั่นแล เธอแพ้ทางคาชาลกระมัง แล้วยังแพ้ใจตัวเอง
............................
แสงแดดเจิดจ้าในฤดูร้อนของคาซาเนีย ประเทศที่ภูมิอากาศส่วนใหญ่หนาวเย็น เย้ายวนใจให้ออกไปรับอากาศอบอุ่นเหลือเกิน หลังรับประทานอาหารเช้าเพียงลำพัง แขกสาวจึงตัดสินใจออกไปเดินเล่นรอบๆ ตัวบ้าน โดยไม่วายกำชับนินาว่าไม่ต้องปลุกคาชาล
พื้นหญ้านุ่มใต้ฝ่าเท้าชวนให้หวนนึกถึงยามที่ตนก้าวย่างไปบนทุ่งหญ้าโล่งสุดลูกหูลูกตา ลลิลดาเดินลัดเลาะไปตามตัวอาคารถึงด้านหลังก็พบสนามหญ้าเขียวขจีกว้างไกล ลิบสายตานั้นแลละม้ายโรงเรือน แล้วเธอก็เห็นคนกำลังจูงม้าออกมา เท่านั้นก็ไม่รอช้า ขาเรียวกึ่งวิ่งกึ่งเดินตรงไปทันที
ร่างบางมาหยุดหอบหน้าชายชราผู้มีใบหน้าอวบอูมสีชมพู เขาตบแผงคอเจ้าม้าก่อนปล่อยมันเดินอย่างอิสระ เย้าหยอก วิ่งเล่นกับเพื่อนฝูง เธอหันมองโรงเรือนสีเทาสลับกับบุรุษสูงวัยอีกครั้งหนึ่ง เขาถอดหมวกเผยศีรษะล้านโค้งให้เธอ
คุณรู้จักฉันหรือคะ เธอเอ่ยช้าด้วยไม่แน่ใจว่าอีกฝ่ายฟังตนออกหรือไม่
หากเขาฉีกยิ้มกว้างขวาง ตอบกลับมาคล่องทีเดียว แมมคงจะเป็นแมม แขกพิเศษของ ยาโบคาชาล มีผู้หญิงคนเดียวเท่านั้นล่ะครับที่ได้เข้ามาอยู่บ้านนี้
หญิงสาวยิ้มรับด้วยใบหน้าซับสีเรื่อ สรรพนามนั้นดูจะติดปากทุกคนที่นี่จนยากเปลี่ยนแปลง พอๆ กับที่ทุกคนเรียกขานคาชาลว่า ยาโบ ซึ่งแปลว่าเจ้านาย
แล้วยาโบล่ะครับ ทำไมให้แมมออกมาคนเดียว
ฉันออกมาเดินเล่นเท่านั้นค่ะ พอเห็นว่ามีคอกม้าก็อดมาดูด้วยตาไม่ได้
แมมชอบม้า...
ฉันชอบสัตว์ทุกชนิดกระมัง
เสียงห้าวหัวเราะกังวานอย่างชอบใจ ลลิลดาพลอยยิ้มตาม รู้สึกถูกอัธยาศัยไมตรีกับชายชราอันดี ตนคงหายเหงา ได้เพื่อนต่างวัยก็คราวนี้เอง
คุณอยู่ที่นี่มานานแล้วหรือคะ
ตั้งแต่ตอนที่ยาโบหาคนดูแลม้าแหละครับ ผมรู้จักกับยาโบนิโก้อีกที แล้วแกก็แนะนำให้ผมมาทำงานกับยาโบคาชาล เขาเล่าด้วยน้ำเสียงซาบซึ้ง คนดีทั้งคู่เลย พี่น้องสองคนนี้ คนดีจริงๆ
บุรุษสูงวัยสูดจมูกพลางพร่ำพรรณนา เขาแสดงความรู้สึกเปิดเผยราวเด็กๆ คนฟังปลาบปลื้มเช่นกันที่คาชาลมีคนรักอย่างแท้จริง
เธอย่นคิ้วมองท่าเดินทุลักทุเลของอีกฝ่ายขณะเดินไปจูงม้าตัวหนึ่งมาหาเธอ เจ้าม้าตัวใหญ่ใช้หัวดุนชายเสื้อของคนเลี้ยงคล้ายกำลังหาขนม ตอนนั้นเองที่ขากางเกงสีซีดพลอยรั้งขึ้น เธอทันเห็นขาเทียมโผล่พ้นชายผ้าออกมา
หญิงสาวเกลื่อนสีหน้าประหลาดใจในทีแรก แต่เมื่อมองสบดวงตาเปล่งประกายแจ่มใส ความสะเทือนใจก็ค่อยลดลง เขามีกำลังใจดีเยี่ยมอันมีค่ากว่าความสงสารซึ่งผุดขึ้นในใจเธอ
ลุงดูแลม้าทั้งหมดนี้คนเดียวหรือจ๊ะ เธอถามพลางตบแผงคอเจ้าม้าแผ่วเบา
ครับ บางทีก็มีเด็กๆ จากบ้านใหญ่มาช่วย อ้อ ความจริงข้างในยังมีอีกตัวนะครับ แต่ตัวนั้นยาโบรักมาก สั่งให้ดูแลเป็นพิเศษ
เธอนึกถึง บาบารี ขึ้นมาจนได้ ป่านนี้เจ้าลูกม้าสาวตัวนั้นจะเป็นอย่างไร ในเมื่อผู้ทำคลอดให้มันไม่มีโอกาสได้ดูแลมันจนเติบใหญ่อีกแล้ว ความคิดคำนึงของลลิลดาสะดุดลงเมื่อชายชราชักชวนให้เธอลองขี่มัน และตนก็นึกสนุกพอที่จะไม่ปฏิเสธ
ทว่าเธอต้องนั่งแข็งค้างบนหลังม้าอย่างนั้น หลังมองเห็นแต่ไกลว่าคาชาลกำลังก้าวตรงมา แขนเรียวซึ่งโบกทักชะงักค้าง ใบหน้าแดงก่ำของอีกฝ่ายบอกถึงสภาพอารมณ์
...........................
ผมนึกว่าคุณหนีไป! เขาเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันใส่คนบนหลังม้า
คาชาลใจหายวาบเมื่อตื่นมาไม่พบหญิงสาวข้างกาย ความตั้งใจแต่แรกที่จะตื่นมารับประทานอาหารร่วมกัน พูดคุยกันกะหนุงกะหนิง หายวับไปเหมือนพื้นที่ว่างเปล่าบนเตียง เขารีบอาบน้ำแต่งตัวไปตามเธอที่ห้อง แต่ก็พบเพียงความว่างเปล่า เสียงตึงตังนั้นเรียกความสนใจจากคนในบ้านให้ออกมาดู แล้วเขาก็ได้รับคำตอบว่าเจ้าหล่อนออกไปเดินเล่นลำพัง
ความหวาดระแวงที่ยังครอบคลุมจิตใจเริ่มกัดกร่อน เขาคิดว่าเธอหนีไป หรืออาจถูกลอบทำร้าย แม้กระทั่งคิดไปว่าเหตุการณ์ที่ผ่านมาอาจเป็นเพียงฝันไป เขายืนคว้างกลางบ้านพร้อมกับพยายามตั้งสติ กระทั่งคนงานคนหนึ่งบอกว่าเห็นเธออยู่ที่โรงเลี้ยงม้า ความหวาดกลัวในคราแรกจึงถูกแทนที่ด้วยความกรุ่นโกรธแทน
คาชาลมองตามสายตาลลิลดาแล้วก็เห็นชายชราค่อยถอยห่างพ้นรัศมีการได้ยิน ก่อนเจ้าหล่อนจะสูดหายใจลึกอย่างสะกดกลั้นอารมณ์
ทีหลังอย่าทำแบบนี้ ที่นี่คาซาเนีย คุณจะเที่ยวเดินไปไหนๆ เหมือนประเทศตัวเองไม่ได้
หญิงสาวสะอึก เธอพอรู้ว่าเขาเป็นคนเจ้าอารมณ์ เวลาดีก็ดีเหลือหลาย แต่ถ้ามีสิ่งใดมากระตุ้นปมในใจแล้ว ก็กลับกลายมาเป็นคนร้ายกาจได้อย่างไม่น่าเชื่อ ทว่าเธอยังมองไม่เห็นอยู่นั่นเองว่าตนทำผิดอะไรร้ายแรงจนเขาต้องเกรี้ยวกราดใส่ต่อหน้าผู้อื่น มือซึ่งจับสายบังเหียนบีบเข้าหากันแน่น เธอสบตาเขาแน่วแน่ ถ้าชายหนุ่มยังต่อว่ากันอีกล่ะก็ เธอเป็นได้ควบม้าหนีเขาไปจริงๆ
ลงมาก่อน เขาสั่งพลางถอนใจ
คนฟังไม่ชอบน้ำเสียงนั้นเลย เมื่อเธอมาที่นี่ เธอมาในฐานะเพื่อนมนุษย์เท่าเทียมกับเขา และคิดว่าคาชาลจะรักษาเกียรตินั้นให้เท่าๆ กัน เธอไม่ใช่และไม่คิดว่าตัวเองสามารถเป็นสตรีชาวทิชกูที่ต้องอยู่ในโอวาทของฝ่ายชาย
ลลิลดาชักม้าวิ่งผ่านเขา การกระทำอันแสดงถึงการท้าทายต่อกรอบความคิดของอีกฝ่าย แต่ชายหนุ่มไม่ได้คิดซับซ้อนถึงเพียงนั้นเลย เขาเย็นลงตั้งแต่เห็นท่าทางหลังแข็ง คอแข็งของเธอ หากเจ้าหล่อนกลับชักม้าหนีจนเขาต้องกระโดดขึ้นหลังม้าสีดำเมื่อมซึ่งอยู่ใกล้ที่สุดออกควบตาม
ลิลลี่!
สายลมเอื่อยพัดมาปะทะใบหน้าค่อยลดอารมณ์ขุ่นมัวไปโดยไม่รู้ตัว เธอหวนนึกถึงคืนวันในเขตสงวนชาวทิชกู ยามได้ขี่ม้าสูดอากาศบริสุทธิ์ไปบนทุ่งกว้างกับเขา ครั้นร่างบางหันตามเสียงร้องเรียกซึ่งใกล้เข้ามา ความกรุ่นโกรธเมื่อครู่ก็หายไปกว่าครึ่ง เหลือเพียงความตกใจที่เห็นม้าสีดำวิ่งเร็วตีคู่ขึ้นมา
กรี๊ด! ลลิลดาหวีดร้องเมื่อร่างเธอถูกอ้อมแขนแข็งแรงเพียงข้างเดียวยกลอยขึ้นจากหลังม้า ก่อนกิริยาผลักไสจะทำให้คาชาลเสียหลักตกจากหลังม้าอีกตัว
โอ๊ะ
หลังของชายหนุ่มกระแทกพื้นหญ้าอั้ก รองรับร่างบางซึ่งล้มทับตามมา เธอพยายามยันกายลุกขึ้น แต่ขาแข้งก็พันกันเสียจนทุลักทุเล
ใจเย็นครับ เขาปลอบทั้งใบหน้าระเรื่อ ดวงตาพราวระยับอย่างคนคิดเจ้าเล่ห์
หญิงสาวตวัดค้อน แกล้งยันอกเขาแรงๆ จนอีกฝ่ายหงายนอนแผ่เพื่อยันกายลุกขึ้น เสียงทุ้มหัวเราะในลำคอขณะลุกนั่งเบียดเธอ
มิสโกรธผมหรือครับ
แล้วเธอว่าฉันสมควรโกรธไหม
ถ้าถามผม ผมว่าไม่สมควร มิสจะเอาอะไรกับคนอย่างผมล่ะครับ ผมอาจลืมตัวพูดไม่ดีกับมิส แต่สุดท้ายผมก็สำนึกผิดแล้ว
ลลิลดาย่นจมูกใส่คนช่างพูด ถ้าฉันไม่ขี่ม้าหนีมา เธอก็คงว่าฉันต่อหน้าลูกน้องเธอ
เปล่านะครับ ผมรู้ว่ามิสกำลังโกรธถึงบอกให้ลงมา แล้วผมก็มีความลับบางอย่างที่อยากให้มิสดู ผมอยากบอกด้วยตัวเองถึงได้โกรธที่เห็นมิสมาโรงเลี้ยงม้าก่อนแล้ว แถมยังมาลำพัง ถึงที่นี่จะเป็นบ้านผม แต่ใช่ว่าผมจะไว้ใจคนงานทุกคน เกิดมีใครคิดร้ายต่อผม มิสจะไม่ปลอดภัย
เธอหันมองคนรักอย่างค้นคว้า คนคนเดียวจะเก็บงำความรู้สึกทุกอย่างนี้ไว้กับตัวได้อย่างไร เขาหวาดระแวงแม้กระทั่งลูกน้องตัวเอง เธอลองเอาใจเธอไปใส่ใจเขา แล้วก็พบว่ามันช่างบีบคั้น กดดัน ไม่เป็นสุขเอาเสียเลย
หญิงสาวนึกถึงขวดยาบนโต๊ะทำงาน ไม่แปลกใจเลยที่เขาต้องพึ่งมันเป็นประจำ คิดมาถึงตรงนี้ ใจเธอก็อ่อนยวบด้วยความสงสารดังเคย สิ่งใดยอมได้จึงยอมลงให้เขา ได้แต่หวังว่าเขาจะเห็นค่ามันบ้างเท่านั้นพอ
เอาล่ะ ต่อไปฉันจะบอกเธอถ้าจะไปไหน แต่เธอต้องใจเย็นกว่านี้นะ คาชาล อะไรที่ยังไม่เกิดก็อย่าระแวงจนเกินไป มันไม่ดีต่อเธอเลย
คาชาลรับคำ ดวงตาอ่อนเชื่อมลงอีกอย่างซาบซึ้งในความกรุณาของเจ้าหล่อน
ผมมีบางอย่างจะให้มิสดู ถ้ามิสเห็นมันแล้วก็ช่วยเมตตาผมเท่ามันด้วยนะครับ
ฮื้อ ฟังพูดเข้า
ลลิลดาปั้นหน้าขรึม ตรงข้ามกับใจซึ่งเต้นระทึกด้วยความตื่นเต้น เธอส่งมือให้เขาฉุดตนขึ้นยืน ก่อนขึ้นนั่งบนหลังม้าซึ่งชายหนุ่มฉวยสายบังเหียนไปบังคับม้าทั้งของเธอและเขาให้ออกเดินเคียงคู่กัน
จากคุณ |
:
ภาพิมล (thezircon)
|
เขียนเมื่อ |
:
25 มิ.ย. 55 12:20:45
|
|
|
|