Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
เรื่องสั้นแนว Sci-fi Fantasy ตอนที่ 2 'โลก'ภายนอก ติดต่อทีมงาน

ความเดิมตอนที่แล้ว
http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W12287105/W12287105.html


+++++++++++++++++++++++++++++++++++++


ที่บริษัทนอกจาก ‘ป้า TR-14’ แอนดรอยด์แม่บ้านแล้ว ก็มีพนักงานมนุษย์อีกเพียง 5 คน ส่วนอีตาลูอิสผู้อำนวยการของบริษัทแห่งนี้ ฉันไม่อยากจะนับเขาเป็นมนุษย์เลย วันๆที่เขาเดินผ่านโต๊ะทำงานฉันแต่ละทีก็ชอบมองมาที่ฉันด้วยสายตาเป็นประกาย คงใช้สายตาแบบนี้กับสาวๆมนุษย์โลกเป็นประจำละสิ ทั้งๆที่ฉันแค่เผลอพลาดไปในวันแรกที่เจอคุณเท่านั้น คุณคงไม่รู้หรอกว่าระบบปฏิบัติการของฉันซับซ้อนเกินกว่าที่คุณจะเจาะเข้าสู่ใจเหมือนมนุษย์เพศหญิงทั่วไป


ถึงแม้ฉันจะมีระบบ Safe Mode ที่เป็นระบบปฏิบัติการสำรองคอยช่วยเมื่อระบบปฏิบัติการหลักของฉันขัดข้อง รวมถึงเทคโนโลยีในยุคนี้ยังล้าหลังเกินกว่าจะตรวจพบว่าฉันคือแอนดรอยด์ แต่ที่ฉันไม่เข้าใจก็คือคำสั่งจากภารกิจที่คอยสั่งการให้ฉันมาปฏิบัติงานที่บริษัทแห่งนี้เป็นเวลากว่าสองสัปดาห์แล้ว ศาสตราจารย์กำลังทำการวิจัยโดยการให้แอนดรอยด์อย่างฉันทดลองใช้ชีวิตเป็นมนุษย์เงินเดือนหรืออย่างไร?


“คุณอลิเซียคะ ป้าจะไปส่งเอกสารที่ชั้น 12 คุณอลิเซียมีอะไรจะฝากไปส่งมั้ยคะ?” ป้าTR-14 มาหยุดยืนเรียกฉันที่ข้างโต๊ะพร้อมกับแฟ้มเอกสารที่อยู่ในมือคีบข้างขวา


หลังจากถูกฉันเรียกว่า ‘ป้า’ บ่อยๆ ป้าTR-14 จึงเรียกแทนตัวเองว่า ‘ป้า’ ด้วยความคุ้นเคยมากขึ้น ในขณะที่คนอื่นๆในออฟฟิศยังคงเรียกเธอว่า ‘แม่บ้าน’ บ้าง หรือไม่ก็ ‘แอนดรอยด์แม่บ้าน’ บ้างเหมือนเดิม


“อะไรนะป้า! ทำไมป้าต้องไปส่งเอง ส่งทางออนไลน์ก็ได้นี่?” ฉันเริ่มรู้สึกเคืองตาลูอิสขึ้นมาทันทีที่ใช้ป้าTR-14 โดยไม่ห่วงสังขารที่เริ่มร่วงโรยของแก ถ้ายุคนี้มีกฎหมายคุ้มครองแอนดรอยด์นะ ฉันจะรีบยื่นเรื่องฟ้องเลยคอยดู


“ยอมไม่ได้!” ฉันโพล่งขึ้นพร้อมกับลุกขึ้นยืนจากโต๊ะทำงานเดินไปที่ห้องผู้อำนวยการ ทิ้งให้ป้าTR-14 ยืนมองแปรภาพกราฟฟิคบนหน้าจอไม่ถูก


ฉันเปิดประตูเข้าไปทันทีโดยไม่เคาะประตูก่อน สิ่งที่ฉันเห็นก็คือนายลูอิสกำลังนั่งอ่านหนังสือพิมพ์ออนไลน์บนโต๊ะ Tablet ดูเหมือนเขาคล้ายไม่สนใจการมาถึงของฉันแม้แต่น้อย หรือว่าเขาไม่รู้เลยจริงๆว่ามีใครมาเยือน


“ผู้อำนวยการคะ!” ฉันส่งสัญญาณเสียงในระดับกึ่งพูดกึ่งตะโกนเพื่อเรียกร้องให้เขาหันมาสนใจ


“มีอะไรหรือครับ? คุณอลิเซีย” เขาละสายตาจากหน้าข่าวบนโต๊ะหันมามองฉันด้วยสีหน้าปลอดโปร่งพร้อมกับยิ้มให้ฉันอย่างอ่อนโยน


“เอ่อ...คือ...” ระบบประมวลผลของฉันหยุดกึกไปประมาณ 1.96 วินาที วิเคราะห์ไม่ออกจริงๆว่ายิ้มนี้ของเขาสื่อความหมายว่าอะไร? ทำไมเขาจึงส่งยิ้มมาให้ฉันแบบนี้? แต่ที่ชัดเจนก็คือเหมือนมีกระแสไฟกระชากกลางใจระบบประมวลผลของฉันอย่างไรก็ไม่รู้


“คุณใช้ป้า TR-14 ไปส่งแฟ้มเอกสารได้ยังไง? ใช้การส่งออนไลน์ก็ได้นี่...ป้าแกแก่แล้วนะ”


“ป้า...TR-14...ส่งเอกสาร...แกแก่...แล้ว?” ลูอิสทวนคำพูดฉันด้วยสีหน้าที่เหมือนจะงง ก่อนจะพูดต่อด้วยน้ำเสียงที่แฝงว่าคล้ายได้ยินเรื่องตลก “คุณหมายถึงแอนดรอยด์แม่บ้านน่ะหรือ?”


“อืม...แต่แอนดรอยด์แม่บ้านรุ่น TR-14 รุ่นนี้ ถ้าเทียบเป็นคน ก็คงเป็นรุ่นลุงรุ่นป้าแล้วจริงๆ” เขาหยุดเว้นจังหวะพูดเล็กน้อยมองฉันด้วยสายตาวิบวาวแล้วจึงกล่าวต่อ “ที่จริงผมก็ไม่ได้อยากประหยัดเงินอะไรขนาดนั้นหรอกนะ ถ้าส่งออนไลน์ได้ผมคงส่งไปแล้ว แต่วันนี้ Server มันขัดข้องน่ะ เลยต้องวาน ‘ป้า TR-14’ ช่วยหน่อย”


แล้วสิ่งที่ลูอิสพูดในประโยคต่อมาก็ทำให้ระบบของฉันเริ่มออกอาการขัดข้องทางระบบตรรกะอีกครั้ง


“ถ้าอย่างงั้น ผมขอลงโทษให้คุณไปชมวิวเป็นเพื่อนผมหน่อยละกัน” ลูอิสพูดด้วยสีหน้าและรอยยิ้มละไม ซึ่งระบบของฉันวิเคราะห์ออกมาเป็นผลลัพธ์ทางความรู้สึกว่าคือ ‘ความปรารถนาอย่างจริงใจ’ ที่มีต่อฉัน ทำไมไม่ใช่บทลงโทษต่อผู้ทำความผิดอย่างที่เขาเอ่ยออกจากปากเลย


+++++++++++++++++++++++++++++++++++++


ฉันกำลังมอง‘โลก’ด้วยมุมมองใหม่ ไม่ใช่มุมมองในระดับสายตาเหมือนที่แอนดรอยด์ตัวเล็กๆอย่างฉันเคยมองเห็นโลกใบใหญ่ใบนี้ แต่ฉันกำลังมองเห็นโลกจากภายนอก มองเห็นโลกกลมๆทั้งใบด้วยสองตาเปล่าโดยไม่ต้องพึ่งอุปกรณ์ช่วย อีกทั้งฉันกำลังมองโลกด้วยสภาวะที่กำลังล่องลอยในสภาพไร้น้ำหนักสองเท้าไม่ติดพื้น เพราะฉันกำลังอยู่บนสถานีอวกาศที่โคจรในวงโครจรระดับต่ำของโลก (Low Earth Orbit; LEO)


สถานีอวกาศนี้เป็นสถานีปลายทางของการเดินทางจากสถานีฐานบนพื้นโลกโดยใช้ลิฟต์อวกาศ (Space Elevator) ในการขนส่งมาที่สถานีอวกาศแห่งนี้ซึ่งเป็นสถานที่ที่เปิดให้บริการเป็นจุดชมวิว‘โลก’จากอวกาศ รวมถึงชื่นชมทัศนียภาพของระบบสุริยะจักรวาล


“เวลาที่ผมรู้สึกไม่สบายใจ ผมชอบขึ้นมาชมวิวที่นี่นะ” หลังจากที่ฉันและลูอิสเหม่อมองดาวเคราะห์สีน้ำเงินตรงหน้าได้ชั่วครู่ จู่ๆลูอิสก็พูดขึ้นมาลอยๆ(ทั้งที่ตัวของเขาเองก็ลอยอยู่แล้วแท้ๆ)โดยไม่หันมามองฉัน แต่ยังคงจับจ้องไปยังดาวเคราะห์ที่เขาเรียกว่า‘โลก’ราวกับเขากำลังอยู่ใน‘โลก’ส่วนตัวอีกใบหนึ่ง


“ถ้าอย่างงั้น ก็หมายความว่าตอนนี้คุณกำลังไม่สบายใจ?” ฉันถอดความหมายจากประโยคที่เขาเอ่ยเมื่อครู่ออกไปตามตรง


“เปล่า...ไม่ใช่หรอก ตรงกันข้ามเลยด้วยซ้ำ” ลูอิสพูดด้วยสีหน้าที่อิ่มยิ้มแล้วหลับตาพริ้มก่อนจะเอ่ยต่อโดยยังคงไม่ลืมตา “ตอนนี้ผมกำลังมีความสุข ผมมีความสุขจริงๆ”


ยิ่งวิเคราะห์ท่าทีของเขา ฉันก็พบว่าเขาเปี่ยมไปด้วยความสุขจริงๆ ราวกับเขากำลังอยู่ใน‘โลก’ของจินตนาการของตัวเขาเอง ตั้งแต่เขาอยู่ในลิฟต์อวกาศจนมาถึงสถานีอวกาศนี้ ฉันก็ไม่เห็นวี่แววของความไม่สบายใจตรงไหน แต่เวลาที่เขาจริงจังกับการมอง‘โลก’แบบนี้ ทำไมเขาถึงได้ดูน่ามองขึ้นขนาดนี้นะ


ฉันคงเผลอเหม่อมองเขานานไป ฉันรู้สึกร้อนวาบอย่างประหลาดกลางหน่วย CPU ฉันจึงต้องรีบเบือนหน้าออกจาก‘โลก’ของเขาแล้วหันกลับมามองโลกสีน้ำเงินตรงหน้า ระบบฉันจะมาขัดข้องนอก‘โลก’ของเขาแบบนี้ไม่ได้ ทั้งๆที่ไม่มีข้อมูลหรือเรื่องราวใดที่มีความสำคัญในเหตุการณ์แบบนี้เลย แต่ทำไมข้อมูลความรู้สึกที่แปรปรวนต่างๆนาๆกำลังทยอยบรรจงเก็บลงในหน่วยความจำของฉันอย่างตั้งใจ ราวกับเป็นช่วงเวลาที่มีค่าเหลือเกิน


“คุณๆ จะเป็นลมอีกแล้วหรือ?” ลูอิสคงรู้สึกได้ถึงอาการผิดปกติที่กำลังเกิดกับฉัน เขาจึงพูดพร้อมกับลอยตัวมาใกล้ๆ


“อย่าเข้ามา...ใกล้มาก ฉันไม่เป็นอะไร” ฉันพูดพร้อมลอยตัวถอยหนี ไม่ใช่ฉันรู้สึกไม่ดีต่อเขานะ แต่เหมือนระบบของฉันกำลังถูกทดสอบ จริงๆแล้วฉันไม่อยากต่อต้านเขาเลย แต่ถ้าปล่อยให้เป็นไปแบบนี้ ระบบของฉันจะรองรับชุดข้อมูลความรู้สึกเพิ่มขึ้นเรื่อยๆจนอาจเกินโหลดที่หน่วยประมวลผลของฉันจะรองรับไหว


ทั้งๆที่เขาก็เป็นแค่‘ส่วนหนึ่ง’ในภารกิจของฉันเท่านั้น แต่ทำไม‘โลก’ของเขาถึงมีอิทธิพลต่อระบบของฉันมากมายถึงเพียงนี้ แล้ว‘โลก’จริงๆของฉันคืออะไรกันแน่ เป็นโลกที่ก้าวล้ำกว่านี้แล้วยังไง แต่ถึงอย่างไรก็เป็นโลกที่ไม่มีเขา


เหมือนหน่วยประมวลผลในหัวของฉันกำลังจะระเบิดออกเป็นเสี่ยงๆ ฉันปิดตาลงแล้วยกสองมือขึ้นกุมขมับ แม้ฉันไม่อยากคิด ไม่อยากวิเคราะห์ ไม่อยากสนใจอะไรแล้ว แต่ภาพของเขาก็ยังปรากฎในหน่วยความจำชัดเจนอยู่เหมือนเดิม นี่คงเป็นผลจากการที่ฉันไม่ปฏิบัติตามกฎของความใกล้ชิดใช่ไหม?


“วันนี้ที่ผมมีความสุขก็เพราะคุณนะ...อลิเซีย” เสียงตะโกนก้องของลูอิสปลุกฉันให้วนออกจากลูปของความสับสน ฉันเปิดตาอีกครั้งก็มองเห็นสีหน้าที่เปี่ยมด้วยความรักและห่วงใยของเขา แม้ระยะห่างของฉันกับเขาจะเพิ่มขึ้นตามการลอยถอยหนี แต่ความรู้สึกของเขาที่ส่งออกมากลับไม่ลดลงตามความห่างสองเราเลย


ฉันพยักหน้าเบาๆและยิ้มให้เขาด้วยพลังงานเฮือกสุดท้ายอย่างอ่อนล้า ระบบปฏิบัติการของฉันกำลังน็อคอีกครั้งเนื่องจากทำงานหนักเกินไป


แล้วทุกอย่างก็มืดมิดดังเช่นผืนความเวิ้งว่างว่างเปล่าแห่งอวกาศ ราวกับความอนธการแห่งห้วงดาราจักรกำลังกลืนกินลูอิสและทุกสิ่งทุกอย่างใน‘โลก’ของฉันไป


+++++++++++++++++++++++++++++++++++++


โปรดติดตามตอนต่อไป

ที่มารูปภาพ http://science.nasa.gov/science-news/science-at-nasa/2000/ast07sep_1/

แก้ไขเมื่อ 01 ก.ค. 55 07:21:25

แก้ไขเมื่อ 01 ก.ค. 55 00:50:54

 
 

จากคุณ : Shaolin boy
เขียนเมื่อ : 1 ก.ค. 55 00:50:07




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com