9
“พ่อคะ นี่พี่วิชค่ะ”
นีรนารถแนะนำปัญวิชช์ให้ผู้เป็นพ่อรู้จัก ชายหนุ่มยกมือไหว้ เห็นความคลับคล้ายในแววตาของรังสรรค์ แต่คำถามไม่ถูกเอ่ยออกมาเพราะนีรนารถเจื้อยแจ้วความเป็นมาที่พวกเขาได้รู้จักกัน
“พอดีพีชเขาชอบพี่วิชอยู่แล้ว ก็พานารถไปงานเปิดตัวหนังสือ เลยจำได้ว่าเราเคยเจอกันที่ฝรั่งเศสค่ะ วันนี้เลยชวนพี่วิชมาชิมขนม เป็นการขอบคุณเรื่องหนังสือสอนวาดรูปด้วยค่ะ”
ผู้อาวุโสพยักหน้า ถึงสีหน้าจะเรียบเฉย แต่ยังคงความอ่อนโยน “เป็นหนูทดลองคนใหม่นี่เอง อารอดตัวแล้ว”
“คุณพ่อคะ”
นีรนารถหน้าแดง “พี่วิชไปนั่งทางโน้นไหมคะ หรือจะดูทีวีกับคุณพ่อ เดี๋ยวนารถกับป้าบุญทำขนมแป๊บเดียว”
ปัญวิชช์มอง มุมตรงนั้นใกล้กับทางเดินออกไปยังสวนนั่งเล่น เขาพยักหน้า “ขอไปรอตรงนั้นดีกว่าครับ ท่าทางเย็นดี” เขาหันไปขอตัวกับผู้อาวุโส ซึ่งดูเหมือนว่ามีคำถามที่รู้คำตอบอยู่แล้ว พ่อของนีรนารถต้องมีเขาอยู่ในความทรงจำพอควร อาจจะจำไม่ได้แม่นยำ ถึงกระนั้นก็ไม่มีความหมายใด ๆ ที่จะต้องถาม แพราะอดีตใช่ว่าจะคุ้นเคยกัน และเพราะเขาไม่ใช่ปรเมศ
หากคิดให้ดีแล้ว อดีตไม่เกี่ยวอะไรเลยกับเขาทั้งสองคน แต่ปัญวิชช์เห็นความวิตกเจือจาง เพราะหากลูกสาวคนเล็กมีใจให้คนในตระกูลที่จงชังลูกสาวคนโต หวาดหวั่นจะโดนกีดกัน และคนเป็นพ่ออาจจะเจ็บอีกครั้ง
“พี่วิชรอเดี๋ยวเดียวนะคะ” นีรนารถบอก
“ตามสบายเลยครับ ไม่ต้องรีบ ทำให้สุดฝีมือเลย”
หญิงสาวยิ้มเขิน ก่อนจะผละเข้าครัวไปพร้อมแม่นมคู่ใจ
เมื่อลับสายตา ปัญวิชช์ไม่ได้นั่งรอดังคำบอก เขาเดินออกไปที่สวน หญิงสาวผู้งดงามกำลังเพลิดเพลินกับหนังสือ เธอเหลือบมองเมื่อได้ยินฝีเท้าและเห็นการเคลื่อนไหว ก่อนจะสนใจกับเนื้อหาหนังในสือเหมือนเดิม
“ไม่ทักทายกันเลยนะ”
“ก็ไม่ได้อยากจะทักทายนี่”
แค่เธอเอ่ยปาก เท่ากับตอบรับการมีตัวตนแล้ว “กลับมาตั้งแต่เมื่อไหรไม่เห็นบอกผมบ้าง” นภัสรินทร์ไม่ตอบ “ผมอุตส่าห์ไปหารินที่บริษัททุกวันเลยนะ”
“ไม่มีคำพูดที่ดีกว่านี้เหรอ เอาแต่ตัดพ้ออยู่ได้”
“ผมคิดถึงริน”
หญิงสาวชะงักและจ้องหน้า ปัญวิชช์ไหวไหล่ “ก็ไม่ได้ตัดพ้อแล้วไง” เขาสืบเท้าเข้ามาใกล้ กวาดสายตาเรื่อยเปื่อย “รินชอบมานั่งตรงนี้เหรอ”
นภัสรินทร์นิ่ง ทั้งเขาและเธอต่างก็รู้ว่าพื้นที่ตรงนี้เคยอบอวลไปด้วยความรักและความหวังจากใครคนหนึ่ง คำถามนี้ออกมาด้วยความตั้งใจหรือเปล่า เธอจำต้องสะกดอารมณ์
“มุมไหนสบายฉันก็นั่งตรงนั้นแหล่ะ”
โดยเฉพาะตรงที่ไม่มีนีรนารถ ปัญวิชช์ต่อให้ในใจ
“ฉันไม่ไปเกะกะพวกคุณหรอก”
มุมปากชายหนุ่มยกยิ้ม จับอารมณ์ประชดประชันแบบผู้หญิงได้ในน้ำเสียง “ผมแค่มาชิมขนมตามคำชวนของนารถแค่นั้นเอง ไม่มีอะไร”
“ถึงมีก็ไม่เกี่ยวอะไรกับฉันนี่”
“รินคิดว่าผม...”
“พี่วิชคะ”
เสียงเรียกแว่วจากตัวบ้าน ทำให้บทสนทนาหยุดกลางคัน นภัสรินทร์มีรอยยิ้มเย้ยบนดวงหน้า ปัญวิชช์สบตาตอบก่อนจะผละออกไป
และเขาไม่เห็นว่า นภัสรินทร์มองตามภาพนั้น พร้อมกับภาพอดีตบางช่วงเวลาก็ผุดขึ้นมาในทันใด
นภัสรินทร์กำลังอ่านรายงานเพื่อวิเคราะห์ตลาด และวางแผนงานสำหรับการเข้าไปพบลูกค้าเก่าที่ไม่ได้ใช้บริการนานกว่าสองปีเพื่อรักษาความสัมพันธ์ โทรศัพท์บนโต๊ะดังขึ้น เสียงใส ๆ ของกวางดังเข้ามา
“คุณรินคะ มีคนมาพบคุณรินค่ะ เอ่อ คุณ...วิชน่ะค่ะ”
“ให้รอก่อน” หญิงสาวอย่างเคยชิน ครั้นเมื่อวางหูโทรศัพท์และจะกลับมาอ่านรายงานต่อก็ไม่มีสมาธิเสียแล้ว ภาพชายหนุ่มถือกล่องใส่ขนมเค้กกับสีหน้าสมหวังของนีรนารถแทรกเข้ามาแทน จนต้องเอนกายผ่อนลมหายใจเรียกสติ
นภัสรินทร์ใช้เวลาไม่กี่นาทีตกผลึกความคิดที่ว่า การให้ปัญวิชช์มาเจอเพียงเพื่อพูดคุยสักนาทีในทุกวันดีกว่าให้เขานั่งรอเหมือนวันนั้น ชายหนุ่มไม่ทำให้เธอใจอ่อน แต่การปรากฎกายของเขาจะทำให้ทุกตารางนิ้วของสำนักงานอบอวลไปด้วยเรื่องราวนี้ เธอจะถูกคิดว่าตอบรับไมตรีก็ช่าง แค่อยากจะเลี่ยงเสียงนินทาที่มีต่อเขา
ที่สำคัญ นีรนารถจะไม่มีวันคิดว่าตนเองเหนือกว่าในการแข่งขันครั้งนี้
นภัสรินทร์ยกหูโทรศัพท์ “กวาง ให้คุณวิชเข้ามาเลย หาเครื่องดื่มให้ด้วยนะ”
“วิชไปเถียงอะไรปู่อีกหือ วันก่อนเห็นงอนปึงปัง เหวี่ยงใส่จนเด็ก ๆ มันกลัว”
ปัญวิชช์เคี้ยวแอ็บเปิ้ลตุ้ย ๆ อยู่ในครัว ข้าง ๆ คือวิลาสินีผู้เป็นแม่ที่เป็นคนปอกและจัดเรียงใส่จาน วิลาสินีเป็นเหมือนแม่บ้านใหญ่ของครอบครัว ดูแลความเรียบร้อยในบ้านตามแบบฉบับผู้หญิงที่ไม่ได้ทำงานนอกบ้าน
“ไม่มีอะไร แค่ปู่เริ่มเรื่องการเมือง ผมก็หลับไปก่อนแค่นั้นเอง”
เขาตอบง่าย ๆ แต่คนฟังรู้ว่าไม่มีแค่นั้น “ก็แล้ววิชจะเริ่มทำงานเมื่อไหร่ล่ะ”
“ไอ้ทำน่ะทำอยู่แล้ว เพียงแต่ตอนนี้สำนักพิมพ์เขาอยากให้เขียนอีกเล่ม ผมก็พอมีข้อมูลอยู่ เลยว่าจะเขียนโหนกระแสให้เขาไปก่อน ได้ตังค์ด้วย”
“วิชบอกปู่หรือเปล่า”
ลูกชายทำหน้าเหรอหรา วิลาสินีถอนใจ “ก็เป็นซะแบบนี้”
“แม่คิดว่าปู่จะดีใจเหรอที่รู้ว่าผมจะเขียนหนังสือต่อ ไม่บอกซะเลยดีกว่า” ปัญวิชช์ถามกลับ เพราะรู้ว่าความชอบและความสามารถของตนเองไม่เป็นที่ชื่นชอบของปู่เท่าไหร่
“ปู่เขาหวังดี เขารักวิช เหลือวิชคนเดียวแล้ว อย่าไปดื้อกับท่านมากนักเลย” ลูกชายไม่ตอบ วิลาสินียิ้มบาง “หรือว่าวิชมีเรื่องที่อยากทำมากกว่าใช่ไหม อย่างเช่นทำขนม”
“เปล่าครับ ผมทำขนมเป็นที่ไหนล่ะ”
“งั้นก็คนทำขนม แม่เห็นนะวันก่อนได้เค้กมาด้วย ขนมหน้าตาน่ารัก รสชาติเข้มข้นแบบนี้ ทำเองแน่ ๆ สาวที่ไหนให้มาล่ะ”
ปัญวิชช์จิ้มแอ็บเปิ้ลชิ้นต่อไป ตอบโดยไม่มองหน้าแม่ “ก็แค่คนรู้จักกัน ไม่มีอะไรหรอกครับ ว่าแต่วันนี้แม่ทำอะไรกิน หิวแล้ว ผมอยากกินปลานึ่ง น้ำจิ้มรสจัด ๆ แม่ทำให้กินหน่อยสิ”
คนเป็นแม่ส่ายหน้า ลูกเนียนเปลี่ยนเรื่องแบบนี้ป่วยการที่จะซักไซ้ต่อ เธอเองก็มีลูกชายคนเดียว เวลาเขาทำเป็นดื้อตาใสอ้อนใส่แบบนี้ เธอก็ใจอ่อน
วันอาทิตย์
นภัสรินทร์โทรศัพท์ไปที่บ้าน ที่นั่นมีเด็กรับใช้คนหนึ่งที่มักให้ข้อมูลที่เธอต้องการเสมอ ขณะเดียวก็จะเก็บความลับนี้ไม่แพร่งพรายอะไรให้ใครได้รู้
“เดี๋ยวฉันจะเข้าไปหาคุณพ่อนะ”
“คุณสรรค์ไม่อยู่ค่ะ ออกไปข้างนอกตั้งแต่เช้า”
“อ้าว” นภัสรินทร์เดินมานั่งบนเตียง “แล้วมีใครอยู่ไหม”
“คุณนารถอยู่ค่ะ แล้วก็เพื่อนคุณนารถ คนที่มาหนก่อนนะค่ะ รู้สึกชื่อคุณวิช” เธอเกือบจะเปลี่ยนใจ แต่พอได้ยินชื่อนี้ก็นิ่ง สายตากวาดไปเจอกับกล่องใส่ของลายผู้หญิงญี่ปุ่นที่ตั้งอยู่บนตู้ข้างโต๊ะเครื่องแป้ง เธอเม้มปาก
“งั้นเดี๋ยวฉันเข้าไป”
หญิงสาววางสาย เดินไปที่กระจก สำรวจความเรียบร้อยของตัวเอง แค่เติมสีสันอีกนิดก็น่าจะพอ เธอเคลื่อนกายมาหยิบกระเป๋าสะพาย กำลังจะออกจากห้องแต่เห็นตัวเองในชุดแม็กซี่เดรสก็นิ่ง ครั้นแล้วก็วางกระเป๋า เปิดตู้หยิบชุดผ้าชีฟองขาสั้นลายกุหลายบนพื้นสีดำมาใส่แทน โอกาสดี ๆ แบบนี้จะมาเรียบร้อยอยู่ทำไม
นภัสรินทร์เห็นตั้งแต่เลี้ยวรถเข้ามาแล้วว่าปัญวิชช์กับนีรนารถนั่งอยู่ที่สวนหย่อมข้างบ้าน เธอกระตุกยิ้ม น้องสาวจอมถือตัวคงอยากประกาศให้เห็นว่ากำลังสนิทสนมกับผู้ชายคนนี้ แต่คงลืมไปว่า ยิ่งปรากฎกายเปิดตัวในที่โล่งแจ้งก็ยิ่งทำให้เขามองกลับมาเห็นเธอในที่โล่งแจ้งเช่นเดียวกัน
ก้อยมายืนรอรับของ นภัสรินทร์ส่งถุงกับข้าวให้ มีเส้นใหญ่กับคะน้า
“คุณรินจะทำผัดซิอิ๊วหรือราดหน้าคะ”
หญิงสาวคิด “ผัดซีอิ๊วดีกว่า ขนมอันนี้ให้คุณพ่อ อ้ะ คุณพ่อไม่อยู่นี่เนอะ งั้นเก็บไว้ให้ด้วยนะ ถุงนี้พวกเธอเอาไปแบ่งกันกิน เดี๋ยวฉันตามไป”
ก้อยเดินเข้าบ้าน แต่นภัสรินทร์ยังอ้อยอิ่งดูดอกไม้ต้นไม้เรื่อยเปื่อย ทั้งที่ปกติแล้วแทบจะไม่เคยสนใจ หญิงสาวปรายตามองคนคู่นั้น จุดยิ้มนิด ๆ ก่อนจะเดินเข้าบ้านไปอย่างรื่นรมย์
ในครัว ก้อยแยกเส้นใหญ่ที่ติดกันเป็นแพให้กระจาย ปุ๋มคนรับใช้อีกคนหั่นหมูอย่างคล่องแคล่ว ไม่มีป้าบุญ นภัสรินทร์รู้ดีว่าเมื่อใดที่เธอมา แม่บ้านใหญ่คนนั้นจะเลี่ยงไปทำอย่างอื่นเสมอ ก็ดี ไม่ต้องเห็นหน้าบึ้งตึงให้อารมณ์เสีย
“กลิ่นขนม” นภัสรินทร์พูดลอย ๆ พลางย่นจมูก
“เมื่อกี้คุณนารถมาอบคุ้กกี้ค่ะ เพิ่งเสร็จไปก่อนหน้าคุณรินมาแป๊บเดียวเอง” ก้อยบอก คนฟังพยักหน้า ครั้งก่อนเป็นเค้ก หนนี้คุ้กกี้ คราวหน้าจะเป็นอะไรอีกนะ
“มา ฉันช่วย” เจ้านายสาวหยิบมีดเล็กมาปอกก้านคะน้าแล้วหั่นเฉียงเป็นชิ้นบาง ๆ จังหวะนั้นบุญก็เดินเข้ามา พูดหน้านิ่ง ๆ
“ปุ๋ม เธอยังไม่ได้ขัดกระจกห้องคุณสรรค์เหรอ”
เจ้าของชื่อเงยหน้า “เดี๋ยวไปทำจ้ะ”
คนอายุมากกว่าหรี่ตา เป็นความไม่พอใจที่เห็นลูกมือของตัวเองมาช่วยคนที่เกลียดชัง นภัสรินทร์ตัดปัญหา
“ปุ๋มไปทำเถอะ เดี๋ยวฉันกับก้อยทำเอง”
ปุ๋มละมือโดยง่าย บุญมีรอยยิ้มจาง ถึงไม่สามารถดึงทั้งคู่ออกมา แต่การได้แสดงให้เห็นว่าตนเองมีอำนาจเหนือกว่าได้ก็เพียงพอ
ผัดซีอิ๊วปรุงเสร็จในเวลาไม่นาน นภัสรินทร์ช่วยหยิบจับเครื่องปรุงให้ เธอพอทำอาหารได้ แต่ยอมรับฝีมือคนที่ทำเป็นประจำอย่างก้อยมากกว่า คนปรุงใช้ช้อนอีกคันตักให้ชิม กลิ่นซีอิ้วผสมกับกลิ่นเส้นเกรียมกระทะ นภัสรินทร์พยักหน้าอย่างถูกใจ
จังหวะที่สายตาเธอมองลอดประตูครัวออกไปเห็นร่างหนึ่งเดินเข้ามา หลังไว ๆ และทิศทางที่ไปคงเป็นห้องน้ำ เธอรอจังหวะ พอประตูห้องน้ำเปิดออกอีกครั้งก็หันมาบอกกับก้อย
“ก้อย ไปเอากล่องทัปเปอร์แวร์ในรถมาให้หน่อย อยู่เบาะหลังนะ เอามากล่องเดียวพอ”
อีกฝ่ายรับกุญแจรถแล้วเดินออกไป นภัสรินทร์นับถอยหลัง และปัญวิชช์ก็มายืนในเวลาไม่ถึงสิบวินาที หญิงสาวคิดว่าต่อให้เธอไม่ประสบความสำเร็จปิดการขายไม่ได้ แต่การเดาใจผู้ชายคนนี้ยังไม่เคยพลาด
“ทำอะไรน่ากินจัง ขอชิมบ้างได้ไหม ทำเผื่อผมหรือเปล่า”
นภัสรินทร์ค่อย ๆ ช้อนสายตาพร้อมยิ้มหวาน “ไม่ได้ทำเผื่อ เพราะนึกว่าชอบกินแต่คุ้กกี้”
ปัญวิชช์หน้าบาน หญิงสาวเห็นว่านัยน์ตาเขากระจ่าง ถูกใจและตีความว่าเธอกำลังตัดพ้อ “ไม่ได้ชอบแต่คุ้กกี้ อย่างอื่นก็อยากกินเหมือนกันนะ”
ก้อยเดินเข้ามา ชายหนุ่มลดยิ้มลงเล็กน้อย ก่อนจะผละออกไปด้วยอาการเสียดาย
....
จากคุณ |
:
อุธิยา (BabyRed)
|
เขียนเมื่อ |
:
11 ก.ค. 55 10:08:46
|
|
|
|