Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
เลขาเนื้อทอง :: ยอแสงแข - 5 ติดต่อทีมงาน

http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W12282750/W12282750.html

บทที่ 5

น้องชายไปงานเลี้ยงวันเกิดเพื่อนร่วมชั้น ขออนุญาตนอนค้างที่นั่นด้วย รถจักรยานยนต์คนหล่อก็เลยว่างรอท่าให้คนพี่ฉวยไว้ทำประโยชนในคืนนี้

ใครจะว่าปัญปัทม์โลดโผนเกินงามก็ช่างเถอะ เธอไม่สนหรอก ขอเพียงสิ่งที่ทำมันจะได้มาซึ่งเครื่องต่อรองทองคำ เธอกล้าทำทั้งนั้น ก็ไม่เพราะว่าเธอกล้าบ้าบิ่นได้สุดขั้วแบบนี้หรอกหรือ สุนัขแถวบ้านถึงได้ไม่กล้าเห่าตอนเธอเดินผ่านไง

แหม พอนึกถึงเรื่องนี้ พ่อเลขาเนื้อทองน่าจะสนใจเฉลยเด็ดๆ ของเธอเสียหน่อยนะ ทำเป็นเส้นลึก ขำไม่เป็น เรื่องชาวบ้านก็ไม่สนใจ

นี่ถ้าแนะนำได้อีกละก็ เธอจะบอกไปเลย เรื่องชาวบ้านน่ะ สนใจไปเถอะ อย่างมากก็แค่รู้ไว้ใช่ว่า ใส่บ่าแบกหาม แต่เรื่องสนใจภรรยาชาวบ้านนี่สิ นรกจะหลิ่วตาเจ้าชู้ใส่เชียวนะ

ห้าทุ่มครึ่งพอดี ปัญปัทม์ยิ้มกับตัวเองขณะเหวี่ยงขาลงยืนมั่นคง สูดหายใจเข้าปอดลึกๆ ต้องตุนอากาศไว้เยอะๆ เพราะเมื่อเข้าไปแล้วอาจต้องอาศัยการกลั้นหายใจกันเล็กน้อย

แสงไฟตามพื้นและเสาสูงส่องสว่างเป็นบางช่วง ปัญปัทม์ก็อาศัยช่วงมืดๆ นั่นแหละคืบคลานไปช้าๆ อ้อมหลังป้อมยาม ลัดเลาะไปตามลานสวนหย่อม ยอมย่องๆ ไกลสักหน่อย

อ้อ ต้องคอยหลบคุณยามอีกสองสามป้อมด้วยนะ ก็แหม บริษัทมันก็ใหญ่ออก ถ้าขืนจ้างยามดูแลแค่คนเดียว มันจะเอาอยู่ได้ยังไง

นั่นยังไง ประตูเล็กหลังโกดังเก็บพัสดุซึ่งเป็นเป้าหมายแรก เธอสำรวจมาเรียบร้อยแล้วล่ะ ถ้าแอบเข้าทางนั้นก็จะเจอลานอเนกประสงค์กับห้องน้ำพนักงาน

ถัดไปก็จะเป็นประตูเชื่อมกับโถงประชาสัมพันธ์ มันก็ต้องล็อกนั่นล่ะ แต่เธอมีวิชางัดแงะติดตัวอยู่บ้างก็ตามประสาคนใฝ่รู้ใฝ่เรียน แล้วถ้าผ่านประตูบานนั้นเข้าไปได้ ทีนี้ ห้องทำงานของตรงฉัตรก็ไม่ไกลเกินเอื้อมล่ะ

"แล้วคอยดูเถอะ ประวัติพิสดารของคุณไหลมาอยู่ในกำมือฉันเมื่อไหร่ละก็ ฉันจะสอนบทเรียนความพ่ายแพ้ให้คุณหน้าหงายหมดวัยเยาว์กันเลยทีเดียว"

พูดถึงเรื่องนี้ ไฟริษยานิดๆ ก็พรึ่บๆ ขึ้น ผู้ชายอะไรหน้าอ่อนใสเหมือนไรหยวก แต่ก็อย่างว่าล่ะ ถ้าไม่ขัดสีฉวีวรรณให้ผ่องเนี้ยบตลอดเวลา แล้วภรรยาชาวบ้านที่ไหนจะหันมาแล

"นี่แหละ อันนี้แหละ ต้องเหตุผลของคุณแน่ๆ เลย"

เธอคายความมั่นอกมั่นใจ ทำปากยื่นตาแข็ง ไม่รู้เหมือนกันว่ามันบอกอารมณ์ไหน

แต่ที่แน่ๆ ตอนนี้เธอวูบวาบผ่านความมืดกับแสงหลัวมาจนถึงห้องเป้าหมายแล้ว ใจเต้นเหมือนกันนะ ถ้าบนทางแคบอันวังเวงตรงหน้าเกิดจะมีผีโผล่มา แม้จะไม่กลัว แต่อันดับแรกต้องตกใจก่อน

"อุ๊ย อะไรวะ มีคนมาตัดหน้าเราหรือ"

เสียงพึมพำคล้ายอุทานหงุดหงิด แต่ตัวเล็กในชุดดำรัดกุมก็ปราดเข้าซอกใกล้ตาว่องไวทีเดียว ตาเรียวหรี่เพ่งว่าคนที่เปิดประตูออกมาแล้วเหลียวซ้ายแลขวาจดจ้องลับๆ ล่อๆ เป็นชายหรือหญิง

"อุ๊ย กอดอะไรไว้ในอกด้วย เอ๊ะ หรือว่าพี่อมจะให้ลูกน้องดอดมาค้นประวัติพ่อเลขาเนื้อทองหวังจะช่วยเรา ไม่หรอกน่า พี่อมไม่ใช่คนใจดีแบบนั้นหรอก แล้วเรื่องพิเรนทร์แบบนี้ ก็มีแต่ปัญปัทม์คนนี้เท่านั้นแหละที่คิดเป็น อ้อ ไม่ใช่สิ กล้าคิดต่างหาก"

หลังจากหารือไปเถียงไปกับตัวเองเรียบร้อยแล้ว หญิงสาวก็ไม่รอช้าแล้วล่ะ เธอโผออกจากที่ซ่อนพุ่งตามเงาลึกลับไปตามทางเดินแคบทันที ดูทิศทางแล้วก็เหมือนจะย้อนกลับลงบันได

"วอดวายละสิงานนี้"

เธออุทานหยาบนิดหน่อยพร้อมกับยึดฝีเท้าให้หยุดกึกแบบพรืดหัวแทบทิ่ม ตบอกตื่นเต้นยิ่งกว่าเจอผีเมื่อได้ยินเสียงอุทานดังขึ้นพร้อมเพรียง แล้วตามด้วยเสียงทึบหรือพลั่กก็ไม่แน่ใจ แต่ที่แน่ๆ มีเสียงตวาด แล้วเธอก็จำได้ด้วยว่ามันเป็นเสียงของ 'เลขาเนื้อทอง'

"หยุด ไม่อย่างนั้นฉันยิง หยุดเดี๋ยวนี้"

"อุ๊ย มียิงด้วยหรือ"

ตรงฉัตรตาวาวพร้อมกับใจหายวาบ ไม่นึกว่าจะมีขโมยสองคน เขาสะกดคนแรกได้อยู่หมัดแล้ว ฝ่ายโน้นชูมือยอมจำนน แต่เพราะฝ่ายหลังอุทานพรวดพราดทำให้เขาเสียสมาธิชั่วเสี้ยววินาที

ตอนเหลียวขวับขึ้นไปมองตรงซอกบันได ไอ้หัวขโมยคนแรกก็ฉวยโอกาสเตะเก้าอี้ใส่ มันกระแทกต้นขาเต็มแรง เขาร้อง 'โอ๊ะ' ตัวเซกับคู้นิดหน่อย เพราะมันเจ็บ แต่ก็ยังดีว่าปืนไม่หลุดมือ

"มันวิ่งหนีไปแล้ว"

ปัญปัทม์ไม่พอใจนักที่ฝ่ายโน้นลอบกัด เธอผลุงตึงๆ ลงบันได แต่ก็ไม่ลืมประคองกล้องถ่ายรูปตัวใหม่สุดหรูอย่างหวงแหนปกป้องยิ่งชีพไปด้วย แล้วก็วิ่งแซงหน้าตรงฉัตรตามติดไอ้หัวขโมยไปแบบกระชั้นชิด ปากก็ร้องตะโกนสั่งให้หยุด แล้วตรงฉัตรก็ด่าผ่านสีหน้าเซ็งๆ ว่า 'โง่'

"อุ๊ย คุณ"

ปัญปัทม์เห็นชัดๆ ว่าไอ้เงาชุดดำพุ่งปราดผ่านประตูหน้า มันเป็นไปไม่ได้หรอก ประตูหน้ามันต้องล็อกสิ ไหนจะมีเวรยามเฝ้าอีก พรวดพราดออกไปก็ต้องเจอ ยังไงก็หนีไม่พ้น เว้นเสียแต่ว่าจะรู้ลู่ทางเป็นอย่างดี

เธอจึงคิดจะเร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้นอีกนิด ถ้าไล่ทันแล้วกระชากตัวไว้ได้ ไม่ว่าจะเป็นหญิงหรือชายก็ไม่เกี่ยงล่ะ อันดับแรกขอเตะผ่าหมากผ่าพลูก่อนเลย

แต่ดูสิ ตรงฉัตรคิดอะไรของเขา จู่ๆ ก็กระตุกแขนเธอพรืดเชียว เธอคิดว่าเขาไม่ได้ออกแรงมากเท่าไหร่ แต่ทำไมตัวเธอปลิวไปติดอกเสียได้ รู้สึกสะเทือนแก้มกับกราม แต่เขาก็ไม่เว้นจังหวะให้ตั้งสติ ฉุดกระชากลากวิ่งเอาแต่ใจเป็นบ้า

"ทำไมไม่ออกประตูหน้าเล่า ไอ้นั่นมันหนีออกไปทางนั้นนะ นี่คุณโง่หรือฉลาดกันแน่คุณตรงฉัตร"

ตรงฉัตรวิ่งไปตามทางเดินที่เขาคุ้นเคย มันทะลุไปชนประตูที่เชื่อมกับทางเดินอีกสายแล้วไปชนกับโกดังพัสดุ เขาเดาใจหัวขโมยไม่ผิดหรอก ถ้าเจ้าหมอนั่นคือสมเกียรติจริงๆ จับตัวได้เมื่อไหร่ ว่าที่หนอนบ่อนไส้ก็จะมีคำตอบแล้ว




สายลมที่พัดสวนกับฝีเท้าซอยรัวร้อนจัดมากตอนเสียดสีกับหน้ากับผิว ปัญปัทม์อยากร้องไห้กับแผนการที่พลิกหงายพลิกคว่ำไม่เป็นท่า

เธอไม่ได้มาที่นี่เพื่อวิ่งจับขโมยกับเขานะ เธอนี่แหละจะมาขโมยประวัติของเขา ให้ตายสิ นี่ฟ้าเล่นตลกอะไรกัน ท่านกำลังทำให้เธอสูญเสียเวลาสามเดือนนี้ไปอย่างน้อยก็ครึ่งคืนของคืนนี้นะ

"อุ๊ย ให้ตายสิ คุณทำแบบนี้กับผู้หญิงได้ยังไง คุณตรง อ้าว เฮ้ย คุณตรง ว้าย"

เสียงปืนดังเปรี้ยงขึ้นแบบไม่ต้องเกรงใจความเงียบความมืดและเวลาเที่ยงคืนพอดีเป๊ะ ปัญปัทม์ร้องกรี๊ดตกใจกับเสียงก้องระทึก เธอยกสองมืออุดหูตามสัญชาตญาณ

แต่ตาคมกล้าก็ยังทันเห็นตรงฉัตรวิ่งไล่หัวขโมยเลียบไปทางลานจอดรถ เธอไปด้วย แม้จะโดนเขาเหวี่ยงมาอิงแอบซอกกระถางต้นไม้ สะโพกเบี้ยวไหล่บุบ แต่เธอก็ลุกได้ว่องไวนะ ขอบอก

"เฮ้ย หยุด"

เธอวิ่งผ่ากลางกางแขนดักหน้าไอ้หัวขโมย ตวาดเสียงแว้ดแหวแต่คนจนตรอกไม่กลัว แถมยังพุ่งมาตบหน้าเธอเสียงดังฉาด

หน้าเธอสะบัดพรืดตัวเอียงเซเปิดทางให้ไอ้บ้ามันวิ่งตื๋อ เป้าหมายก็น่าจะเป็นประตูหน้าแล้วล่ะ เพราะทางอื่นมันไกลเกินไป แล้วตรงฉัตรก็ยังวิ่งไล่จิกวิญญาณไม่ลดละ

"คุณตรงฉัตร ฉันโดนตบนะ"

"ผมได้ยินแล้ว วิ่งตามมาก่อน"

"อะไรนะ ก็ได้ๆ "

หงุดหงิดจริงๆ เธอโดนตบนะ เขาได้ยินว่าอะไร ทำไมแค่รับรู้ไม่ตกใจบ้างเลย แล้วก็ถึงคราวสะดุดปลายเท้ากันเอง เธอล้มเข่ากระแทกลานซีเมนต์เต็มแรงพร้อมกับเสียงปืนก็ดังเปรี้ยงขึ้นอีกนัด ได้ยินเหมือนกระถางหล่นแตก เสียงเคร้งโครมครามคล้ายมีบางอย่างพุ่งชนประตูรั้ว

"บัดซบเอ๊ย"

ตรงฉัตรสบถพลางบดกรามเครียด เขาเล็งปืนตรงเป้าหมายที่วิ่งเร็วมาก มันไกลเกินไป ยิงไปก็ไม่โดน เขาไม่ใช่นักแม่นปืนหรอก แค่ยิงเป็นและไว้ป้องกันตัวนิดหน่อยเท่านั้น

"ตามสิตาม นั่นรถฉัน ไปรถฉัน"

ปัญปัทม์วิ่งมาตะโกนบอกหอบๆ เธอเจ็บเข่าหน้าซีดทีเดียว แต่แสงหลัวอันน้อยนิดมันบดบังทำให้ตรงฉัตรมองเห็นไม่ถนัด

ยามสามคนจากสามจุดวิ่งกรูกันมา เขาโบกมือไล่ให้กลับไปประจำตำแหน่งตัวเอง ประสานกับตำรวจ ตัวเองก็พุ่งปราดคร่อมยานคู่ใจของพ่อหนุ่มเพชรหนึ่ง

"ฉันต้องไปด้วย ไม่มีฉันคุณไปไม่ได้หรอก นี่กุญแจ ฉันขับให้ดีกว่า ฉันคล่อง ว้าย"

บรรยายสรรพคุณไม่ทันจบเลยนะ พ่อเลขาเนื้อทองก็เล่นบทเจ้าของเสียเนียนเชียว เขาขับพุ่งออกไปเลยอย่างคล่องแคล่ว หมวกนิรภัยก็ไม่ยอมสวม คิดว่ารู้จักกฎจราจรดีนั่นแหละ แต่ในยามฉุกละหุกเร่งด่วนเขาคงไม่อยากเสียเวลา

ส่วนเธอเองก็ไม่อยากเสียชีวิต รู้นะว่าชายหญิงไม่ควรแนบชิดถึงเนื้อถึงตัว แต่จังหวะนี้ มีกอดแน่นๆ เท่านั้นถึงจะปลอดภัย

"คุณ"

ปัญปัทม์ร้องเสียงหลง เบิกตาโตๆ อย่างหวาดเสียว ตรงฉัตรแน่เกินไปหรือเปล่า เขาจ่อปืนเล็งไปยังเป้าหมายที่ยังวิ่งหน้าตั้ง อีกนิดเดียวก็ถึงโค้งหัวมุมถนน แล้วเหนี่ยวไกได้ท่วงท่ามั่นคงมาก

เสียงเปรี้ยงมันสะท้านแก้วหูจัดจ้านนัก แต่มันไม่พลาด คราวนี้เขาเก่ง กระสุนต้องเจาะเข้าเนื้อตรงไหนสักแห่ง เพราะเธอได้ยินไอ้หมอนั่นแหกปากร้อง




เขาต้องไล่กวดทันแน่ๆ คนเจ็บต้องวิ่งได้ช้าลง แต่เพราะรถกระบะที่เลี้ยววืดมากะทันหันนั่นแหละ ทำให้เขาต้องรีบเบรกปุบปับ รถสั่นส่ายน่ากลัว ถ้าเปลี่ยนเป็นเธอ ป่านนี้คงล้มกระเด็น รถอยู่ซ้ายคนขับอยู่ขวา

แต่นี่เป็นเขา มันแค่เอียงน่าหวาดเสียว เสียงล้อบดขยี้กับพื้นผิวถนนเกิดเสียงเอี๊ยดยาวหน่อย แต่ทุกอย่างปกติดี รถปลอดภัย คนก็อาการครบสามสิบสอง โอ้ ปัญปัทม์เอ๊ย ครางหาพระหาเจ้าเสียหน่อยดีไหม

"คุณปัญปัทม์ ไม่เป็นไรใช่ไหม" เขาเพิ่งได้ถามตอนพารถจอดชิดขอบทาง แล้ววิ่งไปสำรวจความล้มเหลวชั่วอึดใจ

"ฉันสบายดี อะไรทำให้คุณคิดว่าฉันเป็นอะไรสักอย่าง" เธอย้อนด้วยเสียงที่นึกไปว่าเข้มมาก

"ก็.. " ตรงฉัตรสำรวจเธอทั้งร่างแวบหนึ่งแล้วยักไหล่พร้อมกับเฉลยเสียงอ่อนว่า "เสียงสั่นๆ ของคุณไง"

โอ้ นั่นคือความจริงที่เขาตอกกลับหรือ เสียงจานกระเบื้องซ้อนกันสักสิบใบแล้วหล่นแตกเปรื่องมันยังเบากว่าเสียงปริบนหน้าเธอตอนนี้เลยนะ

"ไหวไหม" เขาถามแล้วช่วยพยุง อึดใจสั้นๆ ก็อุ้มเลย

"ไหวสิ อะไรทำให้คุณคิดว่า.. "

"ตัวคุณไง สั่นมาก นี่ไง ผมอุ้มอยู่ คุณไม่มีแรงเลย"

"อ้อ หรือคะ อากาศตอนดึกๆ เอ้อ แถวริมถนนอย่างนี้ มันคงเย็นไปหน่อย ฉันก็เลยหนาวๆ สั่นๆ "

อยากพูดอะไรก็พูดไปเถอะ ตรงฉัตรยินดีให้กลบเกลื่อนอย่างอิสระ เสียงสั่นเครือ ตัวสั่นเทา ยังมีหน้ามาอวดดี

แล้วก็อย่านึกว่าเขาจะลืมทีเดียวว่าเธอเข้ามาปะปนกับเหตุการณ์ดักฉีกโฉมหน้าหนอนบ่อนไส้ เขายิงโดนตรงไหนสักแห่งแน่ๆ ถ้าเป็นนายสมเกียรติจริงๆ คราวนี้ก็ดิ้นไม่หลุดแน่แล้ว

เขาวางร่างสั่นเทาบนเบาะรถ ตัวเองรีบโทรศัพท์หาลูกน้องคนเก่ง ช่วยไม่ได้จริงๆ ทำงานกับเขาต้องอดทนหน่อย นายสมเกียรติต้องเป็นคนหัวหมอมาก ไอ้เรื่องจะย้อนกลับบ้านให้ถูกจับได้คงไม่ทำ

แต่ที่จะนึกไม่ถึงก็ตรงที่เขาจะให้บุกไปรอท่าที่บ้านเดี๋ยวนี้เลย อย่างน้อยหนอนบ่อนไส้ก็ต้องกลับบ้านเพื่อเก็บข้าวของหนี ถ้ารอไปดักต้อนพรุ่งนี้ รับรองว่าชวด

"ถ้าใช่ ผมอนุญาตให้ซ้อมได้ แต่ก็ระวังหน่อย แล้วพาไปเจอผมที่บ้าน"

"คุณตรงเจอเขาแถวไหนครับ"

"เจอในบริษัทนั่นแหละ ไล่กวดกันออกมาข้างนอก คลาดกันตรงหัวมุมถนน รีบไปทำตามที่สั่ง ได้ความคืบหน้ายังไง โทรบอกได้ตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง"

"ผมจะไปเดี๋ยวนี้เลยครับ คิดว่าผมน่าจะถึงก่อนนะ เพราะบ้านผมอยู่ใกล้กว่า"

ตรงฉัตรไม่รับรู้เรื่องปลีกย่อยพวกนั้นหรอก แค่ว่าจับโจรให้ได้คาหนังคาเขาก็พอ เขาอยากให้แน่ใจว่าใช่นายสมเกียรติ เพราะเมื่อพิจารณาจากวันที่บนรูปถ่ายที่มีใบหน้าคนเลวโผล่อยู่ในซอกมืดกับเอกสารยกเลิกสัญญาของลูกค้าสามสี่รายมันก็ใกล้เคียงกัน

"จริงสิ แฟ้มพวกนั้น"

เขาผุดความคิดที่เกือบลืมไปชั่ววูบ จากนั้นก็เลี้ยวรถกลับมาบริษัท โดยไม่สนใจหน้าเหยเกเพราะเจ็บแผลที่หัวเข่าของปัญปัทม์สักนิด เธอใจหายวาบตอนรถกระตุกพรืด ตกใจจนต้องรีบตะปบเอวหนาแล้วกอดแน่นอีกยก พอเคืองจัดๆ ใจก็เริ่มด่าล่ะ

'นี่มันรถไอ้เพชรนะเว้ย นึกจะขี่จะพุ่งก็ทำเลยหรือ ไม่ถามไม่ขอ ห้อเอาๆ อ้อ อยากให้กอดแน่นๆ ก็บอกดีๆ สิ ไม่ต้องมากลีลาว่ารีบร้อนจะไปตายแบบนี้หรอก'




ตีสามเศษกว่าตำรวจจะกลับไป ความวุ่นวายในโถงประชาสัมพันธ์ก็จบลง ทุกคนแยกย้ายไปทำงานของตัวเองต่อตามปกติ

ตอนนี้ก็เหลือปัญปัทม์กับพ่อหนุ่มเลขาเนื้อทองนั่งมองแจกันหลอดไฟกันไปเงียบๆ เขาเงียบเพราะอะไรก็ไม่รู้หรอก แต่เธอน่ะ เงียบเพราะเหนื่อยและง่วงเต็มที

"นั่นเลือดหรือเปล่า คุณบาดเจ็บหรือ" จู่ๆ ตรงฉัตรก็ทำลายความเงียบ ตาคมกล้าก็เพ่งตำแหน่งที่เพิ่งจะเห็น

"อุ๊ย ไม่เป็นไรมากหรอกค่ะ เลือดมันหยุดไหลไปตั้งนานแล้ว"

"คุณจะบอกว่า.. "

"อ้อ ก็ตั้งแต่ที่เราซ้อนท้ายมอเตอร์ไซค์กินลมกันตอนเที่ยงคืนไงคะ มันแห้งตอนนั้นล่ะ"

"คุณปัญปัทม์"

"ฉันไม่ได้ประชดนะคะ แค่ทวนความจำให้เฉยๆ ฉันไม่นึกนี่ว่าคุณเป็นคนความจำสั้น แหม แต่อันที่จริงนะคะ ความจำสั้นแบบนี้นี่ มันไม่ใช่คุณสมบัติของชายเจ้าเสน่ห์เลย คุณณพนาไม่น่าที่จะหลง.. "

"ผมดูซิ"

หลงอะไรก็ไม่รู้ ปัญปัทม์ลืมไปแล้ว ก็เขาน่ะสิ ย้ายร่างมานั่งยองๆ สัมผัสลมหายใจเขาได้ด้วยนะ มันแผ่วๆ ใกล้แขนนี่ล่ะ

แต่ตาคมคู่นั้นไม่ได้จ้องแขนจ้องหน้า เขาสนใจคราบเลือดตรงหัวเข่า มือใหญ่ก็อุ่นดีจังตอนกุมขาแล้วยกสำรวจอย่างระมัดระวัง มองปราดเดียวก็เข้าใจเลยว่าเขากลัวเธอจะเจ็บ

อ้อ เธอเข้าใจแล้วว่าทำไมณพนาถึงปรารถนาในตัวเขา ยอมสลัดคราบนักบริหารสาวใหญ่ผู้สง่าแล้วสวมบทสาวหม้ายผู้เร่าร้อน กระโจนลงบ่อกามคลุกพิศวาสกับหนุ่มเลขาเนื้อทองของตนอย่างไม่ยี่หระกระแสประณามเกลี้ยงสังคม ซ้ำสามีก็จับได้ถึงขั้นเดินหน้าขอหย่าเพราะมันกล้ำกลืนเกินกว่าจะทนร่วมเตียงเคียงฟูก

ก็ดูตรงฉัตรที่มายั่วเย้าความหวั่นไหวอยู่ใกล้ๆ นี่สิ ระยะที่ห่างกันแค่ครึ่งไม้บรรทัดนี่เอง ที่ทำให้เขากลายเป็นชายที่มีบางอย่างน่าสนใจอย่างแปลกๆ ไปในทันที

ฉายาเลขาเนื้อทองอาจได้มาจากแรงเสียดสีของคนรอบข้าง เพราะเขาเป็นคนงานเยอะ และเข้าพบยากมาก

แต่พอได้ใกล้ชิดในระยะห่างแค่ครึ่งคืบแบบนี้ ผิวสีน้ำผึ้งของเขามันกลับทำให้เขาดูกลมกลืนและเหมาะกับฉายามากกว่า สะท้อนกับแสงไม่ว่าจะแสงไฟหรือแสงแดด สีผิวก็จะเปล่งคล้ายทองจางไม่เบาอยู่

"ผมทำแผลให้คุณก่อน แล้วค่อยพาคุณไปส่งบ้าน"

เขาเงยหน้าขึ้นบอกปุบปับ ปัญปัทม์ซึ่งถือโอกาสแอบสำรวจเขาซ้ำ หลังจากที่เคยทำมาแล้วในร้านอาหาร ก็พลันเงอะงะเพราะเปลี่ยนอิริยาบถจ้องเอาๆ ไม่ทัน

เธออุทานแผ่วคล้ายเสียง 'ฮ้า' หรือ 'ฮะ' ก็ไม่แน่ใจ จะสารภาพว่าสำลักอาการปลื้มลึกก็ใช่ที่ มิหนำซ้ำนะ เธอเริ่มจะวุ่นวายสับสนประหลาดขึ้นในหัวใจด้วย

ก็เธอไม่น่าจำใจยอมรับงานหินชิ้นนี้เลยไม่ใช่หรือ มันไม่ดีเลยที่เธอกับเขาต้องกลายเป็นคนละพวกคนละฝ่าย แล้วแยกกันไปยืนอยู่คนละฟากของถนนมิตรภาพ โดยที่เหตุผลจริงๆ ไม่ใช่เพราะว่าเขากับเธอชังน้ำหน้ากันและกัน แต่มันเป็นเพราะ 'งาน'

"จ้องตาผมทำไม ไม่ไว้ใจหรือ ถ้าอย่างนั้นก็ไปโรงพยาบาลก็ได้"

"อ้อ ไม่หรอกค่ะ ฉันสบายดี แผลเล็กแค่นี้สยบไอ้ปัทม์ให้นอนติดฟูกไม่ได้หรอก อย่ากังวลไปเลย แล้วอันที่จริง.. "

"อืม อันที่จริงผมน่าจะเริ่มถามได้แล้วว่าคุณมาทำอะไรในบริษัทตอนห้าทุ่มครึ่ง"

"คุณรู้ได้ยังไงว่าห้าทุ่มครึ่ง" ปัญปัทม์ถามอย่างสงสัย

"ละเอียดลออหน่อยสิคุณ" เขาเอ็ดก่อน แล้วตามด้วยส่อเสียดพอกลมกล่อม "เป็นทนายความไม่ใช่หรือ ตาห่างไปหน่อยนะ เมื่อกี้นี้คุณไม่เห็นกล้องวงจรปิดหรือ ตอนคุณโผล่มา นาฬิกามันก็บอกออกชัด"

"อ้อ หรือคะ" เธอรับรู้คำตอบด้วยหน้าแหยๆ

"ครับ"

"แหม ฉันก็.. "

"ผมรู้ว่าคุณมีเหตุผลมากมาย แต่ข้อเสียของคุณคืออะไรรู้ไหมคุณปัญปัทม์ คือคุณไม่รู้จักย่อความให้กระชับ คุณขยันเยิ่นเย้อไม่เข้าประเด็น แล้วผมก็ทนฟังน้ำมากกว่าเนื้อไม่ค่อยได้นาน"

"เอ้อ คือว่า.. "

"บอกมาเนื้อๆ เลย คุณมาทำอะไรที่นี่"

โอ้ นั่นสิ นี่มันเนื้อแบบขึ้นเขียงด้วยนะ แต่ระดับปัญปัทม์คนเก่งจะยอมให้ประกายตาคมกริบเฉือนฉับๆ ได้หรือ ไม่ได้หรอก เสียชื่อไอ้ปัทม์สุนัขไม่กล้าเห่าหมดกันพอดี

แต่ก็อีกนั่นแหละ ยามฉุกละหุกตาต่อตาหน้าต่อหน้าเสียขนาดนี้ เธอจะไปหาคำตอบที่ไหนมาบิดเบือน แล้วถ้าบ่ายเบี่ยงไม่ได้จริงๆ จำต้องสารภาพว่ามาขโมยประวัติของเขาไปเป็นเครื่องต่อรองทองคำ เขาจะจัดการยังไง หักขาทิ้งเลยไหม ก็เขายังกุมๆ แข้งอยู่เลยนี่

จากคุณ : รัชนีกานต์
เขียนเมื่อ : 2 ก.ค. 55 08:43:10




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com