ตอนที่ 3 ไม่ใช่ฉันที่กำลังฝัน
ในความฝัน...
ฉัน ในร่างของฟาเบียน ยืนอยู่กลางถนนคนเดินในย่านการค้าสักแห่ง สองข้างทางรายล้อมไปด้วยร้านค้าแสนคุ้นหน้าคุ้นตาที่ไม่ได้เปิดทำการ ท้องฟ้ามืดครึ้มด้านบนเติมเต็มบรรยากาศความหดหู่ให้กับภาพที่อยู่ตรงหน้า ความอ้างว้างว่างเปล่าของตัวเมืองทำให้ฉันรู้สึกเหงา โดดเดี่ยว แต่ทว่าในขณะเดียวกันกลับรู้สึกสงบ และมีอิสระ
ถนนอิฐปูนทื่ทอดยาวแน่นิ่ง ชักนำให้เท้าทั้งสองก้าวเดินไปข้างหน้าด้วยตัวเองอย่างเป็นจังหวะสม่ำเสมอ... เป็นความเรื่อยๆ ไม่เร่งรีบ แต่ไร้จุดหมาย...
เมื่อฉันรู้ตัวขึ้นมาอีกครั้ง ฉากในฝันของฉันเปลี่ยนไป จากถนนคนเดินที่แผ่กว้างรับผู้คนสัญจรจำนวนมหาศาล กลับกลายเป็น... ถนนที่แคบ ลาดยาว สองข้างทางเรียงรายไปด้วยตึกร้างสูงตะหง่านฟ้า...
ในทันใดนั้น ฉันสัมผัสถึงแรงสั่นไหวของพื้นที่เริ่มเขย่าตัวแรงมากขึ้น และมากขึ้นเรื่อยๆจนกระทั่งอาคารสูงเหล่านั้นเริ่มแตกร้าว... และถล่มลงมาตามลำดับ
ฉันมองดูชิ้นส่วนของตึกที่ผุพัง พุ่งตกลงมายังพื้นบริเวณที่ฉันยืนอยู่ ด้วยความรวดเร็ว รุนแรง...
ฉันพยายามตั้งสติของตัวเอง และตอบโต้ต่ออันตรายที่อยู่ตรงหน้าโดยการพยายามเปลี่ยนฉากในฝันด้วยความสามารถพิเศษให้กลายเป็นถนนว่างเปล่าที่เงียบสงบอีกครั้ง...
ทว่า... ไม่มีความเปลี่ยนแปลงใดๆเกิดขึ้น... ก้อนหินและอิฐที่ผุพังกลับยังคงโหมกระหน่ำตกลงมากระแทกพื้น... ถี่ขึ้นเรื่อยๆ มากขึ้นเรื่อยๆ
และในขณะที่สมองของฉันกำลังสับสนไม่เข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้น ร่างกายของฟาเบียนที่ฉันควบคุมอยู่ หันหลังกลับด้วยตัวของมันเอง และเริ่มก้าวเท้าวิ่งหนี... ด้วยตัวของมันเอง... ปราศจากการควบคุมหรือคำสั่งใดๆที่มากจากฉัน
แม้ดูเหมือนว่า นั่นจะเป็นสิ่งที่ดีและเหมาะสมกับสถานการณ์ที่สุด แต่ความสงสัยที่เติมเต็มในหัวของฉัน สั่งให้ร่างกายที่กำลังวิ่งอยู่นั้น หยุดวิ่งทันที
แต่มันไม่หยุดวิ่ง...
ในทางกลับกัน ฉันเพิ่งตระหนักได้ว่า ตั้งแต่แรกเริ่มแล้วที่มันไม่ได้ขึ้นตรงต่อคำสั่งที่มาจากฉัน ร่างกายของฟาเบียนโน้มตัวหลบซากปรักหักพักที่ตกลงมาด้วยความคล่องแคล่วว่องไวด้วยตัวของมันเอง จนกระทั่งทางแคบๆที่ยาวไม่สิ้นสุดถูกโถมทับด้วยซากปรักหักพังที่สูงท่วมหัว มันหยุดอยู่กับที่เมื่อมันหมดสิ้นซึ่งหนทางหนี
และในชั่วพริบตาเดียวกันนั้นเอง ก้อนหินก้อนใหญ่ตกลงมาจากด้านบน พุ่งตรงเข้ากระแทกกับฉันในร่างของฟาเบียนอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
ฉันกรีดร้องและผวาตื่นขึ้นจากความฝันทันที...
ความเจ็บปวดแผ่ซ่านกระจายไปทั่วร่างกาย... แผ่นหลังของฉันร้อนผ่าว เหงื่อเปียกชุ่มที่ใบหน้าและลำตัว...
ฝันร้าย...
ฉันพยายามควบคุมสติและลมหายใจที่เหนื่อยหอบให้เป็นจังหวะที่ช้าลง แล้วกวาดสายตามองดูรอบๆบริเวณห้องพักเล็กๆที่ไม่คุ้นหน้า... ที่นี่ที่ไหนกัน? และเมื่อฉันนึกถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ได้ ฉันรีบลุกขึ้นจากเตียงทันที หอบสังขารของร่างกายที่ยังบาดเจ็บอยู่ค่อยๆเดินไปที่ประตู
ในขณะที่ฉันกำลังยื่นมือออกไปเพื่อเปิดประตูนั้น เสียง „กริก ของกระบอกโลหะที่สามารถลั่นไกได้ ดังขึ้นที่ข้างๆหูซ้ายของฉัน
ฉันหยุดการเคลื่อนไหวทันที...
ชายหนุ่มเจ้าของปืนกล่าวออกคำสั่ง ห้วนๆ สั้นๆ แต่ได้ใจความ...
กลับไปที่เตียง"
ฉันยอมทำตามคำสั่งอย่างว่าง่าย... เดินกลับไปยังที่ที่เพิ่งจากมา แล้วทิ้งตัวนั่งลงบนเตียงตามเดิม... ฉันค่อยๆชะเง้อหน้ามองดูบุคคลแปลกหน้าที่ลดปืนลงเมื่อเห็นฉันยอมให้ความร่วมมือโดยดี... เขาคือ ชายหนุ่มในชุดวิ่งออกกำลังกายที่ฉันเห็นในร้านเบเกอรี่เมื่อเช้านี้...
เขาและฉันต่างทิ้งให้บรรยากาศในห้องพักเล็กๆถูกปกคลุมไปด้วยความเงียบ... ก่อนที่ชายหนุ่มแปลกหน้าจะเป็นผู้เริ่มเปิดบทสนทนาขึ้น
เขาเป็นพี่ชายของผม...
ทันทีที่จบประโยค ริมฝีปากของฉันเผยอออกจากกันเล็กน้อยด้วยความประหลาดใจ... เขาหมายถึงใคร??
คงไม่ใช่ ฟาเบียน ฮาร์เดนเบิร์ก หรอกนะ!?
ฉันสังเกตเห็นน้ำใสๆเริ่มคลออยู่ที่ดวงตาทั้งสองข้างของเขา ในขณะที่เขาพยายามห้ามมันไม่ให้ไหลออกมา เมื่อเขาสบตาฉัน เขาเบือนหน้าหนีไปทางอื่น... ฉันเห็นน้ำใสๆไหลลงอาบแก้มของเขา เขารีบเอามือเช็ดออกทันที... แล้วลุกขึ้นไปหยิบกระเป๋าเดินทางผ้าใบสีดำในลิ้นชักใต้ตู้เสื้อผ้า เขาค้นหาอะไรบางอย่างในกระเป๋า แล้วโยนขวดพลาสติกที่บรรจุเครื่องดื่มอะไรบางอย่างมาให้ฉัน...
ดื่มซะ เครื่องดื่มเสริมกำลัง ถึงเวลาที่เราต้องออกเดินทางกันได้แล้ว
ฉันจ้องมองชายหนุ่มด้วยความมึนงง... ร่างกายของฉันยังคงนั่งนิ่ง ไม่ขยับเขยื้อนตอบสนองต่อคำสั่งของเขา ทำให้กระบอกปืนในมือของเขาจ่อชี้มาที่ฉันอีกครั้ง
ฉันตวาดเสียงทุ้มห้าวของฟาเบียนขึ้นด้วยความโมโห ให้ตายเถอะ นายจะไม่บอกอะไรฉันมากกว่านี้อีกสักหน่อยหรือยังไง!
ผมไม่มีเวลามากขนาดนั้น แอนนามาเรีย และดูเหมือนคุณเองก็ไม่มีตัวเลือกอื่น เพราะฉะนั้น ทำตามที่ผมบอกแต่โดยดี... ชายหนุ่มกล่าวด้วยเสียงเรียบแกมโมโห... เขาทิ้งจังหวะเล็กน้อย ก่อนที่จะกล่าวต่อด้วยเสียงที่เย็นลง
ผมจะอธิบายให้คุณฟังบนรถ เร็วเข้า ลุกขึ้นตามผมมา เราต้องไปกันแล้ว
ชายหนุ่มรีบกวาดของใช้เล็กๆน้อยๆในตู้เข้ากระเป๋าเดินทางผ้าใบ เขายกกระเป๋าขึ้นสะพายที่ไหล่ซ้ายอย่างคล่องแคล่ว มือขวายังคงกำปืนสั้นไว้แน่น ฉันยอมเดินตามเขาไปแต่โดยดี ทั้งๆที่ ยังคงรู้สึกเจ็บอยู่ทั่วร่างกาย... ชายคนนี้ คงไม่ใช่แค่คนแปลกหน้าธรรมดาๆ เขารู้ว่า ฉันไม่ใช่ฟาเบียน ฮาร์เดนเบิร์กตัวจริง... นอกจากนั้น เขายังรู้อีกด้วยว่า ตัวจริงของฉันคือแอนนามาเรีย
เมื่อฉันเดินตามเขามาถึงรถปอร์เช่สีดำที่จอดอยู่ (ซึ่งจริงๆแล้วเป็นของฉัน) เขาจัดการโยนกระเป๋าเดินทางเข้าไปในกระโปรงรถด้านหน้า จากนั้นส่ายหน้าเบาๆเป็นสัญลักษณ์ให้ฉันไปนั่งที่ด้านข้างคนขับ หลังจากที่ฉันและเขาอยู่ในรถเรียบร้อยแล้ว เขาสตาร์ทรถ และเริ่มขับออกถนนด้วยความเร่งรีบทันที
ผมเป็นผู้ปฏิบัติการหมายเลขหนึ่งของอัลฟ่า ผมได้รับมอบหมายจากดอกเตอร์อิริค ชิลเลอร์ ให้เป็นผู้ฝึกการป้องกันตัวให้กับคุณ ชายหนุ่มกล่าวขึ้นขณะขับรถ ในขณะที่ฉันดื่มเครื่องดื่มเสริมกำลังที่เขาโยนให้ก่อนหน้านี้
ถ้าอย่างนั้น คุณก็คือ ไบรอัน?
เขาพยักหน้ารับหนึ่งครั้ง
คุณ... เป็นน้องชายของฟาเบียน ฮาร์เดินเบิร์ก อย่างนั้นเหรอ?
ชายหนุ่มนิ่ง ไม่ได้ให้คำตอบใดๆ ฉันตัดสินใจไม่เซ้าซี้ถามต่อไป...
รถปอร์เช่สีดำวิ่งด้วยความเร็วผ่านถนนเล็กๆที่ตัดผ่านทุ่งหญ้าสีเขียวกว้างใหญ่... ฉันมองดูใบหน้าของไบรอันที่มองไปข้างหน้าอย่างแน่นิ่ง เหมือนกำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่าง...
เอ่อ... ไบรอัน... เรากำลังไปที่ไหนกัน?
ไบรอันไม่ได้ให้คำตอบใดๆกับฉัน เขาเปิดลิ้นชักในรถออก แล้วหยิบปืนสั้นกระบอกหนึ่งยื่นมาให้ฉัน... ฉันลังเลก่อนที่จะรับปืนจากเขา... แต่ก็ยอมหยิบปืนมาไว้ในมือของตนแต่โดยดี...
คุณเคยยิงปืนมาก่อนไหม เขาถามฉันขึ้นอย่างห้วนๆ
ฉันส่ายหน้า มองดูปืนสั้นที่อยู่ในมือ... จากนั้นค่อยๆสอดนิ้วชี้ไปเตะเบาๆที่ตำแหน่งไกปืนเหมือนที่เคยเห็นในหนัง ฉันเล็งไปที่เขา...
ไบรอันหัวเราะในลำคอเบาๆ ก่อนกล่าวขึ้น ปืนยังไม่มีกระสุน
ฉันหน้าแตกกับความงี่เง่าของตัวเอง ก่อนที่จะลดมือที่ถือปืนลงมาวางไว้บนตักตามเดิม...
ไบรอันขับรถผ่านถนนเล็กๆที่ตัดผ่านทุ่งหญ้าสีเขียว มาจอดที่ลานจอดรถในปั๊มน้ำมันเล็กๆข้างทาง เขาจัดการเติมกระสุนใส่กระบอกปืนของฉัน และของเขา ก่อนที่ฉันจะได้เอ่ยปากถามรายละเอียดเพิ่มเติม เขากล่าวขึ้น
คุณเห็นโรงเก็บของชาวนาที่อยู่ห่างไปจากปั๊มประมาณกิโลเมตรกว่าๆได้มั๊ย ที่นั่นเป็นฐานประชุมย่อยของกลุ่มก่อการร้ายชาวอาหรับ ผมอยากให้คุณบุกเข้าไปข้างในกับผม และขโมยข้อมูลลับจากฐานเก็บข้อมูลที่อยู่ใต้ดิน เรามีเวลาไม่มาก อีกไม่เกินครึ่งชั่วโมง กลุ่มผู้ก่อการร้ายจากกลุ่มย่อยอีกกลุ่มหนึ่งจะมารับข้อมูลต่อจากฐานย่อยนี้ หน้าที่ของคุณกับผมคือตัดการส่งต่อของข้อมูล
ฉันมองไบรอันด้วยสายตาที่ไม่อยากจะเชื่อสิ่งที่หูได้ยิน
ล้อเล่นน่า... คุณก็รู้ว่าฉันยังบาดเจ็บอยู่...
ไบรอันมองฉันด้วยสายตาแน่นิ่ง ก่อนที่จะกล่าวพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงแข็งที่เต็มไปด้วยอำนาจ
อย่างที่ผมบอก เราไม่มีเวลามาก... หากเราไม่รีบลงมือชิงปฏิบัติงานตอนนี้ ทั้งคุณและผมจะต้องรับมือกับกลุ่มผู้ก่อการร้ายที่จำนวนเพิ่มมากขึ้นอีกเท่าตัว ไบรอันกล่าวพร้อมกับสตาร์ทรถอีกครั้ง เขาขับรถออกจากปั๊มน้ำมัน มุ่งหน้าไปยังโรงเก็บของที่ตั้งอยู่ห่างออกไปประมาณหนึ่งกิโลเมตร
หัวใจของฉันเต้นตึกตักไม่เป็นจังหวะ... ให้ตายเถอะ... นี่นายไบรอันจะให้ฉันทำเรื่องบ้าระห่ำอย่างว่าจริงๆหรือนี่??
แต่ไบรอัน... ฉันไม่เคย... ได้รับการฝึกฝนมาก่อน... นอกจากนี้แล้ว ฉันยัง... บาดเจ็บอยู่ ฉันตัดสินใจบอกให้ไบรอันรับรู้ถึงความไม่พร้อมของฉัน
อย่าปอดแหกไปหน่อยเลยน่า... บาดเจ็บแค่นี้... คุณจำเป็นต้องกัดฟันสู้เพื่อเอาชีวิตรอด อย่าลืมนะว่า คุณอยู่ในร่างกายของฟาเบียน ที่ผ่านการฝึกฝนมาอย่างเชี่ยวชาญ สิ่งที่คุณต้องทำ ก็เพียงแค่ดึงสมรรถภาพทางร่างกายของเขาออกมาใช้เท่านั้น... อีกอย่าง...
ไบรอันจอดรถใต้ต้นไม้ต้นใหญ่ที่อยู่ไม่ไกลจากโรงเก็บของมากนัก ก่อนที่จะกล่าวต่อ
เราต้องรับมือกับผู้ก่อการร้ายที่ไม่ได้ตั้งตัวเพียงแค่แปดคน... ซึ่งแน่นอน มันก็ขึ้นอยู่กับว่า... ถ้าคุณไม่อยากรอจนอีกสิบคนมาถึงในอีกไม่กี่สิบนาทีนี้หล่ะนะ
ไบรอันกระพริบตาหนึ่งข้างให้ฉัน และยิ้มเยาะเบาๆที่มุมปาก ก่อนที่จะเปิดประตูและวิ่งออกจากรถด้วยความรวดเร็ว
ฉันกำปืนสั้นที่ถืออยู่ในมือแน่น... กัดฟันฝืนความเจ็บปวดของร่างกาย... แล้ววิ่งตามหลังไบรอันมุ่งหน้าไปยังโรงเก็บของ
ให้ตายเถอะ... ฉันไม่มีทางเลือกอื่นเลยหรือไง!??
ไบรอันค่อยๆเดินย่องเลียบเพดานด้านนอกโรงเก็บของ เมื่อเราเข้าไปใกล้กับหน้าต่างที่ถูกเปิดทิ้งเอาไว้ เขาส่งสัญญาณมือให้ฉันที่ตามมาติดๆหมอบลงกับพื้นทันที เมื่อชายในชุดชาวนาสองคนในโรงเก็บของเดินผ่านบริเวณหน้าต่างที่ไบรอันและฉันซ่อนตัวอยู่ได้สักพัก เขาลุกขึ้นและแอบกระโดดเข้าไปในโรงเก็บของด้วยความคล่องแคล่ว... ฉันรีบทำตามทันที...
เมื่อฉันและไบรอันเข้ามาในโรงเก็บของได้แล้ว เราเดินซ่อนตัวเลียบไปกับกองสิ่งของที่ถูกเก็บไว้ในโรงนา ฉันสังเกตเห็นกลุ่มชาวนาอีกหกคนนั่งเป็นวงกลมเล่นไพ่อย่างเฮฮาสนุกสนาน... ในขณะที่อีกสองคนเพิ่งเดินออกจากโรงนา ไบรอันบอกให้ฉันคอยเฝ้าดูต้นทางอยู่ที่นี่ ในขณะที่เขาจะลงไปค้นหาข้อมูลลับที่ห้องใต้ดิน ฉันพยักหน้ารับอย่างไม่มีทางเลือก รู้สึกกังวลที่ถูกทิ้งให้อยู่คนเดียว...
สักพัก ในขณะที่ไบรอันแอบลงไปยังห้องใต้ดินของโรงเก็บของได้เรียบร้อยแล้ว ฉันสังเกตเห็นชายชาวนาสองคนที่เพิ่งเดินออกไปเมื่อสักครู่นี้ เดินกลับเข้ามายังโรงนา พร้อมหอบกล่องบางอย่างลงไปยังห้องใต้ดิน... ให้ตายเถอะ... ฉันภาวนาขอให้ไบรอันไหวตัวทัน...
สักพักฉันได้ยินเสียงตะโกน เอะอะ และเสียงปืนดังมาจากห้องใต้ดิน !!
ชายผู้สวมชุดชาวนาอีกหกคนที่นั่งล้อมวงเล่นไพ่ตื่นตัว รีบลุกขึ้น ชักปืนเตรียมพร้อมอยู่ในมือ และวิ่งลงไปยังห้องใต้ดินทันที!!
ฉันกระวนกระวาย... ไม่รู้ว่าจะช่วยไบรอันที่ต้องรับมือกับกลุ่มผู้ก่อการร้ายติดอาวุธแปดคนได้อย่างไร เขาไม่น่าวางแผนที่บ้าระห่ำเช่นนี้เลย!!
ฉันเล็งปืนไปที่กลุ่มชาวนาถือปืนที่พากันวิ่งตรงไปยังห้องใต้ดิน ฉันหลับตาและตัดสินใจลั่นไกปืน... หวังว่าอย่างน้อย... ฉันคงเรียกร้องความสนใจจากพวกเขาได้บ้าง...
และ ฉันเรียกร้องความสนใจได้จริงๆจากชาวนาสามคนที่วิ่งอยู่หลังสุด... แม้กระสุนปืนที่ฉันยิงไป จะไม่โดนผู้ก่อการร้ายแม้แต่คนเดียว...
ฉันถูกโหมกระหน่ำยิงกลับ ฉันรีบก้มลงหาที่หลบทันที... หัวใจของฉันเต้นสั่นรัวด้วยความกลัว... อีกใจหนึ่งนึกถึงไบรอันที่ยังคงติดอยู่ในห้องใต้ดิน ให้ตายเถอะไบรอัน ฉันควรจะทำอย่างไร!?
ในทันทีที่เสียงปืนของคู่ต่อสู้หยุดลง ฉันรีบลุกขึ้นและยิงสวนกลับ ในขณะเดียวกันพยายามเคลื่อนตัวไปยังที่กำบังอื่นที่ดูหนาและปลอดภัยกว่า ร่างกายของฉันปะทะชนเข้ากับร่างของผู้ก่อการร้ายคนหนึ่งที่แอบเข้ามาใกล้ที่กำบังของฉัน... ทั้งฉันและเขากลิ้งล้มลงไปด้วยกันหลายตลบ จนกระทั่งฉันสามารถผลักเขาออกพ้นจากตัว เขายืนขึ้น และเล็งกระบอกปืนมาที่ฉัน เมื่อฉันพบว่า เขาอยู่ในระยะที่ยาขาวๆของฟาเบียนเอื้อมถึง ฉันจึงทุ่มแรงกระโดดขึ้นเตะปืนที่เขาถืออยู่ในมือทิ้งด้วยความรวดเร็ว... ฉันสัมผัสได้ถึงพละกำลังของร่างกายของฟาเบียนที่ผ่านการฝึกฝนมาเป็นอย่างดี... ฉันเล็งปืนที่อยู่ในมือไปที่ไหล่ด้านขวาของเขา ลั่นไกยิงโดยไม่ลังเล ชายผู้ก่อการร้ายในชุดชาวนาร้องขึ้นด้วยความเจ็บปวด เขาเอามือกุมแผลที่ไหล่และล้มลงร้องครวญครางอยู่บนพื้น ฉันรีบวิ่งไปเก็บปืนของเขาเพื่อเป็นอาวุธเสริม ในณะที่กระสุนปืนของชาวนาอีกสองคนเริ่มกระหน่ำยิงมาที่ฉันอีกครั้ง ฉันยิงสวนกลับด้วยปืนสั้นที่ถืออยู่ในมืออันแข็งแรงทั้งสองข้างของฟาเบียน... ในขณะเดียวกันพยายามเคลื่อนตัวเพื่อลงไปช่วยไบรอันที่ต้องรับมือกับผู้ร้ายอีกห้าคนในห้องใต้ดิน... แต่ยังไม่ทันที่ฉันจะไปใกล้ห้องใต้ดิน ไบรอันก็วิ่งขึ้นมาจากห้องใต้ดินในขณะที่มือยังคงยิงกระสุนสวนกลับผู้ก่อการร้ายอย่างไม่ขาดสาย เขาตะโกนบอกให้ฉันวิ่งออกไปที่รถ
ฉันรีบวิ่งออกจากโรงนาไปยังรถปอร์เช่สีดำที่จอดหลบหลังต้นไม้ใหญ่ทันที เมื่อเห็นว่าไบรอันทิ้งกุญแจเสียบคาไว้ ฉันจึงสตาร์ทเครื่องยนต์และขับตรงไปยังโรงนาเพื่อไปรับไบรอันที่เพิ่งกระโดดหนีออกทางหน้าต่าง ฉันสังเกตเห็นกระสุนปืนลอยผ่านเขาไปอย่างหวุดหวิด
เมื่อขึ้นรถเรียบร้อยแล้ว ฉันเหยียบคันเร่งเต็มสปีดแล่นออกไปยังถนน ชายผู้ก่อการร้ายรีบวิ่งขึ้นรถขับตามมาทันที... ไบรอันยังคงยิงสวนกลับตอบโต้ผู้ก่อนการร้ายเป็นจังหวะๆ ในขณะที่ความเร็วของรถปอร์เช่เริ่มทิ้งห่างรถของผู้ก่อการร้ายจนเกือบลับสายตา ฉันตัดสินใจเลี้ยวเข้าตัวเมืองทันที เพื่อเข้าไปปะปนกับรถคันอื่นๆ...
ไบรอันถอนหายใจอย่างโล่งอก เมื่อรถของผู้ก่อการร้ายหายลับออกไปจากสายตา...
เขาดึงซองเอกสารสีแดงที่ซ่อนไว้ในเสื้อออกมา... แล้วหันมายิ้มให้ฉันอย่างเป็นมิตร
คุณนี่ เก่งกว่าที่ผมคิดไว้นะเนี่ย...
ฉันยิ้มอย่างเขินอายเล็กน้อย... ก่อนที่จะขับรถไปจอดยังลานจอดรถข้างทาง เพื่อเปลี่ยนให้ไบรอันเป็นคนขับต่อไป...
*******************************************
ฉันและไบรอันเข้าพักในห้องพักเล็กๆที่ให้เช่าข้างทาง ในขณะที่ไบรอันกำลังหมกมุ่นอยู่กับการถ่ายภาพข้อความในเอกสารลับผ่านมือถือและส่งตรงไปยังศูนย์กลางของอัลฟ่า ฉันรู้สึกเหนียวตัว จึงเข้าห้องน้ำเพื่อเปิดให้สายน้ำจากฝักบัวชำระล้างร่างกายที่สกปรกเต็มไปด้วยเหงื่อ ฝุ่น และกลิ่นคาวเลือด
ในขณะอาบน้ำ ฉันปล่อยให้ความคิดล่องลอยกลับไปทบทวนเหตุการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้นในช่วงระยะเวลาอันสั้นๆ ความรู้สึกชื่นชมในสมรรถภาพร่างกายที่แข็งแรงคล่องแคล่วของฟาเบียน ทำให้ริมฝีปากของฉัน(หรือของเขา) เผยอยิ้มเล็กน้อยด้วยความพึงพอใจ... หลังจากอาบน้ำเสร็จ ฉันทำความสะอาดแผลบนร่างกายของฟาเบียน ที่เป็นทั้งแผลเก่า และแผลที่เพิ่งได้มาใหม่ อย่างบรรจง แม้รอยช้ำตามร่างกายจะยังคงมีให้เห็นอยู่ แต่ความเจ็บปวดได้บรรเทาลงมากแล้ว ฉันสวมเสื้อคลุมสำหรับนอนและเดินออกมาจากห้องน้ำ ฉันสังเกตเห็นไบรอันนอนแผ่ตัวออกอย่างผ่อนคลายอยู่บนเตียงของเขา
ฉันนั่งลงบนเตียงของฉันที่อยู่ข้างๆ ค่อยๆล้มตัวลงนอนด้วยความอ่อนเพลีย... เมื่อฉันสังเกตเห็นว่าเขายังไม่หลับ ฉันจึงเปิดบทสนทนาเพื่อระบายสิ่งที่กังวลอยู่ในใจ
ไบรอัน... เรนาเต้เล่าให้ฉันฟังว่า คุณเป็นคนแรกที่พบร่างไร้สติของฟาเบียน... และชายปริศนาผู้สวมหน้ากากสีขาว...
อืม... ไบรอันส่งเสียงตอบที่ลำคอเบาๆ
คุณรู้ไหม หน้าที่ของฉันคือการเป็นตัวล่อให้ชายผู้สวมหน้ากากสีขาวปรากฏตัวขึ้นอีกครั้ง... โดยที่ฉันเองก็ยังไม่รู้เลยว่า... ในภารกิจที่ดูเหมือนจะไม่ยากเย็นอะไรนี้... มีอะไรแอบซ่อนอยู่...
ไบรอันไม่ได้ตอบอะไร... เขาปล่อยทิ้งให้บทสนทนาจบลงเพียงแค่นั้น
แล้วทั้งเขา และ ฉัน ที่อ่อนเพลีย จากการปฏิบัติภารกิจอันตึงเครียดทั้งวัน ก็หลับเข้าสู่ห้วงภวังค์นิทรา...
*******************************************
อีกครั้ง... ในความฝัน...
ฉัน ในร่างของฟาเบียน มองเห็นไบรอันในวัยหนุ่มแรกรุ่น อยู่ในชุดเทควันโด้สายดำ และกำลังฝึกฝนศิลปะการต่อสู้ในโรงยิมอย่างขยันขันแข็ง หลังจากที่เขาฝึกท่าเตะสองสามท่าติดต่อกันด้วยความคล่องแคล่วว่องไว เขามองมาที่ฉัน ด้วยสายตาสนิทสนมเป็นมิตรอย่างที่ฉันไม่เคยเห็นมาก่อน เขายกมือขึ้นทักทาย และตะโกนเรียกฉัน
เฮ้... ฟาเบียน!
ฉันผงะเล็กน้อยด้วยความแปลกใจ แม้ว่าไบรอันจะมองเห็นฉันในร่างของฟาเบียน แต่เขาก็ไม่เคยเรียกฉันว่าฟาเบียนมาก่อน
ในทันใดนั้น ปราศจากคำสั่งการหรือการควบคุมใดๆที่มาจากฉัน ร่างของฟาเบียนวิ่งเข้าไปหยอกล้อเล่นกับไบรอันอย่างสนุกสนาน...
อีกแล้ว... ที่ฉันอยู่ในความฝันแปลกๆ ความสงสัย ที่ผสมกับความกังวล กลัว และ ตื่นเต้น คลุกเคล้าปนกันอลหม่านอยู่ในความรู้สึกของฉันให้ตายเถอะ...นี่คืออะไรกัน...!? หรือว่า...ไม่ใช่ฉัน... ที่กำลังฝัน...!?
ฉันพยายามรวบรวมสติของตัวเองอีกครั้ง เมื่อเห็นสีหน้าจริงจังของไบรอัน เขากล่าวขึ้นด้วยเสียงหนุ่มวัยแรกรุ่นที่ฉันไม่คุ้นหู
ฟาเบียน ดอกเตอร์แว่นตาบอกฉันว่า เราไม่ได้เป็นพี่น้องกันจริงๆ...
ร่างของฟาเบียนที่ฉันไม่ได้เป็นผู้ควบคุม ยื่นมือไปแตะไหล่ทั้งสองข้างของไบรอัน... จากนั้น เขากล่าวปลอบโยน...
แล้วไงหล่ะไบรอัน สำหรับฉัน นายคือน้องชายแท้ๆคนเดียว น้องชายคนที่ฉันรักมากที่สุด...
ฉันเห็นไบรอันยิ้มกว้างด้วยความดีใจ...
จากนั้นความฝันค่อยๆเลือนลางหายไป...
ฉันตื่นขึ้นมาในตอนเช้า... พยายามรวบรวมจดจำความฝันแปลกประหลาด... ฉันได้ยินเสียงไบรอันอาบน้ำในห้องน้ำ... สักพักหลังจากเสียงสายน้ำไหลหยุดลง เขาเดินออกมาจากห้องน้ำโดยมีผ้าขนหนูปิดร่างกายอันเปลือยเปล่าท่อนล่าง ฉันรีบกล่าวบอกเขาด้วยความตื่นเต้นทันที
ไบรอัน ฉันจำเป็นต้องคุยกับดอกเตอร์อิริค โดยเร็วที่สุด!!
ไบรอันหยิบผ้าขนหนูอีกผืนมาเช็ดผมให้แห้ง ในขณะที่ตั้งคำถามถามกลับห้วนๆ
มีอะไรสำคัญเหรอ?
ฟังนะ...ไบรอัน... พี่ชายของคุณ... อาจจะไม่ได้กลายเป็นเจ้าชายนิทราตลอดไป... หากฉันเดาไม่ผิด... เมื่อคืน... และเมื่อวานนี้... เขา...ฝัน... ฉันทิ้งจังหวะเล็กน้อย ก่อนที่จะกล่าวประโยคต่อไปด้วยความระมัดระวัง
ซึ่งนั่นอาจหมายความว่า... สมองบางส่วนของเขา... เริ่มกลับมาทำงานอีกครั้ง!!
แก้ไขเมื่อ 14 ก.ค. 55 21:33:53
แก้ไขเมื่อ 11 ก.ค. 55 18:26:12
แก้ไขเมื่อ 11 ก.ค. 55 18:06:55
แก้ไขเมื่อ 11 ก.ค. 55 12:38:06
แก้ไขเมื่อ 11 ก.ค. 55 04:23:54