7
นีรนารถตะลึง ความรู้สึกที่ใครเคยบอกว่าเวลาเจอคนที่ตัวเองตามหามานานเสมือนโลกหยุดหมุน ทุกสิ่งรอบข้างหยุดการเคลื่อนไหว หัวใจจะจับได้แต่สัมผัสของคน ๆ นั้น สายตาจะเห็นแต่ใบหน้าของคน ๆ นั้น ตอนนี้เธอเข้าข่ายทุกกรณี
เมื่ออีกฝ่ายไม่ทำหน้างง ชื่อเธอถูกเรียกออกจากปากก็ช่วยยืนยันได้ว่านี่ไม่ใช่ความฝัน แต่ถ้าเธอจะฝันอยู่ก็อย่าให้ใครปลุกเลย
“นารถรู้จักพี่วิชด้วยเหรอ”
เสียงพีชกระชากสู่ความจริง นีรนารถเกือบจะโกรธ แต่ภาพของปัญวิชช์ยังอยู่ เธอได้แต่ยิ้ม
“นารถ...”
“เอ่อ...เคยเจอกัน...”
“พอดีพี่เคยเจอน้องนารถที่ฝรั่งเศสน่ะครับ งานเลี้ยงของนักเรียนไทย เกือบสองปีแล้ว บังเอิญจังเลยนะ ไม่คิดว่าจะได้เจอกันอีก” ชายหนุ่มพูดยิ้ม ๆ จรดปากกาบนกระดาษ ตวัดลายเซ็นต์แล้วส่งให้พีช
“นารถ...มากับเพื่อนค่ะ”
เธอมองพีช ปัญวิชช์พยักหน้ารับรู้ หัวใจหญิงสาวเต้นระรัว ได้แต่จับกระเป๋าสะพายเสมือนว่ามันเป็นสิ่งยึดเหนี่ยวเดียวที่มืเพราะเกรงว่าตัวเองจะลอยขึ้นฟ้าไปด้วยความดีใจและตื่นเต้น
“เจ๋งไปเลยนารถ วันก่อนก็วงอะราวลี่ คราวนี้พี่วิช โชคดีจังที่พีชเป็นเพื่อนนารถ”
พีชออกอาการอย่างเห็นได้ชัด นีรนารถเห็นใบหน้าเพื่อนบานแฉ่งก็อดค้อนให้ไม่ได้ แต่ก่อนที่จะดื่มด่ำความสุขจนล้น พีชเห็นอาการบรรดาแฟนคลับที่มาต่อแถวเริ่มชะเง้อด้วยความสงสัย ต้องกระซิบบอกด้วยความเสียดาย
“ต้องออกแล้ว คนอื่นรอ...”
“น้องนารถ” ปัญวิชช์เรียกชื่อหญิงสาว หยิบหนังสือบนโต๊ะทำทีจะเซ็นชื่อให้ นีรนารถยังงง พีชต้องรุนหลังให้เพื่อนเดินเข้าไปหา
“มีธุระที่ไหนหรือเปล่าครับ” เขาถามขณะยื่นหนังสือให้ นีรนารถส่ายหน้า “งั้นเดี๋ยวถ้างานเลิกแล้วเราไปหากาแฟดื่มกัน ชวนเพื่อนไปด้วย ดีไหม จะได้คุยกันสะดวก น่าจะสัก...” เขาดูนาฬิกา “ไม่น่าเกินชั่วโมง”
นีรนารถพยักหน้าทั้งที่รู้สึกเหมือนยังไม่ตื่น แล้วพีชก็ดึงออกมา
จากเดิมที่มาร่วมงานแบบตัวแถม และไม่ยินดียินร้าย ตอนนี้นีรนารถกลายมาเป็นคนที่ถือโทรศัพท์และบันทึกภาพปัญวิชช์แทนพีชไปแล้ว หญิงสาวยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ตอนดูรูปในเครื่องมือสื่อสาร ไม่สนใจว่าเวลาจะเนิ่นนานเพียงใด คนที่มาขอลายเซ็นจะเยอะหรือไม่ ณ ตอนนี้ขอแค่เธอได้มองชายตรงหน้าให้เต็มสายตาก็ไม่ต้องสนใจอะไรอีกแล้ว
“เมื่อกี้ยังทำหน้าบูดอยู่เลยนะ”
พีชกระซิบแซว นีรนารถค้อนควัก เพื่อนรักหัวเราะคิกคักชอบใจ
หลังจากผ่านไปราวสี่สิบนาที ที่ร้านกาแฟ นีรนารถกับพีชก็มานั่งอยู่กับปัญวิชช์ ชายคนเดียวแต่มีความหมายคนละแบบสำหรับหญิงสาวสองคน คนหนึ่งชื่นชมความสามารถ อีกคนเกิดความประทับใจแรกระหว่างหญิงชาย
“เพิ่งกลับมาเมื่อวานนี้เองครับ กลับมาก็มีงานเปิดตัวเลยยังไม่ได้บอกใคร”
เขาตอบข้อสงสัยของนีรนารถ ซึ่งเป็นคำถามเดียวนับตั้งแต่เปิดบทสนทนามา เนื่องจากการพูดคุยเกิดจากพีชเป็นส่วนใหญ่ ส่วนหนึ่งก็เพราะเธอไม่รู้จะหยิบยกหัวข้ออะไรนั่นเอง
พีชเอางานของตัวเองให้ปัญวิชช์ดู คุยเจื้อยแจ้วว่าลงในอินเตอร์เน็ต พอเขาชมก็เขิน
“เดี๋ยวนี้พื้นที่ให้เด็กรุ่นใหม่แสดงผลงานมีเยอะมากครับ เป็นโอกาสดีที่น่าสนับสนุน แถมสื่อก็มีผลสำคัญต่อการกระจายผลงานด้วย”
“แต่พีชว่า มันจะไม่ดีตรงที่ต้องคอยระวังเรื่องลอกงานกันน่ะสิคะ”
ชายหนุ่มส่ายหน้า “ไม่จริงเสมอไป ยิ่งมีการใช้สื่อในวงกว้างเท่าไหร่ อินเตอร์เน็ตกับโซเชียลเน็ตเวิร์คนี่แหล่ะจะเป็นตัวตรวจสอบชั้นดี โลกมันแคบครับ เดี๋ยวนี้แค่เอารูปโพสก็เจอแล้วว่ามีใครเอาไปใช้บ้าง อันนี้เราเองก็ต้องป้องกันผลงานตัวเองด้วยนะ พวกลงลายน้ำ หรือไม่ก็ใช้ระบบที่มันตรวจสอบได้ว่ามีการโพสครั้งแรกเมื่อไหร่”
พีชพยักหน้า สีหน้าทึ่งและศรัทธาเต็มเปี่ยมจนนีรนารถอิจฉาที่ไม่สามารถพูดคุยเป็นธรรมชาติเช่นนั้นได้ แต่...สักวัน เมื่อนี่เป็นแค่การเริ่มต้น เธอจะไม่ปล่อยให้จบลงโดยไม่ได้สานต่ออะไรเหมือนครั้งก่อนแน่
พีชดูนาฬิกาแล้วตาโต ผ่านไปเกือบสองชั่วโมงโดยไม่รู้ตัว เธอหันมามองขอความเห็นกับเพื่อน นีรนารถขยับตัว แววตาเสียดาย
“อืม...แค่นี้ก่อนแล้วกันเนอะ กวนพี่วิชมากแล้ว พอแล้วเนอะนารถ”
“พีชนั่นแหล่ะ คุยอยู่คนเดียวยังจะมาถามนารถอีก”
“พีชหมายถึงว่า นารถน่ะมองพี่วิชพอแล้วหรือยังต่างหาก”
“พีช!” นีรนารถหน้าแดง ชายหนุ่มคนเดียวหัวเราะ ไม่แปลกใจอะไรกับปฏิกิริยาของวัยรุ่นสมัยนี้
พอเรียกพนักงานมาเก็บเงินเสร็จ ทั้งหมดก็ลุกขึ้น พีชขออนุญาตว่าจะแอดปัญวิชช์เป็นเพื่อนในเฟชบุ๊ค เขายินดี นีรนารถทำท่าเหมือนตัดสินใจ
“น้องนารถด้วยก็ได้นะครับ”
“คะ” ถูกเรียกชื่อกะทันหันจึงไม่ทันฟัง
“หมายถึงว่าจะแอดพี่เหมือนกับน้องพีช หรือจะให้พี่แอดไปเองก็ได้นะ ถ้ายังไงบอกว่าเป็นน้องนารถหน่อยก็ดี เอารูปที่ไม่ต้องแต่งมากนะ เดี๋ยวจำไม่ได้”
พีชหัวเราะก๊าก แต่คนถูกแซวค้อนจนตาแทบหลุด ไม่รู้ว่าจะโกรธใครระหว่างชายหนุ่มที่ถูกใจกับเพื่อนรักที่ทำท่าระรื่นออกนอกหน้า
แต่ก็ดีเหมือนกัน เขาเป็นฝ่ายไม่ต้องทำให้เธอลำบากใจที่จะเลือกวิธีไหนมาสานสัมพันธ์ โลกอินเตอร์เน็ตช่วยกรองความเขินอายได้ระดับหนึ่ง ดีกว่าการขอเบอร์โทรศัพท์โต้ง ๆ อย่างไม่มีเหตุผล
“ถ้างั้น ก็แยกกันตรงนี้นะครับ”
นีรนารถมองเขา “เรา...จะมีโอกาสได้เจอกันอีกไหมคะ”
ปัญวิชช์สบตากลับ “ต้องมีแน่นอนครับ”
ไม่ว่าจะเป็นอากาศร้อนของเมืองไทย ความขุ่นใจที่ไม่ได้รถ ความชิงชังนภัสรินทร์ ไม่อยู่ในสมองนีรนารถอีกต่อไป ณ ตอนนี้รอบตัวหญิงสาวมีแต่สีชมพู
วันทำงานที่สามของสัปดาห์
นภัสรินทร์เดินจากลานจอดรถมาที่ร้านกาแฟด้านหน้าสำนักงาน เธอพลักบานประตู ไอเย็นจากเครื่องปรับอากาศกระทบร่าง และภาพของชายที่นั่งอยู่แล้วอีกคน เขาเงยหน้าจากโทรศัพท์ ยกคิ้ว
“อ้าว”
“พี่เอก มาทำอะไรคะเนี่ย”
เอกสิทธิ์ลุกยืนเชิงทักทาย สีหน้ายิ้มแย้มยินดี นภัสรินทร์หันไปสั่งกาแฟแล้วเคลื่อนกายมานั่งเก้าอี้ที่ว่างอยู่ “พอดีว่านัดคุณเสถียรไว้เดี๋ยวจะไปคุยงานกันต่อน่ะ เห็นบอกว่ากำลังจะสั่งของล็อตใหญ่ ดีใจด้วยนะ ฉลองได้เลยไหม”
นภัสรินทร์ค้อนเล็กน้อย “ข่าวไวจังนะคะ”
ชายหนุ่มโคลงศีรษะ “มันก็ไม่ใช่ความลับอะไรนี่นา”
เธอยิ้ม รับกาแฟจากพนักงาน เอกสิทธิ์รู้ว่านภัสรินทร์มักจะมาซื้อกาแฟกับขนมปังที่นี่เป็นประจำก่อนเข้างานเพราะร้านอยู่ริมถนนติดพื้นที่ของบริษัท เขาจึงเลือกนัดกับผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อของบริษัทกุลโยธาที่นี่เพื่อหวังจะได้เจอ และไม่ผิดหวัง
“ก็จริงค่ะ ไหน ๆ รู้แล้วรินขอราคาพิเศษเลยก็แล้วกันนะคะ”
“น้องรินต่างหากต้องช่วยพี่ ได้งานใหญ่ขนาดนี้ แถมเป็นของราชการด้วย แบบนี้กุลโยธาติดลมบนแน่” น้ำเสียงที่ชมจริงใจ ชายหนุ่มสบตาเธอ “ดีใจด้วยนะ คนเก่ง...แถมสวย”
นภัสรินทร์ส่ายหน้า “มุกนี้เบื่อแล้วค่ะ”
อีกฝ่ายยิ้ม “รินเบื่อจะฟังแล้วเหรอ พี่น่ะคิดอยู่ตลอดเลยนะว่าผู้หญิงที่ทั้งสวยและเก่งอย่างรินเนี่ย ประสบความสำเร็จแล้วทุกอย่าง มีอะไรที่อยากได้อีก พี่จะได้หามาให้ จะได้เปลี่ยนจากคู่ค้าเป็นคู่อย่างอื่นได้ซะที”
“รินเข้าใจว่าพี่เอกไม่ได้เป็นเลขคี่เลยนี่คะ”
คราวนี้ชายหนุ่มห่อปาก “น้องรินบลั๊ฟพี่อีกแล้ว”
“ก็มันไม่ใช่ความลับนี่คะ”
เอกสิทธิ์หัวเราะชอบใจ รื่นรมย์ทุกครั้งที่ได้คุยกับผู้หญิงคนนี้ เขาไม่ปฏิเสธว่าตนเองเปลี่ยนคู่ควงไปเรื่อยตามประสาหนุ่มโสด จนป่านนี้ยังไม่ได้แต่งงานลงหลักปักฐาน ส่วนหนึ่งเป็นเพราะคนตรงหน้า ไม่มีใครมีเสน่ห์จับใจเท่าเธอ
นับตั้งแต่ที่ปรเมศคู่หมั้นตายไปเมื่อสามปีก่อน เขาคิดว่านภัสรินทร์จะปิดตัวตนเศร้าสร้อย แต่ภาพที่เห็นเธอกลับยิ่งจรัสแสง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องงานที่ยกระดับบริษัทรับเหมาขนาดกลางของพ่อเลี้ยงให้กลายมาเป็นบริษัทมหาชนได้ และเมื่อสถานะกลับมาไร้พันธะ ยิ่งเพิ่มเสน่ห์ให้เป็นที่หมายปอง ผู้ชายหลายคนดีใจที่ได้เธอเป็นคู่เดท แต่เขารู้ว่าเธอก็หมายปองสิ่งแลกเปลี่ยนจากพวกเขาเช่นกัน มันน่าแปลกใจ ยิ่งรู้ความคิดผู้หญิงคนนี้มากเท่าไหร่ยิ่งหลงใหลอยากได้ แต่เอกสิทธิ์ก็รู้อีกว่าการเอาชนะใจเธอไม่ใช่แค่การเดินหน้าจีบหรือทุ่มของกำนัล การทำให้นภัสรินทร์รู้สึกสำคัญและได้รับการยอมรับเหนือใครมากกว่าที่เธอต้องการ
“คุณเอก อ้าว คุณริน”
ชายวัยปลายสามสิบคนหนึ่งเข้ามาในร้าน แม้น้ำเสียงจะแปลกใจ แต่ไม่มีข้อสงสัยบนสีหน้า เพราะเป็นเรื่องธรรมดาที่จะเห็นฝ่ายการตลาดของสองบริษัทคู่ค้าอยู่ด้วยกัน
เอกสิทธิ์เป็นฝ่ายกล่าวตัดบทเมื่อคนที่นัดหมายมาแล้ว “งั้นเดี๋ยวพี่ไปก่อนนะ”
“กล่อมให้อยู่นะคะคุณเสถียร” นภัสรินทร์ไม่ได้ตอบรับประโยคนั้น แต่หันไปพูดกับคนบริษัทเดียวกันแทน เธอไม่จำเป็นต้องรู้แน่ชัดว่าหัวข้อการพูดคุยครั้งนี้คืออะไร เพียงแค่การโยนหินไปตามทางที่พอจะมีเท่านั้น ฟังเหมือนหยอกย้อ แต่เสถียรกลับตอบประโยคนั้น
“คุณริน ผมกดดันนะครับเนี่ย”
“ไม่ต้องกลัวครับคุณเสถียร คุณรินยังไม่เอาจริง ถ้าคุณรินอยากได้พิเศษจริง ๆ รินคงมาคุยกับผมเองแล้วล่ะครับ”
เอกสิทธิ์ยิ้มกว้าง ตาพราวระยับตอนที่พูดและส่งสายตาไปทางนภัสรินทร์ หญิงสาวกระตุกมุมปาก
“ดักคอผู้หญิง รินหักคะแนน” เธอบอก แล้วก้าวออกจากร้านไปด้วยท่าทางเชิด ๆ
เสถียรจุดยิ้มนิด ๆ แล้วหันกลับมามองชายอีกคน
“งั้นเราไปกันเลยไหมครับ”
เอกสิทธิ์พยักหน้า แล้วเดินออกไปบ้าง แต่เขายังมองตามทิศทางของนภัสรินทร์ไปด้วยแววตาหมายมาด ถึงตอนนี้จะยังเป็นแค่คนรู้จักที่สนิทพอจะหยอกเหย้าได้ก็ตาม แต่สักวันต้องมีโอกาสให้เขาได้เธอมาครอบครองจนได้
เขาจะรอวันนั้น
.....
จากคุณ |
:
อุธิยา (BabyRed)
|
เขียนเมื่อ |
:
4 ก.ค. 55 12:04:11
|
|
|
|