Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
'สวิง' รัก ... 'พัตต์' หัวใจ (บทที่ ๘) ติดต่อทีมงาน

ขอเกริ่นสักนิด

นิยายเรื่องนี้เป็นเรื่องราวของ ชยพล ชายหนุ่มผู้ซึ่งโดนบิดาปรามาสว่าชาตินี้ไม่มีวันทำอะไรสำเร็จ เขาจึงตั้งใจจะเป็น 'โปรกอล์ฟ' เพื่อลบคำสบประมาทให้ได้ และการจะเป็น 'โปรกอล์ฟ' ให้สำเร็จโดยเร็วก็ต้องอาศัย ชาลิดา 'แคดดี้มือหนึ่ง' เป็นสำคัญ

ความสำเร็จคงอยู่ไม่ไกล... ถ้าทั้งคู่ไม่ตีกันตายเสียก่อน

นิยายเรื่องนี้จะมีเรื่องราวเกี่ยวกับการเล่นกอล์ฟครบทั้งบรรยากาศและเทคนิค หวังว่าผู้อ่านจะได้รับความบันเทิง และความรู้ในกีฬาชนิดนี้บ้างตามสมควร

ปกติผมจะเขียนเรื่องเกี่ยวกับธรรมะและประวัติศาสตร์ ซึ่งถือว่าค่อนข้างจริงจังพอสมควร เรื่องนี้จึงเป็นอีกหนึ่งอารมณ์ที่พยายามจะกุ๊กกิ๊กกับเขาบ้าง หากไม่หวานหรือกุ๊กกิ๊กเท่าไหร่ ก็ให้ถือว่าเป็นเพราะวัยที่ล่วงเลยวันหวานมานานเกินไปแล้วกันนะครับ ^_^

นิยายเรื่องนี้เขียนเกือบจบแล้ว (เหลือประมาณสองบทสุดท้าย) ตั้งใจจะลงเดือนละสองครั้งครับ คือ วันที่ ๑ กับ ๑๖

คาดว่ากว่าจะลงครบก็คงเขียนจบพอดี ดังนั้นเป็นอันรับประกันว่า ต้องลงให้เพื่อนๆ ได้อ่านกันจนจบอย่างแน่นอน


บทที่ ๗
http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W12245947/W12245947.html

.........


บทที่ ๗ (ต่อ)


หลุม ๑๕ พาร์ ๔ ระยะ ๓๒๕ หลา ถือว่าเป็นหลุมทำคะแนน เพราะเป็นพาร์ ๔ สั้น

แคดดี้มือหนึ่งยืนภาวนาขอให้นายของตนไม่ตีลูกเข้าไปแถวๆ แนวต้นไม้ทางด้านขวา เพราะแคดดี้ที่นี่รู้กันดีว่าแถวนั้นมีอะไร ใจหนึ่งนึกอยากจะบอกให้เขารู้ด้วย แต่อีกใจหนึ่งแย้งว่า ถ้าไม่ตีเข้าไปแถวนั้นก็ไม่น่ามีปัญหาอะไร ท้ายสุดเธอเลือกที่จะเงียบ

ช็อตแรก....

ชยพลตีหัวไม้ ๑ เฟดเกินมาตรฐานของตัวเองอย่างไม่ได้ตั้งใจ แต่ลูกดันเลี้ยวเข้าไปในจุดที่ราวกับจงใจแกล้ง

ชาลิดาเห็นเข้าเข่าแทบทรุด แต่ยังเก็บอาการได้ดี เธอกลั้นใจเดินไปหาลูกช้าๆ ภาวนาอย่าให้สิ่งที่ไม่พึงประสงค์วนเวียนอยู่ในขณะนี้

ฝ่ายคนตีไม่รู้เรื่องอะไรด้วย ก้าวฉับๆ เข้าไปหาลูกด้วยความหงุดหงิด

จากจุดที่ลูกหยุดนิ่งอยู่ไปจนถึงกลางกรีน ระยะประมาณ ๑๔๐ หลา ชยพลเลือกใช้เหล็ก ๗ เขาตั้งใจตีให้ลูกตกหน้ากรีน แล้วกระเด้งเข้าไป

เมื่อวางแผนการตีเรียบร้อย เจ้าตัวจึงก้าวเข้าไปจรดลูก แล้วตีทันที เมื่อหน้าไม้ปะทะลูก เขารู้สึกได้ถึงความนุ่มนวล และลูกก็ทะยานออกไปอย่างไร้ที่ติ ตกหน้ากรีน แล้วค่อยๆ กลิ้งเข้าไปกอดธงตามแผน “สุดยอด!” เขาว่าพลางกำหมัดชกลมอย่างสะใจ
ไม่มีเสียงแสดงความยินดีใดๆ จากแคดดี้มือหนึ่ง

ทายาทผู้บริหารสนามกอล์ฟนึกเคืองที่เธอใจจืดใจดำ ตีดีขนาดนี้ไม่เอ่ยปากชมสักคำ ตั้งใจจะต่อว่าให้จ๋ำหนับ แต่พอหันไปกลับเห็นจำเลยยืนตัวเกร็ง หลับตาปี๋ ท่าทางขนลุกขนพอง

ชาลิดาค่อยๆ หรี่ตาขึ้นอย่างหวาดระแวง ครั้นเห็นอีกฝ่ายก็เอ่ยเสียงสั่น “คุณพล... ช่วยด้วงด้วย”

เสียงนั้นแผ่วอยู่ในลำคอ ราวกับกลัวว่าจะไปทำให้ผึ้งตัวน้อยที่กำลังไต่อยู่บนคอเสื้อได้ยิน

คนถูกขอร้องอมยิ้ม แล้วแสร้งทำท่ายุ่งยากใจ “จะให้ผมช่วยยังไงล่ะนี่”

“ก็เอามันออกไปซี่...” น้ำเสียงของเธอน่าสงสารเหลือเกิน เจ้าตัวพยายามเบือนหน้าหนี แต่เดี๋ยวก็เหลือบลงไปมองมันอีก เจ้าผึ้งตัวนี้ก็ช่างเจ้าชู้นัก ไต่ลงไปวนเวียนอยู่แถวๆ ทรวงอกอิ่มที่ดันเนื้อผ้าขึ้นมาจนนูน

ชยพลชักรู้สึกยุ่งยากใจขึ้นมาจริงๆ จะใช้ปลายนิ้วดีดเจ้าแมลงตัวน้อยออก ก็เกรงจะพลาดไปโดนส่วนที่ไม่สมควร จึงละล้าละลังอยู่อย่างนั้น


.........



บทที่ ๘


ชยพลยืนยิ้มอยู่หน้ากระจกบานยาวในห้องแต่งตัวของคลับเฮาส์สายตาของเขามองเงาของตัวเอง แต่สมองกลับหวนไปคิดถึงแคดดี้มือหนึ่งกับเจ้าผึ้งตัวน้อยในสนาม

เขาเข้าใจว่าผู้หญิงส่วนใหญ่เกลียดกลัวเจ้าสัตว์ประเภทนี้แต่ที่ไม่เข้าใจก็คือ ทำไมผู้หญิงที่มีลักษณะแข็งแกร่งราวกับดอกไม้เหล็กอย่างชาลิดาจะพลอยเป็นไปกับเขาด้วย

เจ้าผึ้งจอมชีกอก็เหลือเกิน โบกมือไล่อย่างไรก็ทำเฉยราวกับว่าชาตินี้ข้าขอยอมตายอยู่ที่ปทุมเกสรดอกนี้แหละ

ไม่รู้ว่าเจ้าของร่างที่กำลังสั่นเทิ้มขยะแขยงจนสุดทนหรือรำคาญมือที่มัวแต่ง้างนิ้วเตรียมดีดค้างส่ายไปมาอย่างหาเป้าหมายยังไม่ได้ จึงปัดผึ้งนั้นด้วยตัวเองแล้วลากรถกอล์ฟโกยแน่บชนิดลืมตายแต่ยังอุตส่าห์ห่วงใยไม่ลืมที่จะดึงแขนนายของตนไปด้วย

อันที่จริงชยพลไม่ได้กลัวรู้สึกกลัวเลยสักนิด แต่ด้วยความที่นึกสนุกอยากทำตัวให้เข้ากับบรรยากาศเลยวิ่งตามไป

ทั้งนายและแคดดี้จึงพากันวิ่งหน้าตั้ง ต่างกันตรงที่แคดดี้ร้องเอะอะโวยวายส่วนนายหัวเราะร่า

เมื่อห่างออกมาในระยะที่คิดว่าปลอดภัยชาลิดายืนเท้าเข่าหอบแฮก สีหน้ายังไม่คลายความขยะแขยง ส่วนชยพลมองอีกฝ่ายด้วยความรู้สึกที่แปลกไปยามที่เธอเผลอก็ไม่ต่างกับผู้หญิงทั่วไป ดูบอบบาง น่าทะนุถนอมไม่ได้แข็งแกร่งเป็นอิฐเป็นหินอย่างที่เจ้าตัวพยายามแสดง และที่สำคัญ กิริยานั้นดูน่ารักน่ามองอย่างชนิดไม่อยากวางตา

ทว่าก็ไม่อาจมองได้นาน เพราะเมื่อแคดดี้มือหนึ่งเหลียวมาทายาทผู้บริหารสนามกอล์ฟก็ต้องรีบหลบสายตาคมกริบคู่นั้นและเริ่มรู้สึกตัวว่าตนคิดอะไรเลยเถิดไปเสียแล้ว ‘การจะตื้อเธอมาเป็นแคดดี้เพราะความสามารถล้วนๆไม่ใช่ด้วยเหตุผลอื่นใด’ นั่นคือความคิดที่เขาต้องย้ำกับตัวเอง

เมื่อนึกถึงเรื่องนี้ความหนักใจบางๆ เริ่มก่อตัวขึ้นภาพลักษณ์ของเขาแย่ในสายตาเธอ และถ้าเธอยังรู้สึกอย่างนี้ก็คงยากที่ความต้องการจะบรรลุผลดังนั้นต้องลบภาพเหลาะแหละในสายตาของเธอทิ้ง และใส่ภาพความมุ่งมั่นจริงจังเข้าไปแทน

นั่นคือยุทธศาสตร์ที่ต้องทำให้สำเร็จส่วนจะใช้ยุทธวิธีใดนั้นเขาเองก็ยังไม่รู้



หลังวางสายจากเพื่อนรัก ญาณกรรีบโทรไปสนามกอล์ฟทันทีเขาท่องจำหมายเลขประจำตัวแคดดี้ของชาลิดาจนขึ้นใจ หวังจะใช้เพื่อการนี้โดยเฉพาะ

เจ้าตัวยิ้มร่าเมื่อเห็นว่าทุกอย่างเป็นไปตามแผนยิ่งคิดถึงคะแนนที่จะลดลงอย่างฮวบฮาบในวันพรุ่งนี้รอยยิ้มก็ยิ่งกว้างขึ้น แต่เพียงไม่กี่นาทีหลังจากนั้นเจ้าหน้าที่สนามกอล์ฟก็โทรมาขอโทษที่ต้องยกเลิกการจองแคดดี้ของเขา โดยให้เหตุผลว่าชาลิดาเพิ่งรับนัดนายคนอื่นด้วยตัวเองเมื่อไม่กี่นาทีก่อนหน้านี้

ราวกับสวรรค์พังครืนลงตรงหน้า

‘สิ่งที่แน่นอนคือความไม่แน่นอน’ เขาคิดถึงประโยคนี้ด้วยความรู้สึกเศร้าซึมอย่างที่สุดพานคิดไปว่า อยากเห็นหน้าคนที่ตัดหน้าเขาเสียจริงๆ

คะแนนเฉลี่ยในการเล่นกอล์ฟของเขาจะอยู่ประมาณ ๘๐–๘๕ ต่อรอบ แต่จากการแนะนำของชาลิดา คราวที่แล้วเขาสามารถเล่นได้ ๗๘ ซึ่งเป็นคะแนนดีที่สุดเท่าที่เคยเล่นมาสิ่งที่ยังค้างคาในวันนั้นก็คือ หากเขาเปิดใจรับคำแนะนำของเธออย่างเต็มที่ผลจะเป็นเช่นไรและนั่นคือเหตุผลที่ทำให้อยากลองใช้บริการเธออีกสักครั้ง เผื่อว่าบางทีความฝันลมๆที่เคยวาดไว้ตั้งแต่วัยเยาว์จะเป็นจริงขึ้นมา

ยิ่งคิดยิ่งเสียดาย แต่เขาเชื่อว่า โอกาสมีให้ผู้ที่ไม่ยอมแพ้เสมอและวันหนึ่งโอกาสของเขาต้องมาถึงอย่างแน่นอน

อุปสรรคอาจทำให้ผู้อื่นรู้สึกท้อแท้ แต่สำหรับเขาอุปสรรคคือเครื่องวัดความสามารถและพิสูจน์ความเข้มแข็ง การไม่ได้เกิดมาบนกองเงินทำให้ชีวิตต้องดิ้นรนต่อสู้ยิ่งเป้าหมายสูงก็ยิ่งต้องดิ้นรนต่อสู้สูงเป็นทวี หากเทียบกับขวากหนามที่เคยข้ามผ่านเรื่องเพียงเท่านี้ถือว่าเล็กมากสำหรับเขา

เมื่อจบปริญญาตรี ครอบครัวของญาณกรไม่มีกำลังทรัพย์เพียงพอที่จะส่งเสียให้เรียนต่อเขาจึงต้องหางานทำ ตอนแรกตั้งใจว่าจะสมัครงานตามบริษัทเหมือนคนอื่นแต่เมื่อไตร่ตรองอย่างถ้วนถี่ก็พบว่า หากดำเนินชีวิตไปตามครรลอง โอกาสที่จะนำพาความเป็นปึกแผ่นมาสู่ครอบครัวคงอีกไกลหรืออาจไม่มีวันสำเร็จเลยก็เป็นได้

ในตอนนั้นเขารู้เพียงว่าต้องทำธุรกิจความฝันจึงอาจเป็นจริงขึ้นได้ แต่ด้วยความที่เพิ่งหลุดจากรั้วมหาวิทยาลัย ไม่มีความเชี่ยวชาญอะไรสักอย่างประสบการณ์ก็ยังน้อย จะเอาปัญญาที่ไหนไปทำธุรกิจกัน ครั้นจะเร่ขายฝันตามรูปแบบของธุรกิจขายตรงเขาก็ไม่คิดว่าตัวเองจะมีความสามารถมากมายถึงเพียงนั้น

เขาเพียรหาช่องทางทำธุรกิจอยู่นานแต่ไม่ประสบผล รายได้จึงไม่มีในขณะที่รายจ่ายไล่หลังมาทุกวัน ขืนปล่อยไว้แบบนี้คงต้องเข้าตาจนแน่เพื่อแก้ปัญหาเฉพาะหน้าเขาจึงต้องตระเวนสมัครงานแต่ก็เงียบฉี่

เมื่อเข้าตาจน เขาจำต้องกลับไปช่วยครอบครัวปลูกผักปลูกหญ้าตามประสาแม้ต้องขุดดิน รดน้ำ จนมือเป็นระวิง แต่สมองกลับครุ่นคิดหาความเชี่ยวชาญในตัวเองทว่าหาอย่างไรก็ไม่พบ

เขารู้สึกว่าหนทางของตัวเองช่างมืดมนนัก

วันหนึ่ง ขณะกำลังนั่งทอดอาลัยอยู่ในศาลาริมน้ำหลังบ้านสายตามองเหม่อเข้าไปทางแปลงผักที่กำลังผลิดอกออกผลพลันฉุกคิดขึ้นได้ว่า เรามัวแต่ไปมองหาความเชี่ยวชาญและประสบการณ์ของตัวเองจากที่อื่นทั้งที่มันอยู่ตรงหน้านี่เอง

ผักชนิดไหนควรปลูกอย่างไร... เรารู้เมื่อเกิดปัญหาขึ้นต้องแก้อย่างไร... เราก็รู้ อย่างนี้ไม่เรียกว่าเชี่ยวชาญหรือเราคลุกคลีอยู่กับดินกับหญ้ามาตั้งแต่เกิด อย่างนี้ไม่เรียกประสบการณ์หรือ

เมื่อคิดขึ้นได้อย่างนั้นก็นึกขำ ไม่ใช่ขำที่ใกล้เกลือกินด่างแต่ขำในความอาภัพของตัวเอง

ก็เจ้าความเชี่ยวชาญและประสบการณ์ที่มีล้วนเกี่ยวกับเรื่องผักเรื่องหญ้าแล้วผักหญ้าจะสร้างความเป็นปึกแผ่นให้ครอบครัวได้อย่างไร

‘แม้จะอยู่ในช่วงตกต่ำก็จงจำไว้เถอะว่า ทุกชีวิตย่อมมีจังหวะและโอกาสของตัวเองเสมอ’ บิดาที่เพิ่งลาโลกพร่ำสอนอย่างนี้ซึ่งในตอนนั้นเขาไม่เคยเชื่อเลยสักนิด

จนกระทั่งวันหนึ่ง เขาได้เจอกับรุ่นพี่ที่เคยเรียนอยู่มหาวิทยาลัยเดียวกันรุ่นพี่คนนั้นทำงานที่บริษัทผลิตนมถั่วเหลืองรายใหญ่ของประเทศ คุยกันอยู่ครู่หนึ่งเขาก็เริ่มมองเห็นช่องในการทำธุรกิจนั่นคือปลูกถั่วเหลืองป้อนให้บริษัทนี้

ซึ่งรุ่นพี่คนนั้นก็ยินดีให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่

เขาเริ่มต้นธุรกิจด้วยการปลูกถั่วเหลืองลงบนที่ดินของครอบครัวขณะเดียวกันก็รณรงค์ให้ชาวบ้านละแวกนั้นร่วมปลูกด้วยโดยรับประกันว่ามีตลาดรองรับอย่างแน่นอน ตอนแรกชาวบ้านยังไม่ค่อยเชื่อทดลองปลูกกันเพียงเล็กๆ น้อยๆ แต่พอเห็นว่าเขาทำได้อย่างที่รับปากก็เริ่มมั่นใจหันมาปลูกถั่วเหลืองกันเป็นล่ำเป็นสัน

เวลาผ่านไปเพียงสามปี เขากลายเป็นพ่อค้าคนกลางรายใหญ่ที่สุดของประเทศและปัจจุบันกำลังมองหาช่องทางขยับขยายไปยังต่างประเทศอีกด้วย

ปัจจุบันครอบครัวของเขาถือว่ามีความเป็นปึกแผ่นมากทุกคนมีความเป็นอยู่ที่ดี ไม่ต้องตรากตรำเหมือนก่อนแล้ว เขาจึงได้ประจักษ์ว่าคำที่บิดาพร่ำสอนไม่ผิดจากความเป็นจริงเลย

เขาเชื่อว่าตราบที่มนุษย์มีความตั้งใจไม่มีอะไรที่ทำไม่ได้เรื่องชาลิดาก็เหมือนกัน เขาเชื่อว่าวันหนึ่งต้องได้เธอมาเป็นแคดดี้ให้อย่างแน่ และเมื่อถึงวันนั้นเขาจะกลายเป็นนักกอล์ฟอาชีพที่มีชื่อเสียงคนหนึ่งของวงการ



ประมาณสิบเอ็ดโมงของวันรุ่งขึ้น

เมื่อใกล้ถึงสนามกอล์ฟชยพลโทรนัดชาลิดาให้ไปเจอที่ลานจอดรถพอเขาเคลื่อนรถเข้าไปถึงลานจอด เห็นชาลิดายืนแอบเงาไม้คอยอยู่ ดูจากเวลาและท่าทางนี่น่าจะเป็นการทำงานรอบที่สองของเธอ

อันที่จริงเขาชื่นชมในความขยันหมั่นเพียรของเธอยิ่งรู้ว่ามีภาระหนักที่ต้องดูแลก็ยิ่งเห็นใจ แต่เมื่อเห็นท่าทีที่เธอมีต่อเขาแล้วอดนึกเขม่นไม่ได้อาจเพราะที่ผ่านมาเขาไม่เคยโดนปฏิเสธและมีแต่คนอยากคบหา พอมาเจอท่าทีเฉยชาของแคดดี้มือหนึ่งจึงรู้สึกขัดใจ

อันที่จริงเขาจะใช้บารมีของลูกชายประธานบริหารบังคับให้เธอมาเป็นแคดดี้เลยก็ได้แต่หากทำอย่างนั้นก็ไม่ต่างกับข่มเขาโคขืนให้กลืนหญ้า เขาไม่อยากให้ออกมาในรูปนั้นและที่สำคัญเจ้าตัวดูมีทิฐิมานะเกินกว่าจะวางใจได้ เขายอมรับว่าไม่กล้าเสี่ยงที่จะวัดใจกับคนอย่างเธอ

หากอยากได้ความเต็มใจจากเธอ บางทีอาจเป็นเขาเสียเองที่ต้องยอมลดทิฐิ

“วันนี้ผมจะตั้งใจตี อยากรู้ว่าหากเล่นจริงจังผลจะออกมาเป็นยังไง”ชยพลเอ่ยขณะกระวีกระวาดวิ่งอ้อมไปดึงถุงกอล์ฟออกจากเบาะด้านข้างคนขับด้วยตัวเอง“คราวที่แล้วผมเล่นได้เท่าไหร่นะ”

ชาลิดาพนมมือไหว้นอบน้อมหลังจากที่ผู้ถามดึงถุงกอล์ฟออกมาจากรถแล้วเธอนิ่งคิดชั่วอึดใจ “ร้อยสิบค่ะ”

“คุณว่าวันนี้ผมจะเล่นได้เท่าไหร่”

“ขึ้นอยู่กับคุณพลค่ะว่าจะเล่นได้ดีแค่ไหน”

“ถ้าวันนี้ผมฟังคำแนะนำจากคุณโดยไม่โต้แย้ง” ชยพลพูดด้วยน้ำเสียงและท่าทางจริงจัง “จะได้ต่ำกว่าร้อยหรือเปล่า”

ชาลิดามองอีกฝ่ายด้วยแววตาฉงน ไม่แน่ใจว่าการที่เขาพูดอย่างนี้มีวาระซ่อนเร้นหรือเปล่า“ไม่แน่ค่ะ”

“วันนี้ผมจะเชื่อฟังรับประกันว่าจะไม่ทำให้รำคาญใจเลย”เขาเอ่ยขึ้นขณะกดรีโมทล็อกรถ “หวังว่าคุณจะเห็นความตั้งใจจริงของผมบ้าง”

ชยพลพูดจบเดินลิ่วไปทางคลับเฮาส์ ปล่อยให้แคดดี้มือหนึ่งยืนอึ้งกับถ้อยคำของเขาจะฟังว่าเป็นการตัดพ้อ หรือจะฟังว่าเป็นการประชดก็ได้ซึ่งทั้งสองอย่างทำให้เชื่อได้ว่าทายาทผู้บริหารสนามกอล์ฟอาจล่วงรู้ความคิดของเธอ


เมื่อเข้าไปในอาคารคลับเฮาส์ ชยพลพบว่าญาณกรนั่งคอยอยู่ก่อนแล้วหลังทักทายกันพอเป็นพิธีก็ชักชวนกันเดินลงบันไดไปทางด้านหลังของอาคารซึ่งแคดดี้จะไปคอยบรรดานายๆ อยู่แถวนั้น

ครั้นญาณกรเห็นชาลิดาถือถุงให้ชยพลก็รู้สึกสะดุดใจแต่ไม่ได้กระโตกกระตากให้ใครรู้ว่าเขาโทรมาจองเธอเหมือนกัน


วันนี้ก๊วนของชยพลเริ่มต้นที่หลุม ๑๐ พาร์ ๔ระยะ ๓๔๕ หลา

ถือเป็นหลุมพาร์ ๔ สั้นแต่แฟร์เวย์มีลักษณะโค้งเกือบจะหักศอกไปทางด้านขวา ในการเล่นหลุมนี้ส่วนใหญ่บรรดานักกอล์ฟจะวางตัวอยู่แถวๆหัวโค้ง ซึ่งมีระยะประมาณ ๑๙๐ หลาจากแท่นทีออฟ


ช็อตแรก....

ญาณกรออกด้วยเหล็ก ๔ เขายังคงตีได้ตรงและไกลเช่นเคยลูกของเขาไปหยุดอยู่กลางแฟร์เวย์ ตรงทางโค้งพอดี

ชยพลเห็นอย่างนั้นก็ตั้งใจว่าจะออกด้วยเหล็ก ๓เพราะรู้ดีว่าตัวเองตีสั้นกว่าเพื่อนประมาณ ๑๐ หลา แต่ชาลิดายื่นหัวไม้ ๑ ให้ “หัวไม้หนึ่งก็แหกโค้งเข้าป่าสิ” เขาท้วงเบาๆ

แคดดี้มือหนึ่งขึงตาแทนคำตอบ ‘ไหนว่าจะไม่โต้แย้ง?’ คนทักท้วงตีความภาษาตาได้อย่างนั้น

ใช่... เขาลั่นวาจาไว้อย่างนั้นแต่นี่มันเห็นกันชัดๆ ว่าถ้าออกด้วยหัวไม้หนึ่งต้องทะลุแฟร์เวย์แน่จึงยังลังเลอยู่

“คุณพลลองตีดูเถอะค่ะ เดี๋ยวพอถึงตรงนั้นลูกจะโค้งไปทางขวา”

คำอธิบายของแคดดี้มือหนึ่งไม่ทำให้เขาเข้าใจอะไรขึ้นเลยแต่ก็อยากรู้ว่าจะเป็นอย่างที่เธอพูดหรือเปล่า จึงเดินถือหัวไม้ขึ้นไปบนแท่นทีออฟบรรจงปักที ซ้อมสวิงลมสามครั้งตามปกติของตัวเอง จากนั้นจรดหัวไม้ลงหลังลูกแล้วตีออกไป

ลูกทะยานตรงดิ่งออกไป ‘เข้าป่าแน่’ ชยพลคิดอย่างนั้นแต่พอถึงหัวโค้งลูกกลับเลี้ยวไปตามลักษณะของแฟร์เวย์อย่างที่ชาลิดาว่าไว้จริงๆ

คนตีเผลอตัวกำหมัดสะใจ แล้วหันไปพยักยิ้มให้แคดดี้ของตนเป็นเชิงขอบคุณเสียงปรบมือเบาๆ ดังมาจากเพื่อนของเขา

ชยพลเดินยิ้มร่าเข้าไปหาชาลิดาอยากถามว่าทำไมถึงเป็นอย่างนั้น แต่เจ้าตัวรับไม้แล้วเดินหนีไปเสียก่อน


ช็อตที่สอง...

ลูกของญาณกรอยู่ไกลหลุมกว่าจึงต้องเล่นก่อนชยพลกับชาลิดายืนหลบแนวการตีของเขาอยู่ใต้ร่มไม้แถวหัวโค้ง

“แคดด้วงรู้ได้ยังไงว่าลูกมันจะเลี้ยวไปทางนั้น”ชยพลถามขณะก้มหยิบขวดน้ำในถุงกอล์ฟที่เหลือค้างไว้ตั้งแต่คราวก่อน ทำท่าจะยกขึ้นกระดกแต่ชาลิดารั้งขวดไว้

“กินน้ำที่เหลือค้างไว้ไม่ดีหรอกค่ะ” เธอว่าพลางล้วงเข้าไปในถุงสัมภาระของตน หยิบขวดน้ำที่ยังมีไอเย็นพราวอยู่ส่งให้“ไหนจะตากแดดอยู่ตั้งนาน ไหนจะสารตกค้างในขวดอีก”

ชยพลยิ้มรับก่อนยกขวดขึ้นจิบ “ยังไม่ได้ตอบคำถามเลย”

“ก็คุณพลตีเฟด”

แคดดี้มือหนึ่งตอบสั้นๆ แต่เพียงเท่านี้ชยพลก็เข้าใจแล้วว่าเพราะอะไร

ธรรมชาติของการตีเฟด ลูกย่อมเลี้ยวจากซ้ายไปขวาอยู่แล้วซึ่งปกติจะทำให้หลุดไปทางด้านขวาของแฟร์เวย์ เป็นปัญหาที่เขาแก้ไม่ตก แต่ชาลิดารู้ธรรมชาติการตีของเขาและนำมาใช้ถูกที่ถูกเวลาลูกนี้จึงเลี้ยวไปตามลักษณะของแฟร์เวย์ได้อย่างสวยงาม

“ผมพยายามแก้แล้วนะ แต่ทำไม่ได้สักที”เขาเอ่ยอย่างกระดาก

“บางอย่างก็ไม่จำเป็นต้องแก้หรอกค่ะ แค่รู้ว่าเราตียังไงแล้วนำปรับใช้ให้เหมาะสมก็พอ แต่ที่สำคัญ ต้องตีให้ได้เหมือนเดิมทุกครั้งไม่ใช่ซ้ายทีขวาที อย่างนั้นถือว่าไม่แน่นอน ใช้ประโยชน์ไม่ได้”

พอชาลิดาพูดจบ ลูกของญาณกรก็พุ่งผ่านหน้าทั้งคู่ไปพอดีเธอจึงลากรถเข้าไปกลางแฟร์เวย์ที่ซึ่งลูกนายของตนหยุดนิ่งอยู่ ฝ่ายชยพลเดินตามไปด้วยความรู้สึกพอใจลึกๆตั้งแต่รู้จักกัน นี่เป็นครั้งแรกที่เธอพูดกับเขายาวและจริงจังที่สุด

เมื่อเดินไปถึงลูก ชยพลมองสำรวจไปทางกรีนเห็นลูกของญาณกรสงบนิ่งอยู่ก่อนถึงหลุมทรายที่วางดักไว้หน้ากรีน

“คุณพลต้องออนด้านซ้ายของกรีนนะคะ จะได้พัตต์ง่ายหน่อย” ชาลิดาเอ่ยขึ้น “ออนทางขวาจะพัตต์ยาก”

ชยพลเห็นด้วยกับคำแนะนำ เพราะมองจากจุดที่ยืนก็เห็นว่ากรีนมีลักษณะเทไปทางซ้ายถ้าพัตต์จากด้านซ้ายจะเป็นการพัตต์ขึ้นเนิน กะน้ำหนักได้ไม่ยาก หรือหากพลาดพลั้งพัตต์หลุดจากหลุมก็จะหลุดไม่ไกลเพราะมีเนินคอยยั้งอยู่ แต่ถ้าพัตต์จากทางขวาจะเป็นการพัตต์ลงเนินนอกจากกะน้ำหนักยากแล้ว หากลูกหลุดจากหลุมก็อาจไหลลงมายาวเลย

ระยะประมาณ ๑๒๕ หลา เขาเลือกใช้ ‘พิชชิ่งเวดจ์’ ซึ่งเป็นไม้ที่มีระยะระหว่าง เหล็ก ๙ กับแซนด์เวดจ์เขาพยายามจะทำให้ได้ตามแผนทั้งเรื่องน้ำหนักและทิศทางแต่ทำได้เพียงครึ่งเดียว

เขาตีไปออนก็จริงแต่ดันออนด้านขวาของกรีนต้องพัตต์ลงเนิน และที่สำคัญลูกตกแล้วหยุด ไม่กลิ้งไปข้างหน้าเลยสักนิด เลยหยุดต่ำกว่าปากหลุมลงมาพอสมควรทีเดียวดังนั้น นอกจากพัตต์ลงเนินแล้วยังมีไลน์บิดจากขวาไปซ้ายเยอะอีกต่างหาก

ชาลิดารีบขอโทษขอโพย เธอลืมบอกไปว่าเมื่อเช้าฝนตกและวันนี้อากาศก็ครึ้มทั้งวันกรีนจึงนุ่มกว่าปกติ ลูกตกแล้วจะไม่ค่อยวิ่ง

อันที่จริงชยพลไม่ได้นึกว่าเป็นความผิดของเธอเลยสักนิดไม่เคยคิดถึงฝนฟ้าด้วยซ้ำ แต่พอเจ้าตัวมาสารภาพเลยได้ทีขี่แพะไล่

“ถือว่าเป็นการพลาดครั้งแรก ผมให้อภัยก็แล้วกัน” ว่าแล้ววางท่าขึงขัง แต่พอเห็นแววตาสลดของอีกฝ่ายจึงหลุดขำ “ล้อเล่นน่า... คิดมากไปได้”

แววตาของชาลิดาค่อยแช่มชื่น ยิ้มแป้นให้เขา แต่เพียงอึดใจเจ้าตัวคงนึกได้จึงวางท่าเฉยเมยเช่นปกติแล้วเดินนำลิ่วไป ชยพลเห็นแคดดี้มือหนึ่งพลิกบุคลิกเพียงชั่วอึดใจเลยขำใหญ่


ช็อตที่สาม...

ญาณกรตีจากหน้าหลุมทรายเข้ามาออนทางขวาเหมือนชยพลแต่ดีตรงที่ลูกของเขาอยู่ในแนวเดียวกับหลุม จึงพัตต์ลงมาตรง มีไลน์ไม่มาก

จึงกลายเป็นว่า ญาณกรได้พัตต์พาร์ ส่วนชยพลพัตต์เบอร์ดี้

ลูกของชยพลไกลกว่าจึงเป็นฝ่ายพัตต์ก่อน

ชาลิดาย้ำเรื่องพัตต์ลงเนินกับนายของตนเธอว่าให้กะน้ำหนักเบากว่าหลุมประมาณ ๑ ฟุต และให้ไลน์ครึ่งวง ‘กิ๊ฟ’

‘วงกิ๊ฟ’ หมายถึงวงกลมที่สนามทำไว้รอบๆ หลุม จะมีเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ ๒ ฟุต

การเล่นกอล์ฟที่ไม่ได้แข่งขันอย่างจริงจัง หากใครพัตต์ลูกเข้าไปอยู่ในวงกิ๊ฟสามารถเก็บลูกได้เลย ถือเป็นการให้เกียรติกันว่าช็อตต่อไปต้องพัตต์ลงหลุมแน่นอนทั้งนี้เพื่อประหยัดเวลาในการเล่นนั่นเอง

ฝ่ายชยพล ด้วยความที่เกรงว่าหากพลาดลูกจะหลุดไปไกลจึงพัตต์แบบแหยงๆ ดังนั้น แม้จะเข้าไลน์ตามที่ชาลิดาบอกก็ไม่เกิดประโยชน์อะไรลูกหยุดก่อนถึงปากหลุมประมาณครึ่งฟุต

เจ้าตัวเห็นลูกวิ่งเข้าไลน์ก็รู้สึกเสียดาย คิดในใจว่า‘น่าจะพัตต์แรงกว่านี้อีกนิด’

จบหลุมแรก ชยพลได้พาร์ ญาณกรก็ได้พาร์เช่นกัน ถือว่าเริ่มต้นได้ดีทั้งคู่


หลุมต่อมาเป็นหลุม ๑๑ พาร์ ๓ ระยะ ๑๕๕ หลา

แม้ระยะจะไม่ไกล แต่รอบๆ กรีนเต็มไปด้วยอุปสรรคด้านขวาและด้านหน้ามีหลุมทรายดักไว้ ส่วนด้านซ้ายยาวไปถึงด้านหลังถูกขนาบด้วยบ่อน้ำ

ต้องออนเท่านั้น!


ช็อตแรก...

เจ้าถิ่นให้ผู้มาเยือนเล่นก่อนบ้าง ญาณกรเลือกใช้เหล็ก๗ และตีเข้าไปออนอย่างสวยงาม ห่างจากปากหลุมประมาณ ๗ ฟุต

ชยพลซึ่งถือเหล็ก ๖ ไว้ในมือ เห็นดังนั้นเกิดกดดันตัวเองว่าต้องตีให้ออนเหมือนเพื่อนอารามเกร็งเกินไปจึงตีท็อป ลูกพุ่งต่ำ ตกพื้นแล้วกลิ้งลิ่วๆ ลงไปในหลุมทรายหน้ากรีนนั่นเอง

ชยพลส่ายหัวดิก ส่งเหล็กคืนให้ชาลิดาแล้วก้าวพรวดๆนำไป

เมื่อถึงหลุมทรายก็พอสบายใจอยู่หน่อยว่าลูกลอยพอสมควรไม่ได้จมทรายอย่างที่กลัว

ชาลิดาส่งแซนด์เวดจ์ให้ “อย่าลืมฟอลโล่นะคะ”

คุณพระช่วย! ภาพที่เขาระเบิดอารมณ์ในหลุมทรายคราวที่แล้วตามมาหลอกหลอนและดันเกิดขึ้นอย่างปัจจุบันทันด่วนเสียด้วย



.........




(โปรดติดตามตอนต่อไป ๑๖ ก.ค. ๕๕)

แก้ไขเมื่อ 09 ก.ค. 55 09:19:18

แก้ไขเมื่อ 09 ก.ค. 55 09:18:37

จากคุณ : วรบรรณ
เขียนเมื่อ : 9 ก.ค. 55 09:08:34




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com