Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
เลขาเนื้อทอง :: ยอแสงแข - 6 ติดต่อทีมงาน

http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W12316306/W12316306.html

บทที่ 6

สำหรับปัญปัทม์ เธอเป็นหนี้บุญคุณณพนาและต้องหาทางชดใช้ในภายหลังแน่ เพราะทันทีที่เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น ตรงฉัตรก็ละสายตาจากเธอ หันหลังให้และตั้งใจสนทนาจริงจัง เขาไม่เห็นว่าเธอฉวยโอกาสนั้นแอบย่องหนีกลับบ้านเลย

แต่สำหรับตรงฉัตร คำถามมันต้องมีคำตอบ เขาจะไม่ปล่อยให้มันลอยนวลเยาะเย้ยความใคร่รู้ตลอดไปว่าเธอมาโผล่ที่นี่ทำไม ซ้ำในเวลาเหมาะเจาะตอนจับโจรเสียด้วย

"นายไม่ต้องจัดการอะไรทั้งนั้น รอฉันกลับไปจัดการเอง เข้าใจตามที่สั่งไหมนายตรง"

"เข้าใจสิ พูดภาษาไทยอยู่ไม่ใช่หรือ"

"เอ๊ะ มาทำเสียงพาลใส่แบบนี้ หมายความว่ายังไงยะ เดี๋ยวฉันก็ด่าข้ามฟ้าไปเสียเลย ฉันเองก็หงุดหงิดอยู่นะ ไหนจะเหลี่ยมไอ้พ่อค้าขี้หลี ไหนจะไอ้มารตามราวี แล้วไหนจะไอ้โจรหนอนบ่อนไส้อีก"

เลขาเนื้อทองเบนหน้าหนีคลื่นเสียงที่แหลมรัวกับดังลั่น หล่อนจะตะโกนทำไม ก็รู้แล้วว่าหงุดหงิด ไม่มีใครบ้าอารมณ์ดีที่รู้ว่าลูกน้องทรยศแอบขโมยข้อมูลลูกค้าไปให้คู่แข่งหรอกน่า

"นี่ พลิ้วโทรหานายหรือเปล่า น้องโทรหาฉัน แต่ตอนนั้นฉันไม่ว่างรับ พอโทรกลับ แม่ตัวดีก็งอนตุ๊บป่องไม่รับเสียอย่างนั้น เฮ้อ นี่ก็อีกคน จะรับรู้ปัญหาพี่สาวสักเรื่องได้ไหมนี่ เอ้า ว่ายังไงยะ ฉันถามก็ตอบๆ เสียทีสิ โอ๊ย ไม่ได้เรื่องสักคน"

หนุ่มขรึมเคาะขมับระอา หล่อนตัดสายไปแล้วหลังจากคายพายุโทสะจนหมดพลัง ตกลงว่าทั้งบ่นทั้งถามเป็นไม่ได้รู้คำตอบเสียทั้งหมด แล้วการโทรมาขัดจังหวะสำคัญก็พลอยทำให้เขาสูญเสียคำตอบที่เกือบจะได้แล้วด้วยเหมือนกัน




เขาทิ้งตัวลงนั่งแล้วพ่นลมพรู เหนื่อยใจเหนื่อยกาย หรือถ้ามีใครสักคนพอให้ระบายได้ เขาก็อยากจะบอกว่าเหนื่อยไปหมดนั่นล่ะ คุณยามวัยกลางคนคนหนึ่งมีน้ำใจช่วยชงกาแฟมาให้ สีหน้าก็ดูว่าจะไม่สบายใจ เขามองแวบเดียวก็เข้าใจ จึงบอกออกไปให้คลายกังวลว่า

"ไม่ใช่ความผิดของน้าผลหรอกครับ คนบุกรุกเข้าพกความตั้งใจเข้ามาเต็มร้อย เราป้องกันเข้มงวดมากแค่ไหน เขาก็ต้องหาทางของเขาจนได้ กลับไปทำงานต่อเถอะ ผมขอบคุณสำหรับกาแฟนะ แล้วก็จะนอนที่นี่เลย"

'น้าผล' ยิ้มแห้งๆ ในแววตาก็ซาบซึ้งน้ำใจที่ชายหนุ่มไม่เอาผิด แต่ก็สบายใจเลยไม่ได้หรอกนะ เพราะเจ้านายตัวจริงยังไม่กลับ และระหว่างที่รอๆ อยู่ ก็ต้องลุ้นระทึกกันไปเป็นวันๆ

"ยิ้มแห้งๆ แบบนั้นหมายความว่ายังไงครับ" ตรงฉัตรถามเมื่ออีกฝ่ายยังทำท่าลังเลไม่ไปเสียที

"แหม ถึงคุณตรงไม่เอาเรื่อง แต่มีใครไม่รู้บ้างละครับว่าคุณนาเธอเข้มงวดแค่ไหน นี่ถ้าเธอกลับมา พวกผมสามคนคงจะโดนไล่ตะเพิดยกยวง ดีไม่ดีเธอจะเอาเรื่องที่บริษัทด้วย คราวนี้ล่ะ พวกผมก็โดนไล่ออกยกยวงอีก"

ตรงฉัตรพยักหน้าว่าเข้าใจ เจ้านายสาวใหญ่ของเขาก็เด็ดขาดแบบนั้นจริงเสียด้วย เวลาโกรธขึ้นมาเหตุผลหรูให้ตายหล่อนก็ไม่ฟังหรอก แล้วถ้ายังพิรี้พิไรรบเร้าก็จะโดนว้ากล่ะ

เป็นผู้น้อยนี่มันลำบากและเสียเปรียบแบบนี้แหละ ทำเงียบๆ ก็ผิด อ้าปากอธิบายก็ว่าแก้ตัว ถ้ายังพยายามไม่เลิกก็จะโดนคดีเถียง หรืออาจหนักถึงขั้นแข็งข้อต้องไล่ออก

"ไปทำงานเถอะ ไว้ถึงตอนนั้นเสียก่อน ผมจะลองออมชอมให้เอง ลองนะครับ ไม่ได้รับปาก"

"ครับ ผมเข้าใจ เรามันก็ลูกน้องลูกจ้างเหมือนกัน"

"หมายถึงผมกับน้าผลหรือ"

"ครับ"

เพิ่งจะรู้สึกว่า 'ดีจัง' ที่มีคนมองเขาแบบนี้ มันเป็นแบบจริงๆ ที่เป็นเขา ทุกวันนี้เขาเป็นได้หลายอย่างในสายตาหลายคู่ ตั้งแต่เลขาเนื้อทอง คนขับรถคู่ใจ หนูตกถังข้าวสาร คู่นอนลับๆ

ล่าสุดก็ 'ชายชู้' และมันก็คงต้องเป็นอย่างนั้นเรื่อยไป เพราะเขาไม่เดือดร้อนที่จะแก้ตัว ชีวิตเขาเป็นของณพนา ตราบใดที่หล่อนเฉยๆ เขาก็ต้องทำอย่างหล่อน




ร่างบอบช้ำของนายสมเกียรติคุดคู้ติดเสากลม เขาพยายามบิดตัวหวังว่าจะให้เชือกที่มัดแน่นหลวมลงสักนิด สีหน้าก็ปราศจากแววสำนึกผิด แล้วแววตาก็ฉายความเดือดดาลเจือเคียดแค้นอีกด้วย

แต่ตรงฉัตรไม่ยี่หระหรอก เขานั่งเก้าอี้ประจันหน้าประจันตา พยักพเยิดให้พูดความจริง จนถึงตอนนี้แล้ว คงไม่ต้องให้ตั้งคำถามหรอก

"อย่าหวังว่าจะได้อะไรจากผม" นายสมเกียรติกระชากเสียงไม่กลัวล่ะ

"ถ้าคุณบอกผม ทุกอย่างมันก็อาจจะจบง่ายจบเร็วและจบเลย แต่ถ้าคุณอยากจะอมพะนำรอให้คุณนามาง้างปากเอง ทุกอย่างมันก็อาจจะจบไม่ง่ายจบไม่เร็วและดีไม่ดีก็ไม่จบ"

"ไม่ต้องมาขู่"

"ฟังให้มันเป็นคำขู่สิ"

หนอนบ่อนไส้เริ่มใจหวั่นลึก ทางโน้นคงทราบแล้วว่าเขาถูกจับได้ แล้วที่แย่ไปกว่านั้นก็ตรงที่เงื่อนไขที่เขาตกปากรับคำก็คือถ้าเกิดเรื่องก็รับไปคนเดียว พาดพิงเมื่อไหร่ 'ตาย'

แต่เมื่อมาฟังตรงฉัตรเจรจาตรงไปตรงมา เขาก็เห็นจริงเหมือนกันว่าณพนาเฉียบขาดและไม่เคยปรานีกับคนทรยศ แล้วแถมจับได้คาหนังคาเขาอีก โอกาสจะไม่จบมันมีสูงทีเดียว จะฝ่าปัญหาออกไปยังไงดี

ตรงฉัตรหรี่ตาใจเย็น อีกฝ่ายอยากคิดก็คิดไป เขากอดอกพิงพนัก และมั่นใจว่ารอได้นานมากกว่าหนึ่งวัน งานทั้งหมดก็โอนให้ผู้ช่วยสานต่อแล้ว มีบางส่วนเขาจะเก็บไว้ทำเองตอนดึกๆ ซึ่งตอนนั้นเชลยทรยศก็คงหลับคอพับไปแล้ว

อ้อ แล้วที่คอพับก็ไม่ใช่เพราะว่าง่วงตามธรรมชาติหรอกนะ แต่น่าจะเป็นว่าอ่อนเพลียจัดเพราะงดอาหารและน้ำ มันช่วยไม่ได้จริงๆ ใครก็ตามที่ตกอยู่ในสภาพต้องเข้ารับการผ่าตัด ในท้องต้องว่าง

"คุณจะจัดการยังไงก็ว่ามาเถอะ ผมไม่มีคำอธิบายหรือคำแก้ตัว ผมเลือกที่จะเดินบนทางสายนี้ ก็แสดงว่าผมพร้อมที่จะเสี่ยงกับความเพลี่ยงพล้ำ"

"ก็ดีครับ ทระนงดี"

เชลยเริ่มร้อนใจกับท่วงท่านิ่งๆ ของพ่อเลขาเนื้อทอง ไม่รู้จะมาไม้ไหน ก็รู้ๆ กันทั้งบริษัทว่าตรงฉัตรไม่ใช่พนักงานธรรมดา เขามีอภิสิทธิ์เหนือกว่าคนอื่น ทุกคนเกรงใจเขาราวกับเป็นเจ้านายรอง ราศีวาสนามันจับยังไงก็ไม่รู้

แต่ก็นั่นล่ะ วาสนาที่ได้มาจากชายกระโปรงผู้หญิง ต่อให้ราศีมันเปล่งประกายเจิดจ้ายังไง มันก็โสโครกและน่าดูแคลนมากกว่ายกย่อง

"ตอนแรกผมตั้งใจว่าจะอยู่คุยเป็นเพื่อนคุณทั้งวัน แต่ในเมื่อคุณแสดงตัวตนอันทระนงออกมาแล้ว ผมก็ไม่จำเป็นต้องเสียเวลา อยากเป็นผู้กล้าตายในสนามรบอย่างโดดเดี่ยวใช่ไหม ตามสบาย"

"นึกว่าแน่" นายสมเกียรติแสยะยิ้มดูแคลน

"แต่ผมเตือนสติไว้สักนิดนะ" ตรงฉัตรลุกขึ้น ไม่ถือสาว่าอีกฝ่ายดูหมิ่นทั้งเสียงทั้งยิ้ม "ผู้กล้าส่วนใหญ่ที่เขายอมตายในสนามรบ ก็เพราะว่าเขาไม่มีคนข้างหลังให้ต้องห่วงให้ต้องกังวล หรือพูดอีกนัยก็คือเขาสั่งเสียกันไว้เรียบร้อยแล้ว"

"อะไรนะ" คราวนี้เชลยเลิกคิ้ว ใจก็คงเสียวๆ อ้อ เริ่มขยับตัวเผยพิรุธหวั่นๆ ข้างในให้เห็นด้วย "นี่คุณคงไม่คิดเลวๆ แบบนั้นใช่ไหม ครอบครัวผมไม่รู้เรื่อง อยากทำอะไรกับผมก็ทำสิ ไม่ต้องไปยุ่งกับพวกเขา"

"อ้อ พูดมาแบบนี้ก็แสดงว่ายังมีคนข้างหลังให้ต้องห่วงให้ต้องกังวล หรือพูดอีกนัยก็คือยังไม่ได้สั่งเสียกันไว้ให้เรียบร้อยละสิ"

"คุณตรง"

"คุณไม่ต้องเท้าความว่าอะไรที่มันเป็นแรงจูงใจให้คุณทรยศคุณนา ไม่ต้องสาธยายว่าคุณยอมเป็นหนอนบ่อนไส้เพื่อข้อแลกเปลี่ยนวิเศษแค่ไหน คุณแค่บอกอย่างเดียวว่าคนจ้างคุณชื่อพันศิลป์ ตอบแค่ว่าใช่หรือไม่ใช่"

นายสมเกียรติกระวนกระวายหนักขึ้น เขาไม่ใช่คนโง่หรอก ในเมื่อทางนี้ยกเรื่องครอบครัวมาข่มขู่ได้ ทางโน้นไม่ยิ่งกว่าหรอกหรือ ระดับมาเฟียอสังหาริมทรัพย์อย่างพันศิลป์ แค่พยักหน้านิดเดียว สมุนขนาบซ้ายขวาก็อ่านใจออกแล้ว

'เจ็บใจจริงๆ ' เชลยลอบเกรี้ยวกราดใส่อารมณ์กับความเพลี่ยงพล้ำของตน มันพลุ่งพล่านอยู่ในทรวงหวั่นๆ ก็มันไม่น่ามาพลาดครั้งสุดท้ายเลยไม่ใช่หรือ

เขาตั้งใจว่าเสร็จจากงานนี้แล้ว ก็จะรีบลาออกพาครอบครัวกับเงินค่าจ้างก้อนใหญ่ไปเริ่มต้นชีวิตที่ไม่อัตคัดนักที่บ้านเกิดยโสธรอยู่แล้ว แต่ดูสิ เหตุการณ์กลับพลิกล็อกไปหมด มันเพราะอะไรกันนะ ทำไมร่องรอยทรยศถึงรั่วไหลเข้าตาไอ้หนุ่มชู้ตรงฉัตรได้เล่า

แหม ห้วงคำนึงเคืองๆ โกรธๆ ของนายสมเกียรติไม่รู้ว่าจะลอยไปกระแทกใจปัญปัทม์ที่ยังนอนซึมเซาบนเตียงในห้องตัวเองหรือเปล่า

เพราะต้องบอกว่าร่อยรอยทรยศมันก็ได้มาจากรูปถ่ายรูปหนึ่งที่เธอไม่ตั้งใจพาดพิงเขาสักนิด ใจจริงของเธอน่ะ จะหาหลักฐานสาวใหญ่มั่วชายชู้ต่างหาก

"ครอบครัวผมจะปลอดภัยใช่ไหม"

หลังจากใคร่ครวญนานมาก และตรงฉัตรก็นั่งได้นิ่งกับเงียบมากด้วย นายสมเกียรติก็เลือกอย่างแรก สามีภรรยาคู่นี้หมางใจกันด้วยปัญหาในมุ้ง สองฝ่ายแข็งกร้าวใส่กันอย่างดุเดือด ณพนาก็ขิง พันศิลป์ก็ข่า คนรอบตัวที่ถูกดึงเข้ามาสนองตัณหาเอาชนะก็เป็นได้แค่ 'เหยื่อ'

ดังนั้น หากชั่งน้ำหนักให้ดี ยอมความเข้าทางณพนา ครอบครัวเขาน่าจะปลอดภัยกว่า เพราะอย่างน้อยหล่อนก็เป็นผู้หญิง แล้วตรงฉัตรก็เถอะ แม้ภายนอกจะดูเย็นชาเคร่งขรึม แต่กิตติศัพท์ปรานีผู้น้อยก็พอจะอุ่นใจได้อยู่ หรือสรุปง่ายๆ ว่าทางนี้ไม่ใช่มาเฟียละเอ้า

ซึ่งก็แน่นอนล่ะ เปรยยอมความนำร่องเสียเสียงอ่อนขนาดนั้น มีหรือความจริงถัดไปจะไม่ไหลพรูเหมือนน้ำร่วงจากก๊อก

ตรงฉัตรยิ้มเบื่อๆ เขาคร้านจะเล่าซ้ำ ถ้าเจ้านายสาวใหญ่กลับจากไต้หวันเมื่อไหร่ เขาก็แค่เปิดคลิปให้ชม ที่เหลือหลังจากนั้น หล่อนคงจัดการเอง แต่สำหรับวันนี้ ทุกอย่างจบง่ายจบเร็วและจบเลยเรียบร้อยแล้ว เขาดีใจจังที่ได้กลับบ้านเร็วกว่าที่แอบเซ็งๆ ไว้ในตอนแรก




แผลบวมและอักเสบนิดหน่อยแล้ว การยืดหยุ่นของหัวเข่าจึงทำได้ลำบาก แน่นอน มันต้องส่งผลไปหน่วงการเคลื่อนไหวทั้งหมดให้หนืดลงกว่าปกติ แล้วปัญปัทม์ก็เซ็งกับมันจังเลย

"อ้าว จะลุกไปไหนอีก" นางผุดผ่องส่งเสียงเอะอะสะกดร่างที่กระเถิบสะโพกหนีห่างฟูกพลางวางถาดข้าวลง

"มันร้อน" สาวทนายแก้ตัวส่งเดช

"ร้อนอะไร พัดลมจ่อหัวตัวเท้าตัวตั้งขนาดนี้ เอ้า มากินข้าวก่อน จะได้กินยา ไข้รุมตั้งแต่เมื่อคืนยังไม่ลดไม่ใช่หรือ"

"ลดแล้ว"

ปัญปัทม์รีบบอก มารดาขึงตาหมั่นไส้นัก หน้าแดงหูแดง ตาบวมก็แดงเสียขนาดนั้น ยังมีหน้ามาปดไม่เข้าท่า ไม่เกรงใจว่ารักมากละก็ จะผลุงไปเขกหัวให้ปูด ในใจคิดอย่างนั้น แต่กิริยาภายนอกก็ได้แต่นั่งเนือยๆ แล้วถอนใจเฮือกกลุ้มๆ

"มีอะไรอีก ถอนใจเหมือนขาไพ่ขาด"

"เออ ก็ขาดจริงๆ แต่ไม่ใช่ขาไพ่นะ"

"อ้าว แล้วขาอะไรละแม่"

"ขาแกไง ถ้าไม่กระเถิบกลับมากินข้าว แม่จะสับขาแกทิ้งเดี๋ยวนี้แหละ"

บุตรสาวคนเก่งสะอึกเกือบยิ้มไม่ออก ร่างบอบช้ำโผเผกลับมามองถาดข้าวกับถุงยาอย่างเบื่อๆ เธอร้อนใจเรื่องงานมากกว่าห่วงกิน เวลาสามเดือนของเธอมันหดสั้นลงไปทีละวันแล้วนี่

ไอ้อยากได้ค่าจ้างมาเปิดร้านในฝันมันก็เรื่องหนึ่ง แต่งานหินที่ท้าทายฝีมือและความรับผิดชอบมันก็ยิ่งใหญ่พอกัน เธอไม่อยากล้มเหลวพร้อมกับความรู้สึกค้างคาทำนองว่า 'ยังพยายามไม่พอ'

"นี่ แล้วไอ้ที่แกเล่ามาเมื่อคืนนี้น่ะ แกแน่ใจนะว่าทางโน้นจะไม่ส่งคนตามมาเอาเรื่อง แม่ละกลุ้มกับกลัวแทนแกจริงๆ ไอ้ปัทม์เอ๊ย ถ้าแกเป็นอะไรไป แม่กับน้อง.. "

"ไม่หรอกน่า" ปัญปัทม์วางช้อนลง ว่าจะตักข้าวเข้าปากเสียหน่อย มารดากลับรำพันยาวเหยียดจนกินไม่ลง "คุณตรงฉัตรเขาไม่ใช่คนบุ่มบ่ามแบบนั้น ปัทม์ดูเขาออก ผู้ชายคนนี้จะทำอะไรต้องมีแผน ต้องคิด"

เธอสบตาลังเลของมารดาแน่วนิ่ง หากแต่ในใจกลับไพล่ไปนึกถึงพ่อเลขาเนื้อทองอย่างหวั่นๆ ใช่ เธอยอมรับกับตัวเองว่าแอบหวั่นวิตกอยู่

ก่อนหน้านี้ เธอกล้าที่จะดักรอเขาตรงไหนเมื่อไหร่ก็ได้ หรือจะขอเข้าพบตามขั้นตอนก็ได้อีกเหมือนกัน แต่เพราะเหตุการณ์พลิกผันเมื่อคืนวานแท้ๆ เลย เธอจึงกลายเป็นสาวมีคดีติดตัว

"เออ เอาเถอะ แม่ก็ไม่ค่อยรู้เรื่องรู้ราวกับงานของแกนัก บ่นๆ รำพึงๆ ไปเรื่อยเปื่อยล่ะ แกก็อย่าเก็บมาใส่ใจเลย กินข้าวกินยาเถอะ จะได้นอนพัก วันนี้นอนให้เต็มที่เต็มอิ่มสักวัน ไม่ต้องไปไหนแล้ว"

นางผุดผ่องตัดบทเมื่อเห็นริ้วรอยกังวลฉายชัดบนวงหน้าเคร่งเครียด ตั้งแต่รับคดีใหญ่มาทำ นางรู้สึกว่าบุตรสาวลดความร่าเริงลงไปโขเชียว ก่อนหน้านี้ กลับถึงบ้านทีไร เป็นต้องมีเรื่องมาเล่ามาคุยฟุ้งครัวฟุ้งบ้าน แต่พักหลังๆ แค่ตะกายบันไดขึ้นมาทิ่มหัวให้ถึงหมอนได้ก็เก่งจะตายไปแล้ว

"ไอ้ปัทม์เอ๊ย" นางเรียกเมื่ออีกฝ่ายยังไม่เลิกปั้นหน้าเครียดแม้แต่ขณะเคี้ยวข้าว "แกเปิดช่องว่างให้สมองแกได้พักได้คลายเสียบ้างเถอะวะ"

"ไม่ได้หรอกแม่จ๋า งานนี้มันใหญ่ หิน แต่รายได้งาม ปัทม์ไม่อยากล้มเหลว"

"งานมันจะใหญ่แค่ไหน รายได้มันงามยังไง แม่ก็ไม่มีความสุขกับความสำเร็จของแก กับเงินเยอะๆ ที่แกหามาให้แม่หรอกนะ ถ้ามันต้องแลกกับสุขภาพที่ห่วยลงๆ ของแกน่ะ"

"โธ่ แม่ก็คิดมากไปได้ ปัทม์ไม่ใช่คนใจเสาะน่า ไข้นิดหน่อยกับแผลเล็กกว่าก้านไม้ขีดแค่นี้ มันล้มไอ้ปัทม์คนเก่งประจำตรอกซอกซอยบ้านเราไม่ได้หรอกน่า"

"เออ แกเก่ง แม่รู้ แต่นกมันก็บินสูงได้เท่าที่ปีกมันมีกำลังกระพือเว้ย"

ปัญปัทม์ยิ้มตื้นตันไล่หลังร่างท้วมที่ลงบันไดไปแล้ว คงจะไปง่วนกับงานในครัวต่อนั่นล่ะ ส่วนเธอก็ต้องง่วนกับการกินข้าวกินยาให้มันเสร็จๆ เรื่องไป

เอ.. แต่จะว่าไปแล้วมารดาก็เตือนสติได้ไม่ผิดหรอกนะ ถ้าเธอไม่อยากล้มเหลว เธอก็ต้องมีพลังเก็บตุนเอาไว้เยอะๆ ก็เหมือนนกนั่นล่ะ ถ้าปีกไม่มีกำลังกระพือ อย่างมากก็บินสูงได้แค่เรี่ยดิน แต่นกอิสระอย่างปัญปัทม์คนนี้ แค่เรี่ยดิน 'มันยังไม่พอ'




อมฤทธิ์แวะมาเยี่ยมลูกน้องสาวจอมห้าวตอนหัวค่ำ เขายิ้มทะเล้นใส่หน้าเคืองๆ ก่อนจะโยนถุงผลไม้ของฝากใส่ตักยั่วโมโห อีกฝ่ายก็ของขึ้นถลึงตากัดปากให้เขาหัวเราะชอบใจได้จริงๆ เสียด้วย

"ขาเดี้ยงไปข้างหนึ่งแล้ว ยังทำดุเป็นผู้นำหมาอีก"

"อะไรกัน พูดให้ดีๆ ใครที่ไหน อย่างปัทม์น่ะหรือขาเดี้ยง แค่เข่าแตกนิดหน่อย"

"ไม่หน่อยนะ"

ลูกพี่แย้งขำๆ แตะแผลบวมๆ ร้อนๆ ในใจน่ะลอบกังวลกับสงสาร แต่สีหน้ากลับยิ้มระรื่นเหมือนสมน้ำหน้า

เขาเองก็ไม่ลืมหรอกว่างานหินชิ้นนี้มันหนักเกินไป ไม่ควรหลับหูหลับตายกให้สาวทนายมือใหม่ไร้ประสบการณ์รับไปแบกไว้คนเดียว แต่มันก็จนใจจริงๆ ในเมื่อพันศิลป์ต้องการอย่างนั้น

"ผมไม่ต้องการทนายชั้นเก๋ามากประสบการณ์ ยิ่งมีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักก็ยิ่งไม่ต้อง"

"อ้าว แบบนั้นจะไปชนะฝ่ายโน้นได้ยังไงครับ"

"ปัญหาของทางคุณไม่ใช่หรือ ผมไม่จำเป็นต้องช่วยคิดหรอก แต่ขอย้ำว่าผมต้องการทนายที่ไม่มีใครรู้จัก ยิ่งเป็นเด็กใหม่ได้เลยยิ่งดี แต่มีข้อแม้นะ ใหม่แต่ต้องใจถึง ผมชอบคนใจถึงมากกว่าคนเก่ง"

"เอ้อ.. "

"ผมอยากเห็นน้ำหน้าไอ้ขี้แพ้กลางศาลในกรณีที่เราเลี่ยงขึ้นศาลไม่ได้ ณพนาต้องกรี๊ดลั่นจนสติแตกแน่ๆ ถ้าเธอรู้ว่าทนายที่เก่งที่สุดที่เธอเลือกมาฉะกับผม กลับต้องมาพ่ายแพ้ให้กับทนายไร้ชื่อเสียงคนหนึ่ง"

"เอ้อ.. "

"การต่อสู้แบบเราสองคนนี่แหละที่ตรงกับสำนวนตาต่อตาฟันต่อฟันอย่างไม่ต้องบรรยาย"

นั่นล่ะ ทั้งหมดนั้นคือบทสนทนาระหว่างเขากับพันศิลป์ และเป็นที่มาของข้อสรุปแบบทุบค้อนว่าในสำนักงานของเขาไม่มีใครจะเหมาะสมกับงานหินชิ้นนี้ได้เท่ากับปัญปัทม์

แน่นอนอีกว่าไอ้เหตุผลสารพัดที่ยกมาอ้าง อย่างเช่นว่าทนายคนอื่นมีคดีในมือเยอะอยู่แล้ว ไม่มีใครอยากทำคดีมาเฟีย ไม่มีใครอยากเสี่ยงงานหิน มันเป็นแค่เรื่องโกหก ซ้ำยังตรงกันข้ามอีกด้วย มีแต่คนอยากทำกันตาร้อนตาลุก เพราะค่าจ้างงามเลิศ แถมถ้าทำสำเร็จละก็ ชื่อเสียงจะไหลมาเทมาเชียวล่ะ

"แกไหวแน่นะไอ้ปัทม์" เขาซ่อนภวังค์สำนึกผิดลึกๆ แล้วเลียบเคียงความตั้งใจของสาวคนเก่งเบาๆ

"ไหวค่ะ ปัทม์บาดเจ็บนิดหน่อยเอง มันเป็นเหตุสุดวิสัยด้วย นี่.. " เธอกระเถิบกระตือรือร้น ลดเสียงลงตอนเล่า "ตอนนี้รู้สึกว่าในบริษัทของคุณณพนาจะมีหนอนบ่อนไส้นะ ลองว่าลูกน้องแปรพักตร์แบบนี้ละก็ สภาพภายในมันคงไม่หรูนักหรอก พี่อมว่าจริงไหม"

"จริงไม่จริงก็เป็นปัญหาของเขา ไม่เกี่ยวกับเรา แกเถอะ ถ้าไหวแน่อย่างปากว่าพี่ก็เบาใจ แต่ถ้าไม่ไหว.. "

"ไหว ปัทม์มีแผนของปัทม์แล้ว ปัทม์จะทำให้สำเร็จ รอให้แผลหายก่อนเถอะ แล้วปัทม์จะเริ่มงานตามแผนทันที"

ประกายตามุ่งมั่นเจิดจ้าเสียขนาดนั้น ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อกันล่ะ อมฤทธิ์หรี่ตามองรอยยิ้มดื้อรั้นกึ่งเอาจริงเอาจังของลูกน้องสาวด้วยใจเพลียๆ

ใจหนึ่งแม้ไม่แช่งล่วงหน้า แต่รูปการณ์มันฟ้องว่าทางชนะน่ะมันไม่มีก็เห็นๆ อยู่ แต่ยิ้มรอยนั้นมันยังระบายทั่ววงหน้าใสอยู่เลย แล้วมันก็ทำให้อีกใจหนึ่งแย้งออกมาเบาๆ ให้เขาได้ยินว่า 'แต่เรื่องแพ้ง่ายๆ น่ะ ก็ยากอยู่นะ'

แก้ไขเมื่อ 09 ก.ค. 55 10:41:53

จากคุณ : รัชนีกานต์
เขียนเมื่อ : 9 ก.ค. 55 10:40:16




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com