17/1
งานเลี้ยงสมรสอย่างเป็นทางการจัดขึ้น ณ ห้องประชุมภายในโรงแรม ประกอบด้วยโต๊ะยาวคลุมด้วยผ้าสีขาว และช่อดอกไม้สีเดียวกันประดับทั่วทั้งห้อง ช่วยลดเหลี่ยมมุมต่างๆ ให้ละมุนละไม
เจ้าบ่าวในชุดสูทสากลเคียงข้างด้วยเจ้าสาวในชุดราตรีสั้นยืนต้อนรับแขกเหรื่อยังหัวโต๊ะฝั่งหนึ่ง แขกซึ่งมาร่วมงานส่วนใหญ่ได้แก่ผู้หลักผู้ใหญ่และคณะบุคคลซึ่งเคยร่วมงานมากับคาชาลและพี่ชาย รวมทั้งชายชราท่าทางใจดี ผมขาวหวีเรียบทั้งศีรษะ ดวงตาหลังกรอบแว่นจ้องมองบ่าวสาวด้วยความเมตตา ลลิลดาเคยเห็นบุคคลผู้นี้บนหน้าหนังสือพิมพ์ ดร. อูราล มาโย ประธานาธิบดีแห่งประเทศคาซาเนีย ผู้ให้เกียรติมาเป็นประธานในงานมงคล
เมื่อประธานของงานประจำยังหัวโต๊ะ สุดปลายโต๊ะยาวกว่าร้อยที่นั่งอีกฟากฝั่งหนึ่ง ก็ถึงคราวบ่าวสาวยืนดื่มขอบคุณแขกทั้งหลาย ก่อนดร. อูราลจะเป็นผู้นำดื่มอวยพรแก่บ่าวสาวเป็นลำดับถัดมา
เนื่องในงานมงคลวันนี้ ข้าพเจ้าขอดื่มอวยพรให้แก่บ่าวสาว นายคาชาล โยซี นูก้า ออย้าส บุตรแห่งเทพพระอาทิตย์ บุรุษที่ข้าพเจ้ารักดั่งลูกหลาน และนางสาวลลิลดา กระจ่างจิต สตรีจากแดนไกลผู้มอบความรักและชีวิตให้แก่แผ่นดินผืนนี้ ภายใต้สายตาเฝ้ามองของเทพพระอาทิตย์และเทพีจันทรา ชีวิตคู่ของบ่าวสาวจงเป็นนิรันดร์
จงเป็นนิรันดร์... จงเป็นนิรันดร์... จงเป็นนิรันดร์!
เสียงอวยพรของแขกเหรื่ออื้ออึงในโสตประสาท ลลิลดาทอดมองใบหน้าปีติของทุกคนด้วยดวงตาพร่าเลือนด้วยหยาดน้ำตาแห่งความตื้นตัน ก่อนจะหันไปยิ้มกับคนรักเมื่อเห็นแม่ยกผ้าซับน้ำตา
คาชาลยิ้มรับพร้อมกับยกมือเจ้าสาวของเขาขึ้นจุมพิตยังปลายนิ้ว หลังอาหารต่างๆ ซึ่งทยอยเสิร์ฟดึงความสนใจจากผู้คนรอบกาย ดวงตาคมกล้าวูบไหว เขากระซิบย้ำคำอวยพรต่อเธอดั่งคำมั่นสัญญา...
ตราบแผ่นดินจรดผืนฟ้า ความรักของผมจะเป็นนิรันดร์
....................................
งานเลี้ยงอย่างเป็นทางการจบลงหลังจากนั้นสองชั่วโมง บ่าวสาวก็กลับมาพักผ่อนที่บ้าน เตรียมตัวสำหรับงานเต้นรำรอบกองไฟยามค่ำคืน ผู้รับเป็นธุระดูแลความเรียบร้อยต่างๆ ให้คู่แต่งงานเบาใจคือวิคเตอร์นั่นเอง
ลลิลดาแง้มม่านมองทิวทัศน์โพล้เพล้ภายนอกห้องนอน อดยิ้มอย่างตื้นตันใจไม่ได้เมื่อแขกทั้งหน้าใหม่หน้าเก่าทยอยมาร่วมงาน เธอนึกถึงคนรักซึ่งเก็บตัวอยู่ข้างห้อง เชื่อเหลือเกินว่าเขาคงกำลังแอบมองความเคลื่อนไหวภายนอกด้วยความรู้สึกเดียวกันกับเธอ
หญิงสาวเปิดประตูรับมารดากับนินา ก็เห็นท่านอยู่ในชุดพื้นเมืองแล้วเรียบร้อย ผิวขาวและใบหน้าอย่างสตรีเอเชียตะวันออกของแม่ทำให้ท่านแลละม้ายชาวทิชกูจริงๆ
ดูเถอะ ป่านนี้ยังไม่แต่งตัวอีก เรณูเอ็ดเข้าให้เมื่อเห็นบุตรสาวยังอยู่ในชุดราตรีสั้นดังเดิม
กำลังรอผู้ช่วยนี่คะ มาเถอะจ้ะ นินา ช่วยฉันที
ลลิลดาจูงมือสาวใช้เข้าไปยังห้องแต่งตัว ชุดพื้นเมืองของสตรีชาวทิชกูวางรออยู่ก่อนแล้ว เธอไล้มือไปตามผ้าแต่ละชิ้น ก่อนหยุดยังผ้าคาดเอวลวดลายเรียบง่ายตามวิถีชีวิตชาวทิชกูฝีมืออัมมา ของที่ระลึกอันมีค่าต่อจิตใจเธอ
นินาคอยเจ้าสาวผลัดเครื่องแต่งกาย ตั้งแต่กางเกงผ้าน้ำหนักเบา สวมทับด้วยเสื้อคลุมผ้าทอย้อมสีสดยาวครึ่งเข่า แขนสามส่วน กระทั่งถึงขั้นตอนการรัดเอวด้วยผ้าซึ่งต้องอาศัยผู้เชี่ยวชาญช่วยรัดไม่ให้หลุด แล้วจึงสวมหมวกที่มีพู่ขนสัตว์ห้อยข้างๆ เป็นอันดับสุดท้าย
ลลิลดามองภาพสะท้อนในกระจกเงา ค่ำคืนก็องโกลันอันน่าตื่นเต้นสำหรับชาวทิชกูและนักท่องเที่ยวอย่างเธอหวนกลับมาในความทรงจำ วันนี้จะพิเศษเพียงใดหนอหากเธอมีติลมาเป็นเพื่อนเจ้าสาว มีอัมมาคอยเอาใจใส่การแต่งกายให้ แต่สตรีที่น่ารักทั้งสองต้องมาจบชีวิตด้วยเรื่องที่พวกแกไม่ได้รู้อีโหน่อีเหน่ด้วยเลย สร้างแผลในหัวใจแก่ผู้รอดชีวิตคนเดียวในครอบครัว
เธอพบคาชาลในชุดแต่งกายคล้ายวันวาน เขาเพิ่งออกจากห้องมากับวิคเตอร์พอดี ชายหนุ่มชะงักมองเธอนิดหนึ่ง ก่อนดวงตาไม่แจ่มใสนักของเขาจะเคลื่อนมาสบนัยน์ตาเธอ มีเพียงคนสองคนซึ่งผ่านเหตุการณ์มาร่วมกันเท่านั้นจะเข้าใจความนัย
.................................
พิธีก็องโกลันคืนนี้จัดขึ้นยังสนามโล่งหลังบ้าน นอกจากแขกเหรื่อแล้วเหล่าคนงานในบ้านยังได้รับอนุญาตจากนายหญิงคนใหม่ของพวกเขาให้มาร่วมงานรื่นเริงด้วยกัน กระทั่งวงล้อมรอบกองไฟคืนนี้ใหญ่เกือบเทียบเท่าคืนก็องโกลันในเขตสงวนชาวทิชกู
วิคเตอร์ผู้อาสาดูแลงานจัดให้นั่งแยกฝั่งชายหญิง ฝ่ายชายส่วนใหญ่ถือกลองกันคนละใบ ไม่เว้นแม้แต่เจ้าบ่าว รวมทั้งนายแพทย์ริชาร์ดและเจคเช่นกัน เธอได้ยินเสียงมารดาลั่นชัตเตอร์เก็บภาพอันน่าตื่นตาตื่นใจนี้รัวทีเดียว
บรรยากาศรื่นเริงเต็มไปด้วยเสียงพูดคุยและหัวเราะค่อยช่วยให้สีหน้าคาชาลแช่มชื่นขึ้น และเมื่อวิคเตอร์ลุกขึ้นกล่าวเริ่มงาน ใจเขาก็จดจ่อรอให้เจ้าสาวของตนมาชวนเต้นรำด้วยความตื่นเต้น
พี่น้องข้า... พิธีก็องโกลันคืนนี้เรามาร่วมชุมนุมเฉพาะกิจเพื่อเป็นพยานรักแก่สหายชายหญิงที่รักของเรา และเพื่อความสนุกสนาน การจับคู่เต้นรำระหว่างชายหญิงคู่อื่นๆ ในคืนนี้จะถือเป็นโมฆะ เชิญจับคู่เต้นกันได้ตามอัธยาศัย!
เสียงโห่ฮาจากฝ่ายชายดังขึ้นทันทีที่โฆษกกิตติมศักดิ์กล่าวจบ ตามด้วยเสียงกลองเป็นจังหวะเร่งเร้าขึ้นทุกที หญิงสาวหลายรายรีรอออกไปเต้นรำ พวกหล่อนมองมาทางเจ้าสาว รอให้เป็นคนเต้นเปิดฟลอร์
แมม... เสียงประท้วงกลั้วหัวเราะดังขึ้นพร้อมๆ กันเมื่อนายหญิงฉุดมือคนใกล้ตัวสามคนให้ออกไปเต้นด้วยกัน
สาวๆ เอวบางร่างน้อยแต่ละคนเริ่มวาดลวดลายไปรอบกองไฟ ทิ้งสายตาเชิญชวนขณะผ่านหน้ากลุ่มผู้ชาย ลลิลดากลั้นยิ้มเมื่อเห็นคาชาลจ้องตามตาไม่กะพริบ เธอไม่ได้ชวนเขา หากเต้นวนมาฉุดแม่ลุกขึ้นอีกคน
ไม่เอ๊า! ลิลลี่ เรณูขืนกายจากแรงดึงของบุตรสาว
เถอะค่ะ ใจคอแม่จะให้ด็อกเตอร์นั่งแกร่วหรือคะ เดี๋ยวสาวๆ คาซานไปชวนท่านก่อนไม่รู้นา
คนชวนหัวเราะกิ๊กทันทีที่ฉุดท่านออกไปเต้นด้วยกันจนได้ เธอสอนให้แม่สลับเท้าไปมาตามจังหวะเพลง กระทั่งวนมาถึงที่นั่งฝ่ายชาย เจ้าหล่อนจึงจูงท่านไปหยุดหน้านายแพทย์ทันที
ริชาร์ดรีบลุกไปเต้นกับภรรยา ชายหนุ่มหลายคนถูกฝ่ายหญิงชวนออกไปโยกย้ายด้วยแล้ว เธอมองพี่ชายซึ่งมองตอบมาด้วยดวงตาเป็นประกาย ก่อนตัดสินใจยื่นมือไปตรงหน้าพี่โดยได้แต่ส่งสายตาอาลัยไม่จริงจังนักไปยังคาชาล ดวงตาคมกล้าวาววับอย่างรู้เท่าทันว่าเธอประวิงเวลาเพื่อแกล้งให้เขาทรมานใจ
ชายหนุ่มแลเลยตามร่างระหงซึ่งขยับโยกย้ายไปรอบกองไฟอย่างหลงใหลโดยไม่อาจถอนสายตา เจ้าของร่างเดียวกันนี้ที่เคยทอดกายให้เขาเชยชม สัมผัสแนบชิด ได้รู้ว่ากลิ่นกายนางฟ้านางสวรรค์หอมหวานแค่ไหน ก้อนเนื้อในอกเขาพองโตด้วยความอิ่มเอมใจเมื่อคิดว่าเธอและเขาได้หลอมรวมเป็นคนคนเดียวกัน เขาจึงใจเย็นอยู่ได้ขณะเจ้าหล่อนเปลี่ยนไปจับคู่เต้นกับนายแพทย์ริชาร์ด และส่งต่อพี่ชายให้เต้นคู่กับมารดาแทน
เฮ้ย มีสาวมาเชิญข้าแล้วเว้ย วิคเตอร์ถองชายโครงเจ้าบ่าวหลังแขกสาวคนหนึ่งมาหยุดยืนตรงหน้า อย่าเพิ่งอกแตกตายเสียก่อนล่ะ ไอ้หนู แล้วข้าจะบอกนางฟ้าให้มาเชิญแกเสียที
คาชาลดึงกลองรุ่นพี่มาวางไว้แก้เก้อ พร้อมกับผลักไสให้อีกฝ่ายลุกออกไป เขาอารมณ์ดีเกินกว่าจะเอาใจใส่ต่อวาจาค่อนขอดนั้น
จังหวะดนตรีเร่งเร้าขึ้นอีก ยิ่งดึกหลายคนยิ่งคึกคัก น้ำหมักน้ำเมาเริ่มซึมเข้าสู่กระแสเลือด ใบหน้าเจ้าบ่าวเข้มขึ้นเมื่อแขกเหรื่อผลัดกันมาชนแก้ว ชายหนุ่มกะพริบตาหลังมองหาไม่เจอคนรักในวงเต้นรำ เขาใจหายวาบ แต่แล้วก็เปลี่ยนเป็นหวามไหวเมื่อหางตาแลเห็นร่างบางในชุดพื้นเมืองสีสดกำลังเดินตรงมา เขามัวแต่จับจ้องเจ้าหล่อนเสียจนไม่ทันสังเกตว่ากลุ่มนักเต้นค่อยสลายไป เสียงเพลงสนุกสนานแปรเปลี่ยนเป็นท่วงทำนองอ่อนหวาน
ดวงตาคู่คมทอประกายหวานซึ้งแลสบดวงตาอ่อนแสงของลลิลดาซึ่งมองตอบกลับมาอย่างเอียงอาย เขาค่อยลุกยืนเคียงข้างเจ้าหล่อน หูแว่วเสียงบรรยากาศรอบข้างดังไกลออกไป เว้นแต่เสียงเนื้อเพลงหวานดังก้องในอกในใจ
ข้ามเนินเขาลูกนั้นไป ฉันมองไม่เห็นอะไร มีเพียงความว่างเปล่าเบื้องหน้า กระทั่งเธอปรากฏขึ้นมา เหมือนแสงจันทร์สาดส่องท่ามกลางความมืดมิด ฉันจะข้ามไปหาเธอ...
หญิงสาวช้อนตามองใบหน้าคมสันซึ่งโน้มมาใกล้ หัวใจแผ่วไหวไปกับเสียงพร่าของเขาที่ร้องกระซิบคลอไปกับเพลง
ฉันขอให้เขาเปิดเพลงนี้สำหรับเรา อย่างนั้นใช่ไหม คาชาล
เขาผงกศีรษะทั้งหน้าผากแนบกับหน้าผากเธอ ลำคอตีบตื้อเกินกว่าจะเอ่ยคำใดออกมา
...................................
ลลิลดามองภาพถ่ายงานแต่งงานซึ่งผ่านไปกว่าเดือนที่มารดาส่งมาให้ทางจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ ส่วนใหญ่เป็นรูปในพิธีก็องโกลันซึ่งท่านประทับใจ แล้วยังมีรูปถ่ายตามสถานที่ท่องเที่ยวที่บุตรสาวพาไป
เธอดูรูปคนงานในบ้านแต่ละคนซึ่งได้รับอนุญาตร่วมงาน พร้อมกับพยายามคิดทบทวนชื่อพวกเขาไปพลาง ก่อนจะตัดสินใจพิมพ์ภาพแต่ละคนออกมาเพื่อให้พวกเขาเก็บไว้เป็นที่ระลึก
ตั้งแต่รู้ตัวว่าอนาคตต่อไปจะต้องอยู่ร่วมกับทุกคนที่นี่ เธอเชื่อว่าการผูกสมัครรักใคร่กันไว้ย่อมส่งผลดีอย่างแน่นอน นอกจากนี้เธอยังอาศัยการสนทนาเล็กๆ น้อยๆ กับคนงานเหล่านี้เพื่อฝึกปรือภาษาทิชก้า คาซานที่ตนกำลังร่ำเรียน แทนที่จะรอฝึกกับคุณครูจำเป็นที่คอยแต่คิดหาบทลงโทษนักเรียน
ลลิลดาเยี่ยมหน้าไปตามห้องพักคนงาน เธอปฏิเสธนินาซึ่งอาสาเรียกทุกคนให้แล้วเดินไปยังเรือนพวกเขาแทน ทันทีที่เห็นเจ้านายคนใหม่ ทุกคนต่างวางมือจากงานครัวบ้าง ทอผ้าบ้างทื่กำลังทำอยู่ มุ่งความสนใจมายังนายหญิงของบ้านคนเดียว
ฉันเอารูปมาให้จ้ะ เสียงหวานเอ่ยช้าอย่างไม่มั่นใจ
ทว่าประกายตาตื่นเต้นที่มองมาบ่งบอกว่าทุกคนเข้าใจคำพูดของเธอดี หญิงสาวส่งรูปให้แต่ละคนพลางพลิกให้ดูข้างหลังที่เธอเขียนชื่อพวกเขาไว้ถูกต้อง ใครไม่อยู่ก็ฝากคนสนิทไว้ เหลือเพียงภาพชายชราใบหน้าแดงก่ำใบเดียว
เดี๋ยวฉันเอาไปให้ ปุงกัล เอง เธอบอกนินาซึ่งทำท่าจะตามมา
ลลิลดาเดินผ่านสนามหญ้าโล่งไปยังคอกม้า คนในภาพกำลังจูงบาบารีเดินเล่นแต่ไกล เขาหันมาเห็นเธอเช่นกันจึงปล่อยเชือกจูง ครั้นเจ้าหล่อนผิวปาก ม้าสาวจึงวิ่งเหยาะตรงมา
เด็กดี
เธอตบแผงคอมัน ก่อนจูงกลับไปด้วยกัน
ผมลืมไปว่าแมมไม่ขี่บาบารี เสียงห้าวเอ่ยกลั้วหัวเราะขณะนายหญิงเดินมาใกล้
ลลิลดาพลอยหัวเราะตาม ปุงกัล เป็นคนงานคนเดียวในบ้านที่กล้าพูดจากับเธอ เธอทั้งชื่นชมในความร่าเริง เข้มแข็งของเขา แล้วยังเคารพอย่างญาติผู้ใหญ่คนหนึ่ง
ฉันเอารูปจากงานคืนนั้นมาให้ค่ะ
ชายชรารับมาเพ่งพิศสภาพตนเองในภาพ คืนนั้นเขาดื่มหนักและลุกไปเต้นโขยกเขยกกับเด็กหญิงวัยห้าขวบ ลูกหลานคนงานในบ้านคนหนึ่ง
โอ ขอบคุณครับแมม แหม ผมนี่ดูไม่ได้จริงๆ ไม่ได้ส่องกระจกเสียนาน แก่ขึ้นจมเลยนะครับนี่
ใครว่า ตอนฉันเจอปุงกัลครั้งแรกยังคิดว่าอายุสี่สิบกว่าเองค่ะ ที่ไหนได้... รุ่นลุงฉันแล้ว
เธอไม่ได้ยกยอเกินจริงแต่อย่างใด ปุงกัลเป็นชายเอเชียซึ่งมีใบหน้าอ่อนวัยกว่าชาวตะวันตกรุ่นราวคราวเดียวกัน เว้นแต่ผมสีดอกเลาทั้งศีรษะ และเมื่อแกมีรอยยิ้มประดับเสมอ ใบหน้าจึงแลดูสดใสขึ้นอีก
แมมใจดีกับคนด้อยกว่าอย่างนี้ซีครับ ยาโบถึงได้รักนักหนา ผมไม่เคยเห็นยาโบมีความสุขเท่ากับคืนนั้นเลย คนบ้านนี้ไม่มีใครได้เห็นรอยยิ้มของยาโบหรอกครับ แกจะดุหรือชมก็ต้องอ่านจากสายตาเท่านั้น แต่น้อยคนจะกล้าสบตาแก ต่างจากยาโบนิโก้ แกจะพูดตรงไปตรงมา
ความจริงแล้วคาชาลคงไม่ได้ตั้งใจให้ทุกคนกลัวหรอกมังจ๊ะ แต่แรกที่ฉันรู้จักเขาก็เป็นคนอย่างนี้ เขาพูดน้อยแต่ก็มีน้ำใจตอบคำถามของฉันทุกครั้ง ฉันว่าเขาค่อนข้างขี้อายเท่านั้นเอง
ดวงตาฝ้าฟางมองนายสาวอย่างเอ็นดู หวังให้ความรักของเจ้าหล่อนปกป้องนายของเขาตลอดไป
ผมทราบครับ แมม เวลาที่ยาโบว่างแกมักจะมาอยู่ดูแลม้าทุกตัวเสมอ ผมเห็นแววตาอ่อนโยนของแกแล้วก็รู้ทันทีว่าไม่มีทางที่คนคนนั้นจะเป็นคนใจไม้ไส้ระกำได้ ผมยังแปลกใจเสมอที่แกมาอยู่จุดนี้ เอ้อ ผมชักเพ้อเจ้อมากไปกระมัง
ลลิลดายิ้มพลางโคลงศีรษะว่าไม่เป็นไร เธอเองก็เผลอคิดเหมือนชายชราบ่อยๆ และทุกครั้งก็จบลงด้วยการปลงตกว่านี่คือเส้นทางชีวิตที่เขาเลือกแล้ว หน้าที่ของภรรยาจึงควรสนับสนุนและให้กำลังใจ
จากคุณ |
:
ภาพิมล (thezircon)
|
เขียนเมื่อ |
:
10 ก.ค. 55 11:06:02
|
|
|
|