 |
เมืองลำปาง, ห้างฉัตร ผาอ้ายคอย เดโชกำลังวิ่งไม่หยุดขณะม่านแห่งความทรงจำที่ซัดกระหน่ำใส่สมองเขาราวพายุร้ายจางหายไป ความทรงจำพวกนั้นกลับมาอีกแล้ว เขาเคยคิดว่าเมื่อกลับไปฆ่าพวกโรงงิ้วนั่นให้หมด ความทรงจำที่เลวร้ายจะหลุดออกไปจากสมอง ทว่าไม่ใช่เลย ถึงแม้เขาจะยิงลูกเมียไอ้เด่นต่อหน้ามันและฆ่ามันด้วยการยิงกรอกปากเมื่อสามสิบปีก่อน ความทรงจำเหล่านั้นไม่เคยเลือนหาย แต่กลับเด่นชัดมากขึ้นด้วยซ้ำในยามที่จิตใจของเขาไม่มั่นคง การล้างแค้นของเขาเกิดขึ้นตอนที่เป็นผู้ช่วยของนายไกรศักดิ์ ซึ่งขณะนั้นเดโชเพียบพร้อมด้วยกำลังคนและอาวุธแล้ว เขาจำได้ดีว่าการฆ่าครอบครัวของไอ้เด่นคือครั้งแรกที่เขาได้รู้จักวิธีการรักษาบาดแผลในใจของตัวเอง
การฆ่าใครคนหนึ่งให้คนรักของคนๆ นั้นชมดูคือความสุขสุดยอดของเขา มันปลดเปลื้องความรู้สึกผิดในจิตใจในวัยเด็กที่เขาต้องทนเห็นมารดาถูกข่มเหงทุกข์ทรมาน เห็นบิดาถูกทำร้ายโดยช่วยอะไรไม่ได้ ในยามที่ได้โอกาสเป็นผู้กระทำบ้าง เขารู้สึกว่าเรื่องราวในอดีตไม่เคยเกิดขึ้น เขาคนนี้ต่างหากที่เป็นผู้กุมชะตา จะสั่งให้คนๆ หนึ่งเป็นหรือตายก็ง่ายเพียงกระตุกนิ้วเหนี่ยวไกปืนเท่านั้น
มันให้ความรู้สึกเหมือนกับว่า โลกทั้งใบถูกกุมอยู่ในมือของเขา
พวกโรงงิ้วถูกฆ่าตายยกครัว แม้แต่คนที่ไม่เกี่ยวข้องและไม่เคยรับรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นในบ้านมุงสังกะสีหลังนั้น เดโชในวัยฉกรรจ์ก็ฆ่าหมดไม่มีเหลือ ด้วยรู้ดีว่าหากเพาะเชื้อแห่งความแค้นเอาไว้ แม้เป็นเพียงจุดเล็กๆ ก็ตาม บางครั้งมันก็อาจกลายเป็นกองเพลิงขนาดใหญ่ในวันข้างหน้าที่สามารถย้อนกลับมาเผาผลาญชำระแค้นด้วยความรุนแรงเกินควบคุม
อย่างที่เขาเคยเป็นในอดีต
และก็ไม่ต่างจากที่ไอ้นักฆ่าคนนั้นกำลังเป็นในตอนนี้
ความแค้นก็เหมือนงูพิษ หากมีโอกาสตีแล้วตีไม่ไม่ตาย สักวันงูตัวนั้นจะย้อนกลับมาหาผู้ที่ตีมันแน่นอน เส้นทางลงจากผาอ้ายคอยที่แสนลาดชันทำให้เดโชต้องวิ่งอย่างระมัดระวัง หากหกล้มเสียหลัก มีหวังได้ล้มกลิ้งหลุดลงเหวข้างทางไม่ยาก แต่เสียงปืนและเสียงระเบิดที่ลอยตามลมมาเป็นระยะก็เป็นการยากที่เขาจะเย็นใจได้
เดโชไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่เสียงพวกนั้นดังมาจากโรงเลื่อยไม้ เขาชะลอฝีเท้าลง หันหน้าจอโทรศัพท์มือถือที่ใช้ต่างไฟฉายกลับเข้ามาหาตัว กดนิ้วโทรหาเฟย เขาไม่สนใจหรอกว่าโรงเลื่อยไม้จะโดนใครโจมตี เขาสนใจเพียงแต่ว่าตอนนี้มีใครเจอตัวรัมภาหรือยัง เธออยู่ไหนและปลอดภัยดีหรือเปล่า เมื่อคิดถึงบุตรสาว จิตใจของเดโชก็กลับมามั่นคงตามเดิมอีกครั้ง วันเวลาแห่งอดีตถูกพับเก็บใส่หีบเหล็กที่อยู่ลึกที่สุดของจิตใจ ทว่า โทรศัพท์ของเฟยกลับติดต่อไม่ได้ เดโชสบถอย่างหงุดหงิดขณะสาวเท้าต่อไป เขาไม่แน่ใจว่าตนเองควรจะทำอะไรต่อหากกลับไปถึงที่รถ เขาควรรอดักเล่นงานพวกของพิชิตที่จะตามลงมา หรือจะกลับลงไปข้างล่างสู่สถานการณ์ที่เขาไม่รู้ว่ากำลังเกิดอะไรขึ้น?
ไอ้นักฆ่านั่นมีใครเป็นพวกอีกหรือนอกจากทิวากร? พวกของมันมีกำลังมากพอที่จะบุกถล่มโรงเลื้อยไม้ได้เชียวหรือ? หรือว่ามันจะเป็นฝีมือของกลุ่มกะเหรี่ยงที่เป็นศัตรูกับคำหลู่? เดโชหวนนึกถึงตอนที่ตนเองตกอยู่ท่ามกลางวงล้อมของกะเหรี่ยงค้ายาผู้เป็นคู่แข่งเมื่อยี่สิบปีก่อน เขาต้องเสียสละลูกสมุนสามคนที่เชื่อใจได้ยิ่งกว่าเชา ซาน เฟยในการปะทะครั้งนั้น มันทำให้เดโชรู้ว่าเขาไม่มีทางสามารถค้ายานรกได้โดยไม่มีพันธมิตร สองปีต่อมาเขาจึงพบกับคำหลู่ และการพบคำหลู่นี่เอง ก็เป็นเหตุให้เขาได้พบเรณูระหว่างเดินทางเข้าป่าไปยังรังกบดานของกะเหรี่ยงตาโปนในจังหวัดเชียงราย สองเท้าของเดโชก้าวไปด้วยพละกำลังแห่งความเข้มแข็ง หากการฆ่าคนต่อหน้าคนรักของผู้ตายเป็นการรักษาบาดแผลในใจของเขา การได้พบเรณูก็ถือเป็นการเติมเต็มส่วนที่ขาดหายไปให้เขาอย่างประหลาด
ใบหน้าและเรือนกายที่งามไร้รอยตำหนิของหล่อนเตือนเขาให้นึกถึงเหล่าเทพธิดาในนิทานจีนที่มารดาชอบให้เขาอ่านให้ฟังก่อนแต่งตัวไปโรงงิ้ว
เรณูเป็นคนสวย หล่อนเป็นหญิงไม่กี่คนในหมู่บ้านกะเหรี่ยงที่ไม่ใส่ชุดของชนเผ่า ไม่สวมเครื่องประดับกำไล ห่วง ลูกประคำให้เกะกะสายตา หล่อนมีบางอย่างที่ความรู้สึกของเดโชบอกว่าหล่อนควรเป็นผู้หญิงที่เกิดมาเพื่อเขา ดังนั้นเขาจึงไม่ลังเลใจเลยที่จะเดินเข้าไปขอซื้อตัวหล่อนมาจากครอบครัวหลังสบตากันเพียงครั้งเดียว
เรณูคือผู้หญิงของเขาตั้งแต่คืนนั้นกลางป่า
ผู้หญิงที่เป็นได้ทั้งภรรยาและเครื่องมือ
แรกทีเดียวเขาไม่ได้ตั้งใจจะรักหล่อนอย่างจริงจัง คิดเพียงว่าจะนำไปหลอกปั่นหัวไอ้พ่อเลี้ยงไกรศักดิ์เพื่อเป็นบันไดสำหรับการกุมอำนาจทั้งหมด แต่เมื่อนานวันเข้า เดโชกลับพบว่าจิตใจที่ด้านชาของเขากลับอ่อนยวบลงอย่างปราศจากเหตุผล
โดยเฉพาะเมื่อหล่อนตั้งท้องและผลการแอบตรวจออกมาว่าเด็กเป็นลูกของเขา เดโชก็ค้นพบความสุขสุดยอดอีกอย่างหนึ่งในชีวิต
มันไม่ใช่การฆ่าฟัน ไม่ใช่การล้างแค้น ไม่ใช่การแสวงหาอำนาจ
แต่เป็นการได้เห็นชีวิตใหม่ถือกำเนิดขึ้นมาให้เขาได้โอบอุ้มและใช้สองแขนปกป้องจากภัยร้าย
รัมภาเป็นตัวแทนของบิดามารดาที่เขาไม่สามารถดูแลได้ หัวใจของเขามีความสุขล้นปรี่อีกครั้งกับการเฝ้ามองบุตรสาวเติบโตจากแรกเกิดถึงแรกคลานจรดหัดเดินและเริ่มโตเป็นสาว มันเป็นเสมือนโอกาสแก้ตัวที่สวรรค์มอบให้ เดโชจึงรักและทะนุถนอมบุตรสาวมาก
เขาโมโหไม่น้อยที่ไอ้พ่อเลี้ยงไกรศักดิ์ส่งลูกไปเรียนเมืองนอกซึ่งอยู่ห่างเกินกว่าที่เขาจะเอื้อมมือไปดูแล เหตุร้ายที่จะเกิดขึ้นกับรัมภาในด้านต่างๆ เป็นฝันร้ายของเดโชมาตลอด เขาไม่เคยลืมรสชาติแห่งความปวดร้าวยามคนที่รักถูกทำร้ายและตกตายต่อหน้าต่อตา
เดโชไม่มีวันให้เรื่องเลวร้ายเหล่านั้นเกิดขึ้นกับเขาเป็นครั้งที่สอง เขาจะดูแลบุตรสาวให้ดีที่สุด หลักการของเขาคือรัมภาจะต้องได้ของที่ดีที่สุดเสมอ
ทุกอย่างที่เขาทำทุกวันนี้ไม่ใช่เพื่อใครอื่น ก็เพื่อบุตรสาวทั้งนั้น
เขายอมล้างมือจากวงการค้ายาเมื่อรัมภาเกิด ยอมลดความทะเยอทะยานและความกระหายอำนาจลงเป็นเบี้ยล่างพ่อเลี้ยงไกรศักดิ์ตามเดิมเมื่อรัมภาเริ่มโต เขาคงทำเพียงแค่การตักตวงผลประโยชน์จากรีสอร์ทที่ดูแลซึ่งเป็นสิ่งที่เขาสมควรได้กับการค้าไม้ที่ใครๆ ก็ทำกันทั้งนั้น
เดโชไม่เคยเจ็บปวดที่รัมภาเรียกไอ้ไกรศักดิ์ว่าพ่อและเรียกเขาว่าลุง ความพอใจของเขาคือการได้อยู่ดูแลคอยปกป้องเมื่อเธอมีภัย ได้เฝ้ามองเธอเติบโตเป็นสาวสะพรั่ง แม้ขณะนี้ในสายตาของเขา รัมภาจะยังเด็กอยู่มาก แต่เดโชก็อดภูมิใจเล็กๆ ไม่ได้ที่บุตรสาวเป็นที่หมายปองของชายหนุ่มหลายคน
ทันใดนั้น ห้วงคิดของเดโชหยุดลงเมื่อสายตาเหลือบพบว่าท้องฟ้าด้านหนึ่งมีควันพวยพุ่งขึ้นเป็นสาย ความเสียหายจากโรงเลื่อยไม้อาจลุกลามเป็นไฟป่าได้ในไม่ช้า พลันหัวใจของเขาพลัดตกวูบ จะเกิดอะไรขึ้นหากรัมภาต้องตกอยู่ภายในวงล้อมของเปลวไฟเพียงลำพัง?
ไม่ต้องคิดอะไรแล้ว ช่างหัวไอ้นักฆ่า ช่างหัวไอ้เล้ง ช่างหัวไอ้ทิวากร เดโชคิดพลางสับฝีเท้าเร็วขึ้น ถ้าเขาไปถึงที่รถ เขาจะขับมันลงไปข้างล่าง ตามหาตัวบุตรสาวให้พบ พาเธอหนีไปจากภัยอันตรายทั้งปวงให้เร็วที่สุด
ความคิดของบุรุษผู้มีผมสีดอกเลาย่นระยะทางได้หลายนาที จากขาขึ้นสู่ยอดผาเดินกันไปเป็นขบวนต้องใช้เวลาเกือบสิบห้านาที แต่ขาลงรวดเร็วเป็นสองเท่า ไม่ถึงห้านาทีต่อมา จิ๊ปเชอโรกีทั้งสองคันก็ปรากฏเป็นเงาทะมึนอยู่กลางความมืดในบริเวณที่เป็นลานผากว้างจนราบเรียบสามารถตั้งแคมป์ได้สบาย
ทว่า จิตใจของเดโชเป็นห่วงบุตรสาวของตนเองมากเกินไป เขาจึงไม่รับรู้ว่าขณะที่กำลังจะเอื้อมมือเปิดประตูรถคันแรก ใครบางคนก็โถมตัวใส่เขาจากด้านหลัง ร่างของเดโชกระแทกประตูก่อนกลิ้งไปบนพื้น กลิ่นคาวเลือดแตะจมูก เขาพลิกตัวเหวี่ยงร่างของผู้โจมตีซึ่งเกาะอยู่ด้านหลังกระเด็นออกไปเมื่อตั้งสติได้
เดโชรีบหยัดกายลุกขึ้น ตวัดมีดพับในมือตามสัญชาตญาณวูบเป็นแนวขวาง
ผู้โจมตีฉากหลบอย่างทันท่วงที เขาถอยกลับไปยืนห่างนอกรัศมีคมมีด ประกายในสองตาวิบวาวกลางความมืดด้วยความโกรธแค้นระคนเสียใจ
เดโชแสยะยิ้มกว้างเมื่อพบว่าผู้โจมตีที่ยืนอยู่ด้านตรงข้ามในตอนนี้คือพิชิต!
พี่ชายและน้องชายร่วมสาบานยืนเผชิญหน้ากัน ไม่มีใครพูดอะไรออกมา
ลานหินเงียบสงบ มีเพียงเสียงของสายลมยามดึกที่กรีดหวีดหวิว เส้นผมและชายเสื้อแจ็คเก็ตของทั้งสองคนปลิวไสวตามแรงลม เดโชลดสายตาจากใบหน้าของพิชิตลงไปยังชายโครงซึ่งเป็นที่มาของกลิ่นคาวเลือด เขาดึงสายตากลับขึ้นมาจ้องหน้าน้องชายอีกครั้ง ส่งยิ้มเหมือนพึงพอใจ แต่มือกระชับมีดและกล่าวว่า
ตายยากจริงนะ อาเล้ง
พิชิตทิ้งสองมือหลวมๆ ไว้ข้างตัวอย่างเตรียมพร้อมปัดป้องมีดได้ทุกขณะ เขาตอบด้วยสีหน้าเจ็บปวด อั๊วไม่เคยคิดว่าเฮียจะทำกับอั๊วอย่างนี้
ก็แหงสิ ลื้อมันไม่เคยคิดอยู่แล้ว เดโชหัวเราะในลำคอพลางย่างสามขุมเข้าหาพิชิต เพราะอะไรรู้มั้ย? ก็เพราะลื้อมันไม่มีสมอง อั๊วบอกอะไรไปก็เชื่อหมด ลื้อเป็นคนโง่มากที่สุดเท่าที่อั๊วเคยเจอ
เฮียทำแบบนี้เพื่ออะไร? ผู้เป็นน้องชายร่วมสาบานก้าวเท้าถอยมาเรื่อยๆ จนแผ่นหลังติดประตูจิ๊ปเชอโรกีคันที่สองในที่สุด เฮียทำลายความไว้ใจที่อั๊วมีต่อเฮียเพื่ออะไร? ตลอดเวลาที่ผ่านมา เฮียเคยเห็นอั๊วเป็นน้องชายบ้างรึเปล่า?
อั๊วจะบอกอะไรให้นะ ไอ้เล้ง ตั้งแต่วันแรกที่อั๊วเจอลื้อนอนท้องกิ่วใกล้ตายอยู่ข้างรังหมา มาจนถึงวันนี้ที่ลื้อมีบ้านหลังใหญ่ มีรถคันหรู มีเมีย มีลูก มีคนนับหน้าถือตา เดโชหยุดยืนเบื้องหน้าพิชิต นัยน์ตาฉายความแข็งกร้าว ลื้อยังคงเป็นลื้อในสายตาอั๊วไม่เคยเปลี่ยน
อั๊วเป็นอะไรในสายตาเฮีย? พิชิตพยายามกัดฟันยืดอกยืนตรงทั้งที่สายตาเริ่มมองทุกอย่างเป็นภาพโคลงเคลงจากการเสียเลือดมาก
ลื้อก็เป็นหมาที่อั๊วเลี้ยงไว้เพื่อใช้งานไงล่ะ! เดโชคำรามตอบก่อนตวัดมือแทงมีดใส่น้องชายร่วมสาบานในบัดนั้น
ทิศทางของปลายมีดหมายหน้าอก แต่พิชิตก็มุดกายหลบลงต่ำ มีดจึงพุ่งเฉียดศีรษะเขาไปทะลุกระจกจิ๊ปเชอโรกีแตกเพล้ง
แล้วพิชิตก็ใช้จังหวะนั้นโถมตัวใส่พี่ชายร่วมสาบานล้มกลิ้งขลุกๆ ไปด้วยกันถึงขอบผา พวกเขาหยุดอยู่ตรงเสาขึงเชือกสีแสดซึ่งปักอยู่เป็นจุดๆ ตลอดทางขึ้นผาอ้ายคอย หากกลิ้งหลุดเสานี้ไป ด้านล่างก็มีเพียงอากาศธาตุและเหวลึกที่คอยรองรับอยู่
ไอ้เล้ง ลื้อจะทำอะไร! เดโชตะโกนเมื่อพบว่าน้องชายร่วมสาบานกอดรัดตนเองไม่ยอมปล่อย แม้เขาจะกระซวกมีดทิ่มแทงแผ่นหลังและชายโครงพิชิตเป็นจำนวนนับครั้งไม่ถ้วนแล้วก็ตาม แต่คล้ายกับพิชิตตั้งใจอย่างเด็ดขาดแล้วว่า ต่อให้ตนเองต้องตาย เขาก็จะไม่ปล่อยมือออกจากพี่ชายเด็ดขาด
อั๊วจะปล่อยให้เฮียทำร้ายครอบครัวอั๊วไม่ได้ พวกอีเป็นสิ่งมีค่ามากที่สุดในชีวิตเด็กกำพร้าอย่างอั๊ว
พิชิตกระซิบ ร่างกายส่วนที่ถูกแทงชาด้านไร้ความรู้สึก ตรงกันข้ามกับจิตใจที่เจ็บปวดทุกครั้งเมื่อได้ยินเสียงมีดในมือพี่ชายปักลงบนร่างของเขาดังปึกๆ
อั๊วอาจเป็นหมาที่เฮียเลี้ยงไว้ แต่เฮียอย่าลืมว่าแม้แต่หมามันก็รักลูกของมันและมันก็อาจแว้งกัดเจ้านายเพื่อปกป้องลูกเมียของมันได้เสมอ!
จบคำ พิชิตก็พลิกกายวูบผ่านเสาขึงเชือกริมทาง ร่างของเดโชจึงกลิ้งตกตามไปด้วยโดยปริยาย
แต่เดโชอ่านออกอยู่แล้วว่าน้องชายร่วมสาบานพยายามจะลากเขาลงเหวไปด้วยกัน เขาจึงใช้เวลาที่พิชิตพูดประโยคสุดท้าย ปักมีดลงบนซอกหินข้างตัว มือข้างที่ถือมีดกำด้ามจับแน่นเพราะตระหนักดีว่ามีดเล่มนี้จะเป็นสายใยสุดท้ายที่ตัดสินความเป็นความตายของเขาบนโลกใบนี้
ดังนั้น เมื่อพิชิตและเดโชพลิกร่างพ้นขอบผาไป พวกเขาจึงยังไม่ตกสู่ก้นเหวเสียทีเดียว แต่ห้อยต่องแต่งกลางอากาศอยู่อย่างนั้นโดยมีมือของเดโชเป็นสิ่งเดียวเท่านั้นที่โผล่พ้นขอบผายึดเหนี่ยวด้ามมีดที่ซอกหินไม่ให้ร่วงหล่นลงไป
แต่ถึงกระนั้น จากน้ำหนักตัวของคนสองคนกับมีดพับเพียงหนึ่งเล่ม ต่อให้มันเป็นเหล็กเนื้อดีขนาดไหน หากยึดเหนี่ยวนานไป ถ้าใบมีดไม่หัก มันก็คงถูกแรงยึดเหนี่ยวของเดโชกระชากจนหลุดออกจากซอกที่เสียบอยู่ดี
สิ่งทีจะตัดสินชีวิตพวกเขาในตอนนี้คือเวลาเท่านั้น
เดโชอยากให้เวลานั้นมาถึงอย่างเชื่องช้า
พิชิตอยากให้เวลานั้นมาถึงอย่างรวดเร็ว
เวลาที่มีดจะหัก หลุด หรือเคลื่อนที่เพราะแรงดึง
บุรุษผู้มีรอยแผลเป็นบนใบหน้าเกร็งแขนกอดลำตัวพี่ชาย ภาพตอนเป็นเด็กน้อยที่พี่ชายร่วมสาบานพาหากินตามโรงเจผุดพรายเข้ามาในภวังค์ เด็กน้อยคนนั้นมีความสุขกับชีวิตใหม่อย่างล้นเหลือ เขาเริงใจไปกับการเล่าเรื่องในเทพนิยายของเด็กชาย อิ่มหนำไปกับอาหารทั้งสามมื้อของโรงเจและตื่นเต้นไปกับการแอบขโมยขนมของร้านค้าในตลาด
เด็กชายและเด็กน้อยคู่นั้นเคยเป็นคู่หูที่เดินกอดคอกันอย่างไม่กลัวเด็กเกเรผู้เป็นเจ้าถิ่นหน้าไหนทั้งสิ้น
แต่บัดนี้ เด็กชายและเด็กน้อยคู่นั้นกลับกลายเป็นบุรุษสูงวัยผู้ปรารถนาให้อีกฝ่ายตกตายลงนรก
ริมฝีปากของพิชิตบิดตัวเป็นรอยยิ้มที่เย้ยหยันต่อชะตาชีวิตอันผกผัน ท่อนแขนของเขาโอบกระชับรัดเดโชแน่นกว่าเก่า หวังให้อีกฝ่ายหายใจลำบากและหมดแรงโดยเร็ว ก่อนที่เขาจะเป็นฝ่ายหมดแรงเสียเอง
เลือดจากกายพิชิตซึมเปรอะกายพี่ชาย
หยาดน้ำสีแดงร่วงพรูสู่ก้นเหวเหมือนสายฝนที่มาจากโลกแห่งความตาย
เดโชก่นด่าพิชิตอยู่ในใจ ความตึงเครียดของเขาสร้างเม็ดเหงื่อผุดพราวเต็มฝ่ามือที่กุมด้ามมีดพับ มือเขาเปียกลื่นจนไม่กล้าขยับนิ้ว ด้วยกลัวว่าหากขยับนิ้ว มืออาจลื่นหลุดจากด้ามจับมีดได้
ทันใดนั้น ทิวากรก็วิ่งตามมาถึง
หนุ่มตี๋วิ่งมาหยุดหน้ารถเชอโรกีคันแรก เมื่อกวาดตามองรอบกายไม่เห็นใคร เขาก็ลืมนึกถึงเรื่องใดอีกนอกจากยกมือป้องปากตะโกนเรียกหาบิดาอย่างตื่นตระหนก
ป๊าครับ! ป๊าอยู่ที่ไหน! พิชิตใจหายวูบ ถ้าทิวากรรู้ว่าเขาตั้งใจจะทำอะไร แผนการลากเดโชลงเหวให้ตายไปพร้อมๆ กันคงล้มเหลวแน่ จริงดังคาด เดโชส่งเสียงตะโกนตอบรับทิวากรทันที อาหมิง! อั๊ว...อั๊วกับป๊าลื้ออยู่ตรงนี้ มาช่วยพวกอั๊วขึ้นไปที เร็วเข้า! พิชิตไม่ขัดขวาง แต่เขาใช้แรงทั้งหมดที่มีอยู่ในร่างกายบีบรัดหน้าอกของเดโชให้แน่นมากที่สุด
ทิวากรกวาดสายตามองหาต้นเสียง พลัน สายตาเขาก็สะดุดกับประกายมีดขาววับที่โผล่พ้นซอกหินข้างเสาขึงเชือก เหนือประกายมีดนั้นมีมือๆ หนึ่งกุมด้ามจับมาจากใต้ขอบผา ในขณะเดียวกัน มือของเดโชก็ชุ่มเหงื่อมากขึ้นทุกขณะ และแรงบีบรัดของพิชิตก็ทำให้เขาแน่นหน้าอกหายใจไม่ออก เดโชกัดฟันพยายามยื้อจนถึงวินาทีสุดท้าย แต่เขาก็หมดแรงที่จะเกาะกุมอีกต่อไป มือของเดโชเลื่อนหลุดออกจากด้ามมีดในวินาทีนั้น ร่างของพวกเขาร่วงหล่น ทว่ามันก็เป็นการร่วงหล่นต่ำจากความสูงระดับเดิมไม่ถึงสิบเซนติเมตรเพราะทิวากรโถมตัวพุ่งมาคว้าข้อมือของเดโชได้ทันเวลาพอดิบพอดี! เดโชเงยหน้ามองชายหนุ่มด้วยความรู้สึกเหมือนตายแล้วเกิดใหม่ขณะร่างห้อยโตงเตงกวัดแกว่งไปมากลางอากาศ พิชิตเงยหน้ามองบุตรชายและตะโกนแข่งกับเสียงลม อาหมิง ลื้อฟังอั๊วให้ดี ปล่อยมือซะ ปล่อยมือเดี๋ยวนี้! อย่าฟังที่ป๊าลื้อพูดนะโว้ย อาหมิง ป๊าลื้อบ้าไปแล้ว เดโชตะโกนกลบเสียงของพิชิตทันที เอ้า รีบดึงพวกอั๊วขึ้นไปซี่ เดี๋ยวก็ได้ตายโหงกันหมดหรอก! อั๊วสั่งให้ปล่อยมือไง อาหมิง! พิชิตตะโกนเสียงสั่น เรี่ยวแรงหดหายทันตา แขนที่กอดรัดพี่ชายร่วมสาบานไถลลง ส่งผลให้ตัวเขาเลื่อนจากแผ่นหลังเดโชมาอยู่บริเวณเอวแล้ว ทิวากรบดกรามกรอด ลำบากใจกับสถานการณ์ที่เป็น หากเขาต้องการช่วยชีวิตบิดา ก็หมายความว่าต้องช่วยชีวิตเดโชก่อนอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ฉับพลันนั้น ร่างของพิชิตก็เลื่อนไถลอีกครั้ง
คราวนี้ไถลจากช่วงเอวลงไปกอดรัดรอบหัวเข่าของเดโช ร่างของบุรุษทั้งสองแกว่งไกวตามสายลมไม่ต่างจากลูกตุ้มยักษ์ที่มีสายห้อยเป็นเพียงแขนขวาของทิวากร หนุ่มตี๋ตัดสินใจในวินาทีนั้น เขาเกร็งกำลังแขนทั้งหมดที่มี ดึงมือของเดโชขึ้นมาจนถึงระดับที่เขาใช้สองมือช่วยดึงได้เต็มที่
เพียงไม่กี่วินาที ร่างของเดโชและพิชิตก็ถูกดึงกลับขึ้นมาบนขอบผาได้สำเร็จ
เมื่อแผ่นหลังสัมผัสพื้น เดโชก็เตะพิชิตออกจากท่อนขาและคลานไปนอนแผ่หลาบนพื้นอย่างหมดแรง ทิวากรนั่งหอบหายใจด้วยความเหนื่อยและใจหายใจคว่ำ มีเพียงพิชิตเท่านั้นที่เมื่อถูกเตะแล้วก็ได้แต่นอนแน่นิ่งไม่ขยับเขยื้อนเคลื่อนกายแม้แต่น้อย
แม้แขนขวาจะปวดตุบคล้ายจะหลุดเสียให้ได้ แต่ทิวากรก็เคลื่อนกายเข้าไปหาบิดาและใช้แขนข้างนั้นเขย่าเรียกบิดา
ป๊าครับ...
พิชิตปรือตามองบุตรชาย ลมหายใจรวยริน น้ำตาไหลออกจากสองตาอย่างควบคุมไม่ได้
เลือดที่ส่งกลิ่นคาวคลุ้งและไหลเนืองนองอยู่เต็มพื้นขณะนี้บ่งบอกทิวากรว่าบิดาผ่านอะไรมาบ้าง หนุ่มตี๋หันขวับกลับไปที่ด้านหลังอย่างโกรธแค้น พลัน เขาก็ต้องเบิกตาโพลงเมื่อร่างของเดโชที่นอนแผ่หลาอยู่เมื่อครู่ได้เอื้อมมือคว้ามีดจากซอกหินและกำลังลุกขึ้นยืนค้ำศีรษะเขาอยู่
ลื้อบอกว่ารู้ความจริงทั้งหมดแล้วใช่มั้ย เดโชกระซิบ ขอบใจที่ช่วยนะ อาหมิง แต่ยังไงเสียคืนนี้อั๊วก็ต้องฆ่าลื้อให้ได้!
สิ้นคำนั้น ประกายมีดก็แหวกความมืดลงมาไหววูบ ทิวากรทำได้เพียงเบี่ยงกายหลบและยกสองมือคว้าข้อมือของเดโชเอาไว้ขณะร่างเขาหงายหลังลงนอนข้างบิดาตามแรงที่เดโชโถมเข้ามาทั้งตัว
แผ่นหลังของทิวากรแนบพื้น เดโชกระโดดขึ้นใช้เข่ากดท้องของหนุ่มตี๋ พร้อมกับโน้มมีดต่ำลงไปเรื่อยๆ มีดนั้นพุ่งลงสู่ตำแหน่งหัวใจ สองมือของทิวากรพยายามดันให้มีดถอยห่างกลับออกมา แต่เขาใช้แรงแทบทั้งหมดไปกับการดึงร่างของเดโชและพิชิตขึ้นจากขอบผาหมดแล้ว ผลที่ออกมาจึงกลายเป็นว่ามีดของเดโชยิ่งต่ำลงๆ ทุกทีโดยที่สองมือของทิวากรไม่สามารถขัดขืนได้อย่างที่ควรจะเป็น
แต่บัดดลนั้น พิชิตก็ใช้ศอกยันกายขึ้น รวบรวมเรี่ยวแรงเฮือกสุดท้ายในชีวิต โถมตัวใส่ร่างของเดโชเพื่อช่วยชีวิตทิวากรผู้เป็นบุตรชาย
ร่างของเดโชผงะหงายตกจากร่างของทิวากร มีดสังหารที่กำลังจะเสียบอกหนุ่มตี๋เมื่อครู่ จึงปักอยู่กลางอกของพิชิตแทนเมื่อบุรุษผู้มีรอยแผลเป็นบนใบหน้าโถมตัวกดทับให้เดโชอยู่ด้านล่าง
นั่นคือสิ่งสุดท้ายที่เขาทำได้
พิชิตไม่มีแรงเหลือพอที่จะลากเดโชลงนรกไปด้วยกันอีกแล้ว
ทิวากรชันกายขึ้น เบิกตามองการกระทำของบิดาด้วยความไม่อยากเชื่อ
เดโชสบถ ชักมีดออกจากหน้าอกของพิชิตและผลักร่างออกไปจากตัวอย่างรวดเร็ว บุรุษผู้มีผมสีดอกเลาม้วนกายกลิ้งไปทางจิ๊ปเชอโรกีคันหนึ่ง ทิวากรไม่ทันได้สนใจเพราะสองตาและสติสัมปชัญญะทั้งหมดของเขาอยู่ที่ร่างของบิดาซึ่งสองตาเบิกค้าง แสงจันทร์และแสงดาวส่องกระทบร่างที่ชุ่มโชกไปด้วยเลือดและบาดแผล
ป๊า...
ทิวากรร้องไห้อย่างไม่รู้ตัว เขาถลาเข้าไปประคองร่างของบิดาขึ้นมาในอ้อมอก ทิวากรแน่ใจมาตลอดว่าบิดาต้องไม่ใช่คนเลว แม้จะตกใจบ้างที่บิดารับปากเดโชว่าจะฆ่าเขาเพื่อแลกชีวิตมารดาและเหลาเฟอ แต่บางส่วนของจิตใจก็เชื่อว่าบิดาต้องมีแผนการอะไรบางอย่างถึงรับปากอย่างนั้น และการสละชีวิตของบิดาก็พิสูจน์แล้วว่าความเชื่อมั่นของเขานั้นถูกต้อง
เข็มนาฬิกาในชีวิตของทิวากรคล้ายจะหยุดกระดิกอยู่ในวินาทีนั้น สติอันเคยเยือกเย็นของหนุ่มตี๋แตกกระเจิง เขาวางร่างของบิดาลง ห้วงคิดแวบหนึ่งหวนกลับไปนึกถึงพีภัทรที่สูญเสียแม่บุญธรรม เขาเข้าใจความรู้สึกของพีภัทรแล้ว เขาเข้าใจแล้วว่าทำไมนักฆ่านั่นถึงอยากแก้แค้นนักหนา
ทิวากรเหยียดกายลุกขึ้นยืน เลือดของบิดาเปรอะเต็มเสื้อของเขา หนุ่มตี๋สูดหายใจลึก ความโกรธแค้นพุ่งทะยานแผ่ขยายไปทุกอณูของร่างกาย ทิวากรกวาดตามองรอบบริเวณ สองมือกำเป็นหมัดแน่นมากที่สุดในชีวิต
แต่เดโชหายไปจากคลองสายตาเสียแล้ว
ทิวากรผ่อนคลายลมหายใจเพื่อเรียกสติของตนเองกลับคืนมา เขากวาดตามองรอบกายอีกครั้ง พลัน ประตูของจิ๊ปเชอโรกีคันที่สองก็เปิดออก เดโชก้าวลงมาพร้อมปืนพกหนึ่งกระบอกที่จ่อระดับศีรษะของทิวากร
หนุ่มตี๋ยืนนิ่งอยู่ที่เดิม ไม่ถลาเข้าไป แต่ก็ไม่ผงะถอยหลัง
สองตาของเขาจับจ้องที่ดวงตาของเดโชเขม็ง
เดโชเดินเข้ามาหยุดยืนห่างจากทิวากรประมาณหนึ่งเมตร
แปะต้องชดใช้ที่ฆ่าป๊า! ทิวากรคำราม รู้ซึ้งถึงคำว่าจุกอกพูดอะไรไม่ค่อยออก แปะฆ่าคนที่ไว้ใจแปะมาตลอดชีวิต อั๊วจะส่งแปะไปขอขมาป๊า!
คิดว่าทำได้ก็เชิญ แต่คืนนี้พวกลื้อทำอั๊วเหนื่อยกว่าที่คิดจริงๆ เดโชกระซิบ ริมฝีปากบิดตัวเป็นรอยยิ้ม แต่ยังไงพวกลื้อมันก็ต้องแพ้อยู่วันยันค่ำ ไม่เข้าใจรึไง อาหมิง?
ทิวากรไม่ตอบ เพราะจังหวะนั้น ร่างของบุคคลที่สามก็ปรากฏขึ้น
เสียงฝีเท้าอันแผ่วเบาเดินลงมาตามทางลาดชัน
เดโชชำเลืองมองเพียงแวบเดียว ก็เบนปืนไปจากทิวากร หมายจะเหนี่ยวไกใส่ผู้มาใหม่ซึ่งถือปืนสีดำที่กลมกลืนกับความมืด!
(ต่อด้านล่าง)
จากคุณ |
:
ทะเลเดือดพันธุ์ร็อค
|
เขียนเมื่อ |
:
3 ก.ค. 55 09:04:14
|
|
|
|
 |