Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
รถไฟ เรือเมล์ ลิเก ตำรวจ (และแมว) : ตอนที่ 4 ติดต่อทีมงาน

ตอนที่ 1 : http://topicstock.pantip.com/writer/topicstock/2012/03/W11888273/W11888273.html
ตอนที่ 2 : http://topicstock.pantip.com/writer/topicstock/2012/05/W12061718/W12061718.html
ตอนที่ 3 : http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W12192454/W12192454.html

----------------------------------------------------------------------------------

4


“สมพงษ์กับผมเคยเป็นเพื่อนเล่นกันมาตั้งแต่เด็กแล้ว ผู้กอง” เจ้าของอู่เรือเจริญชัยและพยานผู้แจ้งเหตุแก่ตำรวจตอบคำถามของพนักงานสอบสวนที่ถามถึงความสัมพันธ์ของตนกับผู้ตาย

ไม่เพียงแต่ให้ความร่วมมือด้วยดีทุกอย่างเหมือนคราวก่อนที่เขามาพบเพื่อสอบถามหลังได้รับข้อมูลจากญาติของอดีตพระเอกลิเกที่หายไปว่า พบคนที่เขาต้องการตัวมาที่นี่บ้างหรือไม่ แต่ก็ไม่พบ เถ้าแก่บุญเกิดยังเป็นฝ่ายที่เสนอความสะดวกแก่ชัชพล โดยให้เขาเข้ามานั่งหลบร้อน พูดคุยกันในห้องสำนักงานของตนภายหลังนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่และนักข่าวจากไปหมดแล้ว ทิ้งให้ร้อยเวรเจ้าของคดีและนายตำรวจชั้นประทวนผู้ช่วยเพียงไม่กี่นายดำเนินการต่อกันเองตามระเบียบ

ถึงจะถูกเรียกว่า ‘เถ้าแก่’ ทว่าเค้าหน้าของเขาก็บ่งชัดว่าเป็นคนไทยที่ไม่มีเชื้อสายจีนปะปน หากทุกคนเรียกขานเช่นนั้น เพราะเขาแต่งงานกับลูกสาวของเถ้าแก่คนก่อนและได้รับการสนับสนุนให้ควบคุมกิจการแทนต่อไป

“คุณสมพงษ์มาพบเถ้าแก่หรือเปล่าครับเมื่อคืนนี้ ก่อนที่จะพบว่าเขาเสียแล้ว”

ชายชราพยักหน้า “เมื่อสองวันก่อนที่เขาหายตัวไป เขาไม่ได้หนีไปไหน เขามาอยู่ที่บ้านผมเอง”

สิ่งที่ได้ยินทำให้ชัชพลนิ่งงัน หันไปมองหน้าก้องเกียรติโดยไม่ได้นัดหมาย

“ทำไมเถ้าแก่ไม่บอกผมมาตั้งแต่แรกว่าคุณสมพงษ์มาที่นี่”

“ผมบอกไม่ได้”

“เพราะอะไร” นายตำรวจหนุ่มซักต่อทันที พยายามมองหาร่องรอยของอารมณ์จากแววตาหรือน้ำเสียงของอีกฝ่าย ทว่าไร้ผล ครั้นพยายามจับพิรุธ ก็ไม่พบ

“เพราะสมพงษ์เป็นคนเอาแต่ใจ ต่อให้ผมบอกความจริง ผู้กองตามมาเจอเขา ก็เอาเขากลับบ้านไม่ได้อยู่ดี ดีไม่ดี ผมจะพลอยถูกเขามองว่าหักหลังเพื่อนทั้งที่รับปากไปแล้วว่า จะเก็บเรื่องที่เขาหนีมาไว้เป็นความลับ ต้องขอโทษด้วยที่ทำให้ผู้กองลำบาก”

“ไม่เป็นไรครับ” แม้จะพูดเช่นนั้น แต่ผู้ใต้บังคับบัญชาอย่างก้องเกียรติก็จับได้ถึงน้ำเสียงหงุดหงิดอยู่ลึก ๆ ของผู้เป็นนาย... ไม่ใช่เพราะต้องลำบาก แต่เป็นเพราะอีกฝ่ายไม่ให้ความร่วมมือจนเหตุบานปลายออกไปต่างหาก

“ทำไมต้องเชื่อคุณสมพงษ์ถึงขนาดนั้น... ฝ่ายที่ตามหาก็ไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็นลูกสาวของเขาเอง” ชัชพลว่า

“เพราะสมพงษ์มีบุญคุณกับผม” คำตอบสั้น ไร้อารมณ์เช่นเคย หากมีบางอย่างในประโยคนั้นที่ชวนสะกิดใจ

“มีบุญคุณ...” ชายหนุ่มขมวดคิ้ว “หมายความว่าไงครับ”

“ก่อนที่จะมาเป็นหัวหน้าคุมคนงานอู่ทั้งหมด และเป็นเจ้าของอู่เองเหมือนทุกวันนี้ ผมเคยเป็นนายตรวจเรือเมล์ที่นี่มาก่อน และตอนนั้นเองที่สมพงษ์เข้ามาเกี่ยวข้องกับชีวิตผมมากทีเดียว”  

บุญเกิดยิ้มน้อย ๆ มองหน้านายตำรวจรุ่นหลานที่มีแววสงสัยในสายตา “ผู้กองมีอะไรติดใจอย่างนั้นเหรอ”

ชัชพลตอบรับตามตรง “ครับ ผมไม่เคยได้ยินคำว่า นายตรวจเรือเมล์มาก่อน นึกไม่ออกเลยว่าคุณสมพงษ์ ซึ่งเป็นนายโรงลิเกเข้ามาเกี่ยวข้องอะไรกับเรื่องนี้ได้”
“ผมลืมไปว่า คนหนุ่มรุ่นผู้กองหรือหมู่คงไม่รู้จักเรือเมล์... ขอโทษทีเถอะ” เถ้าแก่อู่เรือหัวเราะออกมาเป็นครั้งแรก “นายตรวจเรือเมล์ ไม่ใช่คนที่มีหน้าที่มาดูตั๋วผู้โดยสารว่ามีหรือไม่มี แอบขึ้นฟรีหรือเปล่าอย่างพวกรถไฟหรือรถเมล์หรอก  ผู้กอง งานนายตรวจเรือเมล์แต่ก่อน คือ งานรักษาความปลอดภัยสมัยนี้ดี ๆ นั่นละ เพราะสมัยสามสี่สิบปีที่แล้ว ระหว่างสองฟากแม่น้ำบางช่วงยังเป็นป่า เป็นไร่ โจรผู้ร้ายชุกชุม ก็ต้องหาคนที่มีฝีมือด้านการต่อสู้ ไม่กลัวใครมาเป็นนายตรวจ เวลาโจรเอาเรือมาเทียบแล้วขึ้นปล้น จะได้สู้กับโจรมันได้”  

คำอธิบายดังกล่าวได้ให้คำตอบเกี่ยวกับรูปลักษณ์ภายนอกและแววตาของชายผู้นี้ได้แจ่มชัดเป็นอย่างยิ่ง

แม้อยู่ในวัยเจ็ดสิบปีเศษ หากเถ้าแก่บุญเกิดยังคงคล่องแคล่วราวกับอายุไม่ใช่อุปสรรคที่ทำให้ร่างกายเสื่อมถอยลงเลยแม้แต่น้อย ร่างกายใหญ่หนาและผิวเข้มกร้านแดดอย่างคนเคยกรำงานหนักมาตลอดช่วงวัยหนุ่มทำให้เขาดูแข็งแกร่งกว่าคนรุ่นราวคราวเดียวกันคนอื่น ๆ แววตาที่มองลูกน้องในอู่ เป็นสายตาของคนที่ครองงานและครองคนอื่นได้อย่างดี หากมีบางอย่างในใบหน้าเรียบเฉยนั้นที่ชวนให้นายตำรวจหนุ่มนึกถึงเพื่อนข้างบ้านของเขาอย่างบอกไม่ถูก  

“ผมเป็นคนเรียนไม่เก่ง เรียนได้ถึง ป. 4 ก็ออกมาหางานทำ พอมีฝีมือทางหมัดมวยบ้าง ผ่านสังเวียนมาก็หลาย พอเริ่มเบื่อ เถ้าแก่ พ่อของภรรยาผมก็รับสมัครนายตรวจเรือเมล์ ผมก็เลยไปสมัคร แล้วตอนที่ผมเป็นนายตรวจเรือเมล์นี่เอง ที่ผมแย่งปืนจากไอ้โจรที่มันเอาพานท้ายฟาดหัวผมตอนเข้ามาปล้นเรือ แล้วยิงสวนไปจนพวกมันตายไปคนหนึ่ง นอกจากตำรวจจะจับโจรที่เหลือได้แล้ว ผมก็พลอยถูกจับไปด้วยในฐานฆ่าคนตาย...”

เขาเงียบไปนิดหนึ่งคล้ายนึกถึงเพื่อนผู้ล่วงลับ “สมพงษ์เข้ามาเป็นธุระ เอาเงินมาประกันตัวผม หาทนายให้ผมสู้คดีในศาล ซึ่งบุญคุณตั้งแต่ตอนนั้น ต่อเนื่อง ยาวนาน ผูกพันผมมาจนถึงทุกวันนี้ ไม่มีทางที่ผมจะปฏิเสธสิ่งที่เขาขอได้เลย”

“ผมพูดอย่างนี้ผู้กองคิดว่าผมชนะคดีหรือเปล่า”  จู่ ๆ เขาก็ถามขึ้น

คำถามนั้นทำให้ ส.ต.ต. ก้องเกียรติเลิกคิ้วน้อย ๆ รู้สึกแปลกใจกับท่าทีของอีกฝ่ายที่มีท่าทีคล้ายจงใจทำให้นายของเขาฉุกใจคิดอะไรบางอย่างตามที่ตนต้องการ แทนที่จะเป็นฝ่ายตอบคำถามอย่างตรงไปตรงมาเช่นทุกที แต่สิ่งที่ทำให้เขาประหลาดใจยิ่งกว่า คือ ผู้บังคับบัญชาของเขาดูเหมือนไม่สังเกตถึงข้อผิดปกตินั้นแม้แต่น้อย และกลับเป็นฝ่ายยอมตอบคำถามดังกล่าวแต่โดยดี ไม่มีการย้อนถามพยานอย่างไม่เกรงใจ ซึ่งต่างไปจากทุกครั้ง

“ชนะครับ” ร.ต.อ. ชัชพลตอบเพียงสั้น ๆ

“เพราะอะไร”

นายตำรวจหนุ่มตอบ “การป้องกันสิทธิของตนเองหรือผู้อื่นให้พ้นจากภยันตรายจากการประทุษร้ายที่ใกล้จะถึง ถ้าได้กระทำไปพอสมควรแก่เหตุ ถือว่าการกระทำนั้นเป็นการป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมาย ผู้นั้นไม่มีความผิด... เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในเรือยากจะป้องกันด้วยวิธีการอื่นได้ และการตอบโต้โจรที่ขึ้นปล้นเป็นการกระทำที่พอสมควรแก่เหตุ ถ้าสู้ด้วยเรื่องนี้ ผมคิดว่า โอกาสที่จะพ้นผิดก็เป็นไปได้สูงครับ”

“แต่ถึงจะรู้อย่างนี้ หน้าที่ของตำรวจอย่างผม คือ ต้องทำสำนวนสั่งฟ้องไปตามความผิด แต่ก็ต้องแสดงเหตุยกเว้นความผิดตามกฎหมายไปได้ จะปล่อยไปทันทีไม่ได้ ผู้ต้องหาก็คงต้องลำบากไประยะหนึ่ง” เขายิ้ม “หวังว่าเถ้าแก่คงเข้าใจ ไม่คิดว่าผมเข้าข้างตำรวจด้วยกันหรอกนะครับ”

เจ้าของอู่เรือทำเสียงหึในลำคอ “ใช่ ผมหลุดคดีฆ่าคนตายมาได้ด้วยเพราะเรื่องป้องกันจริง ๆ นั่นละ... หลังจากผมพ้นผิดแล้ว ผมถึงได้รู้ว่า เพื่อนที่คบหากันมาแต่เด็กคนไหน มันเห็นผมเป็นเพื่อนจริง ๆ”

เขายิ้มน้อย ๆ เมื่อเห็นอีกฝ่ายแสดงความอยากรู้อยากเห็นออกมาอย่างเปิดเผย

“ถ้าผู้กองอยากรู้ว่า ตำรวจที่จับผมมันเป็นใคร ผู้กองก็ลองไปถามผู้กำกับธำรงดู เขารู้ดีทีเดียว... แต่ถ้าผู้กองไม่เชื่อว่าสมพงษ์มาอยู่ที่บ้านผมตอนที่ลูกสาวของเขาบอกว่า เขาหายตัวไป ผู้กองลองไปถามนายช่างเรวัติดูก็ได้ เราเป็นคนบ้านเดียวกัน เล่นหัวมาด้วยกันแต่เด็ก เขารู้ดีทุกเรื่องเกี่ยวกับผม สมพงษ์ และธำรงอีกคนหนึ่ง”

“แล้วนายช่างเรวัติที่ว่านี่ อยู่ที่ไหนครับ”

“ผู้กองรู้จักพิพิธภัณฑ์รถไฟจำลองไหมเล่า... นั่นละ ไปตามเขาได้ที่นั่น เรวัติเคยเป็นนายช่างการรถไฟ ตั้งแต่เด็กจนแก่ ลมหายใจเข้าออกก็เป็นเรื่องของรถไฟทีเดียว ถึงจะเฉียดตายเพราะรถไฟมาแล้วก็เถอะ”


(มีต่อนะคะ)

จากคุณ : ปิยะรักษ์
เขียนเมื่อ : 9 ก.ค. 55 01:01:11




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com