เรือนกุหลาบ บทที่ ความหลังของกุหลาบ
|
 |
กระจกเงากรอบเงินสะท้อนภาพวงหน้ารียาว ดวงตารูปหงส์เรียวปลายตวัดขึ้นเล็กน้อยมีแววลุ่มลึก ผิวสีน้ำผึ้งอ่อนเย้ายวนขึ้นเมื่อริมฝีปากอิ่มเต็มเคลือบลิปกล๊อสสีใส หญิงสาวเอียงแก้มปัดบลัชออนสีอ่อนบางเป็นอันเสร็จสิ้นขั้นตอนการแต่งหน้าง่ายๆ สำหรับยามบ่ายวันนี้ แพรวานอนหลับยาวหลังงานปาร์ตี้นักเรียนทุนเมื่อคืน ตื่นขึ้นมาจึงสดชื่นพอจะอาบน้ำสระผม แล้วมานั่งทอดอารมณ์เติมแต่งสีสันให้ใบหน้า หล่อนแพลนไว้ว่าจะใช้เวลาจัดกระเป๋าเดินทาง เก็บข้าวของให้เสร็จ ก่อนจะอำลาชีวิตนักเรียนนอกในดินเนอร์คืนสุดท้ายกับคนพิเศษ
มือบางเริ่มกวาดเก็บตั้งแต่เครื่องสำอางบนโต๊ะชุดเครื่องแป้ง ของตกแต่งกระจุ๋มกระจิ๋ม เครื่องประดับผมอีกสองสามชุด และสุดท้าย..กรอบรูปทรงสี่เหลี่ยมที่ตั้งเด่นอยู่มุมในสุด หญิงสาวค่อยๆประคองมันขึ้นมาอย่างทะนุถนอม นิ้วเรียวทั้งห้าเกลี่ยไปบนรูปถ่ายสีจางอย่างระลึกถึงด้วยความรู้สึกยากจะบรรยาย
หญิงสาวใบหน้าสวยสง่าในชุดแต่งงานสีไข่มุกสุดหรูยืนเคียงคู่กับชายหนุ่มมาดขรึมใบหน้าหมดจดอย่างผู้ดีมีตระกูลในชุดสูทราคาแพง รอยยิ้มที่เห็นบ่งบอกถึงความสุข..สมปรารถนา ผู้หญิงและผู้ชายที่มีส่วนละม้ายคล้ายนักเรียนทุนคนเก่งและเพียบพร้อมคนนี้ ผู้ที่หล่อนมีโอกาสเห็นแค่ในภาพถ่าย ทั้งที่อยากจะสวมกอดสักครั้ง..ก็ทำได้เพียงฝัน
พ่อคะ..แม่คะ..แพรทำได้แล้ว แพรเรียกศักดิ์ศรีของครอบครัวเรากลับมาได้แล้ว วันนี้แพรมีทุกอย่างแล้ว
หญิงสาวเจ้าของร่างระหงทรุดกายลงนั่งบนเตียงนุ่ม หล่อนกอดกรอบรูปใบนั้นจนกระชับแนบอก รอยวาววามของหยดน้ำหล่อเลี้ยงอยู่เพียงนัยน์ตา ทว่าพยายามเข้มแข็งสักเท่าใด ก็ไม่อาจลบลืมภาพอดีตในวัยเยาว์อันแสนปวดร้าวลงไปได้..
ในคืนเงียบเหงา มีแสงจันทร์สาดส่องลอดหน้าต่างบานเก่า เสียงจักจั่นร้องระงม หล่อนยังจำได้ บ้านโทรมๆ หลังคาสังกะสี เสียงกรุบกรับของแผ่นไม้กระดานที่ผู้คนยามค่ำคืนเดินเยียบกันไปมา กลิ่นน้ำในคลองอันเน่าเหม็น ยุงบินว่อน ต้องนอนหลบในมุ้งร้อนๆทุกคืน สภาพแวดล้อมรอบกายไม่เคยน่าอภิรมย์ มีเพียงป้าแหวน หญิงวัยกลางคนผู้เป็นเสมือนทั้งพ่อ แม่ และเพื่อนที่ดีที่สุดของหล่อน ความสุขอย่างเดียวจริงๆที่หล่อนพึงมีในตอนนั้น
พ่อแม่หนูเป็นใครเหรอคะป้าแหวน คำถามแรกที่หล่อนสงสัย เฝ้าถามวกวนอยู่ทุกวันคืน พ่อแม่หนูของป้าเป็นคนดี มีชาติตะกูลสูง เป็นเศรษฐีใหญ่ ที่สำคัญสวยหล่อเหมือนเจ้าหญิงเจ้าชายเลยทีเดียวนะจ๊ะ คำตอบพร้อมกับรอยยิ้มใจดีไม่มีใครเหมือน แล้วพ่อแม่หนูอยู่ไหน ทำไมหนูไม่เคยเห็นหน้าล่ะคะ พ่อแม่หนูชื่ออะไรคะป้า หญิงผู้ถูกเรียก ป้าแหวน เริ่มน้ำตาคลอเบ้า ความรู้สึกกระอักกระอ่วนใจซ่อนอยู่ใต้สีหน้าเยือกเย็น แม่หนูชื่อ คุณรัมภา ส่วนคุณพ่อ ชื่อ คุณวิกร ค่ะ ป้าแหวนตอบพลางลูบไล้เส้นผมละเอียดนุ่มของเด็กสาว ก่อนปลอบ ไม่ต้องกลัวนะคะ อีกไม่นาน..คุณหนูของป้าจะกลับไปอยู่สุขสบายเหมือนเดิมแล้ว หนูน้อยวัยหกขวบทำตาโต เสมือนสิ่งที่ได้ยินเป็นเรื่องเหลือเชื่อเสียเต็มประดา หนูจะได้อยู่สบายจริงๆเหรอป้าแหวน
คุณป้าผู้ใจดีพยักหน้าแทนคำตอบ ก่อนจะเบี่ยงเบนความสนใจด้วยการเล่านิทานสนุกๆจนเด็กสาวผล็อยหลับไป เป็นแบบนี้หลายคืน หล่อนก็ยังไม่เคยได้รู้ว่าพ่อแม่อยู่ไหน ทำอะไร..เมื่อใดจะได้พบหน้า
หลายครั้งที่แพรวาถูกสายตาเหยียดหยามจากเพื่อนฝูง เพื่อนในโรงเรียนรัฐบาลแห่งหนึ่ง ที่ค่อนข้างมีชื่อเสียงในเขตนั้น หล่อนก็ไม่รู้เหมือนกัน ว่าฐานะอย่างป้าแหวน ผู้ไม่มีอันจะกิน มีชีวิตอยู่อย่างกระเบียดกระเสียร เอาปัญญาที่ไหนมาส่งหล่อนเรียนโรงเรียนนั้นได้ ถึงแม้เป็นโรงเรียนรัฐบาล แต่ก็มีชื่อ ลูกหลานคนชั้นกลางที่พอมีอันจะกินจนกระทั่งเศรษฐีบางบ้านก็ส่งมาเรียนที่นี่
ชุดนักเรียนที่หล่อนใส่ ก็มีอยู่แค่สามสี่ตัว สีมอๆ ตอนเย็นก็ไม่มีรถโก้หรูมารับเหมือนเพื่อนบางคน ก็มีแต่ป้าแหวน ท่าทางเหนื่อยๆ แต่ตัวมอซอมารับหล่อนทุกวัน เพื่อนที่คบกับหล่อนได้ก็มีอยู่สองสามคนที่ฐานะทางบ้านไม่มีอันจะกินพอกัน
เงินติดกระเป๋าก็ได้แค่เพียงวันละไม่เกินสิบบาท วันไหนป้าแหวนถูกหวยก็ได้เยอะหน่อยยี่สิบสามสิบบาท ต้องยืนเกาะกระจกมองอาหาร หรือขนมที่อยากกิน แต่ไม่สามารถกินได้ กลืนน้ำลายกันไป ป้าแหวนเคยถามหล่อนด้วยความเวทนา อยากกินเหรอหนูแพร ไว้ป้าถูกหวยเยอะๆเมื่อไหร่จะซื้อให้กินจนหนำใจเลย ป้าก็ได้แต่ปลอบหล่อนไปอย่างนั้นเอง
รถคันนั้นสวยจังค่ะป้า หนูอยากนั่งมั่งจัง จะมีโอกาสกะเค้าบ้างมั้ย หล่อนกระโดดเขย่ามือป้าด้วยความตื่นเต้นเมื่อเห็นรถสปอร์ตคันแดนแล่นโฉบเฉี่ยวอยู่บนถนน ขณะรอข้ามทางม้าลาย เมื่อก่อน ตอนหนูยังเล็กๆ ซักเจ็ดแปดเดือน ได้นั่งรถสวยกว่านี้อีกค่ะ คุณพ่อพาไปเที่ยวเกือบทั่วประเทศเชียวนา อีกไม่นานหนูต้องได้นั่งรถสวยกว่านี้ ป้าสัญญาค่ะ
และก็เหมือนอีกหลายครั้งที่ป้าแหวนพูดเหมือนหลอกให้หล่อนทำตาโตขนลุกชันด้วยความตื่นเต้น แต่ก็นึกภาพไม่ออกหรอก ว่าความรู้สึกตอนที่ได้นั่งรถสวยๆ ได้อยู่ในสภาพแวดล้อมสะดวกสบายมันเป็นยังไง ก็จะให้นึกอย่างไรไหว ในเมื่อแต่ละฉากละตอนหล่อนยังเด็กจนเกินกว่าจะจำความได้
มันยังไม่ถึงเวลาค่ะ ป้าแหวนพูดถูก..ตอนนั้นมันยังไม่ถึงเวลา แต่ไม่ใช่เวลาที่หล่อนจะได้สุขสบายนะ เป็นเวลาที่ยังไม่มีโอกาสรู้ความจริงที่ถูกซ่อนไว้ต่างหาก!
สามปีผ่านไปกับความแร้นแค้น เด็กหญิงแพรวาอายุครบเก้าขวบในกลางเดือนเมษาอันร้อนระอุ วันนั้นป้าแหวนไม่อยู่บ้าน หล่อนจำได้ว่ากำลังนั่งดูโทรทัศน์ภาพขาวดำที่ติดๆขัดๆ สัญญาณขาดหายเป็นบางครั้งแต่ก็ยังทนดูเพราะไม่รู้จะเอาเวลาไปทำอะไร เสียงแหบแห้งของชายชราคนหนึ่งตะโกนเข้ามา หล่อนจำได้ว่าเป็นเสียงเจ้าของรถซาเล้งที่ตระเวนรับซื้อกระดาษ กล่องลัง และของเก่า
มีหนังสือพิมพ์เก่าๆขายให้ลุงมั้ยหนู เด็กสาวสะบัดหน้าปฏิเสธด้วยขี้เกียจลุกขึ้นไปค้นของให้เหนื่อยฟรี เงินที่ได้ก็ไม่กี่บาท ถึงจะได้ ก็ต้องเก็บไว้กับป้าแหวนก่อนเจียดมาเป็นค่าขนมให้หล่อนอยู่ดี จึงไม่ใช่กงการอะไรที่หล่อนจะต้องเหนื่อยหาของเก่าไปขายลุง เห็นแม่แหวนเขาบอกว่าเก็บหนังสือพิมพ์เก่าไว้ให้ อยู่ในลังหน้าบ้าน ไม่มีหรอกลุง อย่ามาโมเมน่า หล่อนบอกอย่างรำคาญ ยังคงเอนกายพิงฝาบ้าน นั่งดูละครเรื่องโปรดติดลมอยู่ ไม่สนใจไยดีลุงเจ้าของซาเล้งแม้แต่จะเยี่ยมหน้าออกมามอง บ๊ะ! นังหนูนี่ ก็ข้าเพิ่งสวนกับแม่แหวนเมื่อเช้า บอกให้มาเอาของกะหลานก็ได้ อยากได้ลุงก็ลองหาเองละกัน หนูไม่รู้หรอกว่าป้าเขาวางไว้ตรงไหน เด็กสาวบอกปัดอีกครั้ง ลุงซาเล้งแกคงเอือมระอาที่จะถามไถ่ เลยลงมาคุ้ยของเสียงดังโป๊งเป๊งอยู่หน้าบ้าน เสียงถุงพลาสติกดังกรอบแกรบอยู่พักใหญ่ เวลาผ่านไปนานพอสมควร ละครเรื่องโปรดของแพรวาจบแล้ว หล่อนจึงนึกขึ้นได้ อ้าว ไปซะละลุง เงินก็ไม่จ่าย
เด็กสาวเพิ่งเห็นว่าข้างประตูสังกะสีหน้าบ้านมีกล่องลังใบใหญ่วางตั้งอยู่ นี่คงเป็นที่มาของเสียงขุดคุ้ย หนังสือพิมพ์เก่าของป้าแหวนคงอยู่ในลังนี้เอง แพรวาถอนหายใจยาว เมื่อสติกลับมาจึงรู้ตัวว่าเสียท่าลุงแก่นั่นเสียแล้ว เงินก็ไม่จ่าย แล้วทีนี้หล่อนจะตอบป้าแหวนอย่างไรดี ขณะที่นั่งชันเข่าเท้าคางคิดไม่ตกอยู่ สายตาก็เหลือบไปเห็นหนังสือพิมพ์เก่าสีน้ำหมึกซีดจางฉบับหนึ่งปลิวว่อนอยู่ข้างลัง
เหลือไว้ทำไมละเนี่ยลุง จะเก็บก็เก็บให้หมดซี หล่อนเอื้อมมือไปคว้าหนังสือพิมพ์ฉบับนั้นขึ้นมา ตั้งใจว่าจะนำไปทิ้งลงถังขยะหน้าบ้าน แต่ชะตากรรมก็ช่างใจร้ายกับหล่อนเสียเหลือเกิน เมื่อข่าวพาดหัวตัวเบ้อเริ่มกระแทกเข้าตาหล่อนเต็มๆ วิกร สว่างวิวัฒน์ มหาเศรษฐีหุ้นส่วนกิจการน้ำมันรายใหญ่ถึงคราวตกอับ สู้ปัญหาหนี้สินพันล้านไม่ไหว ขอลาโลกผูกคอตายดับอนาถ ภรรยาทนรับภาระไม่ได้ ยิงตัวตายตาม..
ความรู้สึกที่ว่า..โลกทั้งใบแตกสลายไปต่อหน้าต่อตามันเป็นอย่างนี้นี่เอง แพรวาช็อกกับข่าวที่ตนได้รับรู้ ไม่มีจิตใจจะทำอะไร ป้าแหวนตกใจกับอาการของเด็กสาว ถึงกับจะหามไปส่งโรงพยาบาล ด้วยหลานสุดรักเอาแต่นิ่ง ทำหน้าเฉยเมยเหมือนสวมหน้ากาก ข้าวปลาไม่กิน สามวันสามคืนเต็มๆ
กระทั่งถึงคราวลงทุนเรียกรถแท็กซี่เตรียมพาไปตรวจอาการที่โรงพยาบาล เด็กสาวจึงยอมเปิดปากทั้งน้ำตา
ป้าทำอย่างนี้กับหนูได้ยังไง..ป้าทำได้ยังไง คนที่เจ็บปวดแสนสาหัสที่สุดกลับเป็นเจ้าของใบหน้าเหี่ยวย่น ป้าแหวนปากคอสั่น น้ำตาไหลพราก รีบคว้าเด็กสาวเข้ามากอดไว้อย่างเข้าใจหัวอก ป้าไม่ได้ตั้งใจจะปิดบังหนู..ตะ..แต่ ป้าไม่อยากให้หนูเจ็บปวด หนูเคยอยู่สุขสบาย เคยอยู่อย่างเพียบพร้อม พ่อแม่ลูก ใครๆก็พากันอิจฉา แต่ว่า.. หญิงผู้เริ่มใกล้วัยชรา ระล่ำระลักบอกเสียงสั่นเครือ แต่ว่าตกอับ ไม่มีหน้าไปสู้ใครได้อีก แพรวาสะบัดตัวออกจากอ้อมแขนของป้าผู้เคยเป็นที่รัก แววตาเย็นเยือกเหมือนไร้ชีวิต สิ่งที่ป้าทำมันยิ่งกว่าเจ็บแสบ ความหลอกลวง ความหวัง ความฝันลมแล้ง หมดแล้ว หนูไม่เหลืออะไรอีกแล้ว ป้าได้ยินมั้ย ไม่เหลืออะไรอีกแล้ว
เสียงกรีดร้องของแพรวากรีดลึกลงไปถึงขั้วหัวใจของผู้ที่ถูกเรียกว่า ป้า ความหวังสุดท้ายถูกเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงขึ้งเครียด หนักแน่น เสมือนสัญญากับหล่อนว่าครั้งนี้ สิ่งที่พูดออกมาล้วนเป็นความจริง ไม่ใช่การหลอกลวงแต่อย่างใด
อีกไม่นาน คุณหนูของป้าจะกลับไปมีชีวิตที่ดี..เหมือนเดิม ป้าสัญญา
แพรวาไม่เคยหวังอะไรจากป้าแหวนอีก คำพูดดังกล่าวก็เช่นกัน หล่อนมีชีวิตอยู่แบบซังกะตายไปวันๆ หนังสือก็ไม่ตั้งใจเรียน เกรดตกทั้งสองเทอม ครูประจำชั้นต้องทำหนังสือเรียกผู้ปกครองไปพบหลายครั้ง ป้าแหวนเข้าใจเด็กสาวดี และพยายามอธิบายสาเหตุของการเรียนที่ตกต่ำให้ครูในโรงเรียนหลายๆคนเข้าใจ แพรวาเคยเป็นศิษย์โปรดของคุณครูหลายท่าน เพราะหล่อนเคยตั้งใจเรียน หัวดี เฉลียวฉลาด ถูกส่งไปแข่งขันตามสาขาวิชาต่างๆก็ได้รางวัลกลับมาเป็นที่ภาคภูมิใจของครูบาอาจารย์ เมื่อสภาพจิตบอบช้ำ ทุกอย่างกลับตาลปัตร คุณครูทุกคนจึงพร้อมจะเห็นใจ และร่วมมือกันเยียวยาเด็กสาวให้เข้มแข็งขึ้น
จากคุณ |
:
pericardium
|
เขียนเมื่อ |
:
27 มิ.ย. 55 23:58:04
|
|
|
|