Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
บ่วงสาง บทที่ 5 ติดต่อทีมงาน

เหตุการณ์น้ำดื่มเจ้าปัญหาหมดไปก็ใกล้เวลาพักรับประทานอาหารซึ่งล่วงเลยมาจนเกือบบ่าย ฮันเตอร์ขอตัวไปอาบน้ำทันทีเนื่องจากทนเหนียวตัวเพราะอากาศร้อนไม่ไหว ในขณะที่อรุณรุ่งมาประจำการอยู่ในห้องอาหารเพื่ออำนวยความสะดวกให้กับกองถ่าย เพราะชุดกระโปรงสีขาวที่สวมเปื้อนดินไปแล้ว สางสาวจึงเปลี่ยนมาเป็นสวมเสื้อยืดสีดำกับกางเกงยีนส์แล้วทับด้วยผ้ากันเปื้อนสีขาวอีกชั้นแทน

พนักงานของรีสอร์ตบอกให้เธอประจำในจุดอาหารผัด ซึ่งเป็นเส้นหมี่เหลืองผัดผักปวยเล้งกับลูกชิ้นกุ้ง เนื่องจากลูกชิ้นกุ้งเจ้าอร่อยนี้หายากและเป็นของสั่งทำพิเศษ จึงต้องจำกัดจำนวนในการตักเพื่อให้ลูกค้าได้รับประทานครบทุกคน แต่ปรากฏว่าไม่มีใครเดินมาขอผัดหมี่เหลืองกับลูกชิ้นกุ้งจากเธอเลยแม้แต่คนเดียว

สางสาวได้แต่ยืนมองคนของกองถ่ายคนแล้วคนเล่าเดินไปตักอาหารจากโต๊ะอื่น แถมลูกค้าที่ไม่เกี่ยวข้องกับกองนิตยสารสองสามโต๊ะก็พากันไม่มาด้วย และถ้ามีเด็กเล็กๆ สองสามรายจากโต๊ะลูกค้านอกเหล่านั้นเดินมาขอผัดหมี่กับลูกชิ้นกุ้ง พ่อแม่ของเด็กก็จะฉวยจังหวะที่เธอกำลังตักหมี่มาดึงตัวลูกๆ ของพวกตนไป

อรุณรุ่งยืนคอตกมองเส้นหมี่ในจานที่เป็นหมันอยู่เกือบสามสิบห้านาที ใครบางคนก็เคาะจานเปล่ากับโต๊ะอาหารเบาๆ

“เฮ้ ขอหมี่ผัด เอาลูกชิ้นกุ้งมากๆ”

เมื่อเงยหน้ามอง สางสาวก็เห็นผู้ชายผมสีชมพูที่เปลี่ยนชุดจากกระโปรงสำหรับการถ่ายแบบมาเป็นเสื้อสีแดงกางเกงหนังสีดำ เขายืนเท้าสะเอวด้วยมือข้างหนึ่ง ส่วนมืออีกข้างจับจานเปล่าเอาไว้ ดวงตาที่ยังไม่ได้ล้างเครื่องสำอางออกจ้องเธอเขม็งเหมือนจะหาเรื่อง

“ลูกชิ้นกุ้งให้จำนวนจำกัดค่ะ” สางสาวตอบเสียงเบาพลางชำเลืองไปยังโต๊ะที่มีเด็ก ราวกับกลัวว่าพวกเขาจะได้ยิน

“จะหวงของไปทำไม ฉันไม่เห็นมีใครมากินเลยสักคน”

ประโยคนั้นกระแทกใจอรุณรุ่งอย่างแรง คอที่ตกอยู่แล้วยิ่งตกมากขึ้น แต่ท่าทางหดหู่มืดมนไม่ทำให้ฮันเตอร์เห็นใจ

“ในเมื่อไม่มีใครกินฉันก็จะกินให้เองไง รีบตักมาเร็วสิ” แล้วชายหนุ่มก็หรี่ตาลงเล็กน้อย “หรือที่ห้ามอยู่นี่ก็เพราะเธอจะเก็บไว้กินเองใช่ไหม”

“ฉันทานกุ้งไม่ได้ค่ะ” สางสาวงึมงำตอบ ขณะตักหมี่ผัดให้นายแบบหนุ่ม

“ทานไม่ได้ก็ตักมาสิ ฉันจะได้กินมันแทนเธอไงเล่า เร็วเข้า ฉันหิว”

แม้ของจะเหลือแต่อรุณรุ่งก็ไม่ยอมเพิ่มลูกชิ้นกุ้งให้ตามคำสั่ง ฮันเตอร์จึงฉวยโถลูกชิ้นกุ้งมาเทใส่จานตัวเองจนเกือบหมด จากนั้นก็หยิบลูกหนึ่งเข้าปากเคี้ยวเป็นเชิงเยาะเย้ยเธอแล้วถือจานอาหารของตัวเองเดินจากไป อรุณรุ่งตั้งท่าจะเรียกเขา แต่พัชระเดินเข้ามาหาพอดี

“ผมขอหมี่ผัดจานหนึ่งครับ”

“สักครู่นะคะ” สางสาวรีบตักหมี่ให้ชายหนุ่ม ขณะนั้นเอง เด็กชายที่เคยขอลูกชิ้นกุ้งก็เดินกลับมา

“พี่เสือ ผมจะเอาหมี่กับลูกชิ้นฮะ”

สางสาวมองลูกชิ้นในโถที่เหลือเพียงสี่ลูก ซึ่งเป็นจำนวนที่พอสำหรับผัดหมี่หนึ่งจานเท่านั้น ก่อนมองพัชระและเด็กชายสลับกัน ชายหนุ่มยิ้มให้เธอ “ผมเอาแค่หมี่ผัดก็ได้ครับ”

“เอ่อ คุณแพทรอสักครู่ได้ไหมคะ เดี๋ยวรุ่งไปตามลูกชิ้นมาให้”

เธอพูดขณะตักหมี่ผัดจานใหม่ให้เด็กน้อย พัชระส่ายศีรษะทั้งที่ริมฝีปากยังแย้มยิ้มอยู่

“ไม่เป็นไร ผมทานได้” จากนั้นเขาก็นำจานหมี่ไปนั่งทานกับสาวสวยที่เคยบอกให้อรุณรุ่งนำน้ำไปให้กลุ่มนายแบบ

หลังจากเด็กน้อยเดินเอาจานหมี่ผัดกับลูกชิ้นจากไปแล้ว สางสาวก็ปรี่ไปยังโต๊ะที่ฮันเตอร์นั่งทานอาหารอยู่พร้อมกับโถใส่ลูกชิ้นและช้อนตัก เมื่อไปถึง เธอก็ยื่นทั้งสองอย่างให้เขา

“เอาลูกชิ้นคืนมา”

ฮันเตอร์ใช้ส้อมจิ้มลูกชิ้นเข้าปากทีเดียวสองลูก “เสียใจ นี่ของของฉัน”

“ไม่ นี่ของแขกทุกคน เอาคืนมา”

เขาจิ้มลูกชิ้นเข้าปากอีก “เธอจะเอาของที่กำลังกินอยู่ไปให้คนอื่นกินต่ออย่างนั้นรึ ไม่มีใครเขาทำกันหรอกนะ คุณหนู”

“ก็พวกนี้คุณยังไม่ได้กินนี่” อรุณรุ่งไม่ยอมแพ้ และหยิบช้อนเพื่อจะตักลูกชิ้นใส่โถ ฮันเตอร์ยกจานหมี่หนีทันที

“เอ๊ะ ยายคนไร้มารยาท ฉันกินอยู่เธอไม่เห็นหรือไง”

“ใครกันแน่ที่ไร้มารยาท ของเขาจำกัดให้ลูกค้าคนอื่นด้วยนะไม่ใช่ของของคุณคนเดียว คนอะไรไม่รู้จักแบ่งปันเลย”

ฮันเตอร์ยิ้มเจ้าเล่ห์พลางจิ้มลูกชิ้นกุ้งขึ้นมาลูกหนึ่ง “อยากให้ฉันแบ่งปันรึ ย่อมได้”

ชายหนุ่มยื่นส้อมที่มีลูกชิ้นคาอยู่ไปยังปากของสางสาว ตอนนั้นเองที่ใครบางคนตะคอกขึ้นมา

“รุ่ง ถอยออกมา!” ไม่แค่พูด แต่สาวิตรียังตรงไปดึงลูกสาวให้ออกห่างจากส้อมที่อยู่ใกล้ปากเพียงไม่กี่เซนติเมตร จากนั้นก็ส่งแววตาเขียวปัดไปให้นายแบบหนุ่ม

“ขอโทษนะคะ ลูกสาวดิฉันแพ้เนื้อสัตว์ทุกประเภท กรุณาอย่าให้เธอทานอย่างเด็ดขาด”

ฮันเตอร์ยักไหล่ก่อนจะส่งลูกชิ้นกุ้งเข้าปากตัวเองเคี้ยวหยับๆ เป็นเชิงยั่ว ทำให้สางสาวมองเขาด้วยสายตาไม่พอใจและตั้งท่าจะเอาลูกชิ้นคืนอีก นางสาวิตรีจึงสั่ง

“รุ่ง แม่จะให้คนเอาลูกชิ้นมาเติม ลูกกลับไปทำงานต่อได้แล้ว”

“แต่แม่คะ...” อรุณรุ่งซึ่งตั้งท่าจะฟ้องหุบปากลงทันที ก่อนจะเดินก้มหน้างุดๆ กลับไปประจำที่โต๊ะอาหารผัดตามเดิม สาวิตรีมองตามจนกระทั่งลูกสาวถึงโต๊ะแล้วจึงตวัดสายตามองนายแบบตัวแสบ

“หวังว่าฉันจะไม่เห็นการกระทำแบบเมื่อครู่นี้อีกนะคะ มิสเตอร์ฮันเตอร์”

“ถ้าคุณไม่ให้ลูกทานเนื้อสัตว์เลย คุณจะรู้ได้ยังไงว่าเธอหายแพ้แล้วหรือยัง” ฮันเตอร์โต้

สาวิตรีสูดลมหายใจอย่างแรงครั้งหนึ่ง “ฉันจะพูดอีกครั้งมิสเตอร์ฮันเตอร์ กรุณาอย่าให้ลูกสาวของฉันทานเนื้อสัตว์อย่างเด็ดขาด ไม่ว่าจะเป็นเนื้อสัตว์บกหรือสัตว์ทะเล เล็กหรือว่าใหญ่ ฉันขอย้ำว่าเนื้อสัตว์ทุกประเภท”

เมื่อเห็นนายแบบหนุ่มทำท่าทางราวกับไม่ใส่ใจ นางจึงสำทับ “ถ้าคุณไม่เข้าใจภาษาไทย จะให้ฉันเตือนคุณด้วยภาษาญี่ปุ่นไหมคะ มิสเตอร์ชิโนฮาระ”

นั่นทำให้ฮันเตอร์ตวัดสายตามองนางอย่างดุดันทันที แต่สาวิตรีไม่หลบเลี่ยงและจ้องตอบกลับอย่างเอาเรื่อง

“ถึงคุณจะเป็นนายแบบดังหรือใครก็ตามที่มีชื่อเสียงและอยู่ในตระกูลที่ยิ่งใหญ่มาก แต่ขอบอกไว้ว่าลูกสาวของฉันสำคัญมากกว่า ใครก็ตามที่ทำให้อรุณรุ่งของฉันต้องเจ็บปวดหรือเสียใจ คนผู้นั้นต้องได้รับบทเรียนอย่างแน่นอน”

ชายหนุ่มหรี่ตาลงเล็กน้อย เชิดหน้าขึ้นขณะถามกลับด้วยเสียงเย็นชา “คุณเคยได้ยินนิทานสอนใจของจีนไหมครับ เรื่องพ่อแม่รังแกฉัน ผมคิดว่าคุณอยู่เมืองไทยมานานพอที่จะได้ยินเรื่องนี้นะ”

แน่นอนว่าสาวิตรีเคยได้ยิน อันที่จริงแล้วนางเคยเล่าเรื่องนี้ให้ลูกสาวฟังสองสามรอบด้วยซ้ำ เนื่องจากบ้านในป่าไม่มีไฟฟ้าใช้ ความบันเทิงและความรู้จากสื่อเดียวที่หาได้คือหนังสือ

แต่นางจะไม่อธิบายให้คนที่ไม่เข้าใจฟัง โดยเฉพาะคนยโสโอหังอย่างฮันเตอร์

“ดิฉันเคยได้ยินเรื่องนี้และเคยเล่าให้อรุณรุ่งฟังหลายครั้งด้วย แต่เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับเรื่องที่ว่าคุณกำลังเอาสิ่งที่คุณคิดว่าถูกต้องไปใส่ในหัวของคนอื่น ในเมื่อความจริงแล้วคุณไม่รู้อะไรเลยเกี่ยวกับคนคนนั้น ทั้งความจำเป็นและวิถีชีวิต”

คำกล่าวของคนที่อาวุโสมากกว่าทำให้ชายหนุ่มหน้าชา ดวงตาแสดงความไม่พอใจออกมาอย่างชัดแจ้ง กระนั้นสาวิตรีก็หาได้กริ่งเกรงไม่ นางยังคงลงดาบต่อเนื่องอย่างไร้ปรานี

“หวังว่าคุณจะเข้าใจคำพูดของฉัน เป็นผู้ใหญ่กันแล้ว อย่าให้ต้องเตือนกันมากไปกว่านี้เลยค่ะ” พูดจบ นางก็หันหลังเดินไปหาลูกสาวซึ่งก้มหน้านิ่งเหมือนคอยรับคำตำหนิ

ฮันเตอร์มองผู้หญิงทั้งสองคนด้วยความรู้สึกหลากหลาย ส่วนใหญ่แล้วเป็นความโกรธและหงุดหงิด

ตอนที่เข้ามาในห้องอาหาร ชายหนุ่มเห็นยายคุณหนูยืนก้มหน้าก้มตาด้วยท่าทางน่าสงสารเพราะไม่มีใครกล้ากินอาหารที่เจ้าหล่อนเป็นคนตัก ด้วยเหตุนั้นเขาจึงเข้าไปขอหมี่ผัดและหาเรื่องคุยกับเธอนานๆ ส่วนลูกชิ้นกุ้ง เขามั่นใจว่าทางรีสอร์ตต้องนำมาเติมเพิ่มอีกอยู่แล้ว ที่เอาไปเกือบทั้งหมดก็เพราะต้องการสร้างความอยากให้คนที่ยังรีรอ ซึ่งก็ได้ผล นายแบบที่ชื่ออะไรสักอย่างนั่นปรี่เข้าไปก่อน ตามด้วยเด็กชายที่เขาเห็นว่าชะเง้อชะแง้อยู่นานแล้ว และคงมีคนต่อไปถ้าเจ้าหล่อนไม่ออกจากหน้าที่มาทำสงครามแย่งลูกชิ้นคืนจากเขา

แต่ความหวังดีของเขากลับถูกตอบแทนด้วยคำตำหนิ และการนำนามสกุลมาขู่อย่างนั้นหรือ!

จำไว้เลยนะ คนอย่างฮันเตอร์ไม่เคยกลัวคำขู่ ต่อให้แลงฟอร์ดจะกว้างขวางหรือยิ่งใหญ่กว่านี้เขาก็ไม่สนใจ แต่ในเมื่อหล่อนไม่ต้องการให้เขายุ่งกับลูกสาวของหล่อนก็ย่อมได้ อยากให้ลูกอยู่อย่างโดดเดี่ยวบนโลกใบนี้ก็เชิญเถอะ นับจากนี้เขาจะไม่สนใจยายคุณหนูนั่นอีกแล้ว!

จากคุณ : g_maru
เขียนเมื่อ : 4 ก.ค. 55 13:58:35




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com