สาปสวรรค์ ทัณฑ์ซาตาน บทที่ 1 ปีกสีขาว
|
 |
สาปสวรรค์ ทัณฑ์ซาตาน
บทที่ 1 ปีกสีขาว
แสงแดดยามบ่ายสาดส่องลงบนพื้นหญ้าของสวนสาธารณะในเมืองแห่งหนึ่ง ผู้คนที่มาพักผ่อนต่างนั่งมองท้องฟ้าสีแดงส้มที่แสนงดงาม ขณะที่กำลังเพลิดเพลินกับบรรยากาศยามเย็นอันอบอุ่นอยู่นั้นทุกคนต่างต้องตระหนกเมื่อท้องฟ้ามืดครึ้มลงอย่างฉับพลัน กลุ่มเมฆสีเทาทึบเคลื่อนเข้ามาครอบคลุมทั่วบริเวณอย่างรวดเร็ว แสงสว่างวาบจากสายอสนีบาตพาดผ่านไปมาระหว่างกลุ่มเมฆเหล่านั้นบังเกิดเสียงลั่นครืนคล้ายสัตว์ป่าคำรามดังกึกก้อง สายฟ้าบางเส้นพุ่งลงมายังด้านล่างระเบิดต้นไม้ใหญ่กลางสนามจนฉีกกระจุย เสียงกัมปนาทกับเปลวเพลิงที่ปะทุขึ้นสร้างความอลหม่านทันที ผู้คนในบริเวณนั้นต่างพากันส่งเสียงกรีดร้องและวิ่งออกจากสวนเข้าไปหลบในอาคาร พวกเขาพากันเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้ากำลังปั่นป่วนอย่างกะทันหันด้วยความแปลกใจเพราะแม้จะมีทั้งลมพายุและฟ้าผ่าแต่กลับไม่มีฝนตกลงมาแม้สักหยด หลายคนพึมพำว่าอาจจะเป็นแค่พายุฤดูร้อนธรรมดาแต่บางคนเชื่อว่ามันคือลางแห่งหายนะที่ปิศาจชั่วร้ายบันดาลขึ้นเพื่อเป็นสัญญาณเตือนพวกมนุษย์
ซึ่งก็เป็นความจริงเพียงตรึ่งเดียวเท่านั้น เพราะหากมีใครสักคนสามารถมองผ่านทะลุกลุ่มเมฆขึ้นไปยังด้านบน เขาก็จะเห็นว่าแท้จริงแล้วเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นคือผลจากการรบระหว่างแสงสว่างกับความมืด เมฆสีเทาทึบคือกองทัพอันเกรียงไกรของทั้งสองฝ่าย
กองทัพเทวดากับปิศาจ
เสียงดาบกระทบกันดังเปรื่องปร่างบาดแก้วหูสลับกับแสงไฟอันเกิดจากพลังของทั้งสองฝ่ายที่พุ่งเข้าใส่กันอย่างสับสน เสียงร้องตะโกนสาปแช่งด้วยถ้อยคำอันหยาบคายของพวกปิศาจดังลั่น ต่างจากคำพูดของฝ่ายเทวดาที่ดังก้องกระตุ้นความฮึกเหิมของทหารชาวสวรรค์ให้โหมเข้าปะทะกับศัตรูอย่างไร้ความเกรงกลัว
การต่อสู้ดำเนินไปอย่างไม่มีทีท่าว่าจะยุติและยิ่งเพิ่มความรุนแรงมากขึ้นทุกขณะ ในตอนแรกเทวดาเป็นฝ่ายได้เปรียบในเชิงรุกตีทหารปิศาจจนแตกพ่ายถอยร่นไม่เป็นกระบวน จนเมื่อ เบลเซบับ จอมปิศาจจ้าวแห่งแมลง หนึ่งในแม่ทัพชั้นเอกซึ่งประจำการอยู่ในทัพหลวงก้าวออกมา พลังอันมหาศาลที่แผ่ออกมาโดยรอบระเบิดร่างนักรบเทพจนแหลกเป็นผุยผงสร้างความตระหนกต่อกองทัพของชาวสวรรค์เป็นอย่างมาก ยิ่งเมื่อเบลเซบับวาดมือเพียงข้างหนึ่งก็สามารถสร้างเพลิงโลกันต์เผาผลาญทหารเทพจนดับดิ้นนับร้อยคน การปรากฏตัวของจ้าวแห่งแมลงสร้างความระส่ำระสายให้กับกองทัพชาวสวรรค์ จากที่เคยรุกไล่ก็กลับกลายเป็นฝ่ายถอยร่นจนไม่เป็น กระบวน ไม่ช้าทหารแห่งแสงสว่างก็ถูกทำลายจนเหลือกำลังพลเพียงน้อยนิดและตกอยู่ท่ามกลางวงล้อมของฝูงปิศาจในที่สุด
แม้จะตกอยู่ในวงล้อมของศัตรู นักรบชาวสวรรค์ทุกคนยังคงมีใจสู้ไม่แปรเปลี่ยนโดยเฉพาะผู้นำทัพซึ่งอยู่ในชุดเกราะสีทองงามสง่า เขากวาดตามองนักรบเทวดาที่กำลังยืนประจันหน้ากับข้าศึกอย่างปราศจากความกลัวเกรง ถึงจะเต็มไปด้วยความภาคภูมิใจในความกล้าหาญของพวกเขาแต่สภาพร่างกายที่บอบช้ำจนสุดที่จะใช้พลังแห่งทวยเทพรักษาทำให้จอมทัพเทวดารู้ดีว่าเวลานี้ทุกคนอยู่ในสภาพเหนื่อยล้าจนแทบไม่มีแรงสู้ ทางรอดของพวกเขามีเพียงสิ่งเดียวเท่านั้นคือการปลิดชีพเบลเซบับ ผู้นำกองทัพชาวสวรรค์ขมวดคิ้วด้วยความหนักใจเพราะหากเป็นเวลาปรกติ พลังของเขาสามารถดับชีวิตจ้าวแห่งแมลงได้ไม่ยากแต่หลังจากการต่อสู้อันหนักหน่วงและยาวนานทำให้จอมทัพเทพต้องสูญเสียพลังวิญญาณไปเป็นจำนวนมาก ยิ่งประกอบกับอาการบาดเจ็บจากบาดแผลที่มีอยู่ทั่วกายแล้วเขาแทบมองไม่เห็นบานประตูแห่งชัยชนะ ขณะที่กำลังครุ่นคิดหาวิธีนำกองทัพแหวกวงล้อมข้าศึกออกไปอยู่นั้น เบลเซบับก็เคลื่อนเข้ามาหยุดยืนตรงหน้า ดวงตาปูดโปนคล้ายแมลงวันกวาดมองนักรบเทวดาทุกคนอย่างดูแคลนก่อนจะหยุดลงที่แม่ทัพเกราะสีทอง
ราฟาเอล เสียงคำรามดังก้อง เบลเซบับแสยะยิ้ม ถ้าเดาไม่ผิดเจ้ากำลังคิดหาวิธีหนีอยู่ใช่หรือไม่
ข้ากำลังหาวิธีส่งวิญญารเจ้ากลับไปยังนรกต่างหาก เบลเซบับ
ราฟาเอลตอบด้วยน้ำเสียงราบเรียบพลางกางปีกสีขาวขนาดใหญ่ออกเป็นเชิงข่มขู่ ผู้นำทัพปิศาจบดเขี้ยวด้วยความโกรธ
ความตายอยู่ตรงหน้ายังกล้าทำปากดี ข้าจะจับเจ้าตีตรึงเอาไว้กับแผ่นไม้และกรีดเปลือกตาออกเพื่อจะได้ดูพวกข้าสังหารเทวดาทีละคน
เจ้าไม่มีวันได้ทำเช่นนั้นแน่
ราเฟาเอลพูดพร้อมกับชูดาบในมือขึ้น ใบมีดสีเงินเปล่งแสงสว่างเรืองรองออกมา ชั่วพริบตามันก็แปรเปลี่ยนเป็นเพลิงเจิดจ้าเผาปิศาจรอบตัวจนกลายเป็นผุยผง เมื่อเขาลดดาบลงจึงพบว่ามีเพียงเบลเซบับเท่านั้นที่ยังรอดชีวิต มันพยายามยกดาบขึ้นเพื่อเรียกพลังฟื้นตัวแต่บาดแผลทั่วร่างนั่นมากเกินกว่าจะเยียวยา เจ้าแห่งแมลงวันจึงคำรามด้วยความแค้นใจ
ไม่น่าเชื่อว่าเจ้ายังมีพลังหลงเหลืออยู่ มันพูดพลางจ้องราฟาเอลเขม็ง อีกฝ่ายขยับเข้าไปหาพร้อมกับใช้ปลายดาบวางจรดบนลำคอ
พระผู้สร้างคือพลังของข้า ตราบใดที่พระองค์ทรงเมตตา ข้าก็มีพลังสำหรับสังหารความชั่วได้อย่างไม่มีวันหมด
เบลเซบับยิ้มและเชิดหน้าขึ้นประสานตากับผู้ที่เหนือกว่าอย่างปราศจากความเกรงกลัว
ถ้าอย่างนั้นจะมัวรออะไรอยู่ ดับลมหายใจของข้าเลยสิ
คุณธรรมมีไว้เพื่อปกป้อง มิใช่เพื่อปลิดชีวิตผู้คนราฟาเอลพูดเสียงเรียบความชั่วร้ายของเจ้าอาจจะเหมาะสมกับความตาย ตัวข้าถึงจะเป็นอัครเทวดาแต่ก็ไม่มีสิทธิ์ปลิดชีวิตผู้ใดได้ตามใจ ดังนั้นจึงจะลงโทษเจ้าด้วยการตัดแขนทั้งสองข้างและส่งกลับไปหาจอมปิศาจเพื่อเตือนให้เขาสำนึกและเลิกทำร้ายพวกมนุษย์
มีแต่คนโง่ที่ทำแบบนั้น เบลเซบับพูดและแผดเสียงร้องดังลั่นเมื่อคมดาบของราฟาเอลฟันฉับลงบนแขนทั้งสองข้าง เลือดสีเขียวเข้มไหลทะลักพรั่งพรูออกจากบาดแผลฉกรรจ์ เจ้าแมลงวันรีบลอยตัวถอยออกห่างจากผู้ลงดาบอย่างรวดเร็ว
เจ้ายังไม่ชนะข้าหรอก ราฟาเอล มันตะโกนและหายวูบเข้าไปในกลุ่มเมฆ ราฟาเอลเก็บดาบกลับเข้าฝักและหันกลับไปยังกลุ่มนักรบ หนึ่งในนั้นรีบเอ่ยปากถาม
จะดีหรือท่านราฟาเอลที่ปล่อยเบลเซบับไปแบบนั้น
เราไม่มีสิทธิ์ตัดสินชีวิตใคร อีกอย่างในสภาพเช่นนั้น เขาคงไม่มีวันทำร้ายผู้ได้อีก
แม่ทัพเทวดาตอบ นักรบคนเดิมจึงขยับเตรียมจะแย้งแต่ต้องหยุดชะงักเมื่อมีคลื่นพลังบางอย่างพุ่งเข้ามากระทบ แรงปะทะของมันทำให้นักรบสวรรค์ถึงกับล้มกลิ้ง ส่วนราฟาเอลรีบยกดาบขึ้นตั้งรับแต่ก็ต้านไว้ได้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น เมื่อคลื่นลึกลับมีแรงกระแทกเพิ่มมากขึ้น แรงอัดของมันทำให้แม่ทัพของเหล่าเทวดาถึงกับเซถอยหลังไปสองสามก้าวและทรุดตัวนั่งลงอย่างสิ้นแรง ทันทีที่ราฟาเอลล้มลง เสียงหัวเราะก็ดังก้องออกมาจากกลุ่มก้อนเมฆอันหนาทึบ มันม้วนตัวหมุนเป็นวงกลมราวกับลูกข่างกระทั่งมีเงาเลือนลางของใครบางคนปรากฏขึ้น ดวงตาของ ราฟาเอลเบิกกว้างเมื่อสัมผัสถึงพลังอันมหาศาลที่แผ่ออกมาจากกลุ่มก้อนเมฆ เสียงหัวเราะต่ำทุ้มทรงพลังดังกึกก้อง บุรุษสูงใหญ่ในผ้าคลุมสีดำสนิทก้าวออกมาจากกลุ่มเมฆและหยุดยืนนิ่ง ดวงตาคมกริบจ้องแม่ทัพแห่งทวยเทพเขม็งขณะที่ริมฝีปากเหยียดรอยยิ้มแสนเย็นชา
ราฟาเอล เสียงทุ้มเอ่ยทัก อีกฝ่ายรีบลุกยืนขึ้นพร้อมกับหมุนดาบในท่าเตรียมรับการจู่โจม
ลูซิเฟอร์
ราฟาเอลขานนามจ้าวปิศาจด้วยน้ำเสียงที่ฟังเหมือนจะราบเรียบ แต่หากนักรบสวรรค์คนไหนฟังออกก็จะพบกับความวิตกที่แฝงเอาไว้อย่างเจือจาง ลูซิเฟอร์มองเขาตั้งแต่หัวจรดปลายเท้าและเผยอยิ้ม
ถึงจะจัดการเบลเซบับได้แต่เจ้าก็บาดเจ็บไม่น้อย คิดว่าสภาพแบบนี้จะรับมือข้าได้หรือ
อยากรู้ก็เข้ามา ราฟาเอลพูดและขยับดาบในมือ ลูซิเฟอร์ไม่พูดอะไรแต่กลับยกมือข้างหนึ่งขึ้นโบกเปลี่ยนอากาศรอบตัวให้กลายเป็นคลื่นพุ่งเข้าโจมตีกองทัพเทวดา ราฟาเอลตวัดดาบไปข้างหน้าผ่าคลื่นจนแตกออกเป็นสองเสี่ยงก่อนจะแหลกสลายหายไป ลูซิเฟอร์เลิกคิ้วเล็กน้อย
ยังมีพลังเหลืออยู่นี่นา เขาสะบัดผ้าคลุมไปข้างหลังพร้อมกับเหวี่ยงเพลิงกลุ่มใหญ่เข้าใส่นักรบเทพ ราฟาเอลรีบใช้พลังปัดมันออกและเตรียมจะพุ่งเข้าไปโจมตีจอมปิศาจแต่ต้องชะงักเมื่อไฟอีกก้อนวิ่งเข้าตามมาติดๆ แม่ทัพหนุ่มจึงใช้ดาบปัดแต่ด้วยระยะกระชั้นเพลิงกลุ่มนั้นจึงแตกกระจายออกและพุ่งเข้าใส่นักรบที่ยืนอยู่ด้านหลังเผาผลาญพวกเขาจนมอดไหม้ไปหลายคน ราฟาเอลถึงกับขบกรามด้วยความโกรธในขณะที่ลูซิเฟอร์เปล่งเสียงหัวเราะเย้ยหยันเสียงดังลั่น
สีหน้าของพวกเทวดาเวลาโกรธก็น่าดูเหมือนกัน ใบหน้าแย้มยิ้มแปรเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึมอย่างฉับพลัน เปลวไฟร้อนแรงระเบิดรอบร่างและพุ่งเข้าใส่ราฟาเอลอย่างรวดเร็ว อีกฝ่ายรีบพลิกตัวหลบพร้อมกับดีดตัวเข้าไปหา คมดาบเงื้อง่าขึ้นหมายจะฟันจอมปิศาจให้ขาดเป็นสองท่อนแต่อีกฝ่ายกลับรับมันเอาไว้ด้วยมือเปล่า เขามองแม่ทัพเทพที่กำลังยืนตกตะลึงและโน้มตัวเข้าไปหาพร้อมกับกล่าวเสียงเบาราวกระซิบ
เจ้าไม่มีวันทำอะไรข้าได้หรอก ราฟาเอล
มืออีกข้างเหวี่ยงกลุ่มไฟเข้าใส่นักรบเทพ ราฟาเอลเบิกตากว้างด้วยความตระหนก เขาหันกลับไปหาลูซิเฟอร์อีกครั้องพร้อมกับตะโกนห้าม
อย่า
เพลิงอีกกลุ่มถูกซัดเข้าใส่นักรบของเขาทันที เสียงร้องโหยหวนของผู้ที่ถูกไฟคลอกทั้งเป็นทำให้ราฟาเอลถึงกับขบกรามด้วยความแค้น เขาจ้องลูซิเฟอร์เขม็งและตัดสินใจทำบางอย่างแม้แต่จอมปิศาจเองก็คาดไม่ถึง
เพลิงสวรรค์!
สิ้นคำ แสงสีทองก็เปล่งประกายออกมาจากเกราะของราฟาเอลดูดกลืนพลังเพลิงปิศาจจนแตกสลาย ลูซิเฟอร์เบิกตากว้างด้วยความตระหนกเมื่อเห็นเสื้อคลุมของเขาเริ่มมอดไหม้ จอมปิศาจรีบผลักแม่ทัพเทพให้ถอยอกห่างแต่อีกฝ่ายกลับยึดร่างเขาไว้แน่น ใบหน้างดงามเผยรอยยิ้มแสนเย็นเยือก
ไฟนี่เกิดจากพลังวิญญาณของข้า จงมอดไหม้ไปพร้อมกันเถิดลูซิเฟอร์
คำพูดของราฟาเอลทำให้จอมปิศาจหัวเราะเบาๆในลำคอ
งั้นมาดูกันว่าระหว่างไฟเทวดากับเพลิงปิศาจ สิ่งใดจะร้อนแรงกว่ากัน
เพลิงสีแดงสดลุกโชนขึ้น มันดูดกลืนไฟสีทองของราฟาเอลให้มอดลงทีละน้อย แต่ก่อนจะมันจะดับลงผู้นำทัพของเหล่าเทวดาได้ตัดสินใจวางมือลงบนอกของจอมปิศาจ แสงสีขาวเจิดจ้าบาดตาก็สว่างวาบขึ้นตามมาด้วยเสียงระเบิดดังกึกก้อง พลังของมันทำให้กลุ่มเมฆแตกกระจายออกเป็นวงกว้าง ลูซิเฟอร์ซึ่งบัดนี้เหลือร่างกายเพียงซีกเดียวมองร่างของราฟาเอลที่กำลังร่วงหล่นลงสู่พื้นดิน
เจ้าราฟาเอล มืออีกข้างยกขึ้นแตะลำตัวขาดวิ่นขณะดวงตาจ้องร่างที่ลอยห่างออกไป จอมปิศาจขบกรามแน่นและออกคำสั่ง
ตามไปดูว่ามันตกไปที่ไหน ถ้าพบแล้วให้รีบมารายงานข้า ห้ามปิศาจทุกตัวทำร้ายมัน
ดวงตาสีเข้มทอประกาย
เจ้าเทวดานั่นเป็นของข้าเพียงคนเดียว
*/*/*/*/*
สนามหญ้าในโรงเรียนมัธยมแห่งหนึ่งกำลังคึกคักด้วยเสียงของนักเรียนที่ตะโกนเอาใจช่วยนักกีฬาในการแข่งขันฟุตบอลระดับมัธยมปลาย พวกนักเรียนหญิงพากันส่งเสียงกรีดร้องดังลั่นเมื่อดาวเด่นประจำทีมเลี้ยงลูกผ่านผู้เล่นฝ่ายตรงข้ามและยิงเข้าประตูได้อย่างแม่นยำ เมื่อเสียงนกหวีดดังขึ้นการแข่งขันจึงสิ้นสุดลงโดยโรงเรียนเจ้าภาพเป็นฝ่ายมีชัย เพื่อนนักเรียนที่ยืนอยู่ข้างสนามรีบวิ่งเข้าไปแสดงความยินดีและพร้อมใจกันยกตัวกัปตันทีมโยนขึ้นลงพลางส่งเสียงร้องเรียกชื่อเขาด้วยความดีใจ หลังจากลอยตัวอยู่ในอากาศได้สักพักผู้ที่ถูกโยนจึงพูดขึ้น
พอได้แล้วเพื่อน
อะไรกัน เพิ่งจะโยนนายได้ห้าครั้งเองจะให้เลิกซะแล้ว เพื่อนคนหนึ่งพูดอย่างเสียดายแต่ก็ยอมปล่อยเขาลงบนพื้นแต่โดยดี กัปตันทีมยิ้ม
ฉันกลัวจะร่วงลงมาก่อนน่ะ เขายกถ้วยน้ำขึ้นดื่มจนหมดและดึงผ้าขนหนูที่พาดอยู่บนพนักเก้าอี้มาเช็ดหน้า เพื่อนคนเดิมส่ายหัว ถึงหล่นก็มีคนเต็มใจวิ่งเข้าไปรับ เขาหันไปทางเด็กสาวคนหนึ่งจริงไหมมายุ
พูดอะไรของนายน่ะมายุพูดเสียงดุ อีกฝ่ายหัวเราะและหันกลับไปยังกัปตันทีมอีกครั้ง
วันนี้ถ้าไม่ได้นายโรงเรียนเราคงไม่มีทางชนะ เขาตบบ่าเพื่อนนายเยี่ยมมากมาโกโตะ
เพราะทุกคนช่วยกันต่างหากมาโกโตะพูดเสียงเรียบพลางหันไปกอดคอเพื่อนนักฟุบอลด้วยกันลำพังฉันคนเดียวคงไม่ทางทำประตูได้
แต่นายยิงแม่นที่สุด เพื่อนนักฟุตบอลด้วยกันแย้ง เมื่อเห็นว่าทุกคนเริ่มยกยอกันเองมายุจึงพูดแทรกขึ้น
พวกเราน่าจะไปหาที่ฉลองกันนะ
นั่นสิ ที่ไหนดีล่ะ นักฟุตบอลอีกคนถาม เด็กหนุ่มที่เป็นตัวตั้งตัวตีในการโยนมาโกโตะจึงเสนอ
คาราโอเกะหน้าสถานีเป็นไง เครื่องเสียงที่นั่นดีมากๆเลยนะแถมมีเพลงให้เลือกเยอะด้วย
ถ้างั้นก็ตกลงมายุสรุปและหยิบกระเป๋าขึ้นมาแต่มาโกโตะกลับส่ายหน้า
วันนี้ฉันมีธุระ
ทุกคนหยุดชะงักทันที มายุขมวดคิ้ว
ไม่ได้นะ งานเลี้ยงจะสนุกได้ยังไงถ้าไม่มีดาวเด่นประจำทีม
ทุกคนเป็นดาวเด่นเหมือนกันหมด ขาดฉันสักคนคงไม่เป็นไรหรอก มาโกโตะพูดพลางหันไปทางเพื่อนที่ยืนข้างตัวใช่ไหมเคนอิจิ
คนที่ถูกเรียกมองหน้าเขาและทำท่าจะแย้งแต่เมื่อเห็นแววตาที่มองกลับมาเป็นเชิงขอร้อง เด็กหนุ่มจึงพยักหน้า
ก็จริง แต่ฉันยกให้วันนี้วันเดียวเท่านั้นนะ ครั้งหน้านอกจากห้ามปฏิเสธแล้วนายต้องเป็นคนเลี้ยงพวกเรา
ตกลง มาโกโตะตอบและเดินออกไปทันที มายุมองตามด้วยความเสียดายก่อนจะหันกลับไปทางมิยาซาวะ เคนอิจิและถาม
ฉันเห็นนายทำท่าจะห้ามแต่ทำไมอยู่ๆถึงยอมตามใจเขาล่ะ
ลืมไปแล้วหรือว่าวันนี้เป็นวันอะไร เคนอิจิพูดเสียงเรียบ มายุนิ่งคิดและเบิกตากว้าง เมื่อนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ อีกฝ่ายจึงผงกศีรษะ
เอาเป็นว่าวันนี้ปล่อยหมอนั่นให้อยู่คนเดียวไปก่อน ครั้งหน้าพวกเราค่อยลากเขาไปก็แล้วกัน เขาหันไปทางเพื่อนนักกีฬาไปกันเถอะ
ทั้งหมดจึงเดินออกจากโรงเรียน แต่มายุยังคงมองตามหลังมาโกโตะที่เดินห่างออกไปด้วยความห่วงใยจนกระทั่งเพื่อนนักเรียนชายเรียกเธอจึงหมุนตัวกลับและวิ่งตามพวกเขาไป
หลังจากแยกกลุ่มมาแล้วมาโกโตะเดินอย่างเหม่อลอยไปจนกระทั่งถึงที่พัก เขายืนมอง บ้านของตัวเองนิ่งอยู่ครู่หนึ่งจึงเดินเข้าไปด้านใน หลังจากวางกระเป๋าลงบนโต๊ะแล้วเด็กหนุ่มจึงหยิบขวดออกมาจากตู้เย็นและรินน้ำใส่แก้วจากนั้นจึงเดินถือเข้าไปในห้องขนาดเล็กและวางแก้วทั้งสองใบลงบนหิ้งหน้าป้ายชื่อของคนสองคน
วันนี้ผมแข่งฟุตบอลชนะ โรงเรียนเราได้เป็นอันดับหนึ่งแล้วครับ เขาพูดเบาๆและนั่งจ้องป้ายชื่อทั้งสองนิ่งขณะหวนคิดถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันนี้เมื่อปีก่อน วันที่เขาควรจะได้ไปพักผ่อนกับครอบครัวอย่างสนุกสนานแต่ทุกอย่างกลับพลิกผันเมื่อรถที่นั่งถูกสิบล้อวิ่งสวนเลนเข้ามาชน พ่อของเขาเสียชีวิตคาพวงมาลัยส่วนแม่ซึ่งกอดเขาเอาไว้เหมือนต้องการจะปกป้องหมดลมหายใจที่โรงพยาบาล ทุกวันนี้แม้มาโกโตะจะทำตัวร่าเริงสนุกสนานแต่ในส่วนลึกของจิตใจแล้วเขามักคิดอยู่เสมอว่าจะดีแค่ไหนถ้าตอนนั้นตัวเองจบชีวิตไปพร้อมกับพ่อแม่ เด็กหนุ่มหลับตาลงและระบายลมหายใจออกมา ขณะที่กำลังจมอยู่ในความทรงจำอันแสนเจ็บปวดอยู่นั้นเด็กหนุ่มก็ต้องสะดุ้งเมื่อได้ยินเสียงของหนักตกกระทบพื้นดังมาจากสวนหลังบ้าน
ขโมย
คำแรกวิ่งเข้ามาในความคิด มาโกโตะรีบเดินเข้าไปในครัวอย่างเบาที่สุดและหยิบมีดเล่มหนึ่งออกมา จากนั้นเขาจึงจรดปลายเท้าอย่างระวังตรงไปยังสวนหลังบ้าน เมื่อแน่ใจว่าฝ่ายที่อยู่ด้านนอกไม่สามารถมองเห็นแล้วเขาจึงแง้มประตูออกและมองลอดออกไปในสวน เด็กหนุ่มขมวดคิ้วด้วยความแปลกใจเพราะแทนที่จะพบขโมยตามที่คิดแต่สิ่งที่เห็นกลับเป็นโลหะสีทองกองอยู่บนพื้นหญ้า ในตอนแรกมาโกโตะคิดว่าอาจจะเป็นเศษวัสดุอะไรบางอย่างที่คนมักง่ายโยนข้ามกำแพงเข้ามาแต่เมื่อเขาก้าวออกไปดูและขยับปากเตรียมจะบ่นแล้วก็ต้องหยุดชะงักยืนตกตะลึงอ้าปากค้างด้วยความงงงันเพราะสิ่งที่กองอยู่ตรงหน้าไม่ใช่เศษโลหะตามที่คิดหากแต่เป็นร่างของใครบางคนนอนสิ้นสติอยู่ เด็กหนุ่มไล่สายตามองคนตรงหน้าอย่างพิจารณาและหยุดอยู่ตรงปีกสีขาวขนาดใหญ่ที่แผ่ขยายบนพื้นหญ้า วูบแรกเขาคิดว่าผู้ที่นอนหมดสติอาจจะเป็นพวกรับจ้างแต่งตัวโฆษณาตามห้างแต่พอเห็นปีกนั้นขยับไปมาราวกับมีชีวิตเขาจึงถอยหลังไปสองสามก้าวด้วยความตกใจ หลังจากกลืนน้ำลายติดต่อกันหลายครั้งจนสามารถตั้งสติได้แล้วมาโกโตะจึงรวบรวมความกล้าขยับเข้าไปใกล้พลางยื่นมือไปแตะปีกข้างหนึ่งอย่างแผ่วเบาและชักมือกลับแทบไม่ทันเมื่อพบว่ามันขยับเคลื่อนไหวไปมา
ของจริงนี่
เขามองใบหน้าภายใต้หมวกเกราะ ใบหน้างดงามแปลกตากับเรือนผมสีทองที่ยาวสยายตัดกับสีเขียวของต้นหญ้าทำให้เด็กหนุ่มพึมพำ
ผู้หญิง เขาเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าและนั่งนิ่งอยู่ครู่หนึ่งจึงสะบัดหัวเหมือนต้องการไล่ความคิดพิสดารเรื่องนางฟ้าตกสวรรค์ เมื่อหายจากอาการตกใจแล้วเด็กหนุ่มจึงเริ่มสำรวจร่างผู้สิ้นสติและนิ่วหน้าเมื่อพบเลือดบนเกราะ
ดูเหมือนเธอจะบาดเจ็บเขานิ่งคิด ครั้งแรกเด็กหนุ่มตั้งใจว่าจะโทร.เรียกรถพยาบาลแต่พอมองปีกด้านหลังของผู้ที่อยู่ตรงหน้าแล้วก็จึงเปลี่ยนใจ
ขืนทำแบบนั้นมีหวังได้แตกตื่นกันทั้งเมืองแน่ มาโกโตะพึมพำก่อนตัดสินใจพยุงร่างของราฟาเอลเข้าไปในบ้านจากนั้นจึงวางเขาลงบนเก้าอี้นวม แต่เด็กหนุ่มก็ต้องยืนลังเลอีกครั้งเพราะถ้าต้องทำการปฐมพยาบาล เขาก็ต้องปลดเครื่องแต่งตัวออกทั้งหมดซึ่งความจริงคงไม่ใช่เรื่องยากเพราะความเป็นนักกีฬาทำให้มาโกโตะรู้จักวิธีทำความสะอาดบาดแผลแต่เพราะอีกฝ่ายเป็นผู้หญิงทำให้เด็กหนุ่มต้องยืนคิดหนัก
เอาไงดี เขาพูดพลางมองใบหน้าแสนสวยนิ่ง ในที่สุดก็ต้องถอนใจมันจำเป็นนี่นาเพราะถ้าไม่ถอดเสื้อก็ไม่รู้ว่าเธอบาดเจ็บตรงไหนบ้าง
เด็กหนุ่มวางมือลงบนเกราะ
ไว้ขอโทษทีหลังก็แล้วกัน
พูดแค่นั้นมาโกโตะก็เริ่มปลดเกราะของราฟาเอลทีละชิ้น แม้จะลำบากเพราะไม่มีความรู้เรื่องชุดประเภทนี้อีกอย่างเขาต้องการระวังไม่ให้กระเทือนถึงบาดแผลแต่ในที่สุดโลหะสีทองชิ้นสุดท้ายก็หลุดออก มาโกโตะมองร่างซึ่งบัดนี้เหลือเพียงเสื้อผ้าเนื้อบางเบา เขากลืนน้ำลายและหลับตาแน่นขณะเลื่อนมือไปถอด ความประหม่าทำให้เด็กหนุ่มเผลอไปแตะบริเวณทรวงอก เขาขมวดคิ้วด้วยความแปลกใจเพราะสิ่งที่สัมผัสไม่ใช่เนินเนื้อนุ่มแต่เป็นแผ่นอกแบนราบ มาโกโตะลืมตาขึ้นมองและหลุดปากอุทาน
ผู้ชายนี่หว่า
เด็กหนุ่มถอนใจพรืดอย่างโล่งอกแต่ก็อดนึกเสียดายอยู่บ้างที่เหตุการณ์ไม่เป็นไปตามที่คิด เมื่อผู้บาดเจ็บเป็นเพศเดียวกัน มาโกโตะจึงถอดเสื้อผ้าออกอย่างรวดเร็วและนิ่วหน้าเมื่อพบว่าบาดแผลนั้นสาหัสกว่าที่คิดเอาไว้มาก
ไปโดนอะไรมาน่ะ
เขาบ่นพลางไล่สายตาไปตามปีกสีขาวและพบว่าปีกข้างหนึ่งอยู่ในสภาพบิดเบี้ยวผิดรูป เมื่อแตะดูจึงรู้ว่ามันหัก มาโกโตะดึงมือกลับและมองราฟาเอลนิ่งอย่างสงสัย
ตกลงนายเป็นตัวอะไรกันแน่
เขาพึมพำจากนั้นจึงเริ่มลงมือรักษาบาดแผลจนเสร็จเรียบร้อย เมื่อเก็บอุปกรณ์พยาบาลเข้าที่เสร็จเรียบร้อยเด็กหนุ่มจึงถอยไปนั่งที่เก้าอี้ด้านตรงข้ามและจ้องราฟาเอลไม่วางตา แม้ในใจจะเต็มไปด้วยคำถามและมีความหวาดระแวงแต่ความเหนื่อยล้าจากการเล่นกีฬาผนวกกับความเครียดต่อสิ่งที่พบทำให้มาโกโตะผล็อยหลับไปโดยไม่รู้ตัว
*/*/*/*/*
เป็นเรื่องใหม่ที่กำลังเขียนอยู่ค่ะ กระซิบเตือนนิดว่า เป็นแนวที่แตกต่างไปจากงานเขียนตัวอื่น แต่จะยังไงนั้นขออุบไว้ก่อนนะคะ ^^
ขอฝากผลงานชิ้นนี้กับผู้อ่านที่น่ารักทุกท่านด้วยค่ะ
ภาพ ราฟาเอล
จากคุณ |
:
Moony_Lupin
|
เขียนเมื่อ |
:
วันสุนทรภู่ 55 12:47:57
|
|
|
|