Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
มนตราปาหนัน บทที่ ๑๔ : รักซ้อนซ่อนรัก ติดต่อทีมงาน

บทที่ ๑๔ : รักซ้อนซ่อนรัก


สมาธิของคนที่กำลังก้มหน้าสนใจกับการเขียนอ่านถูกรบกวนด้วยสายตาคู่หนึ่ง จนเจ้าตัวเริ่มอดรนทนไม่ไหวต้องเงยหน้าขึ้นดูต้นเหตุ แทนที่คนถูกมองจะรู้ตัวแล้วหลบตาเสีย กลับประสานสู้จนชายหนุ่มต้องเป็นฝ่ายหลุบลงต่ำเสียเองด้วยความอึดอัดใจเต็มทน นึกอยากให้การเรียนวันนี้จบลงเสียเพลานี้ ถ้าไม่กีดที่เจ้าของเรือนที่ลงมาสอนสั่งด้วยตนเองแล้ว คงเอ่ยปากขอกลับเรือนพระอินทเดชเสียให้รู้แล้ว ใจบุรุษล้านนาอดนึกหมิ่นหยามสาวงามตรงหน้ามิได้

“ชิ้นแม่ก็อยู่ตรงนี้ ไหนยังจักเจ้าคุณกลาโหมอีกเล่า จักเกรงใจกันสักนิดก็หาไม่”

แล้ว 'ชิ้น' ของสาวเจ้าก็ยืนหน้าตูมบอกบุญไม่รับพิงเสาอยู่ โมกเหลือบสายตาไปทางพระอินทเดชอย่างขอความช่วยเหลือ  ขุนนางหนุ่มเม้มริมฝีปากนิดหนึ่งอย่างเคืองๆ แต่จะโกรธอีกฝ่ายก็ไม่ถนัดนัก เพราะเจ้าตัวก็แสดงชัดว่าอิหลักอิเหลื่อใจอยู่ไม่น้อย นี่ถ้าโมกมีน้ำใจคดสักหน่อยก็คงไม่ขอเจ้าคุณกลาโหมว่าจะมาเรือนนี้ด้วยเขาแน่

“เจ้าคุณอาคะ หลานเห็นต้องกลับเรือนแล้วค่ะ ตะวันชายมากแล้ว เย็นนี้หลานต้องเข้าเวรในวังด้วย”

“พี่แสนก็กลับไปก่อนได้นี่เจ้าคะ ปล่อยพ่อโมกอ่านเขียนไปก่อน เร่งกลับอยู่เยี่ยงนี้แล้วเมื่อใดจักอ่านหนังสือแตกล่ะเจ้าคะ”  

พระยากลาโหมอ้าปากจะพูด แต่ไม่ทันแม่ลูกสาวที่โพล่งขึ้นด้วยเสียงขึ้นจมูกนิดๆ อย่างคนไม่ได้ดั่งใจ สองหนุ่มถึงกับหันมาสบตากันอย่างลืมตัว คำพูดคำจาของดาวเรืองบอกความต้องการชัดเจน มาบัดนี้พระอินทเดชแจ้งน้ำใจนางแล้วว่าไม่ต่างอันใดกับไม้เลื้อยที่พร้อมจะตวัดพันสิ่งที่อยู่ใกล้ตัว ทั้งที่เขายืนมองอยู่ตรงนี้ แต่หล่อนจะใส่ใจเยี่ยงคนรักที่จวนจะแต่งงานกันอยู่รอมร่อก็หาไม่ ดีนักแล้วที่รู้ตัวเสียแต่เพลานี้ ดีกว่าได้ฤกษ์ออกเรือนมา มิฉะนั้นเขาเห็นจะเจ็บมากกว่านี้แน่ ข้างโมกเองก็ทนความใจร้ายของผู้หญิงที่สวยเพียงรูปคนนี้ต่อไปมิได้เช่นกัน จึงยกมือไหว้ลาท่านเจ้าคุณพร้อมกับบอกว่า

“ข้าพระเจ้ามีงานต้องทำที่เรือนคุณพระต่อ ขอลาท่านเจ้าคุณเสียแต่เพลานี้ขอรับ”

พระยากลาโหมรับไหว้โดยไม่ถามและไม่รั้งสักคำเดียว โมกรีบเก็บกระดานชนวนกับดินสอหินใส่ลงในห่อผ้า เมื่อผูกชายเรียบร้อยแล้วก็ไหว้ลาท่านผู้ใหญ่อีกครั้ง ก่อนที่จะลุกขึ้นเดินก้าวยาวๆ ไปหาพระอินทเดชที่ออกไปยืนรออยู่ที่หัวบันไดแล้ว


คล้อยหลังสองหนุ่ม พระยากลาโหมก็หันมาทางลูกสาวคนเดียวที่ทำทีเป็นแกะสลักขิงอยู่อย่างไม่รู้ร้อนรู้หนาว สายตาของผู้ใหญ่ที่ผ่านโลกมามากมีแววตำหนิชัดเจน ท่านสั่งให้บ่าวไพร่ลงไปจากเรือนหมดทุกคน พอเห็นว่าไม่มีใครแล้วจึงกล่าวเสียงหนักโดยไม่อ้อมค้อมแต่อย่างใด

“เจ้าผูกสมัครอยู่ด้วยพ่อแสนมิใช่ฤๅ ดาวเรือง แล้ววันนี้เจ้าทำสิ่งใดไปรู้ตัวฤๅไม่”

“ลูกเห็นคุณพระเป็นแต่เพียงพี่ชายเท่านั้นเจ้าค่ะ เจ้าคุณพ่อ”

คำตอบของลูกสาวทำให้ผู้เป็นพ่อพูดไม่ออกด้วยความโกรธประสมกับความตะลึง สองพ่อลูกเงียบกันไปพักใหญ่ๆ ฝ่ายหนึ่งพยายามข่มโทสะที่แล่นขึ้นมาเป็นริ้ว ส่วนอีกฝ่ายยังคงใจเย็นทำงานต่อไปโดยไม่มีท่าทีว่าจะรู้สึกผิดกับสิ่งที่ตนพูดออกมา ในที่สุดพระยากลาโหมก็ตบพื้นเรือนปังใหญ่ มืออีกข้างหนึ่งยกขึ้นชี้หน้าด้วยความโกรธที่ยากจะระงับได้อีก  

“พี่ชายเช่นนั้นรึดาวเรือง แล้วที่ผ่านมานั้นเรียกว่ากระไร ปีเศษที่พ่อแสนเทียวเข้าเทียวออกเรือนนี้ คนทั้งอโยธยาต่างก็รู้สิ้น เจ้าเองก็แสดงท่าทีชัดเจนว่าตอบรับไมตรีด้วย สายตาท่าทางเจ้ามิใช่เพียงแค่พี่ชายดั่งปากว่า”

“ลูกแสดงกิริยาเยี่ยงนี้กับชายทุกคนที่หมายสานไมตรีด้วยเจ้าค่ะเจ้าคุณพ่อ”

ดาวเรืองตอบเสียงเรียบพลางวางขิงที่แกะแล้วลงในอ่างน้ำ หล่อนซับมือกับผ้าผืนเล็กที่อยู่ข้างตัวแล้วเงยหน้าขึ้นสบตากับบิดา รอยยิ้มคล้ายจะเยาะปรากฏขึ้นในดวงหน้าสวย

“ลูกวางตัวเสมอต้นเสมอปลายกับทุกคน แต่ผู้ใดจักตีความเข้าข้างตนนั้น ลูกหารู้ไม่”

พระยากลาโหมมองดาวเรืองราวกับคนไม่เคยรู้จักกันมาก่อน ฤๅที่เขาลือกันทั่ววังว่าธิดาคนเดียวของเจ้าคุณกลาโหมเจ้าชู้นักจะเป็นเรื่องจริง คิดแล้วขุนนางใหญ่ก็หน้าร้อนผ่าวด้วยอายแทนนัก

“พูดได้ไม่อายปาก ฤๅเจ้าคิดว่าพ่อของเจ้าหูหนวกตาบอดเสียแล้วฮะ ดาวเรือง ถ้าเจ้าว่าแต่พ่อแสนหรือชายหนุ่มทั้งอโยธยาเข้าใจผิด ไอ้แก่หัวหงอกคนนี้ก็ไม่ต่างกันนักหรอก เพราะคำพูดเจือจริตหญิงของเจ้า เพราะกิริยาของเจ้าที่เล่นหูเล่นตานั่นมันตีความได้ประการเดียวเท่านั้น”

“ลูกยังมิได้ปลงใจด้วยผู้ใด ไยจักทำมิได้เล่า ถ้าลูกทำเพลาออกเรือนแล้วสิเจ้าคะ เจ้าคุณพ่อค่อยว่าลูก และเพลานี้ลูกก็คิดว่าพบชายที่ลูกพอใจแล้ว”

นัยน์ตาคนพูดเป็นประกายขึ้นเมื่อพูดถึงโมก พระยากลาโหมเห็นแล้วยิ่งโกรธหนักขึ้นกว่าเดิม เพราะท่านเองก็จับสังเกตท่าทีของเจ้าหนุ่มคนนั้นมานานพอดู เพลามาที่เรือนนี้ก็ตั้งหน้าตั้งตาเรียนจริงๆ ครั้นถึงเพลากลับก็กลับเลยไม่มาอ้อยอิ่งอาวรณ์อยู่อีก มีแต่ดาวเรืองเท่านั้นที่คอยหาโอกาสมาร่วมวงอยู่ใกล้ๆ ชั้นแรกท่านก็เข้าใจว่าหล่อนอยากอยู่ใกล้พระอินทเดช จึงไม่ว่าอะไร มาวันนี้ได้ฟังความจากปากจึงรู้ชัดว่าคิดผิดไปทั้งเพ

ขุนนางชั้นผู้ใหญ่ทั้งสงสารทั้งเวทนาดาวเรืองนัก เพราะเห็นแล้วว่าโมกไม่ได้สนใจลูกสาวของท่านสักนิดเดียว ซ้ำพระอินทเดชเองก็บอกแล้วว่าหมายตาโมกไว้ให้กับน้องสาวคนเล็ก แม้ว่าความข้อนี้เจ้าตัวจะรู้หรือไม่ก็ตาม แต่คราวที่ท่านไปที่เรือนพระอินทเดชเพื่อดูโมกฝึกอาวุธเมื่อไม่กี่วันก่อน ช่วงที่พักเหนื่อยนั้น ลำเจียกก็พาบ่าวยกน้ำและขนมข้าวต้มมาให้ตามปกติ แล้วอยู่สนทนากับท่านกับพี่ชายของตนครู่หนึ่งก็ลากลับ ฝ่ายโมกที่นั่งพักอยู่ห่างออกไปครั้งแรกก็ทำทีเป็นไม่สนใจ แต่พอหล่อนกลับไปก็ลอบมองตามหลังตาละห้อย ท่านเห็นแล้วก็รู้ สายตาคู่นั้นจะไม่มีวันมองหญิงใดอีก

“เจ้าพอใจเขา แต่เขาหาพอใจเจ้าไม่”

พระยากลาโหมบอกเสียงเรียบด้วยต้องการตัดไฟเสียแต่ต้นลม คราวนี้ดาวเรืองตาวาววับกระชากเสียงถามบิดาอย่างลืมตัว

“เจ้าคุณพ่อหมายความว่ากระไรเจ้าคะ”

“ยังต้องแปลความอีกรึลูกเอ๋ย โมกมีนางในดวงใจอยู่แล้ว ต่อให้เจ้าพยายามสักเพียงใดคนอย่างโมกก็ไม่ชายตาแลเจ้าหรอก”

“ผู้ใด ลำเจียกน่ะหรือเจ้าคะ ฮึ!”

“นี่สมคงจักแอบฟังพ่อกับพ่อแสนเมื่อคราก่อนกระมัง”  คู่สนทนาบอกเรื่อยๆ ไม่สู้แปลกใจนัก “ก็ดี เจ้ารู้ความเยี่ยงนี้แล้วก็หักใจเสียเถิด ชายที่ดีพร้อมสมกับเจ้าคือพ่อแสน หาใช่อ้ายโมกไม่”

“เจ้าคุณพ่อเดียดฉันท์ด้วยเห็นว่าพี่โมกไม่มียศศักดิ์ ไม่มีหัวนอนปลายเท้าเยี่ยงนั้นหรือเจ้าคะ”

“เปล่าเลย พ่อมิได้ตีค่าคนที่ของนอกกายเหล่านั้น คนอย่างอ้ายโมกถ้าได้รับราชการมีฤๅจักไม่เรืองรุ่งยิ่งกว่าพ่อ แววมันดีนัก แต่พ่อไม่ต้องการหนุนลูกพ่อให้ทำผิดต่างหากเล่า”

“ทำผิด” ดาวเรืองขึ้นเสียงสูง “ลูกทำผิดกระไรเจ้าคะเจ้าคุณพ่อ ลูกมิได้เข้าหาพี่โมกนี่เจ้าคะ”

“กายเจ้ายังมิได้ทำ แต่ใจเจ้าล่วงไปก่อนหน้าแล้ว หักใจเสียดาวเรือง หากเจ้าไม่ทำเสียแต่เพลานี้จักเสียใจในภายหลัง ตรองตามคำพ่อให้ดี”

พระยากลาโหมบอกก่อนลุกออกไปจากหอนั่งกลับเข้าไปในห้องของท่านอย่างเงียบๆ ทิ้งดาวเรืองให้นั่งอยู่ตรงนั้นเพียงลำพัง หล่อนนั่งนิ่งเสมือนหนึ่งจำนนต่อเหตุผลของบิดา หากมือที่วางอยู่บนตักกลับขยุ้มผ้านุ่งตนแน่น สายตาที่ตวัดมองตามบานประตูห้องบิดาที่ปิดลงนั้นวาวโรจน์กว่าทุกคราว ยอมเพื่อเปิดทางให้นังเด็กเมื่อวานซืนอย่างลำเจียกน่ะหรือ ไม่มีวันเสียหรอก



ชายหนุ่มมองคนตรงหน้าที่พายเรืออยู่เงียบๆ ด้วยสายตาที่ยากจะจับความรู้สึกได้ สีหน้าของเจ้าตัวเพลานี้บอกชัดว่ากลัดกลุ้มอยู่ไม่น้อย บางขณะก็ราพายให้เรือเคลื่อนไปตามสายน้ำ แล้วขยับคล้ายจะพูดความอย่างหนึ่ง แต่ก็ถอนหายใจหนักแล้วพายเรือต่อไปอีกโดยไม่พูดว่าอย่างไร กระทั่งโมกทำกิริยาเดิมซ้ำเป็นครั้งที่สาม พระอินทเดชจึงพูดขึ้นว่า

“จักว่ากระไรก็ว่ามา ข้ารอฟังความอยู่”

“เอ้อ คุณพระโกรธข้าพระเจ้าหรือเปล่าขอรับ”

“แล้วเจ้าทำสิ่งใดให้ข้ารู้สึกเยี่ยงนั้นหรือเปล่า”

พระอินทเดชย้อนถาม โมกยิ่งหน้าจืดเจื่อนหนักกว่าเดิม ความกลัดกลุ้มเหมือนจะเพิ่มมากกว่าเดิมเป็นเท่าตัว พ่อคุณเอ๋ย ชักดาบออกมาฆ่าทิ้งน้ำเสียยังจักดีกว่าทำเยี่ยงนี้

“เพราะข้าพระเจ้าไม่รู้จึงถามขอรับ คุณพระเอาแต่เงียบมาตั้งแต่ลงเรือแล้ว แม้นเป็นเรื่องแม่หญิงดาวเรืองแล้ว...”  

“เรื่องนั้นข้ารู้ว่าเจ้าไม่ได้ทำกระไรผิด” พระอินทเดชทอดถอนใจแล้วพูดต่อไปว่า “ที่ข้าเงียบมิใช่เพราะข้าโกรธเคืองเจ้า เพียงแต่ข้ากำลังคิด”

“คิด คิดกระไรหรือขอรับ”

ชายหนุ่มมองหน้าคู่สนทนาที่นับวันยิ่งผูกพันกันมากขึ้นทุกที สำหรับเขาแล้วโมกเป็นทั้งสหายและเป็นทั้งน้องชาย หาใช่คนติดสอยห้อยตามโดยทั่วไปไม่ จนบางคาบคราเขาเคยคิดว่าเป็นเพราะเหตุไรจึงได้รักและเอ็นดูเจ้าหนุ่มคนนี้นัก

“ข้าอยากรู้ว่าเจ้าคิดเยี่ยงไรกับน้องสาวข้า”

คราวนี้โมกชะงัก มาไม้ไหนอีกล่ะหว่า อุปนิกขิตล้านนาวางหน้าวางตัวไม่ถูกเมื่อเห็นสายตาเข้มๆ ของอีกฝ่าย ทีแรกก็คิดว่าพระอินทเดชโกรธเรื่องแม่ดาวเรืองนั่น แต่ไฉนกลับกลายเป็นเขาเสียเอง โมกกลืนน้ำลายลงคอที่แห้งผากอย่างยากลำบาก

“อ...เอ้อ คนไหนขอรับ”

นี่เป็นครั้งแรกที่เขาถามคำถามที่แสนจะไม่เข้าท่าออกไป ให้ตายเถิด รับราชการด้วยพญาเจ้ามาตั้งเท่าไร พบปะผู้คนเหลี่ยมคูรอบตัวมานับครั้งไม่ถ้วน ไม่ยักกริ่งเกรงหรือจนต่อคำพูดเท่ากับคราวนี้เลย

“ทั้งสองคน” พระอินทเดชตอบเสียงดุ “เร่งว่ามาบัดเดี๋ยวนี้ ตอบข้าตามสัตย์จริงอย่าได้ปั้นแต่งเทียว”

ชะรอยว่าเรื่องนี้คงต้องสนทนากันนานกระมัง เขาจะวาดหัวเรือเข้าริมตลิ่ง แต่พระอินทเดชอีกนั่นแหละที่ห้ามไม่ให้จอดเรือคุยกัน เขาจึงจำใจต้องยกพายขึ้นวางบนตัก ปล่อยให้เรือล่องไปตามลำน้ำแทนพร้อมกับตอบคำ  

“ง่า...ดูจากรูปโฉมแล้วก็งามทัดเทียมกันขอรับ”

“ไม่เอารูปโฉม”

พระอินทเดชปั้นหมัดทุบลงบนกราบเรือโดยแรงจนเรือไหวโคลงชวนหวาดเสียว นี่ถ้าตอบไปไม่ถูกอารมณ์คุณพระเธอแล้ว ข้าไม่ม้วยอยู่ใต้น้ำนี่รึ การแผ่นดินเห็นจะมาเสียเพราะการหัวใจแล้วกระมัง ไสสูงเอ๊ย

“เอ่อ”

“เอ้ออ้าอยู่ได้ เร็ว!”

ไม่พูดเปล่า คราวนี้คว้ากะลาที่ใช้วิดน้ำท้องเรือขึ้นมาเคาะเปรี้ยงเฉียดเข่าเขาไปนิดเดียวเท่านั้นเอง เอ! วันนี้ที่เรือนท่านเจ้าคุณก็ไม่ได้เลี้ยงกลางวันด้วยกับข้าวเผ็ดจัดนี่นา แล้วไฉนจึงดุนักเล่าหวา อารามตกใจทำให้โมกหลุดปากโพล่งออกไป  

“ข้าพระเจ้ารักแม่หญิงลำเจียกขอรับ ส่วนแม่หญิงสารภีข้าพระเจ้าเห็นเป็นเพียงน้องสาวขอรับ”

ปากหนอปาก บอกความในใจกับพี่ชายเขาไปหมดสิ้นเยี่ยงนี้แล้ว ก็เตรียมตัวตายเย็นเถิดไสสูงเอ๋ย แต่แล้วโมกก็กลับต้องงงเป็นไก่ตาแตก เมื่อเห็นรอยยิ้มของพระอินทเดช มิหนำยังหัวเราะขำเขาอีกด้วย

“ถ้าข้ารู้ว่าเคาะกะลานี้เปรี้ยงเดียวเจ้ายอมพูดก็เห็นจักทำเสียนานแล้ว”

“อ้าว!”

“ไม่ต้องอ้าว บอกข้ามาอีกคราซิ เจ้ารักลำเจียกใช่ฤๅไม่”

“ขอรับ”

ไม่มีประโยชน์ที่จะมานั่งงำความอมพะนำกันอีกแล้ว ความลับที่ซุกซ่อนเป็นอันว่าไม่ลับอีกต่อไป มาถึงเพลานี้โมกจึงยอมรับแต่โดยดี และบอกต่อไปว่า

“แต่ข้าพระเจ้าแอบรักแม่หญิงเพียงฝ่ายเดียวนะขอรับ ข้างแม่หญิงนั้นคิดการเป็นเยี่ยงไรข้าพระเจ้าหารู้ไม่ หากคุณพระจักเอาผิดเยี่ยงไรแล้ว ก็จงลงโทษข้าพระเจ้าแต่เพียงผู้เดียวเถิด”

“ไฮ้! ไปกันใหญ่แล้วพ่อโมก” พระอินทเดชร้องขันๆ “ข้าไม่ได้คิดจักฆ่าแกงอันใดพ่อสักนิดเดียว เอา มาถึงเพลานี้แล้วข้าจักบอกความจริงให้ แรกที่ข้ายินพ่อเกี้ยวแม่น้องสาวตัวซนก็ไม่ชอบใจนักหรอก แต่เห็นว่าพ่อปราบพยศลำเจียกได้ ก็คิดหมายตาพ่อไว้ให้นาง ข้าดูๆ พ่อมาพักหนึ่งแล้ว จำเดิมข้าคิดว่าลอยพระประทีปแล้วเมื่อใดจักตะล่อมถามความนัยนี้จากพ่อ แต่ก็มีเหตุให้ต้องทำก่อนเพลา”

“อ้าว!”

“เป็นค่างไปแล้วรึพ่อ ร้องอ้าวๆ อยู่นั่น”

“อ้าว!”

“ยังอีก”

“ข้าพระเจ้าพูดไม่ถูกแล้วขอรับ ไม่เข้าใจสักนิดเดียว แล้วไฉนคุณพระจึงอยากให้คนไม่มีหัวนอนปลายเท้าคนนี้ดูแลแม่หญิงท่านล่ะขอรับ”

“ความข้อนี้ข้าก็ตอบไม่ได้ หากที่พอบอกได้คือ ข้าต้องชะตาเจ้ามาแต่แรกเห็น ยิ่งนานวันยิ่งเห็นน้ำใจเจ้าก็ยิ่งนึกชอบ โดยเฉพาะความซื่อตรงทั้งกับตนเองและผู้อื่น”

คราวนี้โมกเมินหลบสายตาไปทางอื่นด้วยความละอายใจ ความซื่อตรงกระนั้นฤๅ หากพระอินทเดชรู้ว่าเขามาที่อโยธยานี้ด้วยเหตุผลใด จะยังพูดเยี่ยงนี้อยู่อีกหรือเปล่า เพื่อเลี่ยงความอึดอัดนี้ โมกจึงเสเปลี่ยนไปเรื่องอื่นแทน

“คุณพระขอรับ วันพรุ่งข้าพระเจ้าจักไปที่เรือนท่านเจ้าคุณเป็นวันสุดท้ายนะขอรับ”

“เพราะเหตุใด” คู่สนทนาขมวดคิ้วนิดหนึ่ง “ดาวเรืองรึ”

“นั่นก็ประการหนึ่งขอรับ” เขาตัดสินใจพูดตรงๆ “อีกประการคือข้าพระเจ้าพอประสมตัวได้แล้ว หัดอ่านหัดเขียนอยู่ที่เรือนคุณพระจักเหมาะควรกว่า คุณพระก็พอสอนข้าพระเจ้าได้มิใช่ฤๅขอรับ”

สีหน้าพระอินทเดชขรึมลง ที่เขาเงียบมาเกือบตลอดทางก็เพราะเรื่องนี้ด้วย โมกพูดมาเยี่ยงนี้ก็ดีแล้ว

“ตามใจเจ้า วันพรุ่งก็บอกเจ้าคุณอาท่านเสีย ส่วนข้าเองหากมิใช่เรื่องสำคัญแล้ว ก็จักไม่ไปเหยียบเรือนโน้นอีก หวังใจง่าวันพรุ่งคงเป็นคราสุดท้ายแล้ว”

“คุณพระ เพราะข้าพระเจ้าหรือขอรับ”

“เปล่า มิใช่เจ้า แต่เป็นข้าที่ตาสว่างแล้วต่างหาก ถือว่าเป็นเคราะห์ดีที่ยังมิได้สู่ขอตบแต่งแม่หญิงดาวเรือง”

นัยน์ตาสีนิลมีแววหม่นลงนิดหนึ่ง ก่อนจะกลับกล้าแข็งดังเดิมเยี่ยงคนที่ตัดสินใจแล้ว เขามองสบตาว่าที่น้องเขยแล้วบอกต่อไปว่า

“เจ้าเพิ่งมาอยู่อโยธยาได้ไม่กี่เพ็ญ คงไม่รู้เรื่องที่คนทั้งในวังนอกวังเขาโจษกันเรื่องแม่หญิงดาวเรือง ข้ารู้ว่าไม่ใช่เรื่องที่ผู้ชายจักพูดถึงผู้หญิงในทางร้าย แต่ถ้าไม่เล่าเจ้าก็จักไม่รู้ว่าไฉนข้าจึงตัดสินใจเยี่ยงนี้ แม่หญิงดาวเรืองขึ้นชื่อเรื่องเจ้าชู้นัก กระทั่งขุนณรงค์ที่ว่าเป็นเอกแล้วยังต้องขอยอมแพ้ อันที่จริงก่อนที่ข้าจักผูกสัมพันธ์ด้วยนาง สารภีกับลำเจียกก็เตือนข้าแล้ว แต่ข้าไม่ฟังเอง ที่ผ่านมาข้าก็แสร้งทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นที่คนเขามาเล่าขวัญถึง จนกระทั่งข้าเห็นด้วยตาตนเอง แรกๆ ข้าก็คิดว่ามันเป็นเพียงความบังเอิญ แต่ยิ่งนานวันก็ยิ่งชัดเจน ในขณะที่เจ้าเองก็ดูลำบากใจนัก ด้วยเหตุนี้ข้าจึงไม่หักน้ำใจเจ้า”

พระอินทเดชพูดจบก็หันหน้าหนีไปอีกทางหนึ่งเพื่อซ่อนความเจ็บปวด แม้จะตัดสินใจได้แล้วก็ตาม แต่ความผูกพันที่มีมานานนับขวบปีก็ใช่ว่าจะตัดขาดหรือสูญสลายไปได้โดยง่าย โมกเองก็พูดไม่ออก ด้วยเข้าใจความรู้สึกเช่นนี้ดี เขาทำได้เพียงเอื้อมมือไปจับมือของอีกฝ่ายบีบแรงๆ ทีหนึ่งอย่างปลอบใจ ก่อนจะจัดแจงพายเรือต่อ ตลอดการเดินทางนั้น นอกจากเสียงพายกระทบน้ำและกราบเรือดังเป็นจังหวะแล้ว คนบนเรือก็ไม่ได้สนทนาความใดต่อกันอีกเลย เส้นทางน้ำนั้นจะยาวไกลหรือคดเคี้ยวเพียงใด ทั้งสองไม่รับรู้อีกแล้ว  เพราะต่างคนต่างจมจ่อมอยู่กับความคิดของตนเองจนกระทั่งมาเทียบท่าน้ำแต่เมื่อใดก็ยังไม่รู้ตัว


*** มีต่อค่ะ

จากคุณ : อินทรายุธ
เขียนเมื่อ : 6 ก.ค. 55 13:36:40




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com