น้องสี่ เจ้ามาตั้งแต่เมื่อใด ทำไมจึงยืนอยู่ตรงนี้เล่า
เพิ่งมาถึงเมื่อครู่พ่ะย่ะค่ะ มีคนมาสนทนาเรื่องการศึกษากับข้าเป็นการด่วน จึงได้ล่าช้า น้องสิบสาม ผิดต่อเจ้าแล้วจริงๆ
เสียงเรียบเฉยขององค์ชายสี่ดังมาจากด้านนอก ฟังดูแหบพร่าหน่อยๆ แต่เสียงอิ้นเสียงกลับสดใส
พูดเช่นนั้นได้อย่างไรพี่สี่ ท่านมาก็ให้เกียรติข้ามากแล้ว อีกอย่าง...
อิ้นเสียงหยุดไปนิดหนึ่ง ขณะที่ฉันนึกเดาว่าองค์ชายสี่จะมีสีหน้าท่าทางยังไง อิ้นเสียงก็พูดต่อ
พี่สี่ดูแลข้าด้วยดีเสมอมา มีแต่ข้าที่ต้องขออภัยท่าน ใช่เรื่องที่ท่านผิดต่อข้าที่ไหน เสียงของอิ้นเสียงเต็มไปด้วยความรู้สึกจากหัวใจ ทั้งความซาบซึ้ง ทั้งความเทิดทูน และทั้ง...
ฉันไม่ได้ยินแล้วว่าด้านนอกคุยอะไรกัน รู้แต่ว่าเสียงคนค่อยๆ ซาลงเรื่อยๆ ฉันก้มลงถอนใจ ทิ้งตัวเอนพิงไปด้านหลังก่อนจะหลับตาให้ความรู้สึกปวดร้อนตรงเบ้าตานั้นจางลงไป
ใครรักใครคนหนึ่ง แล้วใครกลับทำร้ายใคร เปี่ยมรักไร้รัก ถูกหรือผิด สุดท้ายต้องแบกรับโทษไว้ชั่วชีวิต...
บทเพลงที่ไม่รู้ว่าเคยได้ยินจากที่ไหนพลันผุดขึ้นในสมอง สะท้อนก้องอยู่ในนั้นอย่างชัดเจน ฉันยิ้มเศร้า ฉันรักใครนั้นขอไม่พูดถึง ทำร้ายใครนั้นกลับรู้ซึ้งที่สุด ฉันต้องแบกรับโทษทัณฑ์ไปชั่วชีวิตใช่ไหม...
นายหญิง...
เสียงเล็กๆ เสียงหนึ่งทำลายความเงียบ ฉันลืมตาขึ้นมาเห็นสาวใช้หน้าตาสะสวยคนหนึ่งกำลังมองฉันด้วยสีหน้าเป็นกังวล เมื่อฉันลืมตาขึ้นเธอก็หน้าแดงส่งผ้าเช็ดหน้าให้ ฉันไม่รับผ้าเช็ดหน้าเพราะยังงง เธอเลยยื่นมือมาเช็ดหน้าให้อย่างแผ่วเบา ฉันยกมือขึ้นมาลูบหน้าตัวเองดูอย่างอัตโนมัติ ถึงได้รู้ว่าน้ำตานองหน้าเต็มไปหมด ฉันโบกมือปฏิเสธ เธอจึงวางผ้าแพรใส่มือฉันด้วยท่าทางเข้าอกเข้าใจแล้วจึงย่อกายเคารพถอยไป เหล่าพี่เลี้ยงเจ้าสาวและบรรดาสาวใช้เห็นหน้าฉันไม่เริงร่าก็ไม่เข้ามากวนฉันอย่างรู้งาน ต่างถอยหลบไปแบบเงียบกงิบ เสียงอึกทึกวุ่นวายเมื่อกี้นี้หายไปจากห้องจนหมด เหลือเพียงความเงียบสงัดเท่านั้น
ฉันไม่รู้ว่านั่งอยู่อย่างนั้นนานแค่ไหน กระทั่งรู้สึกเมื่อยคอเลยเงยหน้ามองท้องฟ้าที่เริ่มมืดลงแล้ว แสงสายันต์สีแดงส้มยังฉาบฉายตรงปลายขอบฟ้านำพาไออุ่นอันเอื้ออารีคล้อยต่ำตามพระอาทิตย์ที่อัสดง หน้าของฉันเหนียวเหนอะ คงเป็นเพราะน้ำตาที่แห้งเหือดทำให้รู้สึกไม่สบายผิว ฉันยืนขึ้นมองไปรอบๆ อยากจะหาน้ำสักอ่างมาล้างหน้า กว่าจะเจอว่าอยู่หลังฉากบังตาก็ตั้งนาน ฉันถอดเครื่องประดับผมหนักอึ้งทั้งหลายและชุดคลุมตัวนอกออก ตัวเบาขึ้นเป็นกอง ฉันวักน้ำขึ้นล้างหน้า น้ำเย็นๆ ชวนให้สดชื่น พอเช็ดหน้าเช็ดตาแห้งแล้วก็ประน้ำมันหอมกลิ่นมะลิ เสร็จแล้วจึงนั่งแปรงผมไปเรื่อยเปื่อยตรงหน้าโต๊ะ อยากจะสางเอาเรื่องยุ่งยากในหัวออกไปให้หมดไม่เหลือหลอ มีคนเคยพูดว่าคนที่ไม่เคยทุกข์เพราะรักนั้นเกิดมาก็เสียชาติเกิด ถึงความรักจะไม่เป็นอย่างที่หวัง มีอุปสรรครอบด้าน แต่นั่นก็คือความหอมหวานที่น่าหลงใหล
เฮ้อ... คำพูดเหลวไหลนี้ใครเป็นคนพูดกันนะ อยากจะรู้จริงๆ เลย...ฉันกัดริมฝีปากตัวเองเพื่อสะกดความพลุ่งพล่านในใจ หลังจากหวีผมเข้าทรงดีแล้วฉันก็วางหวีเก็บเข้าที่ กำลังจะอ้าปากเรียกคนเข้ามาพลันเสียงประตูก็ดังแอ๊ดเหมือนมีใครเปิด ฉันหันไปมองก็เห็นอิ้นเสียงยืนพิงขอบประตู หน้าตาแดงซ่าน เขาจ้องมองมาที่ฉันตาเยิ้มพลางย่างสามขุมตรงเข้ามา
ฉันขนลุกซู่ ตัวแข็งทื่อ ยิ่งเขาเดินเข้ามาใกล้กลิ่นเหล้ายิ่งคละคลุ้ง ฉันรู้สึกเหมือนกำลังเข้าใกล้เส้นศูนย์สูตรยังไงยังงั้น บรรยากาศอบอ้าวจนหายใจไม่ทั่วท้อง ฉันกลืนน้ำลายดังเอื๊อก เลียริมฝีปากที่แห้งผาก
ดวงตาของอิ้นเสียงดำขลับดุจสีของแท่งหมึก ใบหน้าแดงเรื่อขับโครงคิ้วและตาให้เด่นชัด ฟันขาวๆ ของเขาเรียงเป็นระเบียบสวย รอยยิ้มสดใสเหมือนท้องฟ้าเปิดโล่งชวนชื่นใจ เขาก้มลงสบตากับฉัน ฉันไม่สามารถเลื่อนสายตาไปไหนได้ราวกับต้องมนตร์สะกด เขายิ้มน้อยๆ ยื่นมือมาจับปลายผมของฉันไปไล้ที่ริมฝีปากตัวเอง
หอมจริง กลิ่นมะลิหรือ
ฉันพยักหน้าหงึก อิ้นเสียงที่อยู่ตรงหน้าทำให้ฉันควบคุมตัวเองไม่ได้เลย
ว้าย! ฉันกรีดร้องเมื่อจู่ๆ อิ้นเสียงก็ช้อนตัวฉันอุ้มไปที่เตียง หัวใจของฉันเต้นโครมครามขึ้นเรื่อยๆ เหมือนจะทะลุออกมานอกอกเสียให้ได้ ความคิดที่จะขัดขืนไม่รู้กระเจิดกระเจิงไปไหน และไม่รอให้ฉันได้มีปฏิกิริยาอะไรอิ้นเสียงก็วางฉันลงนั่งบนเตียง
เจ้า...เจ้าจะทำอะไรน่ะ...นี่...
ฉันพยายามฉุดอิ้นเสียงขึ้นเมื่อเขาก้มลงไปถอดรองเท้าให้ฉัน แต่กลับถูกขัดขวางอย่างดื้อดึง ฉันเลยต้องปล่อยเขาอย่างจนใจ เมื่อถอดรองเท้าเสร็จเขาก็ยังไม่ยอมลุกขึ้น แต่นั่งคุกเข่าจับเท้าฉันไว้ บรรยากาศแปลกประหลาดชอบกล ตอนที่คิดว่าฉันควรจะพูดอะไรบ้าง อิ้นเสียงก็เงยหน้าขึ้นมายิ้มให้ฉันพอดี
ในที่สุดวันนี้ก็ได้จับเท้าเจ้า
ฉันอึ้งตะลึงตะลาน นึกถึงครั้งแรกที่เราพบกันทันที คนที่ชมว่าเท้าฉันสวยคนนั้น...ฉันหน้าแดงยิ้มเขิน
เช่นนั้นก็ยินดีด้วยนะเจ้าหนู
เจ้า... อิ้นเสียงเป็นฝ่ายอึ้งบ้าง ก่อนจะยิ้มเหยอย่างไม่อยากรับสรรพนามนี้
ฉันยักคิ้วมีความสุข แต่แล้วก็เห็นรอยยิ้มมีเลศนัยของอิ้นเสียง แย่แล้ว...ตัวของฉันพลิกหงายลงบนเตียงแบบไม่ทันตั้งตัว
ฉันเงยหน้าขึ้นมองอิ้นเสียงที่ยิ้มได้ใจโถมตัวลงมาทับแล้วก็ต้องกัดริมฝีปาก มือข้างหนึ่งยกขึ้นมากุมอกเสื้อตัวเองอย่างอัตโนมัติ อิ้นเสียงไม่ได้ทำตัวเหมือนคนขาดสติ เขาค่อยๆ ก้มลงมาประทับจูบชุ่มชื้นที่หลังมือของฉัน
มือของเจ้างามจริง เขียนอักษรข้อความก็สวย
ฉันมองเขาอย่างนิ่งอึ้ง เขาประทับจุมพิตลงบนคิ้วของฉัน
คิ้วของเจ้างามเหลือเกิน เคยขมวดมุ่นเพื่อข้า และคลายลงเพื่อข้าด้วย...ดวงตาเจ้าก็งาม ในนั้นทอประกายอบอุ่นทำให้ข้าอาลัยรักนักหนา
ริมฝีปากของอิ้นเสียงไล่ลงผ่านแก้มและหยุดตรงริมฝีปากของฉัน
ปากเจ้ายิ่งงามใหญ่ เคยเอ่ยคำที่ทำให้ข้าดีใจ เคยร้องเพลงแสนไพเราะ...
ฉันรับสัมผัสจากริมฝีปากของเขาที่เลื่อนลงมาที่คอ และเรื่อยมาถึงหน้าอก
ข้าชอบข้างในนี้ด้วย หัวใจดวงนี้เต้นอย่างอ่อนโยนและแสนดี ทำให้ข้ารู้สึกว่าไม่ได้อยู่ตัวคนเดียวอีกแล้ว
ฉันลืมตามองอิ้นเสียงและยิ้มให้ทั้งน้ำตา นี่ฉันมีข้อดีมากมายขนาดนี้เลยเหรอ
รู้หรือไม่ว่าข้าชอบอะไรในตัวเจ้าที่สุด อิ้นเสียงเช็ดน้ำตาให้ฉันเบาๆ
ฉันส่ายหน้า เขาจึงก้มลงมากระซิบที่ข้างหู
เสี่ยวเวยคนที่ตอบรับเสียงดังต่อหน้าพระพักตร์ว่าจะแต่งงานกับข้า ข้าชอบที่สุดเลย
เขาเงยหน้าขึ้นมามองฉัน ดวงตาสีดำพร่ามัวเพราะน้ำตาคลอหน่วย ฉันอดยื่นมือไปกุมหน้าเขาไว้ไม่ได้ และอิ้นเสียงก็กุมมือฉันไว้อีกที
ต่อไปข้าจะเล่าให้ลูกของเราฟังว่าแม่ของพวกเขาตอบรับแต่งงานกับพ่อเสียงดังกึกก้อง จากนั้นก็จะบอกเล่าแก่หลานของเราต่อไป...
หึๆๆ คนโง่ ฉันอดขำไม่ได้
อิ้นเสียงหัวเราะเบาๆ ฉับพลันนั้นเขาก็จูบฉันอย่างหนักหน่วงจนฉันหน้ามืดตาลาย โลกทั้งโลกมีเพียงดวงตาดำขลับของอิ้นเสียงและเสียงหอบหายใจกระชั้น จากนั้นร่างกายที่ร้อนผ่าวก็โอบรัดตัวฉันไว้แนบแน่น