Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
สาปกณิการ์ :: งามชบา - บทที่ 4 ติดต่อทีมงาน

http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W12282264/W12282264.html

บทที่ 4

ฤดีดิษถ์ย่นคิ้วนิ่วหน้าพร้อมกับลดมือลงทิ้งบนตัก โทรศัพท์มือถือมันเป็นของแปลกเหมือนคำตอบของผู้ใหญ่ทางโน้นนั่นล่ะ

มันเป็นไปได้ยังไงที่ไม่มีใครทราบข่าวของมวลผกากับว่าที่เจ้าบ่าว เธออุตส่าห์เล่าไปแล้วนะว่าเกิดเหตุไม่สู้ดีขึ้น แต่ฝ่ายโน้นก็ยังยืนว่า 'ยังไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลย'

"คิดมากไปเองหรือเปล่าล่ะ" ลายสือยกถ้วยกาแฟย้ายจากโต๊ะทำงานมาให้ เขานั่งข้างๆ มองตากังวลอย่างเข้าใจ

"ไม่คิดมากหรอก ดิษถ์ได้ยินเสียงไอ้ผกามันร้องวี้ดๆ เลย ปกติมันไม่ค่อยตกใจอะไรง่ายๆ หรอก"

"อาจเป็นนกบินตัดหน้ารถหรือเปล่า ดึกๆ แบบนั้น มันก็อาจจะทำให้ตกใจได้" ลายสือพยายามหาสาเหตุมาหันเห

"ก็อาจเป็นได้" เธอยอมรับ แล้วก็เพิ่มเติมผลของสาเหตุอีกว่า "แล้วทีนี้ ก็อาจจะเกิดอุบัติเหตุขึ้น เช่นว่าหักหลบไปชนอะไรสักอย่าง เสียงมันดังโครมครืดยังไงก็ไม่รู้ ชนอะไรก็ชนเถอะ ขออย่างเดียวอย่าตกเหว"

ฤดีดิษถ์ไม่สนใจกาแฟ เธอย้อนกลับไปนั่งเท้าคางมองงานที่พร่องลง ห่วงเพื่อนก็ห่วง แต่งานก็ทิ้งไม่ได้ เธอต้องทำให้เสร็จภายในสามวันนี้ เสร็จปุ๊บจะออกเดินทางทันที

"คุณโจ้มาขอพบค่ะ" เลขาของฤดีดิษถ์แวะเข้ามาบอกแล้วกลับออกไปเลย ก็งานมันเยอะ ทุกอย่างต้องเร็วหมด

"มาทำไมอีก"

ลายสือพึมพำพลางหรี่ตาไม่ชอบใจ เขาดูออกและรู้ทันด้วยว่าแขกที่มาขอพบ มักจะพกงานมาบังหน้า แต่จริงๆ แล้วก็อยากมาจีบแฟนสาวของเขานั่นล่ะ

"อรุณสวัสดิ์ตอนใกล้เที่ยงครับสาวสวย"

'โชติชล' โผล่หน้าหล่อแบบหนุ่มฮ่องกงเข้ามาพร้อมกับประโยคทักทายร่าเริง นิสัยเขาก็เป็นอย่างนั้นนะ อ้อ แต่วันนี้ไม่ได้มาคนเดียวหรอก พ่วงญาติห่างๆ มาด้วย ซึ่งในความรู้สึกของเขามันห่างมากเลย เพราะเพิ่งจะรู้จักได้ไม่กี่วันเอง

โชติชลเป็นหนุ่มหุ่นสูงมาก แต่คงเพราะไม่ชอบออกกำลังกาย ห่วงหล่อมากไป ความกำยำจึงดูจะด้อยกว่าลายสือหลายช่วงตัว แม้ว่าความหล่อจะแซงหน้าไปไกลกว่าก็เถอะ เขาเหมาะที่จะเป็นพระเอกหนังฮ่องกง โดยเฉพาะหนังกำลังภายใน เพราะหุ่นสูงโปร่งน่าจะสวมชุดจอมยุทธ์ได้เท่ดี

หนุ่มสาวครีเอทีฟรีบลุกขึ้นคล้ายเกรงใจคนที่เดินตามหลังหนุ่มหล่อมาดจอมยุทธ์เข้ามา มองปราดเดียวก็รู้เลยว่าเป็นผู้ใหญ่ประหลาดๆ หน่อย แต่งตัวก็คล้ายชาวบ้านที่อาศัยตามยอดดอย ห้อยเครื่องรางเต็มคอ แหวนก็ครบสิบนิ้วเชียว

ผมเผ้าก็ยาวปรกคอ ตาดำเรียวใหญ่ใต้คิ้วดำเข้มเป็นปื้น จมูกใหญ่แต่ไม่ค่อยโด่ง ปากก็ใหญ่แถมหนาด้วย เท่านั้นก็ดูไม่ค่อยน่าไว้ใจแล้ว เจ้าตัวยังอุตส่าห์ปลูกหนวดดำเป็นกระจุกเหนือปากใหญ่เข้าไปอีก

"เอ้อ นี่ญาติห่างมาก" โชติชลลากเสียง 'มาก' ได้ยาวจนน่าขำ "ของผม"

"ค่ะ เชิญนั่งค่ะ"

ลายสือเบี่ยงตัวพร้อมกับผายมือผู้ใหญ่ แต่โชติชลกลับหาเรื่องตามประสาไม่กินเส้นกันในทีด้วยการกระแอมวางมาดแล้วเดินหน้าเชิดลอยเหมือนยั่วนำหน้าญาติผู้ใหญ่ไปก่อน

"เอ้อ ผู้ใหญ่เขาจะคุยกัน เด็กๆ ไปหาเครื่องดื่มร้อนๆ เย็นๆ มาต้อนรับดีไหม" หนุ่มหล่อเปรยไล่ลอยๆ สบตาเจาะจงลายสือล่ะ

"อย่าให้มันมากไป" ลายสือตอกกลับทันที แล้วชี้หน้าคล้ายกำราบ

"มีธุระอะไรคะ" ฤดีดิษถ์อารมณ์ไม่ค่อยดีอยู่ก่อน จึงไม่อยากเสียเวลาไปกับการจิกกัดกันในทีของสองหนุ่ม

"อ้อ ก็ไม่ถึงกับเร่งนะ แต่ก็มีปัญหานิดหน่อย อ้อ นี่ๆ มาดูสิ"

หนุ่มมาดจอมยุทธ์เปิดโน้ตบุ๊กให้สาวครีเอทีฟรีบมานั่งดูอย่างสนใจ มันเป็นแบบแปลนของสำนักหมอดูที่มาว่าจ้างให้บริษัทช่วยออกแบบและตกแต่ง รวมโฆษณาแบบครบวงจรกันเลยทีเดียว ในส่วนงานของฤดีดิษถ์ก็คือแผนโฆษณาที่ใช้ตัวสำนักเป็นจุดขาย

"ทำไมหรือคะ" เธอถามเมื่อดูจนละเอียดแล้วพบว่าไม่มีอะไรผิดปกติ

"อาผม เอ้อ คนนี้ อ้อ จริงสิ ผมลืมแนะนำเสียสนิท จริงๆ แล้วเขาชื่อผจญนะ แต่ใครๆ ต่างก็เรียกเขาว่าหมอผา"

"หมอผา" คู่รักหนุ่มสาวอุทานทวนพร้อมเพรียง

'หมอผา' กำลังเพ่งตาดำเรียวใหญ่จ้องเขม็งเฉพาะวงหน้าผุดผาดของฤดีดิษถ์ เขาไม่ใช่หมอดูธรรมดาหรอก ในตัวเขามีของวิเศษลี้ลับมากมายที่ตกทอดมาจากผู้ใหญ่ในครอบครัว ซึ่งยึดอาชีพหมอดูมาตั้งแต่บรรพบุรุษ

อ้อ แต่จะว่าไปแล้ว รุ่นทวดๆ ขึ้นไปนี่ จะออกแนวนักบวชกันก่อน แล้วค่อยแตกแขนงเป็นหมอผีในเวลาต่อมา จึงไม่แปลกที่บรรดาเวทมนตร์ของขลังในครอบครัวนี้จะมีมากมายจนถึงขั้นเหลือเฟือ

ส่วนลูกหลานก็เลือดข้นน่ายกย่อง เพราะทุกรุ่นสืบทอดคาถาอาคมได้อย่างฉมัง ซ้ำยังใช้ทำมาหากินเลี้ยงตัวมาจนถึงรุ่นล่าสุดซึ่งก็คือหมอผานี่ล่ะ

ดังนั้น จึงไม่มีอะไรน่าพิลึกพิลั่นอีกเช่นกัน หากเขาจะมองเห็นบางอย่างแทรกซ้อนเป็นเงาเลือนรางอยู่ในร่างของสาวครีเอทีฟ แต่เขาจะบอกเจ้าตัวดีไหมนะ

เธอเป็นสาวสมัยใหม่นี่ จะยอมเชื่อหรือว่าในร่างของเธอมีบางอย่างแทรกปนอยู่ และน่าจะอยู่มานานเท่ากับชีวิตของเธอ หรืออาจต้องบอกไปเลยว่า 'เกิดมาพร้อมๆ กัน'

แล้วตอนนี้ เขาก็ไม่ได้จ้องมองสาวสมัยใหม่หรอกนะ หากแต่กำลังเพ่งเงานางพญาสง่างามคนหนึ่ง แต่งกายด้วยชุดกระโปรงยาวกรอมเท้าสีขาวขลิบทอง คอแขนงดงามด้วยเครื่องประดับรัตนชาติ เรือนผมดำสนิทยาวสยายเป็นแพคลุมสะโพก

และสิ่งที่บอกได้ว่าเงานั้นคือนางพญาผู้สูงส่ง ก็น่าจะเป็นดวงตาเรียวทรงอำนาจลี้ลับที่แฝงความเด็ดเดี่ยวเฉียบขาดในทีคู่นั้นนั่นเอง

"มีอะไรหรือเปล่าคะ" ฤดีดิษถ์ถามอย่างสงสัย ก็รู้ตัวอยู่เหมือนกันว่าโดนฝ่ายตรงข้ามจ้องเขม็งผิดสังเกต

"มี" หมอผาตอบตามตรง "ระหว่างนี้ คุณอย่าเดินทางไกล ตลอดหนึ่งเดือนนี้ ให้หาเวลานั่งสมาธิเพิ่มตบะตัวเองให้แข็งแกร่งเข้าไว้ ชะตา.. "

"ขอบคุณค่ะ ฉันขอรับความปรารถนาดีไว้ด้วยใจ คือบังเอิญว่าฉันไม่เชื่อเรื่องพวกนี้ ไม่มีใครกำหนดชะตาชีวิตของใครได้ นอกจากเจ้าของชีวิตเอง แล้วฉันก็ไม่เคยเชื่อเลยว่าที่ฉันเป็นอยู่ทุกวันนี้เพราะฟ้าลิขิต"

"ใช่ คนอื่นๆ อาจจะเคลื่อนที่ไปตามแรงลิขิตของฟ้า แต่คุณก็แตกต่างจากคนเหล่านั้น เพราะพลังอำนาจในตัวคุณสามารถลิขิตชีวิตคนอื่นได้ แม้ไม่ให้ตายแต่ก็ไม่ให้เติบโตอีก"

"นี่คุณอาพูดเรื่องอะไรคะ เอ้อ คือฉันยอมรับว่าจำเป็นต้องเสียมารยาท ถ้าจะมาเพื่อคุยเรื่องเหลวไหลที่ฉันไม่เชื่อ คืองานฉันเยอะ แล้วฉันก็.. "

"เตรียมตัวเดินทางไปร่วมงานแต่งงานของเพื่อนสนิทใช่ไหม"

ฤดีดิษถ์ถอนใจเบาๆ เธอไม่ศรัทธาที่อีกฝ่ายดักคอถูกต้อง เพราะโชติชลก็ทราบเรื่องนี้ เขาอาจจะเล่าให้ญาติเขาฟัง

ส่วนคุณหมอดูวัยหนุ่มใหญ่สักหน่อย ก็อาจจะร้อนวิชา อยากอวดบารมีและพลังอำนาจที่ไม่มีใครพิสูจน์ได้ว่ามีจริงหรือปั้นแต่ง จึงทำทีปรามให้ดูว่าตัวเองน่าเชื่อถือ

"ที่นั่นล่ะ ที่คุณไม่ควรไป คุณต้องไม่ไป ถ้าคุณไม่เชื่อ ชะตาของคุณนับจากนี้ไปจะผกผันและอาจถึงแก่ชีวิตได้"

"อะไรนะ" ลายสือยืนกอดอกฟังเงียบๆ ก็พลอยคลายแขนสอดเสียงไม่ค่อยพอใจขึ้นมา "ถึงแก่ชีวิตเชียวหรือ คุณอากรุณาระวังคำพูดด้วยนะครับ เราสองคน.. "

"คุณสองคนเป็นคู่รักกัน วางแผนว่าจะแต่งงานกันในเร็วๆ นี้ แต่มันจะไม่เกิดขึ้น"

ทันทีที่คู่รักเลิกคิ้วและแสดงความไม่พอใจพร้อมเพรียง หมอผาก็ถอนใจเบาๆ เขาทำใจไว้แล้วว่าหนุ่มสาวต้องไม่เชื่อถือเพราะหัวใหม่ด้วยกันทั้งคู่ แต่เขาเห็นลางหายนะมาเยือนทั้งสองแล้วจริงๆ แล้วลางหายนะที่ว่าก็มาในรูปแบบของ 'เลือดชโลมกาย'




การสนทนาอาจจะยืดเยื้อถ้าฤดีดิษถ์ไม่ตัดใจเสียมารยาทลุกผละไปก่อน ลายสือโคลงศีรษะ แล้วค่อยนั่งแทนที่แฟนสาว เขาหรี่ตาไม่พอใจ ปล่อยให้ความเงียบทำงานไปสักสิบนาที แล้วค่อยวกกลับมาคุยเรื่องงาน

"ว่าเรื่องงานของคุณมาเถอะคุณโจ้ ตกลงว่ามันมีปัญหาอะไร"

"ผมไม่มี แต่อามี" โชติชลบุ้ยส่ง

"ผมขอยืนยันว่าสิ่งที่พูดมาทั้งหมดคือเรื่องจริง" หมอผายืนยัน "ถ้าคุณไม่อยากให้แฟนคุณเสียเลือดเสียเนื้อ หรือถึงขั้นมีอันเป็นไปละก็ คุณต้องหน่วงเหนี่ยวเธอไว้ที่นี่"

"ทำไม่ได้หรอก เพื่อนสนิทของเราแต่งงาน แล้วงานทั้งหมดก็อยู่ในมือของเราด้วย ถ้าเราไม่ไป งานก็พัง"

"มันไม่มีงานนั้นอีกแล้ว คุณบอกแฟนคุณเถอะ จะไม่มีงานแต่งของเพื่อนสนิทเกิดขึ้นอีกแล้ว"

"หมอผา"

ลายสือไม่ใช่คนใจร้อน แต่มาเจอผู้ใหญ่พูดระคายหูซ้ำแล้วซ้ำอีกแบบนี้ ก็เดือดเป็นเหมือนกันนะ เลิกเรียกคุณอาไปเลยดีกว่า

"ผมพูดความจริง" หมอผาลุกขึ้น สีหน้าเคร่งเครียดมาก "งานชิ้นนี้ไม่มีปัญหา แล้วที่ให้ดูก็เพื่อให้แฟนคุณได้เห็นอะไรบางอย่าง แต่เธอก็ไม่เห็น มันอาจจะยังไม่ถึงเวลาที่เธอจะเห็น แล้วที่ผมมาที่นี่ก็เพื่อมาเตือน แล้วสิ่งที่ทำให้ผมมาเตือนก็คือสิ่งที่ผมเห็นจากงานชิ้นนี้"

หมอผาพูดยาวรวดเดียวแล้วขอตัวลากลับเลย โชติชลยักไหล่ เขาไม่ค่อยเดือดร้อนเพราะนึกไว้อยู่แล้วว่าเหตุการณ์มันต้องออกมาในรูปนี้ หนุ่มสาวครีเอทีฟคู่นี้หัวสมัยใหม่จะตาย ต่อให้หมอผาควักหัวใจออกมาพูด จ้างให้ทั้งคู่ก็ไม่เชื่อหรอกแล้วก็จะเคืองๆ แบบนี้แหละ

อย่าว่าอย่างโน้นอย่างนี้เลย เขาเองก็ไม่เชื่อ แต่ก็คร้านจะขัด เพราะตั้งแต่คุณญาติห่างๆ เห็นงานชิ้นนี้เข้า ก็เกิดอาการของขึ้น รบเร้าให้เขาพามาเจอเจ้าของชิ้นงานลิ้นรัวทีเดียว พอเขาบอกว่าชื่อฤดีดิษถ์ คุณญาติห่างๆ ก็หลับตาเหมือนเข้าฌาน สักพักก็รบเร้าอีกทำนองว่า 'รีบไป'

"อย่าถือสาคนมีของเลยนะไอ้หน้าหล่อ" เขาตบบ่าลายสือหน้าบึ้ง อีกฝ่ายปัดออกฉุนๆ ให้เขาหัวเราะขำๆ

"ถามจริงๆ ญาติคุณจริงๆ หรือ ทำไมเพิ่งจะโผล่มา"

"เอ้า ก็บอกแล้วนี่ว่าญาติห่างๆ ห่าง" โชติชลลากเสียงประชดแล้วหัวเราะอีก

"ไม่ประทับใจเลย" ลายสือพึมพำแล้วทำหน้าไม่สบอารมณ์

"เออ อันนี้ผมก็เข้าใจ แต่บอกไว้ก่อนนะ ครอบครัวของอาเขานี่สืบทอดตำราไสยเวทย์ลี้ลับมาจากนักบวชทวดดับเบิ้ลทวดเชียวนะ ดูถูกไม่ได้หรอก วันนี้คุณอาจไม่ประทับใจ แต่ใครจะไปรู้ว่าสักวันหนึ่ง ฝ่ายคุณอาจต้องวิ่งโร่ไปวิงวอนขอให้อาเขาช่วย"

"ช่วยเรื่องอะไร"

"เอ๊าะ เมื่อกี้นี้ไม่ได้ยินหรือ ผมบอกว่าใครจะไปรู้ไง สักวันหนึ่งไง โอ๊ะ คุยกับคนไม่มีสมาธิความจำก็สั้น น่าเบื่อ"

ลายสือแค่นหัวเราะแต่หมัดร้อนอยากต่อยปากลูกค้าจอมกวน ลำพังไม่ถูกกันในทีเพราะดูออกว่าอีกฝ่ายตามจีบแฟนสาวก็หนักพอแรงแล้วนะ ยังมีหน้ามาทำนิสัยห่ามกวนหมัดกวนแข้งอีก ถ้าไม่คิดสักนิดว่าเป็นลูกค้าของบริษัท อาจมีนัดเจอจัดบู๊สักยกสองยก

แล้วนี่มันวันอะไร ฤดีดิษถ์อารมณ์ไม่ดีเพราะกังวลว่ามวลผกาจะเกิดเรื่อง หมอผาหมอผีคนนั้นก็มากวนน้ำขุ่นให้ขุ่นหนักเข้าไปอีก แล้วงานบนโต๊ะนี่เล่า ใครจะทำต่อ เขาเองก็ไม่มีอารมณ์เหมือนกันนะ มันหงุดหงิดตั้งแต่ได้ยินหมอผาปากเสียว่าแฟนสาวจะมีอันเป็นไปแล้วล่ะ




โชติชลพ่นลมหงุดหงิดเมื่อเดินมาเท้าสะเอวข้างรถบนลานจอด เขาหลิ่วตายียวนใส่หมอผา อีกฝ่ายก็แค่มองเฉยๆ ยังไม่รู้สึกอีกว่าเขาติเตียน ทำหน้าเหมือนทองไม่รู้ร้อน ต้องให้ด่าออกมาเป็นคำๆ หรือ ได้สิ เรื่องด่าหรือเรื่องพูดให้ชาวบ้านโมโหนี่ เขาถนัดนักล่ะ

"เป็นยังไงล่ะ" เขาเริ่มเสียงรวนๆ หน่อย "พอใจหรือยัง ทำให้ผมพลอยเสียคะแนนไปด้วย รู้หรือเปล่าว่าคู่นั้นเขาวางแผนแต่งงานกันปีนี้ปีหน้าแล้ว แต่เพราะอา.. "

"ไม่ใช่เพราะอา เพราะฟ้าลิขิตต่างหาก แกน่ะไม่ใช่เนื้อคู่หนูคนนั้นหรอก"

"โอ้ อาพูดแบบนี้มาต่อยกันดีไหม เราเพิ่งรู้จักกันไม่ใช่หรือ ทำลืมๆ ว่าเป็นอาหลานห่างๆ ห่างมากกันก็ได้นะ"

หมอผาส่ายหน้าแล้วยิ้มเอ็นดู อันที่จริงเขาก็ไม่ได้อาวุโสนักหนาหรอก ปีนี้อายุสี่สิบห้าเลยๆ ไปสักสิบกว่าวัน แต่ด้วยบุคลิกภายนอกหรือเปล่าที่ทำให้คนชอบมองว่าเขาแก่แล้ว

แถมยังเป็นหมอดูหมอผี เครื่องทรงเครื่องรางบนตัวก็มีส่วนเหมือนกันนะ คนอื่นเห็นแล้วก็เกิดอาการยำเกรงไม่ค่อยกล้าเข้าใกล้คลุกคลี ไม่ยกเว้นแม้แต่หลานชายห่างๆ คนนี้

"อย่าเพิ่งนักเลงเลย แกน่ะน่าจะดีใจด้วยซ้ำ ถ้าอาจะบอกว่าครั้งหนึ่งแกเคยเกี่ยวข้องกับหนูคนนั้น"

"เกี่ยวข้อง" หนุ่มหล่อมาดจอมยุทธ์คลายเสียงตึง แล้วเบิ่งตาสนใจจัง

"อืม เกี่ยวข้องกัน จึงต้องมาเจอกัน แต่ไม่ใช่เพื่อเป็นเนื้อคู่ แค่ว่าเป็นสะพานเชื่อมโยงให้อากับหนูคนนั้นเจอกันเพื่ออุปถัมภ์กันตามวาระ"

พ่อรูปหล่อตบหน้าผาก รู้สึกผะอืดผะอมกับวาจาพิลึกพิลั่นของคุณอาหมอผีเหลือเกิน ยิ่งฟังก็ยิ่งตื้อๆ เหมือนดิ่งหัวลงเหวยังไงก็ไม่รู้ ช่างเถอะ อยากพล่ามอะไรก็ตามใจ กลับบ้านดีกว่า

"โจ้" หมอผายึดต้นแขนหนุ่มหล่อ "เชื่ออาสักครั้งเถอะ หาทางดึงตัวหนูคนนั้นไว้ที่นี่ อย่าให้เธอเดินทาง.. "

"อา อย่ามั่วน่า" เขาปัดมือใหญ่ออก เสียงก็รำคาญเต็มที "ก็เห็นอยู่ว่าไม่มีใครเชื่อ ผมก็เตือนแต่แรกแล้วว่าเหนื่อยเปล่า นายลายสือน่ะยิ่งแล้วใหญ่ ไอ้หมอนั่นเชื่อเสียด้วยซ้ำว่าคนบนโลกนี้ต้องได้อพยพไปตั้งรกรากกันใหม่บนดาวอังคาร"

"เรื่องอนาคต.. "

"อา ก็แล้วไอ้เรื่องที่อาไปเตือนเขาสองคนน่ะ มันไม่ใช่เรื่องอนาคตหรอกหรือ อารู้ล่วงหน้านี่ว่าคุณดิษถ์จะไปเจออะไรที่นั่นใช่ไหม อาบอกว่าเลือดตกยางออก อาจมีภัยถึงแก่ชีวิต"

หมอผาถอนใจยาว เขาจำต้องขึ้นรถเมื่อหลานชายเปิดให้แกนๆ ระหว่างที่รถเคลื่อนไปหยุดไปบนถนนที่แออัดด้วยยวดยาน เขาก็หลับตาพาสมาธิไปชนกับนิมิตในความมืด

มองเห็นยอดหลังคาของสำนักหมอดูปรากฏรัศมีรัตนชาติแพรวพราว มันซ้อนวงอยู่ใต้วงรุ้งที่แผ่รังสีคมเข้มกว่าอีกชั้น ใจกลางรัศมีสวยนั้น โดดเด่นงดงามด้วย 'กริชแม่นาง'

คัมภีร์ไสยเวทย์โบราณอันเป็นสมบัติตกทอดของครอบครัวบันทึกเรื่องราวของกริชเล่มนี้ไว้ด้วย หมอผาเม้มปากขณะเพ่งลึกเข้าไปจนเจออักษรสีดำหงิกงอทอดไปตามความยาวของคัมภีร์ ในนั้นบรรยายว่า

'นี่คือชีวิตของแม่นางที่รอวันฟื้นคืนอีกครั้งหลังจากกาลนี้ล่มสลาย หากแต่ภาระคั่งค้างยังเป็นอมตะตราบจนกว่ากาลหน้าจะมาเยือน แม่นางในกาลนั้นจะต้องพลีชีพอีกครั้งด้วยชีวิตนี้ เมื่อนั้นซาตานวจาจะดับสูญตลอดกาล'




หมอผาลืมตาขึ้นช้าๆ เพราะรู้สึกได้ว่ารถที่เคลื่อนไปด้วยความเร็วสม่ำเสมอชะลอลงจนเฉื่อยกระทั่งจอดนิ่ง สำนึกหมอดูปรากฏกลางสวนร่มรื่น สีทองอร่ามทั้งหลังสาดจ้ากลางเปลวแดด บนยอดหลังคาเรืองรองด้วยรัศมีงดงามที่คนทั่วไปมองไม่เห็น

เขาเม้มปากสุขุม ตรึงสมาธิแน่วนิ่งยามที่สายตาตื่นเต้นปะทะเข้ากับวงหน้าผุดผาดของฤดีดิษถ์ซึ่งค่อยแทรกค่อยฉายคมชัดอยู่ในกริชแม่นาง

"เป็นอะไร มีอะไรน่าดูบนหลังคาหรือยังไง ผีสักตน หรือว่า.. "

"ขอบใจแกมากนะโจ้" หมอผาถอนหายใจพลางตัดบทเสียงยียวนของอีกฝ่าย "ถ้าไม่ได้แก อาคงพลาดที่จะทำหน้าที่ลูกหลานที่ดีของครอบครัวแน่ๆ "

"อีกแล้ว" โชติชลเกาหัวรำคาญ "ขอร้องได้ไหม หัดพูดอะไรให้มันฟังเข้าใจง่ายหน่อย ผมเป็นหนุ่มหล่อยุคอินเทอร์เน็ตนะครับ ไม่ใช่ยุคอู่ทองสุโขทัย"

"แล้วสักวันหนึ่ง แกจะเข้าใจโดยที่อาไม่ต้องอธิบาย"

"เมื่อไหร่"

"ถ้าถามใจอาตรงๆ อาก็จะบอกว่าไม่ต้องการให้เมื่อไหร่ของแกมาถึงหรือเกิดขึ้นเลย"

"โอ๊ย" พ่อรูปหล่อครางแล้วตบหน้าผากระอา ก่อนจะโบกมือไล่ "ไปๆ รีบลงไปเถอะ ผมจะรีบไปหาสาวๆ ต้องมีใครสักคนช่วยให้ผมหายหัวมึนหน้าม้วนได้แน่ๆ "

หมอผาคนเก่งหัวเราะในลำคอ เข้าใจความหมายตลกๆ ของพ่อหลานชายแจ่มแจ้ง กลางวันแสกๆ แต่กลับหมกมุ่นกับเรื่องกามเรื่องใคร่ เฮ้อ ว่างมากก็ไม่ดีแบบนี้เอง

"เดี๋ยวก่อน อายังมีอีกเรื่อง" แม้จะรู้ว่าโดนไล่เพราะรำคาญ แต่ก็ขอทำหน้าที่ตัวเองให้เรียบร้อยก่อน

"โอ๊ย มากเรื่องนัก ระวังอาจะมีเรื่องกับผมนะ" โชติชลกระแทกเสียงใส่ หน้าหล่อเริ่มหงิก

"หนูคนนั้นจะเดินทางเมื่อไหร่"

"น่าจะวันเสาร์นี่แหละ ถามทำไม อย่าบอกว่าจะไปยืนขวางหน้าบ้านเขานะ"

"ก็ถ้าทำแล้วมันจะช่วยหนูคนนั้นไว้ได้ อาก็จะทำ แกก็ต้องทำ เพราะแกเองก็เกิดมาเพื่อภาระนี้"

"โอ้ เรากำลังคุยกันเรื่องอดีตชาติหรือ ให้ตายสิ ไปเถอะ ผมไหว้ก็ได้ รีบลงๆ ไปเสียที จะอ้วกอยู่แล้ว"

พ่อรูปหล่อมาดจอมยุทธ์แค้นใจเหลือเกิน ไม่น่าเป็นคนนิสัยดี อะไรก็ได้ อารมณ์รื่นตลอดศก ผู้ใหญ่ถึงได้ยัดเยียดคุณอาหมอผีคนนี้มาให้ดูแล แถมยังมีปลอบๆ ให้กำลังใจทิ้งท้ายกันอีกด้วยว่า 'น่า หลับหูหลับตาไม่กี่วันเอง คนมันเคยอยู่แต่บ้านนอก ทนเมืองกรุงได้ไม่นานหรอก'

แต่แหม พอเห็นว่าคุณอาเจ้าปัญหาลงไปเดินกลางแดดด้วยท่วงท่าเดียวดาย ใจก็อ่อนๆ ยังไงก็ไม่รู้ สงสารว่าเพราะเป็นคนแปลก วิถีชีวิตที่หมกมุ่นอยู่กับไสยเวทย์ตามรอยครอบครัวทำให้ไม่ค่อยมีเครือญาติอยากคบค้าด้วยนัก ไม่อย่างนั้นจะถูกจัดให้เป็นญาติห่างมากได้ยังไง

แล้วเท่าที่รู้ เจ้าตัวก็คุ้นเคยกับการท่องไปในไพรกว้างจริงเสียด้วย นานทีถึงจะเข้าเมืองมาเจอของสวยของงาม แล้วที่มาก็ไม่ใช่ว่าอยากมา แต่เป็นเพราะถูกรบเร้าไหว้วานให้มาช่วยดูสำนักหมอดูของหลานอีกคน ซึ่งก็คือที่นี่แหละ

ส่วนนายหมอดูคนนั้นน่ะหรือ ก็ไม่ใช่ใครที่ไหนหรอก ญาติๆ เขาอีกนั่นแหละ เคยเจอหน้ากันสองสามครั้ง หล่อมาก ลูกค้าส่วนใหญ่จะเป็นสาวๆ แล้วไอ้สำนักหลังนี้ก็เถอะ เชื่อสิ พอเปิดทำการเป็นเรื่องเป็นราวเมื่อไหร่ กล้าทำนายเองล่วงหน้าได้เลยว่า 'ผู้หญิงตรึม'

จากคุณ : รัชนีกานต์
เขียนเมื่อ : 2 ก.ค. 55 07:39:52




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com