บทที่ 13 รอยร้าว
หลังจากที่ได้พบกันครานั้น นางนาคสีรุ้งก็ได้พบกับกนกนาคราชอีกหลายครั้งหลายครา ทั้งสองสนิทสนมกันตามลำดับ ก่อเกิดเป็นความสัมพันธ์อันลึกซึ้งเสน่หา จนเมื่อกนกนาคราชตัดสินใจรับนาคสาวสีรุ้งเป็นชายา ทั้งสองจึงกลายเป็นนาคาคู่ผัวตัวเมียนับแต่นั้นมา...
ปัทมลดาจ้องมองตัวเองในกระจกเงา ภายในห้องนอนที่ประดับด้วยอัญมณีมีค่ามากมาย มือเรียวสวยจัดแต่งปอยผมที่หล่นลงมาปรกหน้าให้เข้าที่ เมื่อเรียบร้อยแล้วจึงหยัดกายขึ้น ก่อนเดินออกจากห้องไปพบผู้เป็นสามี
“ท่านพี่...วันนี้น้องอยากว่ายน้ำออกไปเที่ยวเล่นสักวัน อยู่อุดอู้ในนี้มาร่วมเดือนแล้ว ท่านพี่คิดเห็นเช่นไรเจ้าคะ”
ดวงหน้าขาวสอางค์ผายยิ้ม จ้องมองรูปหน้าคมคายตรงหน้าอย่างใจจดใจจ่อ ขณะที่กนกนาคราชหรี่ตาครุ่นคิดด้วยสีหน้าไม่สู้สบายใจนัก
“ให้บ่าวติดตามไปด้วยจะดีไหม พี่เป็นห่วงเจ้านะปัทมลดา”
“ท่านพี่หาต้องเป็นห่วงน้องไม่ บริเวณแถบนี้น้องก็คุ้นเคยดี น้องก็แค่อยากจะไปหาสหายรักก็เท่านั้น...”
“สหายรัก...ใครกัน พี่รู้จักหรือไม่...” ดวงตาของพญานาคหนุ่มเบิกกว้างด้วยความอยากรู้ ก่อนที่อีกฝ่ายจะคลายยิ้มอ่อนโยน ปัทมลดานึกไปถึงพิมพ์วารี นาคสีเขียวผู้เป็นเพื่อนรัก ที่พาเธอท่องเที่ยวเมืองมนุษย์
“นางเป็นเอราปถ อาศัยอยู่ทางใต้เจ้าคะ น้องจะรีบไปและรีบกลับ ท่านพี่ไม่ต้องห่วงนะเจ้าคะ” ไม่ทันที่กนกนาคราชจะตอบรับร่างระหงก็รีบวิ่งดุ่มๆ ออกจากห้องไปเสียก่อน ฝ่ายนาคหนุ่มแม้ร้องเรียกตามแต่ก็ไม่ทันเสียแล้ว...
ปัทมลดานำของกำนัลมีค่ามากมาย ทั้งสร้อยและแหวนมามอบให้กับพิมพ์วารี เพื่อตอบแทนในน้ำใจที่เคยมีต่อกัน ขณะที่อีกคนก็รับมาด้วยความเกรงใจและซาบซึ้งในน้ำใจของอีกฝ่ายเป็นหนักหนา
“อันที่จริง...ข้าควรจะนำของเหล่านี้ไปมอบให้แม่นางเสียมากกว่า แม่นางแต่งงานแต่ข้ากลับไม่ได้ไปแสดงความยินดีด้วย” พอเห็นอีกฝ่ายตำหนิตัวเองด้วยสีหน้าไม่สู้ดี ปัทมลดาจึงเอื้อมมือไปบีบมือพิมพ์วารีเบาๆ
“โถ่...ทำไมแม่นางถึงได้คิดเช่นนั้น ข้าทราบจากคนของข้าแล้ว ว่าบิดาของแม่นางนั้นป่วยหนัก ข้าเข้าใจว่าแม่นางจำต้องดูแลบิดาที่ป่วย อย่าได้คิดกังวลไปเลยนะ”
“แต่ว่า... ของกำนัลเหล่านี้มันมีค่ามากมายเสียเหลือเกิน...”
“ของกำนัลเหล่านี้ ยังดูเล็กน้อยไปเสียด้วยซ้ำ ตลอดเวลาที่ผ่านมาแม่นางเป็นมิตรที่ดีต่อข้า จนวันนี้ข้าได้พบและสามีที่ดี นานๆ ทีจะได้มาหาแม่นางถึงที่นี่ ถือเสียว่าเป็นน้ำใจเล็กๆ น้อยๆ แล้วกันนะจ้ะ” ปัทมลดาคลี่ยิ้มกว้าง น้ำใจและความหวังดีครั้งนี้ มากล้นด้วยความจริงใจ สุดที่พิมพ์วารีจะทัดทานได้
“ขอบน้ำใจแม่นางมากนะจ้ะ แม่นางก็คือเพื่อนที่ดีที่สุดของข้าเช่นเดียวกัน ขอให้แม่รักษาเนื้อ รักษาตัว เพราะต่อแต่นี้ไปไม่รู้ว่าเราทั้งสองนั้นจะได้พบกันอีกรึเปล่า...” ดวงหน้าคมคายก้มต่ำลง แววตาเขียวลึกล้ำคู่นั้นเต็มไปด้วยความสลดหดหู่ในชะตาชีวิตของตน
“ทำไมถึงพูดเช่นนั้น แม่นางมีเรื่องอะไรรึเปล่า หรือแม่นางจะเดินทางไปที่ใดกันหรือ?” ปัทมลดาร้องถามขณะที่พิมพ์วารีได้แต่เงยหน้ายิ้มสู้ เก็บงำความขมขื่นไว้ในใจ
“บิดาข้าเคยติดหนี้ชีวิตของพญานาคผู้มีศักดิ์ตนหนึ่งไว้ ข้าจำต้องเดินทางไปเป็นนางรับใช้ของนาคาตนนั้น เพื่อตอบแทนบุญคุณ...”
“ตายจริง... แล้วนี่แม่นางจะไปเมื่อใด พญานาคตนนั้นชื่ออะไร เผื่อว่าท่านพี่กนกนาคราชสามีข้าจะรู้จัก...” หัวใจดวงน้อยของพิมพ์วารีหล่นฮวบเมื่อได้ยินชื่อที่อีกฝ่ายเอ่ยออกมาจากปาก ดวงตากลมโตจึงจ้องมองปัทมลดาจริงจัง
“เมื่อครู่นี้แม่นางว่ากระไรนะ สามีของแม่นางนั้นชื่ออะไรจ้ะ...” อีกฝ่ายได้แต่ย่นคิ้วเมื่อได้ยินคำถามนั้น
“ท่านพี่ข้าน่ะเหรอแม่พิม ท่านพี่ข้า ก็คือ กนกนาคราช จ้ะ หากว่าท่านพี่รู้จักพญานาคผู้มีศักดิ์ตนนั้น เราก็อาจจะพอมีหนทางที่แม่นางจะได้ไม่ต้องไปรับใช้นาคาตนนั้นก็เป็นได้... ว่าแต่ พญานาคผู้นั้นชื่ออะไรหรือจ้ะ”
หูของพิมพ์วารีไม่ได้ยินเสียงอะไรอีกต่อไปแล้ว เธอรู้สึกราวกับว่าทั้งร่างถูกเหวี่ยงออกไปไกลแสนไกล ก่อนร้อนรนดุจมีใครเอาไฟมาเผา และเย็นวาบไปทั่วร่างเมื่อนึกถึงอนาคตที่กำลังจะมาถึงในอีกไม่ช้านี้แล้ว...
นาคสาวเป็นลมล้มพับไปด้วยความตกใจ เมื่อฟื้นตื่นขึ้นมาก็รีบเดินทางไปส่งปัทมลดายังริมฝั่งแม่น้ำใหญ่ ก่อนตรงมาหาผู้เป็นบิดาที่ยังคงรักษาตัวอยู่ภายในถ้ำอันมืดมิด
“ท่านพ่อ...ข้าไปเป็นนางบาทบริจาริกาของกนกนาคราชไม่ได้ ยังไงข้าก็ไปไม่ได้” พิมพ์วารีร้องบอกทั้งน้ำตา ร่างที่แก่ชราค่อยๆ หยัดกายลุกนั่ง ดวงตาสีเขียวหม่นแสงจ้องมองลูกสาวด้วยความสับสน
“นี่เจ้ามาโวยวายในนี้ทำไมกันพิมพ์วารี รู้อยู่ว่าพ่อกำลังรักษาตัว นี่เจ้ายังจะค้านพ่อเรื่องนี้อีกหรือ”
“แต่ข้ามีเหตุผลนะท่านพ่อ ไม่ว่ายังไงข้าก็ไม่ไปหานกนาคราชเด็ดขาด” คำพูดของเด็ดขาดของลูกสาวทำให้นาคสูงวัยในร่างมนุษย์ต้องหยัดกายลุกขึ้น อาการเจ็บหัวใจทำให้ต้องเอามือยกไปจับหน้าอกซ้ายด้วยความเจ็บปวด
“เจ้าอยากเห็นข้าตายต่อหน้าหรืออย่างไรพิมพ์วารี ทำไมถึงได้เป็นคนดื้อรั้นเช่นนี้” นาคสูงวัยรำพันทั้งน้ำตา ก่อนที่ร่างจะเซถลาล้มลงต่อหน้าผู้เป็นลูกสาว
พิมพ์วารีปราดเข้าไปหาบิดาด้วยความตกใจ ประคองร่างนั้นไว้ในอ้อมกอดก่อนร้องไห้ด้วยความใจเสีย
“พ่อท่าน... ข้าขอโทษ ข้าจะยอมทำตามที่ท่านพ่อต้องการทุกอย่าง พิมพ์จะยอมไปหากนกนาคราช ไปรับใช้เขา ยอมเป็นนางบาทบริจาริกาของเขาตามที่ท่านพ่อต้องการ...”
“นี่เป็นภาพภายในรีสอร์ทของคุณปลายฟ้า เดี๋ยวพรุ่งนี้ฉันจะพาเธอไปที่รีสอร์ทอีกที” พงศกรเปิดไฟล์ภาพภายในรีสอร์ทที่เพิ่งไปดูสถานที่มาหมาดๆ หลังจากที่พิมพ์วารีเดินทางมาหาตนที่บึงกาฬ
หญิงสาวทรุดลงนั่งเคียงข้างเพื่อนหนุ่ม ก่อนตั้งใจดูภาพตรงหน้าทีละภาพ ส่วนพิศลย์ก็กำลังยกของว่าง เป็นข้าวเหนียวมะม่วงมาเสิร์ฟ
“คุณพิศลย์บอกว่า...พรุ่งนี้คุณธันย์ก็จะกลับกรุงเทพฯ แล้ว...” พงศกรพูดขึ้นลอยๆ คนที่กำลังมีสมาธิค่อยๆ เงยหน้าขึ้นจ้องหน้าเพื่อนหนุ่ม
พิมพ์วารีนิ่วหน้า เมื่อนึกถึงภาพขณะที่ปลายฟ้าและธันย์อยู่ใกล้ชิดกัน เธอสู้อุตส่าห์ตัดใจไม่อยู่บ้าน เดินทางมาทำงานเพื่อไม่นึกถึงเรื่องนี้ให้วุ่นวายหัวใจ หากแต่ไม่ว่าจะพยายามสักเท่าไหร่ แต่เธอก็มิอาจลืมภาพของเขาได้ลง...
“แล้วคุณปลายฟ้า เขามีคนคอยประสานกับเรารึเปล่า...” พิมพ์วารีวกกลับมาเรื่องงาน เบิกตามองพงศกรด้วยสีหน้าเป็นจริงเป็นจัง
“ก็...มีคนคอยประสานและดูแลการตกแต่งภายในแทนคุณปลายฟ้า วันนี้เขาก็แจ้งฉันแล้วหละว่าอยากได้อะไรบ้าง จะเหลือก็แต่รอปรึกษาเธอเท่านั้น”
“ฉันว่า...ภาพผนังตรงห้องโถง น่าจะเป็นลายไทยนะ เธอเอาลายให้เขาดูรึยัง?” พิมพ์วารีเลิกคิ้วสูงรอคำตอบ
“ก็เป็นลายภาพป่าหิมพานต์ แล้วก็ลายพญานาคตามที่คุณปลายฟ้าเธอต้องการนะ เธออยากจะเสนอลายไหนเหรอ?”
“ครุฑ...กินรี แล้วก็สัตว์ชนิดอื่นๆ ในป่าหิมพานต์ จะให้มีแค่นาคอย่างเดียวฉันว่าอาจจะไม่เด่น”
“งั้นก็ลองเสนอดู ถ้าทางนั้นชอบฉันจะยกเรื่องนี้ให้เธอจัดการ” พิมพ์วารีผายยิ้ม ภายในดวงตากลมโตคู่นี้ อัดแน่นไปด้วยความเจ็บแค้นขุ่นเคือง สิ่งที่มุ่งหมายนั้นคือทำให้ปลายฟ้าเจ็บปวดและว้าวุ่นใจอย่างที่เธอเป็น หากแต่ว่า... พิมพ์วารีกลับรู้สึกกังวลใจแปลกๆ คล้ายมีอีกเสียงหนึ่งในหัวใจ คัดค้านในสิ่งที่เธอกำลังจะกระทำลงไปนี้...
จากคุณ |
:
ผีเสื้อสีดำ
|
เขียนเมื่อ |
:
4 ก.ค. 55 13:39:58
|
|
|
|