เรื่องสั้นแนว Sci-fi Fantasy ตอนที่ 1 กฎของความใกล้ชิด
|
|
ทุกคนในห้องกำลังรอการตัดสินใจจากศาสตราจารย์เจฟเฟอร์สัน ทุกสิ่งทุกอย่างถูกเตรียมพร้อมไว้หมดแล้ว ระบบจะเริ่มปฏิบัติการหลังการออกคำสั่งของศาสตราจารย์เท่านั้น
ศาสตราจารย์เหม่อมองเข้าไปในแคปซูลขนาดใหญ่ตรงกลางห้อง ผิวของแคปซูลเป็นกระจกใสเผยให้เห็นถึงสิ่งที่อยู่ภายในอย่างชัดเจน หญิงสาวผมยาวหลับตาพริ้มท่ามกลางสายระโยงระยางภายในแคปซูลคือสิ่งที่เป็นเป้าดึงสายตาของศาสตราจารย์ นวัตกรรมที่ศาสตราจารย์ทุ่มเทความพยายามมาหลายปีในการออกแบบและพัฒนา สายตาของศาสตราจารย์ซึ่งมองเข้าไปที่เธอแฝงไว้ด้วยความมุ่งหวังอย่างเปี่ยมล้น
“เริ่มได้” แล้วศาสตราจารย์ก็ออกคำสั่งเริ่มกระบวนการด้วยน้ำเสียงที่เปี่ยมด้วยความมั่นใจ ไฟในห้องปฏิบัติการค่อยๆมืดลงทีละน้อย คงเหลือแค่ภายในแคปซูลที่ยังคงส่องสว่างขับเน้นผิวขาวของหญิงสาวในแคปซูลให้นวลเนียนกระจ่างตา
“อุณหภูมิปกติครับศาสตราจารย์” เจ้าหน้าที่ซึ่งประจำอยู่แผงควบคุมทางด้านซ้ายแจ้งความคืบหน้าการติดตามอุณหภูมิของเธอแก่ศาสตราจารย์
“แรงดันไฟฟ้าคงที่ค่ะ อีก 30 วินาที ระบบจะเริ่มปฏิบัติการค่ะ” ผู้ช่วยที่ยืนหน้าแผงควบคุมใกล้ๆศาสตราจารย์รายงานความคืบหน้า
ศาสตราจารย์เจฟเฟอร์สันนึกภาวนาในใจ เขาไม่ต้องการให้เกิดเหตุขัดข้องทางเทคนิคใดๆระหว่างขั้นตอนสำคัญนี้ และแล้ววินาทีที่ศาสตราจารย์รอคอยก็ผ่านไปด้วยดี สัญญาณแจ้งเตือนการเปิดระบบปฏิบัติการเสร็จสิ้นโดยไม่พบปัญหาใดๆ
หญิงสาวในแคปซูลลืมตาขึ้นช้าๆแต่แฝงไว้ด้วยเค้ามั่นคงงามสง่า เมื่อตาเธอลืมแล้วเลนส์ม่านตาของเธอก็ปรับขนาดรูรับแสงโดยอัตโนมัติเพื่อให้ชินกับสภาพแสงภายในห้องโดยไม่ต้องกระพริบตา เผยให้เห็นนัยน์ตาของเธอที่ดูบริสุทธิ์สดใสว่างเปล่ารอรับการแต่งแต้มจากผู้คน
“สวัสดี อลิเซีย” เสียงทักทายและภาพสามมิติของศาสตราจารย์เจฟเฟอร์สันพร้อมรอยยิ้มที่เป็นมิตรถูกถ่ายทอดจากภายนอกแคปซูลให้ปรากฎบนแผ่นกระจกใสภายในแคปซูลด้านหน้าเธอทันทีที่เธอลืมตา
“เธอคือแอนดรอยด์ต้นแบบที่ฉันใช้ความเพียรพยายามสร้างเธอขึ้นมาเพื่อที่ส่งเธอไปปฏิบัติภารกิจหนึ่ง ตอนนี้เธอกำลังอยู่ใน Time Machine ที่พร้อมจะพาเธอไปยังเวลาและสถานที่เป้าหมาย เมื่อถึงที่หมายแล้วระบบประมวลผลของเธอก็จะวิเคราะห์ออกมาได้เองว่าเธอต้องปฏิบัติภารกิจอย่างไรตามที่ฉันได้เขียนโปรแกรมไว้ เพราะสถานการณ์จริงสามารถเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ว่าฉันได้วางระบบป้องกันในหน่วยประมวลผลเธอไว้แล้ว แต่ฉันยังจำเป็นที่จะต้องย้ำให้เธอฟังอีกครั้ง ถึง ‘กฏของความใกล้ชิด’ ที่เธอจะต้องยึดถือเป็นเงื่อนไขในการปฏิบัติตัว” แม้ศาสตราจารย์จะกล่าวด้วยท่าทีหนักแน่นแต่น้ำเสียงและแววตากลับแฝงไว้ด้วยอ่อนโยน
อลิเซียยังคงเหม่อมองศาสตราจารย์ด้วยใบหน้าสงบเรียบเฉยไม่มีปฏิกิริยาตอบสนองอื่นใด
“เพราะเธอจะถูกส่งไปปฏิบัติภารกิจเพื่อสวมรอยเป็นมนุษย์คนหนึ่ง ดังนั้นเธอจะต้องปฏิบัติตัวให้เสมือนเป็นมนุษย์จริงๆ คิดและรู้สึกอย่างที่มนุษย์เป็น ระบบปัญญาประดิษฐ์ของเธอสามารถจำลองและเรียนรู้อารมณ์ความรู้สึกของมนุษย์ได้ไม่ยาก แต่เธอต้องระลึกไว้เสมอว่าเธอไม่ใช่ส่วนหนึ่งของโลกใบนั้นอย่างแท้จริง อย่าได้คิดและคล้อยตามใครในโลกนั้นเพราะเธอไม่มีตัวตนอยู่จริง นี่คือกฎของความใกล้ชิด” เมื่อศาสตราจารย์กล่าวจบแล้วก็ยกมือซ้ายขึ้นเพื่อให้สัญญาณบางอย่างกับผู้ช่วย
“ตอนนี้ ฉันได้ให้สัญญาณเดินเครื่อง Time Machine แล้ว อีกไม่กี่วินาทีข้างหน้าเธอก็จะถูกส่งไปยังเวลาและสถานที่เป้าหมาย”แล้วภาพสามมิติของศาสตราจารย์ก็ค่อยๆเลือนหายไป อลิเซียหลับตาลงด้วยความสงบ แสงสีขาวบริสุทธิ์ภายในแคปซูลทวีความสว่างมากขึ้นเรื่อยๆ
“ขอให้ปฏิบัติภารกิจให้สำเร็จนะ...อลิเซีย” เสียงศาสตราจารย์ตอนท้ายเจือความสั่นไหวอย่างแปลกประหลาด
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++
ฉันกำลังอยู่ในลิฟต์ที่กำลังพาฉันไปสู่ชั้น 27 ของอาคารแห่งหนึ่ง ภารกิจในวันนี้ของฉันคือการสมัครงานกับบริษัทที่มีสำนักงานอยู่ที่ชั้น 27 ของอาคารนี้ มนุษย์และสังคมในโลกยุคนี้เป็นไปตามฐานข้อมูลทุกอย่าง ฉันจึงปฏิบัติตัวได้กลมกลืนกับมนุษย์ ไม่มีใครแยกออกว่าฉันเป็นแอนดรอยด์
ประตูลิฟต์เปิดออกเมื่อถึงชั้นที่เป็นจุดหมาย แอนดรอยด์แม่บ้านรุ่นโบราณที่ใช้สายพานตีนตะขาบในการเคลื่อนที่ซึ่งมีใบหน้าและลำตัวเป็นรูปทรงสี่เหลี่ยมยืนรอต้อนรับฉันอยู่หน้าลิฟต์
“ขอต้อนรับ คุณอลิเซีย ขอขอบคุณที่เลือกสมัครงานกับบริษัทของเรา โปรดตามดิฉันมา ดิฉันจะนำคุณไปยังห้องสัมภาษณ์ค่ะ” เสียงสังเคราะห์โทนแหลมสูงของแอนดรอยด์แม่บ้านอาจจะสร้างความระคายหูและเป็นอุปสรรคต่อการสื่อสารสำหรับมนุษย์ทั่วไปแต่ไม่ใช่กับฉัน
ฉันยิ้มให้กับแอนดรอยด์แม่บ้านถึงแม้เราจะมีเทคโนโลยีที่แตกต่างกันมาก แต่ถึงอย่างไรเราก็เป็นพวกเดียวกัน ฉันสังเกตได้ถึงความเชื่องช้าในการประมวลผลของแอนดรอยด์แม่บ้านที่คงกำลังงงว่าควรจะมีปฏิกิริยาตอบกลับไปอย่างไร เพราะเธอคงไม่เคยได้รับ‘ยิ้ม’จากใครแน่ๆ สักพักหน้าจอกราฟฟิค LED ของแอนดรอยด์แม่บ้านจึงแปรภาพเป็นรูปกราฟฟิครอยยิ้มตอบกลับมา
ห้องสัมภาษณ์มีขนาดไม่ใหญ่นัก ภายในห้องมีชุดโต๊ะเก้าอี้แม่เหล็กเสมือนอยู่เพียงชุดเดียว เมื่อได้รับสัญญาณคำสั่งจากแอนดรอยด์แม่บ้าน ชุดโต๊ะเก้าอี้แม่เหล็กเสมือนจึงเริ่มทำงาน ตัวโต๊ะและเก้าอี้ลอยเหนือพื้นรวมถึงเคลื่อนที่อยู่ภายในห้องได้ด้วยแรงแม่เหล็กเสมือน ฉันนั่งลงที่เก้าอี้ข้างโต๊ะ ปรับระดับการลอยสูงต่ำของโต๊ะเก้าอี้ด้วยคำสั่งเสียงตามความต้องการ
“โปรดรอสักครู่นะคะ ผู้ทำการสัมภาษณ์จะมาถึงภายใน 5 นาทีค่ะ”
“ขอบคุณนะคะ” ฉันกล่าวขอบคุณในบริการของแอนดรอยด์แม่บ้าน พร้อมกับส่งรอยยิ้มให้อีกครั้ง
เมื่อได้ยินคำขอบคุณและได้เห็นรอยยิ้มของฉันอีกครั้ง แอนดรอยด์แม่บ้านก็ยังคงดูงุนงงอยู่ดีเมื่อได้รับยิ้มจากฉัน ฉันคงเป็นคนแรกที่ปฏิบัติต่อเธอราวกับเป็นมนุษย์กระมัง
“ขอบคุณเช่นกันค่ะ” แอนดรอยด์แม่บ้านส่งเสียงขอบคุณตอบพร้อมกับแปรภาพเป็นรูปกราฟฟิครอยยิ้มกลับมาให้ฉันเช่นเดิม
ที่ผนังห้องมีภาพของรถในยุคน้ำมันฟอสซิลติดผนังอยู่ รถในภาพยังต้องใช้ล้อที่มียางในการขับเคลื่อนไปตามพื้นผิวของโลก ภายในรถมีผู้หญิงคนหนึ่งยื่นมือที่ถือผ้าเช็ดหน้าปลิวพลิ้วไสวไปตามแรงลมออกมานอกหน้าต่างรถด้วยใบหน้าเบิกบาน ไม่ใช่มนุษย์ผู้หญิงในภาพหรอกนะแต่เป็นรูปทรงของรถที่แปลกตาและสามารถเปิดหน้าต่างได้ต่างหาก ที่ทำให้ฉันอยากลองนั่งสักครั้ง
“มันเป็นรถในยุคศตวรรษที่ 21 ครับ สมัยนั้นสภาพอากาศของโลกยังบริสุทธิ์” เสียงของผู้ชายคนหนึ่งดังขึ้นด้านหลังของฉัน ฉันหันไปมองมนุษย์เพศชายเจ้าของเสียง
“สวัสดีครับ ผมลูอิส ผู้อำนวยการบริษัทแห่งนี้ ขออภัยที่เข้ามาโดยไม่ได้เคาะประตูนะครับ” ลูอิสกล่าวพร้อมกับยื่นมือขวาออกมาเพื่อให้ฉันสัมผัส
“ไม่เป็นไรค่ะ สวัสดีค่ะ ฉันอลิเซียค่ะ” ฉันกล่าวตอบก่อนจะส่งมือขวาออกไปกระชับมือของเขา ระหว่างที่จับมือกัน ฉันพินิจมองใบหน้าของชายผู้นี้อย่างละเอียดเนื่องจากในฐานข้อมูลของฉัน ไม่มีข้อมูลของเขาแม้แต่น้อย แต่ฉันกลับรู้สึกคุ้นเคยใบหน้านี้ราวกับฉันเคยพบเขามาก่อน และที่ผิดเพี้ยนอีกอย่างในระบบปฏิบัติการของฉันก็คือ มือของฉันรายงานอุณหภูมิของการสัมผัสเป็นปริมาณเชิงความรู้สึกว่า ‘ความอบอุ่นที่แปลกประหลาด’ ตอบกลับมายังหน่วยประมวลผล แทนที่จะรายงานเป็นปริมาณเชิงตัวเลขเหมือนที่เคยเป็น
“เอ่อ...เป็นอะไรหรือเปล่าครับ คุณอลิเซีย มือคุณเย็นจังเลย” เขาเอ่ยถามทั้งๆที่ยังจับมือฉัน จากการวิเคราะห์อากัปกิริยาของเขา ทั้งการขยายของม่านตาและมัดกล้ามเนื้อบนใบหน้าที่เคลื่อนไหว ประมวลออกมาได้ว่า ‘เขากำลังเป็นห่วงฉัน’
ฉันปล่อยมือเขาทันทีด้วยความตกใจเมื่อคำตอบของท่าทีเขาคือความห่วงใยที่มีต่อฉัน เอ๊ะ! แล้วทำไมฉันต้องตกใจ
“ไม่เป็นอะไรค่ะ ดิฉันคงตื่นเต้นนิดหน่อย” ถ้าสมองของเขาเป็นสมองกลเหมือนฉันคงจับได้แน่นอนว่าฉันกำลังโกหก อลิเซียเอ๋ย...เธอเป็นอะไรเนี่ย ข้อมูลเชิงความรู้สึกไม่ทราบที่มาทยอยเข้าสู่หัวของฉันเรื่อยๆ อุณหภูมิ CPU ในหน่วยประมวลผลกลางของฉันกำลังเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ หรือฉันกำลังโดนไวรัสคอมพิวเตอร์ในยุคนี้เล่นงาน
“ผมคิดว่าคุณต้องไม่สบายแน่เลย หน้าคุณแดงขึ้นมากเลยนะครับ” ลูอิสไม่เพียงพูดอย่างเดียวยังเอามือมาอังหน้าผากฉันอีก แต่สายตาคมเข้มที่รับเข้ากับใบหน้าได้รูปของเขานี่สิ ซึ่งมองมาที่ฉันแบบนี้ ทำไมกลับทำให้ในหัวฉันมีแต่ข้อความว่า ‘อย่ามองกันแบบนี้สิ...ฉันจะละลายอยู่แล้ว’ วนเวียนไปมาอยู่ได้นะ
แล้วจู่ๆฉันก็ได้ยินเสียงของศาสตราจารย์ที่ย้ำเรื่องกฎของความใกล้ชิด เตือนฉันให้ตระหนักว่าฉันไม่มีตัวตนจริงบนโลกนี้ ฉันมาที่นี่เพื่อปฏิบัติภารกิจเท่านั้นแล้วฉันก็ต้องกลับไป ทำไมฉันต้องอนาทรกับท่าทีของลูอิสในเรื่องพวกนี้ ทำไมสายตาของเขาถึงมีอานุภาพต่อฉันขนาดนี้ ระบบของฉันเริ่มรวนและฉันกำลังสูญเสียความสามารถในการทรงตัว
“นี่..คุณ ได้ยินผมหรือเปล่า” ฉันรู้สึกได้ถึงสัมผัสอุ่นของสองมือเขาที่เข้ามาประคองตัวฉัน ก่อนที่ทุกอย่างจะดับมืดไป
โปรดติดตามตอนต่อไป
จากคุณ |
:
Shaolin boy
|
เขียนเมื่อ |
:
25 มิ.ย. 55 16:50:08
|
|
|
|