Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
คฤหาสน์สนธยา ตอนที่ 13 & ตอนจบ ติดต่อทีมงาน

“…ฉันไม่สัญญา”

น้ำเสียงของ แพรดาว เด็ดเดี่ยวจนแม้แต่ตัวเธอเองก็ยังรู้สึกแปลกใจ จิตใจของเธอล่องลอยไปสู่อนาคตข้างหน้า หรืออาจจะเป็นอดีตของใครบางคน ความเป็นจริงอีกฉากหนึ่งที่อาจจะมา มาไม่ถึง หรือผ่านพ้นไปเนิ่นนานแล้ว

ชีวิตน้อยๆ จะอาศัยร่างของเธอเป็นทางผ่านจากส่วนลี้ลับที่สุดของจักรวาลที่ยังไม่มีผู้ใดค้นพบ ออกมาสู่โลกสามมิติที่สิ่งมีชีวิตบนดาวเคราะห์โลกต้องดิ้นรนมีชีวิตอยู่ในช่วงระยะเวลาสั้นๆ

จริงใจ มองเธออย่างจริงจัง สายตาสบประสาน เธอพูดช้าๆ ชัดๆ ราวกับกลัวว่าเขาจะตกหล่นข้อความส่วนหนึ่งส่วนใด จนทำให้ความหมายที่เธออยากบอกสูญหายไป

ความหมาย ที่ล่องลอยไปกับการสั่นสะเทือนของอากาศ เคลื่อนผ่านจากคนหนึ่ง ไปสู่อีกคนหนึ่ง ก่อให้เกิดความเปลี่ยนแปลงขึ้นแก่ผู้รับ ความหมายที่จะเปลี่ยนแปลงตัวเองไปในตัวของแต่ละบุคคล เป็นการสื่อสารที่มีประสิทธิภาพสูง และอ่อนด้อยได้ในเวลาเดียวกัน

“ถ้าฉันมีลูกชายคนหนึ่ง แล้วเด็กคนนั้นกำลังจะจมลงไปในทะเล เขาหลงทิศหลงทาง ไม่รู้ว่าผิวน้ำอยู่ทางไหน ก้นทะเลอยู่ทางไหน จนยิ่งทำให้ตัวเองดิ่งลึกลงสู่น้ำสายน้ำดำมืด ความกลัว ความทุกข์ทรมานกำลังกัดกินร่างกาย ปั่นป่วนจิตใจของเขาจนบิดเบือนความรับรู้ทั้งมวล...”

เขาเผลอกลั้นหายใจอย่างลืมตัว ความกดดันรอบๆ เพิ่มสูงขึ้น อากาศเปียกชื้นเยียบเย็น เขากำลังเริ่มจมลงไป เธอสูดลมหายใจยาวครั้งหนึ่ง เหมือนกับเตรียมตัวจะดำดิ่งลงสู่ใต้ทะเลลึก

“...ฉันจะลงไปช่วยเขา ไม่ว่าเขาจะพยายามว่ายหนีฉันไป ด้วยความตื่นตระหนก พยายามดิ้นรน เตะ ถีบ ฉันอย่างไร ไม่ว่าความแตกตื่นนั้น จะทำให้เขามองเห็นฉันเป็นตัวประหลาด เป็นปีศาจร้าย หรืออะไรก็ตาม ฉันจะพยายามช่วยเขา ช่วยลูกของฉันให้ถึงที่สุด...”

เขารู้สึกอึดอัด เด็กชายตัวน้อยกำลังจมน้ำ ภายในร่าง ในความทรงจำของเขา เด็กที่ถูกทิ้งเอาไว้ เด็กที่ไม่เคยเติบโตขึ้นอีกเลยนับแต่เหตุการณ์ในวันนั้น วันที่ทำให้เขาต้องหวาดกลัวทะเลมาตลอด

“…แม้มันจะต้องแลกด้วยชีวิตของฉันก็ตาม...”

ผิวน้ำอยู่ตรงหน้า แสงสว่างอยู่ตรงหน้า อากาศที่ถวิลหาอยู่ตรงหน้า เด็กชายเหลียวมองกลับไปเป็นครั้งสุดท้าย นางเงือกร้ายที่เขาเคยเห็น ที่เขาดิ้นรน ที่เขาเตะถีบ นางมีใบหน้าเหมือนกับมารดา รอยยิ้มเดียวกับมารดา รวมถึงดวงตาคู่งามนั้น นางเงือกกำลังมองดูเขาด้วยความรักอย่างเปี่ยมล้น ในขณะที่ร่างของนางค่อยๆ จมหายลงสู่ก้นทะเล

“...แล้วฉันก็จะยังรัก และรักเขาไปตลอดกาล”

เด็กชายสะดุ้งสุดตัว มือของใครคนหนึ่งเอื้อมลงมา กระชากดึงเขาขึ้นสู่ผิวน้ำ มือที่เขาไม่เคยได้เห็นใบหน้าเจ้าของ บิดาไม่เคยพูดถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันนั้นอีกเลย ไม่เคยโทษว่าใครทั้งสิ้น แต่ท่านก็ไม่เคยลืม เขายังเห็นมันฉายชัดอยู่ในดวงตาที่ซึมซับความเศร้าเอาไว้จนเปี่ยมล้นคู่นั้น

ท่านไม่เคยลืมจนชั่วชีวิต ตัวเขาเองก็เช่นกัน

เขาเริ่มคิดว่าบางที มันอาจเป็นมือของผู้หญิงคนหนึ่ง คนที่มีใบหน้าเหมือนกับหญิงสาวที่กำลังนั่งอยู่ข้างกายในตอนนี้ เสียงโหยหวนจากท้องทะเลดังแว่วมาอีกครั้ง คราวนี้เขาก็ได้ยินมันด้วย ได้ยินมันอย่างชัดเจน

เสียงทุ้มโหยหวนจากปอดขนาดยักษ์ เสียงน้ำทะเลที่ดังขึ้นอย่างผิดปกติ ก่อนที่หัวขนาดใหญ่สีฟ้าอมเทาจะพุ่งทะยานขึ้นจากเกลียวคลื่นในที่ไกลตา เสียงแตกกระเซ็นของน้ำ ตามติดมาด้วยครีบหางขนาดใหญ่ เสียงน้ำสาดกระจายซ้ำอีกครั้ง แล้วจบลงด้วยความเงียบ

ทั้งคู่ต่างได้พบเห็นการแสดงสั้นๆ ของปลาฉลามวาฬตัวหนึ่ง ที่ไม่ได้สนใจว่าจะมีผู้ใดรอรับชมอยู่หรือไม่ มันคงหลงทางมาสู่ท้องทะเลที่ไม่คุ้นเคยแห่งนี้ บางทีมันอาจกำลังหาทางกลับบ้าน ทั้งที่ความจริงแล้ว ท้องทะเลกว้างทั้งหมดนี้สมควรเป็นบ้านของมันมิใช่หรือ แล้วมันยังคิดเสาะหาสิ่งใดอีกเล่า

จุดเดิม ความเป็นจริงอันเดิม แต่กลับประกอบขึ้นจากความเป็นไปได้ ความไม่แน่นอนที่แตกต่างออกไปจากเดิม อดีตที่ผ่านพ้นไปแล้ว อดีตที่ไม่อาจเปลี่ยนแปลง แต่มันก็เปลี่ยนไป โดยไม่จำเป็นต้องพึ่งเครื่องจักรย้อนเวลาใดๆ เลยแม้แต่น้อย

ความเป็นจริงอันเดิมที่ไม่เหมือนเดิม จุด ใดกันแน่คือความเป็นจริงที่แท้ ทั้งคู่ หรือว่าไม่ใช่เลย พวกมันเป็น มายา หรือ ความเป็นจริง กันแน่

#####

“พี่จริงเป็นอะไรไปคะ”

ปุ้ยเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง ใบหน้าคล้ำของเขาซีดลงอย่างเห็นได้ชัด

“...ไม่เป็นไร...พี่แค่รู้สึกเวียนหัวนิดหน่อย”

“อาจจะเกิดจากที่ตกบันไดเมื่อวานก็ได้ ไปโรงพยาบาลให้หมอดูหน่อยดีไหม”

เคนถามด้วยความเป็นห่วง แต่เขาไม่แน่ใจว่าความเป็นห่วงนั้นจะเป็นด้วยเรื่องใด อาการของเขา หรือความสงสัยที่กำลังก่อตัวขึ้นในหัว ที่อาจจะส่งผ่านออกไปทางสายตาโดยไม่รู้ตัวกันแน่ เขาพยายามฝืนยิ้ม

“ไม่เป็นไร แต่...ขอออกไปสูดอากาศข้างนอกหน่อยดีกว่า”

ยังมีตำรวจกระจายอยู่ตามที่ต่างๆ แต่พวกเขาดูไม่ค่อยเคร่งเครียดอะไรนัก การฆ่าตัวตาย ไม่ใช่คดี ไม่ใช่เรื่องซับซ้อนที่ต้องเก็บหลักฐานอย่างตั้งใจ เคนกวาดตามองไปรอบๆ อย่างไม่ใส่ใจ ก่อนที่ทั้งสี่คนจะเดินเรื่อยๆ ไปยังชายหาด

ที่นั่น บนหาดทรายเวิ้งว้าง จริงได้เห็นเด็กชายคนหนึ่ง เด็กที่เคยชมชอบท้องทะเลเป็นชีวิตจิตใจ แต่ต้องกลับกลายเป็นหวาดกลัวต่อสายน้ำ และเกลียวคลื่น เขาไม่คิดจะถาม ว่าอีกสามคนที่เหลือจะมองเห็นเด็กชายคนนี้เหมือนกับเขาหรือไม่ มันไม่สำคัญเลย

เด็กชายลุกขึ้นยืน แล้วหันกลับมา เขาจดจำใบหน้านั้นได้อย่างลางเลือน 'เขาดูเติบโตขึ้น' เด็กชายมองหน้าเขา ทั้งสองสบตากัน วันนั้นผ่านไปแล้ว เช้าวันที่ไม่เคยเปลี่ยนของเขา เด็กชายที่ถูกทิ้งให้เดียวดายบนชายหาด เด็กชายเดินตรงมา 'ไม่ใช่' ทั้งคู่ต่างเดินหน้าเข้าหากัน

เด็กชายเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว เดินผ่านประสบการณ์มากมายในชีวิต จนเมื่อทั้งสองเดินมาพบกัน พวกเขาทั้งคู่ก็กลายเป็นชายเพียงคนเดียว อดีตเด็กชายเดินหายเข้าไปในตัวเขา กลายเป็นส่วนหนึ่งของเขา เหลือทิ้งไว้เพียงหนึ่งเดียว

เขาเหม่อมองดูท้องทะเล มันไม่น่ากลัวอีกต่อไป

เหมือนไหม เฝ้าติดตามคนรักของเธอไปไม่ยอมห่าง เขาอาจเป็นเพียงคนเดียว ที่จะสามารถพาเธอให้พ้นออกไปจากกรงขังที่เต็มไปด้วยความรักของครอบครัวนี้ได้ กรงที่แสนอบอุ่นปลอดภัย กรงที่เธอทั้งรัก และเกลียดในเวลาเดียวกัน กรงที่เธอไม่แน่ใจว่ามันมีอยู่จริงหรือไม่ แต่มันจะอยู่ตรงนั้นเสมอ เมื่อเธอต้องการ 'ไม่ ฉันไม่เคยต้องการมัน'

ที่เธอต้องทำก็แค่เงียบเอาไว้ 'เขาซ่อนอยู่ในบ้านร้างหลังนั้นตลอดเวลา' เขาไม่ได้แอบหายไปทำเรื่องไม่ดีอะไรทั้งนั้น สิ่งที่เธอมองเห็นในกระจก มันเป็นเพียงจินตนาการ เป็นความเพ้อผันที่จะเกิดขึ้นกับทุกคนหากส่องกระจกตอนกลางคืน ในความมืดมิดแบบนั้น

ผู้คนมากมายมองเห็นอะไรในนั้นที่แตกต่างกันออกไป มันอาจจะเป็น อดีต ปัจจุบัน อนาคต ใบหน้าของคู่ชีวิตที่ยังไม่เคยได้พบเจอ ใบหน้าของคนรัก คนรู้จัก หรือคู่อริที่ตายจากโลกนี้ไปแล้ว บางคนอาจถึงกับสามารถพูดคุยกับกระจก ไต่ถามถึงเรี่องที่ต้องการรู้

'กระจกวิเศษบอกข้าเถิด ใครงามเลิศในปฐพี'

ยังมีสิ่งลี้ลับอีกมากมายที่อาจฉายภาพออกมาจากในกระจก วัตถุประหลาดที่สามารถสะท้อนให้เห็นถึงโลกที่ไม่เป็นจริง โลกที่ทุกสิ่งทุกอย่างถูกสลับสับเปลี่ยนข้าง มันยังสะท้อนทุกอย่างไม่ว่าจะเป็นแสงสว่าง หรือความมืด แม้กระทั่งภาพของการก่อเหตุฆาตกรรมที่ไม่ได้เกิดขึ้น ไม่ว่ามันจะมีความสมจริงมากเพียงใดก็ตาม

ชายสวมหน้ากากที่ทำการฆ่ารัดคอหญิงสาวอย่างเลือดเย็นคนนั้นไม่ใช่เขา 'ผมจะไปซ่อนอยู่ในบ้านร้าง เพื่อหลอกให้สองคนนั้นตกใจเล่น' เขาอยู่ในบ้านร้าง 'คุณต้องช่วยผม' เหตุการณ์ที่เห็นนั้นไม่ใช่ความจริง

'กลับไปคราวนี้ ผมจะเริ่มต้นทำธุรกิจที่ฝันเอาไว้ ผมจะไปสู่ขอคุณอย่างถูกต้อง พ่อแม่ของคุณจะมั่นใจในตัวผม ในความรักของเราทั้งคู่'

กรงของเธอจะถูกเปิดออก เธอจะได้รับอิสระ ให้โบกโบยบินออกไปในฟ้ากว้าง เธอยิ้มให้กับตัวเอง กอดกระชับลำแขนหนา และอบอุ่นข้างนั้น

บางทีเธออาจไม่รู้ ว่าภายในกรงนั้นก็ยังมีที่ว่าง และใต้ท้องฟ้ากว้างก็ยังมีกรงอยู่เช่นกัน เธออาจโบยบินออกจากกรงหนึ่ง เพื่อเข้าสู่อีกกรงหนึ่งเท่านั้น กรงที่เธอจะเริ่มมองเห็นมันได้ในไม่ช้า

กรงที่เธอบอกว่าเกลียด แต่กลับต้องการมัน และไม่เคยยอมรับ

ความจริงแล้วที่เธอไม่เคยโบยบินเลยสักครั้งนั้น เป็นเพราะว่า เธอคือนกที่หลงลืมปีก เธอผูกล่ามขาของตน ด้วยสายโซ่ความคิดที่ถักทอขึ้นมาด้วยตนเอง การมีกรงขังอยู่หรือไม่นั้น มันไม่สำคัญเลย ตราบเท่าที่เธอยังคงล่ามตัวเอง หุบปีก และเอาแต่ทอดสายตามองขึ้นไปในฟ้ากว้าง การมีกรงอยู่หรือไม่นั้น จะต่างกันอย่างไร

'สิ่งที่ฉันต้องทำก็แค่ปิดปากให้สนิท'

ปล่อยให้ทุกสิ่งทุกอย่างผ่านเลยไป เพียงแค่นั่งเกาะคอนล่ามตัวเอง เงยมองดูท้องฟ้ากว้างเคลื่อนที่ผ่านไป เพราะมีใครบางคนนำพากรงของเธอติดมือไปด้วย แล้วนึกฝันเอาเองว่า กำลังกางปีกโบกโบยบินอยู่ในท้องฟ้ากว้าง

'อา นี่คือความรักที่แสนงดงาม'

เธอแนบแก้มเบียดแขนของเขาให้แน่นยิ่งขึ้น มันเย็นเยียบจนเธอเกือบสะดุ้ง แต่ก็เพียงวูบเดียวเท่านั้น แล้วมันก็ผ่านไป เหมือนกับทุกสิ่งในชีวิตของเธอที่ผ่านมา

'ใช่ ปล่อยให้มันผ่านเลยไปเหมือนกับทุกครั้ง'

ปุ้ยรู้สึกเป็นห่วงจริง เขาดูไม่ค่อยปกติ หมายถึงไม่ปกติมากกว่าเดิม 'เขาเป็นคนแปลก' แต่เขาก็เป็นคนดี นั่นเป็นสิ่งที่เธอไม่อาจปฏิเสธ เขาดีกับเธอเสมอมา เพียงแต่ว่าระยะหลังมานี้ เธอเอาแต่กังวลอยู่กับเรื่องของน้องสาว ที่ไม่ใช่น้องสาวแท้ๆ ของตัวเอง

'ก็แล้วมันจะเป็นอะไรไปเล่า'

ก่อนหน้านี้มันดูเหมือนกับเป็นเรื่องคอขาดบาดตาย เป็นเรื่องใหญ่โตที่เมื่อเธอต้องการจะมองดูเรื่องอื่นๆ บ้าง ก็ทำได้เพียงมองลอดผ่านตามช่องว่างรอยโหว่ของมันออกไปเท่านั้น มันกลายเป็นทุกสิ่ง เป็นโลกของเธอ 'ทั้งที่จริงๆ แล้ว มันไม่ได้เป็นอะไรแบบนั้นเลย'

'ฉันฆ่าเธอไปแล้วเมื่อคืนนี้' ทั้งในทะเล และในกระจกบานนั้น 'สองครั้ง' แต่จริงๆ แล้วมันมากกว่านั้น ในช่วงเวลานับตั้งแต่เธอได้รับรู้ความจริง เธอได้ลงมือฆ่าน้องสาวตนเองไปแล้วไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง ในความคิด และทุกครั้งมันไม่เคยทำให้เธอรู้สึกดีขึ้น เธอเคยคิดว่าเป็นเพราะมันไม่ใช่ความจริง แต่มันไม่ใช่อย่างนั้น

'เมื่อคืนนี้มันเหมือนจริงเหลือเกิน' ไม่ใช่แค่เหมือน 'แต่มันเป็นความจริง'

'ฉันฆ่าเธอไปแล้วจริงๆ เมื่อคืน ถึงสองครั้ง' และมันก็ไม่ทำให้เธอรู้สึกดีขึ้นเลยแม้แต่น้อย ปัญหาที่แท้จริงของเธอคืออะไร ความไม่พอใจนั้นเริ่มต้นมาจากที่ไหน เธอยังไม่แน่ใจ แต่เมื่อเริ่มไล่ตามเส้นทางของความรู้สึกไป ดูเหมือนว่าทั้งหมดจะนำไปสู่จุดหมายเดียวกัน บุคคลคนหนึ่ง ที่มีเงาอันแสนคุ้นเคยทอดยาวอยู่บนพื้น

เธอได้เห็นใบหน้าของหญิงสาวเจ้าของเงามืดดำนั้นอย่างชัดเจน มันเป็นใบหน้าของเธอเอง เมื่อคืนที่ผ่านมา มันได้ถูกสะท้อนอยู่ในกระจกเงาบานนั้น

'ฉันควรหันไปใส่ใจกับเรื่องอื่นๆ ดีกว่า'

เคน แอบสำรวจมองทั้งสามคน เขารู้สึกหวาดระแวงจริงมากกว่าใครทั้งสิ้น ดูเหมือนเขาจะเป็นคนเพียงคนเดียว ที่อาจพูดอะไรที่ไม่ควรพูดออกมาอยู่เสมอ

'ตอนที่พวกเราอยู่ในทะเล นายหายไปไหนมา'

'แล้วนายซ่อนตัวอยู่ในบ้านหลังนั้นตลอดเลยจริงหรือเปล่า หรือพึ่งแอบย่องเข้ามาทีหลัง'

'ฉันไม่ได้ทำอะไรทั้งนั้น' เขาคิดทบทวนย้ำไปมา การโกหกที่แนบเนียนที่สุด คือการทำให้ตัวเองเชื่อในสิ่งที่ได้พูดออกไป นักโกหกผู้มีอิทธิพลต่างเป็นเช่นนั้น เขาสามารถหลอกได้ทุกคน หลอกลวงได้แม้แต่ตัวเอง คนที่สามารถไม่เชื่อถือบุคคลเหล่านี้มีอยู่ไม่มากนัก

พอข่าวเรื่องมีคนฆ่าตัวตายแพร่กระจายออกไป หรือหากมันไม่มีข่าว เขาก็จะเป็นคนกระจายมันออกไปเอง และเมื่อเงินค่าจ้างมาถึง ที่พักแห่งนี้ก็ควรจะมีราคาถูกลงกว่าเดิมมาก เขาคิดจะเข้าซื้อกิจการ ปรับปรุง และพัฒนาบริเวณนี้ ให้กลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ทุกคนจะต้องพูดถึง

เขาใจสั่นด้วยความตื่นเต้น เหยื่อ มากมายจะดั้นด้นเดินทางมา เหล่าแมลงเม่าที่พากันบินเข้าสู่กองไฟ ซึ่งเขาจะก่อให้มันลุกโชนสูงเทียมฟ้า เผาไหม้ให้ทุกคนได้กรีดร้องกันอย่างรื่นเริง ความสุขสนุกสนานที่ทุกคนเฝ้าค้นหา ความสุขสมปรารถนาที่บิดเบี้ยวน่าพอใจ

ความมึนเมา คนแปลกหน้า เรือนร่าง ความปรารถนาลึกล้ำ พวกมันใช่ความสุขหรือไม่ ความสงบ ความสบาย ความผ่อนคลาย พวกมันเป็นความสุข หรือความน่าเบื่อ แล้วอะไรกันเล่าคือความสุขที่ทุกคนเฝ้าค้นหา ที่ทุกคนต่างไขว่คว้าต้องการได้มาเป็นเจ้าของ เขาไม่แน่ใจ เพราะเขารู้จักแต่ความสุขของตัวเอง ความสุขที่บิดเบี้ยวยิ่งกว่าของผู้ใดทั้งสิ้น

'ฉันไม่ได้ทำอะไรไม่ดี และไม่ได้คิดที่จะทำอะไรไม่ดี' เขาย้ำกับตัวเองซ้ำไปซ้ำมาในทุกลมหายใจเข้าออก

จริงใจ รู้สึกเวียนหัวอีกครั้ง ทุกสิ่งที่อยู่รอบกาย 'ความเป็นจริง' เริ่มลางเลือน เจือจางลงไป กลายเป็นจุดที่รวมตัวกันอย่างไม่คมชัด ทุกความเป็นไปได้ต่างพยายามเบียดแทรกตัวเองเข้ามาเพื่อให้ได้กลายเป็นความจริงที่มีอยู่เพียงหนึ่งเดียว

'หากเขาบอกออกไปจะเกิดอะไรขึ้น หากเขาไม่บอกอะไรจะเกิดขึ้น หากเขาทำโน่น หากเขาทำนั่น หากเขา...หากเขา' ความจริงทุกสิ่ง ในทุกความเป็นไปได้ วิ่งผ่านไปอย่างรวดเร็วดุจความเร็วแสง 'อะไรคือหนทางที่ถูกต้อง อะไรคือหนทางที่ควรก้าวไป' ดูเหมือนมันจะไม่มีคำตอบ

ที่เบื้องหลังห่างออกไปไม่ไกล คฤหาสน์หลังนั้นกลับแลเห็นเป็นรูปร่างที่ชัดเจนตัดกับท้องฟ้าเบื้องหลัง ที่ดูมืดทะมึนกว่าบริเวณอื่นๆ อย่างแปลกตา

#####

จริงใจ นั่งเหม่อมองดูท้องทะเลกว้าง มันไม่น่าหวาดกลัวอีกต่อไป แต่เขารู้สึกได้ถึงอีกสิ่งหนึ่ง สิ่งที่น่ากลัวยิ่งกว่า มันคือสิ่งก่อสร้างที่ตั้งตระหง่านตัดกับท้องฟ้าอยู่ทางด้านหลังของเขาห่างออกไปไม่ไกล

'ความเป็นไปได้ในทุกสิ่ง เส้นทางที่ตัดสินใจเลือกเดิน ฉันยังคงอยากที่จะเปลี่ยนมันซ้ำแล้วซ้ำเล่าอยู่อีกหรือไม่' เขาหลับตา มันไม่เคยมีคำตอบ จนกระทั่งแขนข้างนั้นฉุดดึงเขาขึ้นมาจากทะเล 'ไม่ใช่แขนข้างนั้น แต่เป็นคำพูดนั้นต่างหาก'

'ฉันก็จะยังรัก และรักไปตลอดกาล'

เขาหยิบสมุดบันทึกขึ้นมา สุ่มเปิดมัน ก่อนทำลายความเงียบที่เกิดขึ้นในช่วงระยะเวลาสั้นๆ นั้นให้มันแหลกสลายลงไป

“ในคืนอันมืดบอด แพรดาวพราวพร่างฟ้า เฉิดฉายในความมืดมิด ความรักทั้งมวลจะถูกทายท้า จากเธอผู้ไร้รัก ผู้สวมใส่ราตรีกาล ผู้มองผ่านดวงตะวัน”

เขาอ่านมันออกมา ทั้งที่ไม่รู้ความหมาย มันเดินทางไปสู่เธอ ผู้ที่มีชื่อถูกกล่าวถึงอยู่ในนั้นด้วย เธอรับฟังคำพูดที่ไร้ความหมาย ซึ่งค่อยๆ ก่อเกิดเป็นความหมายบางอย่างขึ้นภายในจิตใจ มันเป็นทั้งข้อด้อย และจุดเด่นของการติดต่อสื่อสารด้วยคำพูดของมนุษย์

คำพูดที่สามารถก่อให้เกิดความหมายซึ่งหลุดพ้นไปจากคำพูดนั้น ก้าวเข้าสู่ดินแดนที่ไม่เคยมีคำพูดใดเดินทางไปถึง คำพูดที่เป็นเพียงตัวส่ง เพื่อก่อให้เกิดความเข้าใจที่ทะลุออกจากโลกสามมิติที่เราคุ้นชิน

“...คะ...”

เขาปิดสมุดบันทึกในมือ และไม่คิดจะเปิดมันออกมาอีกเลยตลอดกาล เขายิ้มให้กับตัวเอง 'ตลอดกาลอีกแล้ว ถ้ามันจะมีความหมายอะไรสักอย่าง มันก็หมายความว่า มันไม่มีสิ่งนั้น สิ่งที่เรียกว่า ตลอดกาล'

“ผมต้องกลับไปแล้ว”

“ค่ะ” เธอมองออกไป เห็นพระอาทิตย์คล้อยต่ำลงมามากกว่าที่คิด เหมือนกับช่วงเวลาบางส่วนได้ถูกขโมยออกไปจากชีวิตของเธอโดยไม่รู้ตัว

”ไม่นึกว่าจะเย็นป่านนี้แล้ว ฉันเองก็คงต้องกลับที่พักเหมือนกัน”

ทั้งสองต่างลุกขึ้น ปัดเม็ดทรายที่ติดตามตัวให้ร่วงกลับคืนสู่หาดทราย ทั้งคู่ต่างยิ้มให้กัน

“ลาก่อน โชคดีนะครับ”

“โชคดีเช่นกัน ลาก่อนค่ะ”

เธอเดินกลับสู่คฤหาสน์หลังนั้น ซึ่งจะเป็นที่พักของเธอในค่ำคืนนี้ เธอไม่ได้หันมองกลับไป จึงไม่ได้เห็นว่าชายคนนั้นเดินหายไปยังสถานที่ใด

เขาไม่กลัวทะเลอีกแล้ว หนึ่งก้าว สองก้าว สามก้าว 'วงคลื่นแห่งจุดเริ่มต้น' ผิวน้ำกระจายออกเป็นวงเมื่อชายไว้หนวดเคราก้าวช้าๆ ลงไป เขามองไปรอบๆ ด้วยดวงตาเบิกกว้าง ก่อนพบเห็นหญิงลึกลับสองคน โลกของทั้งสามได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของกันและกัน คนหนึ่งนั้นเป็นคนที่เขาไม่เคยลืม แต่อีกคนทำให้เขาต้องครุ่นคิด ก่อนจะนึกออกว่าเธอคือใคร

'เธอคือ มิยาซาว่า รุริโกะ นักเขียนคนนั้น' เขารู้สึกเศร้า อยากจะบอกเธอถึงอนาคต 'ไม่ใช่' อดีต 'ไม่ใช่' จุดจบ ที่กำลังรอเธออยู่ ก่อนจะส่ายหน้าในที่สุด 'มันไม่มีประโยชน์อะไร' สุดท้ายเขาก็ละสายตาไปหาผู้หญิงอีกคน

เขาเดินไปหานาง ด้วยท่าทางราวกับแบกโลกทั้งใบเอาไว้บนแผ่นหลัง ลังเลทำอะไรไม่ถูก จนกระทั่งนางยิ้มอย่างอ่อนโยน พร้อมกับพูดเบาๆ 'แม่รักลูกเสมอ' เขาจึงเริ่มร้องไห้ โผเข้าไปโอบกอดนางเอาไว้ด้วยความรักที่เต็มเปี่ยม นางกอดตอบเขา ด้วยความรักที่มากยิ่งกว่า

เขาถอยออกมา มองดูนางอีกครั้งด้วยดวงตาแห่งความสำนึกผิด และนางปลอบโยนเขาด้วยรอยยิ้มแห่งการให้อภัย จนเขาสามารถยืนตรง และยิ้มได้อีกครั้ง ร่างของเขาค่อยๆ หดเล็กลง ก่อนที่จะกลับกลายเป็นเด็กชายตัวน้อย แต่นางกลับไม่เปลี่ยนเลยสักนิด นางจูงมือเขาแล้วทั้งคู่ก็เดินจากไปด้วยกัน จากไปสู่ทะเลของพวกเขา

ปลาฉลามวาฬส่งเสียงร้องสั่นสะเทือนน้ำทะเลออกไปเป็นวงกว้าง ลบเลือน ความเป็นจริง หรือ มายา ทุกสิ่งทุกอย่างให้จางหาย ในขณะที่ร่างของมันล่องลอยออกไปสู่ทะเลลึก กลับคืนสู่บ้านเกิดของมัน

'...หนี...ไป...'

เสียงสายลมหวีดหวิวดังแว่วมาราวกับเป็นเสียงกระซิบของใครบางคน ในขณะที่ แพรดาว เดินไปตามทางเดิน ความเคลื่อนไหวอย่างหนึ่งที่ข้างทางดึงดูดสายตาเธอไว้ แมวสีขาวขนมันวาวตัวใหญ่ที่มีดวงตาสีเข้มจัด กำลังคาบลูกน้อยซึ่งมีขนสีดำสนิท แต่ดวงตาใสกระจ่างเอาไว้ในปาก ร่างน้อยๆ นั้นห้อยค้างอยู่กลางอากาศอย่างน่าหวาดเสียว ทั้งหมดต่างหยุดมองหน้ากัน

แมวสีขาวที่มีดวงตาสีดำแห่งราตรี แมวสีดำที่มีดวงตาสีทองแห่งตะวัน แสงสว่างที่ให้กำเนิดความมืด ความมืดที่เปรียบเทียบให้เห็นถึงแสงสว่าง แล้วในชั่วพริบตา แมวตัวนั้นก็คาบลูกของมันวิ่งหนีหายไป

เธอเดินต่อไป ผ่านเข้าสู่ประตูของคฤหาสน์หลังโต บนหัวเสาทั้งสองข้างมีรูปปั้นงู หรือตัวอะไรบางอย่างที่คล้ายกันพันอยู่บนยอด มันเป็นอีกอย่างหนึ่งที่ถูกเอามาประดับได้อย่างผิดที่ผิดทางจนน่าขัดใจ

จากคุณ : zoi
เขียนเมื่อ : 7 ก.ค. 55 19:39:07




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com