เซ็นซู ภาค จอมอสูรจากหิมาลัย บทที่ 15 ภูตลม
|
 |
เซ็นซู บทต้น http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=moonyforever&month=22-09-2011&group=19&gblog=1
บทที่ 14 เงาของซาวาระ http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W12285210/W12285210.html
บทที่ 15
ภูตลม
เสียงร้องอันไพเราะของนกกระจิบที่เกาะอยู่บนกิ่งซากุระดึงความสนใจของฟุคิบิที่กำลังเดินบนระเบียงให้เงยหน้าขึ้นไปมอง ภาพของนกน้อยสองตัวที่กำลังกระโดดไปมาบนกิ่งไม้อย่างร่าเริงทำให้ข้ารับใช้หนุ่มประจำบ้านฟูจิวาระอมยิ้มด้วยความเอ็นดู หลังจากชื่นชมความน่ารักของวิหคอยู่ครู่หนึ่งเขาจึงลดสายตาลงและก้าวตรงไปยังห้องนักนาฏกรรมหนุ่มผู้เป็นนาย ซึ่งเมื่อไปถึงฟุคิบิได้กล่าวคำขออนุญาตก่อนจะเปิดประตูเข้าไปในห้องและค้อมตัวลงแสดงความเคารพต่อ ฮารุคาเสะ
ข้านำเสื้อผ้ามาให้ขอรับ ฟุคิบิพูดอย่างนอบน้อม อีกฝ่ายซึ่งดูเหมือนจะเพิ่งเสร็จสิ้นจากการชำระร่างกายเพราะกำลังใช้ผ้าซับหยดน้ำบนใบหน้าและท่อนแขนทั้งสองข้างผงกศีรษะ
ขอบใจ
ข้าเตรียมชาและอาหารเช้าไว้เรียบร้อยแล้ว จะให้ยกมาเลยไหมขอรับ
ฮารุคาเสะสั่นศีรษะอย่างเคร่งขรึม
ยังไม่ต้อง ข้าอยากจะทำธุระบางอย่างก่อน เสร็จแล้วจะเรียกเจ้าเอง ชายหนุ่มพูดพลางส่งผ้าเช็ดตัวให้กับฟุคิบิและยิ้มเล็กน้อยเมื่อเห็นอีกฝ่ายทำท่าละล้าละลัง ที่นี่ไม่ใช่บ้านฟูจิวาระ ข้าดูแลตัวเองได้ เจ้าไปคอยช่วยพวกนักดนตรีเถอะ
ขอรับ
ฟุคิบิค้อมตัวลงพร้อมกับกล่าวรับคำและออกจากห้องไปตามคำสั่ง หลังจากข้ารับใช้เดินไปไกลพอสมควรแล้วฮารุคาเสะจึงถอดเสื้อผ้าชุดเก่าออกแต่ยังไม่ทันที่จะปลดเชือกรัดกางเกงชายหนุ่มก็ต้องหยุดชะงักเมื่อสัมผัสถึงแรงกดดันอันรุนแรงแผ่มาจากด้านหนึ่งของห้อง มือเลื่อนไปหยิบพัดที่วางไว้บนโต๊ะทันทีตามสัญชาตญาณแต่ยังช้ากว่าหางสีดำสลับขาวที่พุ่งออกมาจากผนังห้องรวบพัดทั้งคู่ไปอย่างรวดเร็ว ฮารุคาเสะเบนสายตามองตาม คิ้วเมขมวดเข้าหากันด้วยความโกรธเมื่อเห็นหางเก้าเส้นกำลังแกว่งไกวอย่างร่าเริงเบื้องหลังเรือนร่างอันงดงาม
เบียคโกะ ชายหนุ่มเอ่ยเรียกด้วยน้ำเสียงแทบจะเป็นคำราม มารเสือขาวเหยียดยิ้มอย่างยั่วเย้าขณะคลี่พัดเล่มหนึ่งออกและมองอย่างพิจารณา
คิดว่าจะทำมาจากอะไรเป็นพิเศษที่แท้ก็เป็นแค่พัดธรรมดา นิ้วเรียวสวยลูบไปตามด้ามไล่ไปจนถึงพู่ไหมสีแดงสด ดวงตาสีอำพันเหลือบขึ้นมองฮารุคาเสะ สิ่งที่แตกต่างไปก็คือพู่ประดับนี่ต่างหาก เจ้าจะบอกข้าได้หรือยังว่ามันเป็นเส้นผมของปิศาจตนใด
ฮารุคาเสะหยิบเสื้อขึ้นมาสวมพร้อมกับกล่าวอย่างไม่พอใจนัก
จะรอให้ข้าแต่งตัวเสร็จก่อนไม่ได้หรือ
วิธีปลอดภัยที่สุดในการเข้าใกล้เจ้าคือเวลาที่พัดอยู่ห่างจากตัว ซึ่งเจ้าจะทำเช่นนี้ก็ต่อเมื่อตอนเข้าห้องอาบน้ำเพราะถึงจะเป็นนักนาฏกรรมและผู้ปราบมารเจ้าคงไม่นำพัดติดไปด้วยแน่
คำพูดของเบียคโกะทำให้ใบหน้าของฮารุคาเสะเข้มขึ้นเล็กน้อย เขาจ้องมารเสือขาวที่กำลังโบกพัดไปมาอย่างสนุกสนานและเอ่ยถามเสียงห้วน
หมายความว่าเจ้ารอข้าอยู่นานแล้ว
ใช่ เบียคโกะตอบพลางมองเขาด้วยหางตาและยิ้มอย่างยั่วยวน ตอนแรกข้าก็คิดจะเข้าไปคุยในห้องนั้นเลยแต่กลัวเจ้าจะเขินอายเลยอดใจรอให้อาบน้ำจนเสร็จเรียบร้อยก่อน
ดวงตาสีเหลืองอำพันไล่มองแผ่นอกในสภาพที่เกือบจะเปลือยเปล่าอย่างซุกซน
แต่ไม่ว่าจะเป็นตอนไหนก็น่าดูไม่แพ้กัน
สายลมรุนแรงพุ่งออกจากตัวฮารุคาะเสะวิ่งเข้าใส่เบียคโกะทันที นางเพียงใช้มือข้างหนึ่งปัดออกไปอย่างรำคาญ
จะต้องให้บอกกี่ครั้งว่าเจ้าไม่มีทางทำอะไรข้าได้
เจ้ามีธุระอะไร ชายหนุ่มถามเสียงเข้มและขบกรามแน่นเมื่อถูกหางของมารเสือขาวพันรอบตัว
เป็นคำถามที่ไม่ถนอมน้ำใจกันสักนิด ข้าหรืออุตส่าห์ยอมอดทนรอตั้งแต่เช้ากระทั่งอสูรตนนั้นออกไปจากปราสาทจึงเข้ามาหาเจ้า น่าจะกล่าวอะไรที่ฟังแล้วรื่นหูกว่านี้
นอกจากเสียงร่ำไห้ของมนุษย์แล้วมารร้ายอย่างเจ้ายังต้องการได้ยินสิ่งใดอีก ฮารุคาเสะพูดเป็นเชิงประชด เบียคโกะยกพัดขึ้นป้องปากตนเองด้วยกิริยาของสาวน้อยที่กำลังอยู่ในอาการเขินอาย
ข้าเบื่อเสียงพวกนั้นแล้ว สิ่งที่อยากได้ยินในตอนนี้ก็คือชาติกำเนิดของเจ้าต่างหาก นางยื่นหน้าเข้าไปหาอีกฝ่ายสัญญาไว้ไม่ใช่หรือว่าจะเล่าให้ข้าฟัง
ฮารุคาเสะกำมือแน่นขณะพยายามใช้พลังของสายลมบั่นหางมารเสือขาวที่พันรอบตัวแต่ดูเหมือนจะไม่เป็นผลเพราะนอกจากจะไม่สามารถทำอะไรได้แล้วมันกลับรัดแน่นขึ้นแถมหางเส้นหนึ่งยังเลื่อนเข้าไปในเสื้อและไล้แผ่นอกของเขาอย่างย่ามใจ ชายหนุ่มขยับตัวอย่างนึกรังเกียจพร้อมกับพูด
ข้าเคยบอกเจ้าไปแล้วไม่ใช่หรือว่าตระกูลฟูจิวาระเป็นเพียงนักนาฏกรรม
ตระกูลของเจ้าเป็นผู้ปรนนิบัติเทพวายุ การร่ายรำซึ่งถือปฏิบัติกันมานานก็เพื่อปลอบประโลมภูตลมให้สงบเท่านั้นแต่ไม่มีผู้ใดมีอำนาจในการปราบมารเหมือนกับเจ้า
ดวงตาวาววับมองฮารุคาเสะอย่างจ้องจับผิด
เจ้ามีพลังในการควบคุมสายลมได้อย่างไร
ข้าเรียนมาจากตำราไสยเวทประจำตระกูล นักนาฏกรรมหนุ่มตอบ เบียคโกะสะบัดพัดเสียงดังพรึ่บพร้อมกับกล่าวสวนขึ้นมาทันควัน
อย่ามาโกหก ตระกูลของเจ้าเชี่ยวชาญในเรื่องการร่ายรำเท่านั้น ไม่มีสิ่งใดเกี่ยวข้องกับมนตร์มายาเลยสักนิด
มารเสือขาวก้าวเข้าไปใกล้ฮารุคาเสะและวางกรงเล็บลงบนลำคอของเขา
จะยอมเล่าให้ฟังแต่โดยดีหรือรอให้ข้าเจาะคอแสนสวยของเจ้าก่อนจึงค่อยสาธยาย
ปลายเล็บคมกริบกดลงไปบนเนื้อเรียกเลือดสีแดงเข้มไหลซึมออกมา แต่ฮารุคาเสะกลับไม่สนใจ เขามองเบียคโกะด้วยสีหน้าเฉยชาปราศจากความรู้สึก มีเพียงดวงตาเท่านั้นที่ฉายความชิงชังออกมาอย่างไม่ปิดบัง
ข้าไม่มีอะไรจะเล่าให้เจ้าฟัง
น้ำเสียงราบเรียบไร้ความยำเกรงทำให้มารเสือขาวต้องขบกรามแน่น แต่แทนที่จะลงมือสังหารชายหนุ่มตามคำขู่นางกลับลดมือลงและถอยหลังออกไปสองสามก้าว ดวงตาที่เต็มไปด้วยประกายโทสะจ้องฮารุคาเสะเขม็ง
ลืมไปว่านักปราบมารผู้หนักแน่นอย่างเจ้าคงไม่ยอมเปิดปากพูดอะไรโดยง่าย เบียคโกะคลี่พัดออกและโบกไปมาอย่างเชื่องช้า ใบหน้างดงามเบือนไปยังตำหนักของมิสึกิ ริมฝีปากได้รูปเหยียดยิ้ม
อยากรู้จริงว่าจะเกิดอะไรขึ้นหากกรงเล็บของข้าวางบนลำคอระหงของบุตรียาสึฮิระ ดวงตาสีอำพันเลื่อนกลับมายังฮารุคาเสะ เขากำมือแน่นด้วยความโกรธ
อย่าแตะต้องมิสึกิ
ถ้าเจ้ายอมเล่าทุกอย่างนางก็จะปลอดภัย
มารเสือขาวตอบเสียงเย็น เมื่อเห็นอีกฝ่ายอ้ำอึ้งคล้ายกำลังตัดสินใจนางจึงรวบพัดในมือและยื่นไปข้างหน้าโดยจงใจให้พู่ไหมสีแดงที่ประดับอยู่นั้นแกว่งไหวพร้อมกับเอ่ยถาม
พู่ไหมนี่เป็นเส้นผมของปิศาจตนใด
ฮารุคาเสะขบกรามด้วยความแค้นแต่เพราะเป็นห่วงความปลอดภัยของสตรีอันเป็นที่รักเขาจึงต้องก้มหน้าลงและตอบอย่างจำใจ
ภูตลม
คิ้วสวยเลิกสูงด้วยความแปลกใจขณะดึงพัดกลับเข้าไปพิจารณา ดูเหมือนตัวพู่ไหมเองจะรับรู้ถึงพลังเทพมารของเบียคโกะเพราะมันเริ่มสั่นไหวราวกับมีชีวิตพร้อมกับปล่อยสายลมเป็นคลื่นออกมาอย่างบางเบา
ไม่น่าเชื่อว่าภูตลมจะยอมสละเส้นผมให้มนุษย์ มารเสือขาวกล่าวและหยุดนิ่งไปเล็กน้อยประกายบางอบ่างทอวาบขึ้นในดวงตา นางหันไปทางฮารุคาเสะ
หรือภูตลมที่เจ้าพูดถึงนี่คือเทพจากศาลเจ้าวายุ
ชายหนุ่มผงกศีรษะแทนการตอบคำ เบียคโกะนิ่วหน้าด้วยความสงสัย
ต่อให้เป็นผู้รับใช้ที่ซื่อสัตย์ ก็ไม่น่าเป็นไปได้ที่เทพจะมอบของประจำตัวให้ โดยเฉพาะเส้นผมซึ่งถือเป็นสัญลักษณ์ประจำตัวและเป็นสิ่งสำคัญ นางขยับเข้าไปใกล้ชายหนุ่มอีกครั้งภูตลมผู้นั้นมีนามว่าอะไร ด้วยเหตุผลใดจึงยอมสละเส้นผมอันมีค่านี้ให้กับเจ้า
ฟูจินฮารุคาเสะตอบสั้นๆและนิ่งไปเล็กน้อยคล้ายลังเลในคำพูดที่จะกล่าวต่อไป แต่เมื่อเห็นดวงตาสีเหลืองทองที่กำลังจ้องเขม็งราวกับรอคอยเขาจึงสูดลมหายใจเข้าก่อนจะหลุดคำพูดออกมา
นางเป็นแม่ของข้า
ดูเหมือนสิ่งที่ได้ยินจะอยู่นอกเหนือความคาดหมายเพราะเบียคโกะยืนทำตาโตนิ่งอย่างคิดไม่ถึงอยู่ครู่หนึ่ง เมื่อตั้งสติได้นางจึงยกพัดคู่ขึ้นมาและมองพู่ประดับสีแดงสดที่กำลังแกว่งไหวคล้ายร้องเรียกหาผู้ที่เป็นเจ้าของ ดวงตาคมกริบเลื่อนไปยังฮารุคาเสะอีกครั้ง
พลังการควบคุมสายลมของเจ้าเกิดจากสายเลือดของภูตลม มิได้มาจากการร่ำเรียนตามที่ข้าคิดจริงๆ แต่ฟูจินเป็นภูต ย่อมไม่มีการดับสลายเหมือนปิศาจหรือมนุษย์ เท่าที่ข้าสัมผัสได้ในเวลานี้มีเพียงคลื่นพลังแผ่วเบาวนเวียนอยู่ในศาลเจ้าเท่านั้น เจ้าพอจะบอกได้ไหมว่าเกิดอะไรขึ้นกับนาง
ฮารุคาเสะมองมารเสือขาวด้วยความแปลกใจ
เจ้าพูดเหมือนรู้จักแม่ของข้าดี
ข้าคือเบียคโกะผู้ควบคุมเทพวายุทั้งปวง นางตอบอย่างเคร่งขรึมและขมวดคิ้วเมื่อเห็นอีกฝ่ายกำลังทำสีหน้าคล้ายไม่เชื่อถือมีภูตลมนามฟูจินอยู่สองสามคนที่ข้ารู้จัก หนึ่งในนั้นเป็นหญิงที่มีเรือนผมสีแดงเพลิงแสนงดงาม
เบียคโกะชูพัดในมือขึ้นและสะบัดให้พู่ไหมกวัดแกว่งอย่างจงใจ
ที่น่าแปลกใจก็คือเมื่อ 17 ปีก่อนนางได้หายสาบสูญไปอย่างไร้ร่องรอย บอกข้าหน่อยว่าเกิดอะไรขึ้นเพราะฟูจินมีพลังแข็งแกร่งชนิดที่แม้มนุษย์ทรงเวทที่สุดก็ไม่อาจต่อกร ดังนั้นต้องมีสาเหตุบางอย่างที่ทำให้นางต้องสลายหายไป
ไม่ได้สลาย แต่เป็นการมอบดวงจิต พลังและวิญญาณให้กับชีวิตใหม่ต่างหาก ชายหนุ่มตอบด้วยเสียงที่ไม่ดังนัก มือทั้งสองข้างที่เคยขัดขืนต่อสู้กับหางที่พันรัดรอบร่างผ่อนคลายลง ใบหน้าที่เคยนิ่งสงบฉายความเศร้าออกมาจางๆ มารเสือขาวมองท่าทางที่เปลี่ยนไปของชายหนุ่มพลางขมวดคิ้ว
ข้าไม่เข้าใจ
ฮารุคาเสะขบกรามพร้อมกับหลับตาลงคล้ายต้องการสงบจิตใจขณะหวนรำลึกถึงอดีต เมื่อลืมตาขึ้นเขาจึงเล่าเรื่องราวของตนด้วยสีหน้าและน้ำเสียงที่ฟังเหมือนพยายามสะกดให้ราบเรียบ
อย่างที่เจ้ารู้ ตระกูลฟูจิวาระของเรามีหน้าที่รับใช้ศาลเจ้าวายุ แต่แม้จะมีการประกอบพิธีกรรมอันศักดิ์สิทธิ์รวมถึงการร่ายรำเพื่อปลอบประโลมเทพฟูจินมายาวนานแต่ไม่มีผู้ใดเคยเห็นร่างที่แท้จริงของเทพที่สถิตย์อยู่ภายในศาล จนเมื่อ 20 ปีก่อนได้เกิดศึกระหว่างทาคุฮันกับคาสึรางิ โคะโตโระซึ่งเป็นเมืองที่อยู่ระหว่างกลางจึงถูกดึงเข้าไปเกี่ยวข้องด้วยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ท่านยาสึฮิระ โมโตคาระซึ่งเป็นเจ้าเมืองในเวลานั้นจึงเดินทางมาขอความช่วยเหลือที่ศาลเจ้าฟูจิน และในค่ำคืนนั้นเองก็บังเกิดพายุพัดโหมกระหน่ำอย่างรุนแรงทำลายกองทัพทั้งสองฝ่ายจนต้องถอยร่นกลับแคว้น เมืองโคะโตโระของเราจึงรอดพ้นจากความพินาศของสงคราม
แล้วเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับเจ้ายังไง
เบียคโกะถามแทรกขึ้นพลางคลายหางที่พันรอบตัวฮารุคาเสะออกปล่อยเขาให้เป็นอิสระ ชายหนุ่มรีบขยับเตรียมจะเรียกสายลมเพื่อโจมตีแต่เมื่อเห็นสีหน้าของนางที่กำลังฟังอย่างตั้งใจแล้วจึงล้มเลิกความคิดนั้นและวกกลับไปเล่าเรื่องราว
พ่อของข้าเห็นเทพฟูจินตอนที่กำลังสร้างพายุพอดี ในครั้งแรกท่านเองก็ตกใจจนแทบสิ้นสติด้วยความคาดไม่ถึงว่าเทพผู้ที่ตระกูลฟูจิวาระรับใช้มานานนั้นแท้จริงแล้วเป็นสตรี เมื่อตั้งสติได้ท่านจึงเฝ้ามองด้วยความรู้สึกชื่นชมเพราะนอกจากพลังทำลายที่น่าเกรงขามแล้วเทพวายุผู้นั้นยังเปี่ยมไปด้วยความงามอันชวนตะลึง แต่หลังจากปลดปล่อยพลังขับไล่กองทัพทาคุฮันและคาสึรางิไปจนหมดสิ้นแล้วเทพฟูจินก็ล้มลง พ่อของข้าจึงนำนางไปรักษาตัวที่บ้าน ระหว่างที่อยู่ในช่วงพักฟื้นทั้งสองก็บังเกิดความรักต่อกันจนข้าถือกำเนิดขึ้นมา
สีหน้าของฮารุคาเสะเต็มไปด้วยความเศร้าสร้อย
แม้จะเป็นรักแท้แต่ภูตกับมนุษย์นั้นไม่อาจอยู่ร่วมกันได้ การมีบุตรก็เหมือนเป็นการทำลายจิตวิญาณของภูตลม เพราะหากต้องการคงสภาพความเป็นเทพวายุก็ต้องละทิ้งทุกอย่างรวมทั้งชีวิตของทารกในครรถ์ แต่แม่ของข้ากลับทำสิ่งที่ตรงกันข้าม เพราะเมื่อข้าลืมตาดูโลกและได้ดื่มนมจากอกของมารดาครั้งแรก นางก็มอบพลังชีวิตและอำนาจการควบคุมสายลมให้ ท่านพ่อบอกว่านั่นเป็นครั้งสุดท้ายที่เห็นแม่ของข้าในร่างมนุษย์เพราะหลังจากนั้นนางก็สูญสลายหายไป เหลือไว้เพียงเส้นผมสีแดงเพลิงที่วางไว้ข้างเบาะกับจิตใจที่เปี่ยมไปด้วยความรักที่ยังคงหมุนวนอยู่รอบตัวข้าจนกระทั่งเติบใหญ่ ซึ่งข้าคิดว่าเจ้าคงสัมผัสความอบอุ่นนั้นได้จากศาลเจ้าวายุ
ฮารุคาเสะจบเรื่องของตนด้วยประโยคที่หันไปกล่าวกับเบียคโกะ นางเหยียดยิ้ม
ที่แท้สายลมที่โจมตีข้าในตอนนั้นก็คือพลังที่หลงเหลือของฟูจินนั่นเอง สิ่งที่แม่ของเจ้าทิ้งไว้ให้ไม่ได้มีแค่ความอบอุ่นเท่านั้น มันยังมีอำนาจในการขับไล่ผู้ที่คิดร้ายต่อเจ้าด้วยฮารุคาเสะ
น่าเสียดายที่พลังนั้นอ่อนเกินไป ชายหนุ่มพูดพลางมองอีกฝ่ายด้วยดวงตาวาว มารเสือขาวเปล่งเสียงหัวเราะออกมาดังลั่นราวกับสิ่งที่ได้ยินเมื่อครู่นั้นเป็นเรื่องขบขันเสียเหลือเกิน
ต่อให้ฟูจินมีพลังเต็มเปี่ยมก็ไม่มีวันแม้แต่จะสร้างรอยข่วนบนปลายหางของข้า นางคลี่พัดคู่ในมือและโบกไปมาในท่าร่ายรำพร้อมกับชายดวงตาซึ่งทอประกายวาววับไปทางฮารุคาเสะ รอยยิ้มสาสมใจผุดขึ้นบนเรียวปากเมื่อเห็นใบหน้างามกำลังบึ้งตึงด้วยความโกรธ
ลืมไปแล้วหรือว่าหางของเจ้าเคยถูกสายลมข้าบั่นจนขาดสะบั้น
เบียคโกะยุติการเล่นในทันทีและจ้องอีกฝ่ายแน่วนิ่ง แม้สีหน้าจะราบเรียบปราศจากอารมณ์แต่ฮารุคาเสะกลับมองเห็นความขุ่นเคืองกำลังเต้นระริกอยู่ภายในดวงตา ขณะที่กำลังคิดว่ามารเสือขาวจะใช้วิธีใดจัดการกับตนอยู่นั้นจู่ๆพัดคู่ก็ถูกโยนกลับมา ชายหนุ่มรีบรับมาถือไว้อย่างว่องไวและมองมารร้ายอย่างงุนงง ช่วงจังหวะที่ยังไม่ทันได้ตั้งตัวนั่นเองเขาก็ถูกหางเส้นหนึ่งเลื่อนมาพันรอบคอ ฮารุคาเสะสะบัดพัดในมือตัดมันทันทีแต่ยังไม่ทันได้ทำสิ่งใดนอกเหนือไปจากนั้นแขนทั้งสองข้างก็ถูกหางอีกสองเส้นรัดเอาไว้และถูกกระชากอย่างแรงจนหงายหลังลงไปนอนกับพื้น
ทำได้แค่นี้คิดว่าเก่งแล้วหรือ เบียคโกะพูดเสียงเย็นพลางยื่นหางที่ถูกตัดขาดไปตรงหน้านักนาฏกรรมหนุ่ม เขาขบกรามแน่นเมื่อเห็นมันเริ่มงอกขึ้นมาใหม่อีกครั้งจนสมบูรณ์ดังเดิม มารเสือขาวย่อตัวลงนั่งข้างตัวเขาและก้มลงไปจนเกือบจะชิดใบหน้าพร้อมกับกล่าว
ข้าคือเบียคโกะ หนึ่งในจตุรเทพรักษาทิศ ขอเตือนด้วยความหวังดีว่าอย่าได้ผยองนักเพราะต่อให้ผู้มีพลังเข้มแข็งอย่างเจ้าอีกร้อยคนก็ไม่มีทางทำอะไรเจ้าแห่งวายุผู้ดำรงมานานนับพันปีอย่างข้าได้
นางยืนขึ้นโดยยังคงมองฮารุคาเสะด้วยดวงตาที่ทำให้เขาต้องไหวเยือกไปทั้งตัว
พบกันครั้งหน้าข้าจะไม่รามือให้เจ้าอีก ลาก่อนฟูจิวาระ ฮารุคาเสะ
หางที่รัดแขนทั้งสองข้างค่อยๆเลือนลางและจางหายไปพร้อมกับร่างของมารเสือขาว ชายหนุ่มรีบลุกยืนขึ้นทันทีที่เป็นอิสระเมื่อพบว่าศัตรูตัวร้ายจากไปแล้วเขาจึงทำได้แต่เพียงกำพัดในมือแน่นพร้อมกับพูดด้วยความแค้นใจ
ข้าไม่มีวันยอมแพ้เจ้าเช่นเดียวกัน เบียคโกะ
*/*/*/*/*
ในที่สุดฮารุคาเสะก็ยอมเปิดเผยชาติกำเนิดให้มารเสือขาวฟัง เพราะมีสายเลือดของภูตทำให้เขามีพลังปราบมาร
แบบนี้ยาสึฮิระจะยอมรับเขาเป็นลูกเขยมั้ยเนี่ย
มาคุยกันค่า ^^
ยินดีกับความทรงจำในผืนทราย^^.. คิดๆดูก็จริง นักนาฏกรรมผู้ชาย มีมาตั้งนานแล้ว คุณมูนนี่นอกจากจะเขียนนิยายเก่ง ยังวาดภาพเท่มากครับ จากคุณ : Psycho man - ขอบคุณมากค่ะ ^^ แบบนี้มีกำลังใจเขียนขึ้นร้อยเท่าเลย
ขอขอบคุณผู้อ่านทุกท่านที่ติดตามงานของมูนนี่นะคะ วันนี้ปิดท้ายกันด้วยภาพภูตลมฟูจินกับฮารุจังวัยเด็ก
จากคุณ |
:
Moony_Lupin
|
เขียนเมื่อ |
:
3 ก.ค. 55 10:47:26
|
|
|
|