ภูตคราม บทที่ 6 กลิ่นดอกมณฑา
|
 |
ภูตครามบทต้น http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=moonyforever&month=26-04-2012&group=22&gblog=1
บทที่ 5 การตรวจสอบ http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W12240921/W12240921.html
บทที่ 6 กลิ่นดอกมณฑา
เสียงเพลงจากโทรศัพท์มือถือทำให้พิมมาดาจำต้องผละจากความฝันอันแสนสุข เธอควานหาต้นเสียงและกดปุ่มปิดแต่ยังคงนอนหลับตานิ่งไม่ยอมขยับอยู่ชั่วครู่ เสียงไก่ขันดังแว่วมาแต่ไกลทำให้หญิงสาวจำต้องตื่นลืมตาและลุกขึ้นนั่งงัวเงียอีกพักใหญ่จากนั้นจึงลุกขึ้นคว้าผ้าเช็ดตัวเดินเข้าห้องน้ำ สายน้ำจากฝักบัวที่พร่างพรมลงบนตัวสร้างความสดชื่นให้ความเธอเป็นอย่างมาก ระหว่างที่กำลังฟอกสบู่และไล้ฟองสีขาวละมุนไปทั่วร่างหญิงสาวจึงร้องเพลงอย่างมีความสุข ช่วงที่เพลิดเพลินอยู่กับการล้างฟองออกจากตัวอยู่นั้นอยู่ๆเธอก็รู้สึกเหมือนถูกใครบางคนเฝ้ามอง หญิงสาวหันมองรอบตัวอย่างระแวงและถอนใจออกมาเบาๆเมื่อไม่พบใครสักคน
สงสัยเราจะคิดมากไป
พิมมาดาพูดกับตัวเองและอาบน้ำต่อจนเสร็จ เมื่อแต่งตัวและรับประทานมื้อเช้าซึ่งมีเพียงกาแฟหนึ่งถ้วยกับขนมปังอีกสองสามแผ่นแล้วหญิงสาวจึงคว้ากระเป๋าก้าวออกจากบ้าน ในตอนที่กำลังใส่กุญแจรั้วสายตาของเธอก็เหลือบไปยังต้นมณฑาโดยไม่ได้ตั้งใจ หัวใจกระตุกวาบเมื่อเห็นชายคนหนึ่งกำลังยืนมองเธออยู่เช่นเดียวกัน เหมือนอีกฝ่ายจะรู้ตัว ร่างสูงใหญ่เลื่อนหายวูบเข้าไปในต้นไม้ ภาพที่เห็นทำให้หญิงสาวขนลุกไปทั้งร่าง กุญแจที่ถืออยู่ร่วงหลุดจากมือ เธอรีบก้มลงเก็บและมองต้นมณฑาอีกครั้งแต่ก็คราวนี้กลับไม่พบกับสิ่งใด หญิงสาวจึงขยับถอยหลังออกไปสองสามก้าวพร้อมกับพึมพำ
เราคงตาฝาดไป
เธอปลอบใจตัวเองก่อนรีบเดินออกจากที่นั่น แม้จะเป็นเส้นทางที่ใช้มาตั้งแต่เล็กแต่เหตุการณ์เมื่อครู่ทำให้หญิงสาวมองต้นไม้ทุกต้นอย่างหวาดระแวง เมื่อไปได้เพียงครึ่งทางเธอก็ได้ยินเสียงแตรรถจักรยานยนต์รับจ้างที่ถูกกดเหมือนจะถามว่าต้องการใช้บริการหรือไม่ พิมมาดารีบผงกศีรษะรับ และโดยสารรถคันนั้นออกไปจนถึงปากซอยจากนั้นจึงนั่งรถประจำทางต่อไปจนถึงที่ทำงานของเธอ
เช้าวันนั้นพิมมาดาวุ่นวายอยู่กับการรับโทรศัทพ์บอกเลิกการชำระเงินจากลูกค้าซึ่งสาเหตุส่นใหญ่มาจากยาที่ไม่ได้ครบตามจำนวน เรื่องนี้สร้างความปวดหัวให้กับนายองอาจเป็นอย่างมากจนถึงขนาดเผลอตวาดนงนภัสอย่างลืมตัว เป็นผลให้อีกฝ่ายเดินสะบัดออกจากบริษัทไปอย่างเง้างอน แต่ก็เป็นผลดีต่อฝ่ายชายเพราะหลังจากที่เธอออกไปแล้วนายองอาจจึงมีเวลาลงไปตรวจสินค้าของตัวเอง โดยมีพิมมาดาและสิทธิศักดิ์คอยให้ข้อมูล ตกบ่ายหลังจากคำนวณตัวเลขการสูญเสีย ผลสรุปของมันทำให้เจ้าของบริษัทแทบเอามือกุมขมับด้วยความเจ็บใจ
เกือบแสนเชียวหรือ
นายองอาจพูดพลางวางเอกสารรายละเอียดที่พิมมาดานำมาให้ลงบนโต๊ะ หญิงสาวนิ่งไปเล็กน้อยก่อนตอบ
นี่แค่เฉพาะมูลค่าของยาที่หายไปเท่านั้น ยังไม่นับจำนวนเงินที่ลูกค้าปฏิเสธที่จะจ่ายให้เรา
เรื่องนั้นผมพอจะจัดการได้ แต่สิ่งน่ากังวลมากกว่าคือความเชื่อใจ ผมกลัวว่าเหตุการณ์ในครั้งนี้จะทำให้ลูกค้าขาดความเชื่อมั่นกับบริษัทของเรา
นายองอาจพูดด้วยความกลัดกลุ้มและรีบโบกมือเมื่อเห็นว่าพิมมาดามีสีหน้าเร่งเครียดตามไปด้วย
ไม่ต้องเครียดไปหรอกคุณพิม บริษัทที่ติดต่อกับเราส่วนใหญ่เป็นลูกค้าเก่าแก่ซื้อขายกันมานาน เขาคงไม่หมดใจไปกับเรื่องแค่นี้หรอก เอาเป็นว่าเรื่องลูกค้าปล่อยให้เป็นหน้าที่ของผมกับพนักงานการตลาด คุณกลับไปทำงานตามเดิมเถอะ
ค่ะ
พิมมาดารับคำและกลับไปทำงานตามหน้าที่แต่ถึงกระนั้นเธอก็ยังลอบถอนใจออกมาด้วยความกังวลหลายครั้งจนนิลเนตรซึ่งคอยสังเกตเพื่อนอยู่ตลอดเวลาเดินมาถาม
เกิดเรื่องอะไรกันเหรอพิม
หญิงสาวส่ายหน้าพร้อมกับเปิดสมุดบัญชีออก
ไม่มีอะไรหรอก
จะไม่มีได้ยังไง วันนี้คุณองอาจโมโหขาดถึงขนาดตวาดยายนงนภัสจนวิ่งแจ้นออกจากบริษัทแถมเธอยังมานั่งถอนใจเป็นคนแก่ เธอขยับเข้าไปใกล้และก้มลงกระซิบ ตกลงแล้วมันเกิดอะไรขึ้นกันแน่
พิมมาดาระบายลมหายใจออกมาค่อนข้างยาว แม้จะรักและไว้ใจเพื่อนแต่ด้วยคำสั่งของเจ้านายทำให้เธอไม่อาจเปิดเผยข้อมูลที่มีอยู่ในตอนนี้ได้ หญิงสาวจึงแสร้งส่งยิ้มให้กับนิลเนตร
ไม่มีอะไรหรอก คุณองอาจแค่หงุดหงิดลูกค้านิดหน่อย ฉันเลยพลอยโดนหางเลขไปด้วย
คำอธิบายของเธอไม่ได้ทำให้นิลเนตรอยากจะเชื่อเลยสักนิด แต่ความที่รู้นิสัยว่าอีกฝ่ายเป็นคนปากหนักทำให้เธอจำต้องส่ายหน้า
เป็นเหตุผลที่ไม่น่าเชื่อเลยสักนิดยายพิม แต่ช่างเถอะ ไว้พร้อมเมื่อไหร่เธอคงบอกฉันเอง นิลเนตรพูดและทำท่าจะเดินออกไปแต่กลับชะงักและหันกลับมาถาม
ที่บ้านเป็นยังไงบ้าง
คำถามแบบจู่โจมทำให้พิมมาดาต้องมองเพื่อนอย่างงงัน
ก็ดี ทำไมเหรอ
เปล่าแค่ถามดู เห็นช่วงนี้อากาศร้อนจัดบ้านฉันแทบจะกลายสภาพเป็นเตาอบ เลยอยากจะรู้ว่าบ้านสวนของเธอจะเป็นอย่างนั้นด้วยหรือเปล่า
อีกฝ่ายพูดติดตลก พิมมาดาหัวเราะออกมาเบาๆ
ถ้ามันร้อนมากมานอนเล่นที่บ้านฉันก็ได้
สีหน้าของนิลเนตรฉายความลังเลออกมาแต่ก็เพียงแค่ชั่วประเดี๋ยวเดียวเท่านั้นเพราะเธอรีบสร้างรอยยิ้มพร้อมกับพูดด้วยน้ำเสียงร่าเริง
ช่วงนี้ชมพู่มะเหมี่ยวยังไม่ออก รอให้ลูกเต็มต้นก่อนแล้วฉันจะไป
ยายคนเห็นแก่กิน
พิมมาดากระเซ้าเพื่อน อีกฝ่ายหัวเราะพร้อมกับเดินกลับไปนั่งทำงานที่โต๊ะตามเดิม ตลอดทั้งวันนอกจากเวลาเที่ยงแล้วทั้งนิลเนตรและพิมมาดาแทบไม่มีเวลาพูดคุยอะไรกัน เพราะนอกจากบัญชีที่ยังปิดไม่ลงแล้ว ยังต้องวิ่งวุ่นกับการนัดหมายกับลูกค้าเพื่อสร้างความมั่นใจ ตกเย็นหลังเลิกงานทุกคนจึงแยกย้ายกันกลับบ้านซึ่งดูเหมือนวันนี้การเดินทางจะเป็นไปอย่างปลอดภัยจนเมื่อ พิมมาดาหยุดยืนอยู่บริเวณรั้วหน้าบ้าน ภาพของชายหนุ่มที่เธอเห็นเมื่อเช้าก็ย้อนกลับเข้ามาในความคิด หญิงสาวรีบสั่นศีรษะเพื่อไล่มันออกไปจากหัวพร้อมกับกล่าวงึมงำ
แค่ตาฝาดไปเท่านั้นน่ะเรา
พูดพลางไขกุญแจเข้าบ้าน เธอวางกระเป๋าไว้บนโต๊ะในห้องรับแขกและเดินหิ้วถุงกับข้าวเข้าไปในครัวเพื่อจัดลงจาน ระหว่างที่กำลังเทอาหารหญิงสาวก็ต้องสะดุ้งสุดตัวเมื่อเห็นเงาดำทาบบนตู้เย็นและเคลื่อนออกไปทางประตูหน้าอย่างรวดเร็ว กับข้าวในถุงหลุดจากมือกระจายเต็มพื้น เมื่อตั้งสติได้เธอจึงรีบวิ่งเข้าห้องพระและรีบจุดธูปมือไม้สั่นปากก็ขอให้คุณพระรวมทั้งวิญญาณคุณตาคุณยายมาช่วยคุ้มครอง เมื่อปักธูปลงในกระถางแล้วเธอยังคงนั่งอยู่ในท่านั้นอีกสักพักกระทั่งอาการหวาดกลัวเริ่มคลายลง หญิงสาวจึงตั้งคำถามกับตัวเอง
นั่นมันเงาอะไรพิมมาดาคิดเพราะอาศัยอยู่ที่บ้านหลังนี้มาตั้งแต่เด็กเธอยังไม่เคยเห็นผีหรือวิญญาณอะไรเลยสักครั้ง อย่าว่าแต่สิ่งเหล่านั้นเลย กระทั่งพระภูมิเจ้าที่ซึ่งตากับยายมักจะพร่ำบอกเสมอว่ามีจริงเธอก็ยังไม่เคยเจอ การพบเงาประหลาดถึงสองครั้งในวันเดียวนั้นย่อมไม่ใช่เรื่องปรกติอย่างแน่นอน ด้วยความคิดที่ว่าผีไม่มีจริงในโลกทำให้หญิงสาวเฝ้าถามกับตัวเองว่าสิ่งที่เห็นคืออะไร
ภูตคราม
ชื่อของภูตลึกลับที่ได้ฟังจากพรานเฒ่าวิ่งเข้ามาในหัว พิมมาดารับสะบัดหน้าเพื่อขับไล่ความคิดนั้นพร้อมกับพูด
เป็นไปไม่ได้ เธอชะงักไปเล็กน้อยเมื่อนึกถึงประสบการณ์น่ากลัวที่เจอมาตอนไปเที่ยวเขาใหญ่ หญิงสาวเม้มปากแน่นพร้อมกับให้เหตุผลกับตัวเอง
ถ้าสิ่งนั้นมีจริงคงไม่มีทางที่จะมาอยู่ที่นี่ได้หรอก เขาใหญ่กับเมืองนนท์อยู่ไกลกันจะตายไป
คิดพลางมองธูปที่ไหม้ไปได้ครึ่งดอก หญิงสาวจึงลุกขึ้นเปิดประตูและกวาดตามองโดยรอบอย่างระวัง เมื่อไม่เห็นอะไรผิดแผกแปลกตาเธอจึงตัดสินใจก้าวออกจากห้องพระเดินกลับลงไปยังชั้นล่างอีกครั้ง แสงไฟที่เปิดทิ้งไว้ตั้งแต่หัวค่ำทำให้เธอสามารถมองทุกอย่างได้อย่างกระจ่างชัด หลังจากสำรวจจนแน่ใจแล้วว่าไม่มีเงาอะไรหญิงสาวจึงเดินไปเปิดเพลงเพื่ออาศัยเสียงดนตรีเป็นเพื่อนจากนั้นจึงเข้าไปในครัวและเก็บกวาดทำความสะอาดเศษอาหารที่ทำตกไว้เมื่อตอนเย็น
มื้อค่ำวันนี้เป็นไปอย่างฝืดฝืนเพราะความหวาดระแวงทำให้กับข้าวที่เคยถูกปากกลับกลายเป็นไร้รสชาติเสียจนเธอไม่อยากจะกิน จัดการอาหารเสร็จพิมมาดาก็รีบอาบน้ำ หลังจากตรวจว่าปิดประตูหน้าต่างเรียบร้อยดีหมดแล้วหญิงสาวจึงขึ้นนอนโดยไม่ลืมที่จะเข้าไปสวดมนตร์ให้ห้องพระอีกครั้งเพื่อความอุ่นใจ
ความเหน็ดเหนื่อยจากงานที่ทำมาทั้งวันทำให้หญิงสาวอยากจะนอนให้หลับโดยเร็วแต่ความกลัวที่ยังคงฝังอยู่ภายในใจทำให้ไม่อาจข่มตาให้หลับลงได้ เธอพลิกตัวไปมาอย่างกระสับกระส่ายอยู่นานกระทั่งกลิ่นหอมเย็นของดอกมณฑาฟุ้งกระจายเข้ามาในห้อง สมองที่หนักอึ้งก็บรรเทาเบาบางลง ความกังวลที่มีอยู่เมื่อครู่พลันมลายหายไป ดวงตาที่แข็งจนไม่อาจปิดได้เมื่อครู่หรี่ปรือลง และเมื่อสายลมเย็นพัดผ่านเข้ามาในห้อง หญิงสาวจึงเข้าสู่นิทรารมณ์
เมื่อแน่ใจว่าพิมมาดาหลับสนิทแล้วภูธราจึงปรากฏกายขึ้น เขามองหญิงสาวด้วยดวงตาที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความรักก่อนจะวางดอกมณฑาลงข้างหมอน แม้จะไม่สามารถสัมผัสตัวได้โดยตรงแต่ภูตหนุ่มก็อาศัยสายลมเป็นตัวช่วยนำพา สัมผัสแสนอ่อนโยนที่ไล้ไปบนใบหน้าของ พิมมาดาสร้างความสุขใจให้กับภูธราอย่างเปี่ยมล้น เขายิ้มอย่างมีความสุขและเปิดปากเรียกชื่อของเธอเป็นครั้งแรก
พิมมาดา
ลมยามดึกพัดเข้ามาอีกครั้ง คราวนี้มันหมุนวนรอบตัวของหญิงสาวหนึ่งรอบจากนั้นจึงพัดออกจากห้องพร้อมกับภูตครามหนุ่มภูธรา
*/*/*/*/*
มาแล้วค่ะ ตอนนี้อาจจะสั้นเพราะเขียนเพราะอยากบอกความรู้สึกกับการกระทำของภูธรา ซึ่งต่อไปเขาจะใช้กลิ่นดอกไม้ชนิดนี้เป็นสื่อถึงหนูพิม
ตอนนี้กำลังเร่งปิดต้นฉบับอยู่ค่ะ อาจจะทิ้งระยะนานซักหน่อย อย่าเพิ่งเบื่อกันเสียก่อนนะคะ
มาคุยกัน
ทุจริต มีอยู่ในทุกวงการ จริงๆ มาเฟียดีๆนี่เอง ยังดีว่าหนูพิม มี ภูต(ที่ดี)คุ้มครอง เลยทำให้คนอ่านหายเครียด ได้เยอะเลย ไม่งั้นเครียดตายเลย เพราะความห่วงหนูพิม^^ จากคุณ : Psycho man - ใช่ค่ะ คนเลวมีอยู่ทุกวงการ โชคดีของหนูพิมที่มีภูตคอยช่วย แต่มนุษย์ในโลกแห่งความจริง ต้องดูแลตัวเอง(ชักอยากได้ภูตครามซักคนแล้วสิ ขอแบบภูธรานะ)
ปิดท้ายด้วยดอกมณฑา
จากคุณ |
:
Moony_Lupin
|
เขียนเมื่อ |
:
27 มิ.ย. 55 16:37:53
|
|
|
|