Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
สาปรักอังกอร์ ๒๑ : ฤา...จะไม่มีทางแก้ไข ติดต่อทีมงาน

๒๑ : ฤา…จะไม่มีทางแก้ไข






สายมากแล้วเมื่อปราชญาลืมตาตื่นขึ้นมา แสงแดดจ้าที่รอดม่านลูกไม้เข้ามาแยงตาจนต้องพลิกตัวหนี แต่ไม่ทันที่ชายหนุ่มจะได้ทำอะไรต่อไป เสียงทุ้มคุ้นหูที่ดังขึ้นหน้าประตู ทำเอาเขาถึงกับสะดุ้งตกใจ คาดไม่ถึงว่าจะมีแขกที่ไม่ได้รับเชิญมาเยี่ยมตั้งแต่เช้าแบบนี้ หน้าของคนเจ็บดูเจื่อนเฝื่อนสิ้นดี ก่อนจะเปลี่ยนเป็นขรึมลงอย่างรวดเร็ว และดูเหมือนว่าคนที่เดินมาหยุดยืนอยู่ตรงหน้าจะเข้าใจความรู้สึกของเขาเป็นอย่างดี ถึงได้อธิบายออกไป

“ขอโทษนะครับถ้าทำให้คุณตกใจ ผมผ่านมาทางนี้พอดีเลยถือโอกาสแวะมา”

“มีอะไรหรือครับถึงได้มาแต่เช้าอย่างนี้” คนรู้ทันชิงถามขึ้น ทำเอาคนมาเยี่ยมถึงกับชักสีหน้าไม่ถูกพูดไม่ออกไปชั่วอึดใจ ได้แต่นึกในใจว่าไม่ง่ายเลยที่จะเข้าถึงคนตรงหน้าอย่างที่คิดเอาไว้ แต่ด้วยความเป็นคนตรงโผงผางจริงใจเช่นเดียวกัน จึงพอใจที่ชายหนุ่มโพล่งถามออกมาอย่างนั้น แม้จะดูกวนประสาไปบ้างแต่ก็ตรงประเด็นดี

“คุณนี่พูดตรงดีนะ ผมชักชอบแล้วสิ เอาเป็นว่าผมอยากให้คุณช่วยอะไรบางอย่าง”

“หมายความว่าอะไร ตกลงคุณต้องการจากผมกันแน่” เสียงของปราชญาเริ่มห้วนจนแทบกระชาก เมื่อเริ่มจะเข้าใจอะไรมากขึ้น แม้ว่าจะยังไม่รู้ว่าต้องการให้ช่วยอะไร แต่สัญชาตญาณกลับบอกให้ปฏิเสธทันที มันไม่ง่ายเลยที่จะอธิบายความรู้สึกเหล่านั้นออกมา ว่าทำไมเขาถึงไม่ไว้ใจชายหนุ่มท่าทางงามสง่าคนนี้ ทั้งที่ไม่เคยมีอะไรติดค้างหรือไม่ชอบใจกันมาก่อน แต่ก่อนที่ปราชญาจะได้รับคำตอบ คนถามได้เอื้อมมือมาจับที่หัวไหล่ชายหนุ่มพลางพูดเสียงเรียบ


“ผมไม่ได้ต้องการอะไรจากคุณ แค่อยากขอให้คุณช่วยเท่านั้นเอง” ไม่ทันที่เจ้าชัยเขตจะพูดจบดี ปราชญารู้สึกเหมือนถูกไฟฟ้าช็อตทันทีที่มือของชายหนุ่มเอื้อมมาสัมผัส ก่อนภาพอดีตกาลที่เขาเคยเห็นเคยฝันถึงจะไหลหลากถ่ายทอดไปสู้มโนจิตของเจ้าชายเขมรราวกับถูกพลังอำนาจบางอย่างดึงดูดเข้าไป นานเท่านานที่คนเจ็บนอนนิ่งให้คนสัมผัสได้มองเห็นภาพอดีตย้อนกลับราวกับถูกสะกดให้ตกอยู่ในภวังค์ จวบจนภาพการจากพรากระหว่างพระเจ้าวิทยเทพและเจ้านางเอกมินตราปรากฏขึ้น

“เป็นเจ้าจริงๆหรือนี่บุษบามินตรา”

“เจ้าพี่วิทยเทพ เป็นพระองค์จริงๆด้วย ถวายพระพรเพคะ”

“พี่เอง เจ้าเป็นเยี่ยงใดบ้าง”

“โปรดประทานอภัยให้หม่อมฉันด้วยเพคะ”

“อย่าบอกนะว่าเจ้าสิ้นรักในตัวพี่แล้วบุษบามินตรา ที่ผ่านมาเจ้ามิเคยเห็นพี่อยู่ในสายตาเลยใช่ฤาไม่ จักมัวนิ่งอยู่ทำไมไยมิเร่งพูดออกมา”

“โปรดฟังหม่อมฉันอธิบายก่อนเพคะ หม่อมฉันหาได้...เอ่อ”

“หลีกไปพี่นางเอกมินตรา” แต่มิทันที่เจ้านางบุษบามินตราจักทันอธิบายความใดออกไป พลันเสียงเคยคุ้นของใครบางคนดังขึ้นเสียก่อน ต่างหันกลับไปตามเสียง เห็นร่างสูงตระหง่านของใครบางคนที่น้าวคันศรเล็งตรงมาพอดี ก่อนจะปล่อยลูกธนูออกจากไป

“อย่าชยเกศวร อย่า...ระวังเพคะเจ้าพี่วิทยเทพ โอ๊ย...อุบ”


เสียงร้องของเจ้านางเอกมินตราที่วิ่งเอาตัวมาขวางร่างของพระเจ้าวิทยเทพเอาไว้ สร้างความตกใจให้แก่คนยิงถึงกับตกตะลึง ยืนนิ่งทำอะไรไม่ถูกอยู่นาน เช่นเดียวกับชายหนุ่มทั้งสองคนที่มองเห็นภาพเหตุการณ์อยู่เช่นกัน โดยเฉพาะปราชญาที่พยายามอย่างยิ่งจะมองหน้าชายผู้ยิงธนูคนนั้น แต่ก็ไม่อาจเห็นได้ถนัดชัด ผิดกับเจ้าชัยเขตที่รับรู้ได้ในทันทีว่าคนผู้นั้นเป็นใคร หน้าเข้มคมสันเผือดลงอย่างรวดเร็ว เมื่อกลับมาเห็นภาพเหตุการณ์สุดแสนสะเทือนใจอีกครั้ง

ภาพแสนเศร้าที่นิมิตถึงเกือบทุกค่ำคืนตลอดสามเดือนที่ผ่านมา ยังวนเวียนแทรกเข้ามาในจิตใจ จนเป็นสาเหตุให้ต้องเสด็จกลับพนมเปญเพื่อค้นหาความจริง กระทั่งได้พบกับหม่อมเจ้าหญิงเพราพิลาสด้วยความบังเอิญ ทำให้ทรงเห็นอดีตชาติของตนเองที่ผ่านมาอย่างไม่ตั้งใจ ก่อนจะได้รับรู้ถึงความเป็นมาเป็นไปของใครอีกหลายๆ คน ที่เกี่ยวข้องกับเรื่องเหล่านี้ อย่างเหลือเชื่อ จนนำไปสู่การออกค้นหาข้อเท็จและเรื่องราวต่างๆ ตามมาอีกมากมาย ซึ่งบัดนี้ชายหนุ่มตรงหน้านามว่าปราชญากำลังจะช่วยพระองค์ไขปริศนาในไม่ช้า

ในขณะที่สมองของเจ้าชายเขมรกำลังประมวลความคิดเรียบเรียงลำดับเหตุการณ์อยู่นั้นเอง ภาพอดีตชาติที่ยังคงดำเนินต่อเนื่องกันไปอยู่นั้นก็ทำให้คนที่ตั้งสมาธิถึงกับเสียวสันวาบ ตัวชาดิกเมื่อจู่ๆ สิ่งที่ไม่มีใครคาดคิดมาก่อนพลันเกิดขึ้น เมื่อสายตาคมกล้าของชายหนุ่มแวบเห็นคล้ายเงาตะคุ่มยืนหลบมุมอยู่หลังเสาศิลา คล้ายจงใจจะแฝงตัวในความมืดแฝงเพื่อทำบางอย่างเข้าพอดี ประจวบเหมาะพอดีกับลูกธนูอีกดอกพุ่งออกจากแล่งนั้นแล่นแหวกอากาศตรงเข้าหาเป้าหมายเบื้องหน้าเฉกเช่นกัน

ก่อนจะทรงเห็นว่าลูกธนูดอกหนึ่งนั้นเกือบจะสังหารพระเจ้าวิทยเทพเสียแล้วทว่าพลาดไป แต่กลับมีธนูอีกดอกพุ่งมาตรงเข้าหาร่างของเจ้านางเอกมินตราแทน จึงได้หันขวับกลับไปมองเงาดำหลังเสาหินทันที แวบเดียวเท่านั้นที่แสงเดือนสาดกระทบเสี้ยวหน้าของคนที่เผลอตัวชะโงกหน้าออกมาจากเงามืด เมื่อเห็นเป้าหมายผงะหงายล้มลง นอนกระอักเลือดหายใจรวยรินในอ้อมแขนของวิทยเทพ แสยะยิ้มออกมาด้วยความพึงพอใจ วิ่งหลบออกจากทีนั้นไปในที่สุด จึงได้อุทานออกมาด้วยความตกใจ ท่ามกลางความตระหนกตกใจให้ผู้ที่อยู่ร่วมเหตุการณ์ไปตามกัน

“พี่หญิงเพรา เอ๊ะ...ไม่ใช่สิ นั่นมันเจ้านางแสนอัปสรนี่นา” ขณะที่เจ้าชัยเขตมองตามร่างในชุดดำไป ร่างใหญ่ของพระเจ้าชยเกศวรที่หันไปมองคนเจ็บ ละล่ำละลักพูดขึ้นด้วยความเสียใจ ก่อนจะหันมาตวาดเสียงกร้าวใส่ผู้ชายอีกคน พลางย่างสามขุมเข้าหาทันที

“ทรงเป็นเยี่ยงใดบ้าง น้องไม่ได้ตั้งใจ เจ้า...เป็นเพราะเจ้าวิทยเทพ เจ้าจักต้องชดใช้ด้วยชีวิต”

“อย่าชยเกศวรพี่ขอร้อง อุบ...เจ้าพี่วิทยเทพ ทรงรีบหนีไปเถอะเพคะ ได้โปรด”

“ไม่พี่จักไม่ไปไหนทั้งนั้น บุษบามินตราไยเจ้าต้องทำเยี่ยงนี้ ไยต้องสละชีวิตเพื่อพี่เยี่ยงนี้ ฮือ ฮือ” สุรเสียงร่ำไห้ของพระผู้ครองนคราทำเอาบรรดาผู้ที่อยู่ร่วมในเหตุการณ์ถึงกับสะท้านในหัวอก รู้สึกเศร้าสลดไปตามๆกัน เช่นเดียวกับความรู้สึกของหม่อมเจ้าชัยเขตที่หดหู่ไม่ต่างกัน ไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าจะได้ย้อนอดีตมาพบเห็นเหตุการณ์เช่นนี้ได้ หลังจากที่เลิกฝันถึงมาได้พักใหญ่แล้ว เจ้าชัยเขตยืนมองด้วยความรู้สึกเจ็บปวดที่บอกไม่ถูก เสียใจและเสียดายที่ไม่สามารถทำอะไรได้เลย นอกจากยืนมองอยู่ห่างๆเหมือนกับทุกๆครั้งที่ผ่านมา


ขณะที่กำลังคิดอยู่นั้นเอง ทางด้านพระเจ้าชยเกศวรในทันทีที่สติกลับคืนมา จึงถลันเข้าไปหาพระเจ้าวิทยเทพที่ก่นร่ำไห้กอดร่างคนเจ็บปางตายเอาไว้ พลางทำท่าจะลงดาบใส่ แต่ยังช้ากว่ากลุ่มคนในชุดดำที่ยื่นดาบมาคานเอาไว้เสียก่อน คนถูกขัดขวางจึงถอยห่างออกมา ก่อนจะถูกคนเหล่านั้นล้อมเอาไว้ในเวลาเดียวกันนั้นเองที่เจ้าเตศวรได้ยินคล้ายเสียงฝีเท้าม้าดังใกล้เข้ามา ก่อนจะเห็นใครอีกคนควบม้าใกล้เข้ามา ทำให้ต้องหันไปมองตามเสียงเช่นเดียวกับเจ้านางเอกมินตราที่เหลือบตามไปมองเช่นกัน ก่อนจะหันกลับมามองหน้าคนที่กอดอยู่ และพูดบางอย่างออกมา

“องค์มหาวีระกำลังจักเสด็จมาถึง ทรงรีบหนีไปเสียก่อนเถิดเพคะ อุ๊บ...หม่อมฉันขออ้อนวอน โปรดอย่างได้จองเวรกันอีกต่อไปเลย ชาตินี้หม่อมฉันมีแต่ใจภักดิ์ให้ หาได้รักพระองค์ไม่ เอ่ออุ๊บ...เกิดชาติหน้าฉันใดจักขอชดใช้ให้เพคะ ไปสิรีบไป”

“ไม่พี่ไม่ไป พี่จักขอตายอยู่ที่นี่ พี่รักเจ้าได้ยินบุษบามินตรา อย่าเพิ่งเป็นอะไรไปนะ”


ตรัสพลางกอดร่างคนหายใจรวยรินเอาไว้แน่น ใจร้าวรานเจียนขาดรอนจนแทบทนไม่ไหว ร้องไห้สะอื้นฮักออกมาด้วยความอาลัยรักยิ่ง แม้ว่าจะถูกผลักไสเท่าใดก็ไม่ยอมคลายอ้อมแขนออก  สร้างความกังวลใจให้คนเจ็บปางตายเป็นอย่างมาก แต่ก็ไม่สามารถที่จะทำสิ่งใดได้ต่อไป ได้แต่ผ่อนลมหายใจแผ่วเบาออกมา ทำเอาคนที่มองตามมาใจหายแทบปลิดปลิวตามไปด้วยอีกคน ก่อนจะได้ยินเสียงของใครบางคนตะโกนแว่วเข้าหู  หม่อมเจ้าชัยเขตจึงได้หันขวับไปมอง

“ทางนี้พ่ะย่ะค่ะเจ้าพี่ วิทยเทพอยู่ทางนี้” สิ้นเสียงทักของพระเจ้าชยเกศวร สมาธิของคนที่กำลังจดจ่ออยู่ในภาพอดีตพลันสะดุดหลุดออกจากภวังคจิตแทบจะทันที เหลือเพียงภาพเลือนลางของแผ่นหลังกว้างที่ย่างสามขุมเข้ามาหาก่อนจะหายไปจนหมดสิ้น เช่นเดียวกับมโนจิตของปราชญาที่หายวับไป เมื่อได้ยินเสียงประตูถูกผลักให้เปิดออก

“ยาก่อนอาหารเช้าค่ะคุณปราชญา อุ๊ย!ขอโทษ ไม่ทราบว่ากำลังมีแขก เดี๋ยวกลับมาใหม่ค่ะ”

“เชิญเลยครับคุณพยาบาล ผมกำลังจะกลับพอดี ลาก่อนนะครับคุณปราชญา หวังว่าเราคงจะได้พบกันอีก”

“เฮ้ย...เดี๋ยวก่อนสิคุณ ผมมีเรื่องจะถาม”

“ถ้าอย่างนั้นนี่ค่ะยา แล้วนี่ก็น้ำ ทานเลยค่ะ”


เสียงนางพยาบาลที่แทรกตัวเข้ามาประคองคนเจ็บให้ลุกขึ้นนั่ง คะยั้นคะยอให้กินยาดังกลบบทสนทนาจนหมด ทำให้คนที่ฉวยโอกาสตั้งใจจะหนีกลับรีบเอ่ยปากลาเดินจากไปทันที ทำเอาปราชญาพื้นเสียขึ้นมาทันควัน แต่กว่าทันได้ท้วงอะไร เจ้าชัยเขตก็ออกจากห้องไปเสียแล้ว จึงได้แต่มองตามไปจนลับสายตา หันมาหยิบยาเข้าปากดื่มน้ำตามลงไป ล้มตัวลงนอนตะแคงด้วยความสงสัยปนขุ่นใจ เมื่อหวนขึ้นถึงเหตุการณ์ประหลาดที่แทรกผ่านสมองเข้ามา ครั้งแรกเขาคิดว่าเป็นเพราะฤทธิ์ยาแก้ปวดที่กินเข้าไป แต่ทันทีทันใดที่ภาพในอดีตกาลปรากฏขึ้นในมโนจิต จึงได้รู้ว่าคิดผิดไป ทั้งที่สองจิตสองใจอยากจะเชื่อว่าเรื่องราวที่เพิ่งผ่านสมองไปนั้นเกิดขึ้นจากน้ำมือของคนมาเยี่ยมก็ตาม แต่ไม่มีอะไรที่จะพิสูจน์ให้มั่นใจได้เลย จึงได้แต่คิดไปเรื่อยเปื่อยพลางถอนหายใจออกมา


“ไม่ใช่อย่างที่คิดเอาไว้หรอกนายปราชญา เขาก็คนธรรมดาเหมือนกับเรานี่แหล่ะ จะมาทำอะไรได้ ว่าแต่ทำไมครั้งนี้ถึงได้รู้สึกเหมือนกับว่าไม่ได้อยู่ร่วมในเหตุการณ์นั้นตามลำพัง มันคลับคล้ายคลับว่าจะมีคนอื่นยืนดูอยู่ด้วย เอ...หรือว่าจะคิดไปเอง ท่าจะเพี้ยนแล้วเรา เฮ้ย...แต่พอมาคิดอีกที แม้จะฝันถึงผู้หญิงที่มีหน้าตาคล้ายคุณเอกบุษยาซ้ำๆอยู่หลายครั้ง แต่แปลกตรงที่ครั้งนี้รายละเอียดกลับแตกต่างออกไป แถมยังรู้สึกเหมือนว่ามีนายชัยเขตร่วมอยู่ในเหตุการณ์ด้วย ทั้งที่ก่อนหน้าไม่เคยฝันเห็นสักครั้ง หรือว่าเขามีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ด้วยเหมือนกัน น่าเสียดายที่หนีกลับไปเสียก่อน  อยากรู้เหมือนกันว่ารู้อะไรบ้าง แล้วรู้หรือเปล่าว่าองค์มหาวีระที่พูดถึงนั้นเป็นใคร”


ชายหนุ่มคิดกลับไปกลับมาอยู่นานแต่ยังหาคำตอบไม่ได้ ตั้งใจเอาไว้ว่าหายเมื่อไหร่จะต้องถามให้หายสงสัยอย่างแน่นอน และไม่ว่าคำตอบจะออกมาอย่างไร ก็พร้อมที่ยอมรับอย่างเต็มใจ อย่างน้อยก็เพื่อใครอีกคนที่นอนไม่รู้สติอยู่  หลังอาหารเช้าปราชญาแวะไปเยี่ยมอาการของชโลทรเหมือนทุกๆวัน หญิงสาวยังคงนอนนิ่งไม่มีการตอบสนองใดๆจากการรักษา จนแพทย์เจ้าของไข้เริ่มหนักใจ อยากจะส่งตัวชโลทรไปรักษาอย่างจริงจังจากผู้เชี่ยวชาญด้านสมองที่กรุงเทพมหานคร แต่ไม่รู้ว่าจะแจ้งแก่ญาติของหญิงสาวได้อย่างไร จึงมาบอกให้ปราชญารับรู้แทน

“ทางโรงพยาบาลทราบมาว่าคนไข้ไม่มีญาติที่ไหนเลยนอกจากคุณ ว่าอย่างไรครับคุณปราชญา ถ้าหากเราจะส่งคุณชโลทรไปรักษาที่พระนคร”

“ไม่มีทางรักษาเลยหรือครับหมอ ถึงขนาดต้องส่งตัวไปรักษาที่อื่น”

“ที่นี่เราไม่มีทั้งหมอและเครื่องไม้เครื่องมือที่จะวินิจฉัยโรคทางสมองแบบที่คุณชโลทรเป็นอยู่ ผมแน่ใจว่าที่โน้นมีบุคลากรที่พร้อมกว่า คนไข้ถึงมือหมอที่เชี่ยวชาญเร็วเท่าไหร่ ก็จะเป็นผลดีเท่านั้นครับ ผมอยากให้คุณลองคิดดู”

“ขอเวลาผมหน่อยได้ไหมครับ”

“เร็วๆหน่อยก็ดีนะครับ”

“ขอบคุณครับคุณหมอ” หมอใหญ่เจ้าของไข้เดินออกจากห้องไปแล้ว ทว่าปราชญายังคิดถึงเรื่องที่คุยอยู่เลย ความจริงเขาไม่ควรต้องคิดมาก ถ้าไม่เป็นเพราะห่วงมากจนเกินไป กลัวว่าการส่งตัวเธอไปรักษานั้นจะทำให้ไม่ได้พบกันอีก เกรงว่าเธอจะโดดเดี่ยวไม่มีใครคอยดูแล ที่สำคัญกลัวว่าเธอจะไม่หายจากโรคที่เป็นอยู่ สิ่งเหล่านี้เองที่ทำให้เขาลังเลตัดสินใจเด็ดขาดลงไปไม่ได้ว่าควรที่จะส่งเธอไปดีหรือไม่
 
ขณะที่ชายหนุ่มกำลังใช้ความคิดอย่างหนักหน่วงอยู่นั้นเอง จู่ๆ สายตามาสะดุดหยุดที่ใบหน้าสวยคมขำของชโลทรนิ่งนาน ไล่เรื่อยจากหน้าผากคิ้วตามาจรดจมูก เพิ่งจะตระหนักเดี๋ยวนี้เองว่าคนตรงหน้านั้นสวยคมมากแค่ไหน ทำไมถึงไม่เคยสังเกตมาก่อนเลย ทั้งที่รู้จักกันมาตั้งแต่เด็ก ปราชญายืนนิ่งมองรุ่นน้องอยู่ชั่วอึดใจก่อนจะค่อยโน้มหน้าเข้าไปใกล้หน้าสวยนั้นจนชิด บรรจงจูบลงบนหน้าผากโหนกนูนอย่างแผ่วเบา พลางกระซิบข้างหู

“พี่จะทำทุกอย่างให้เธอกลับมาเป็นชโลทรคนเดิมของพี่ให้ได้ พี่ให้สัญญา”

ปราชญาเพิ่งจะรู้ใจตัวเองอยู่เดี๋ยวนี้ว่าเขาเป็นห่วงผู้หญิงตรงหน้ามากแค่ไหน และไม่ใช่เป็นแค่ความห่วงใย แต่มันมากกว่านั้นหลายเท่า เขารู้สึกลึกซึ้งจริงจังจนแทบจะตายแทนได้เลยทีเดียว แบบนี้หรือเปล่าที่เรียกว่าความรัก ชายหนุ่มได้แต่ถามตัวเองอยู่ในใจ ก่อนจะหาคำตอบให้ตัวเองได้ในที่สุด หลังจากออกจากโรงพยาบาลมา หม่อมเจ้าชัยเขตรีบตรงไปบ้านของหมอเขมรในทันที รู้สึกใจคอไม่สู้ดี สังหรณ์ใจว่าจะเกิดขึ้นจึงสั่งให้นายจันทร์พามา ครั้นพอมาถึงกลับพบว่าไม่มีใครอยู่เลย จึงยิ่งแปลกใจ เพราะอย่างน้อยก็ควรจะมีนายหวินเฝ้าอยู่ ไม่ใช่พากันหายหน้าไปหมดแบบนี้

ร่างสูงใหญ่หันไปสั่งให้คนขับรถคอยอยู่ข้างล่าง ก้าวขึ้นกระไดไปที่ละก้าวอย่างลังเล ทิ้งคนขี้ขลาดตาขาวเอาไว้ข้างหลัง มองฝ่าความมืดเข้าไปในห้องที่เคยนั่งคุยกับผู้เฒ่า เห็นเป็นเงาตะคุ่มๆอยู่ข้างใน เข้าใจไปว่าเป็นเจ้าของบ้านจึงได้ตะโกนทัก ก่อนจะจมูกจะได้กลิ่นสาปสางลอยตามลมมา พร้อมกับเงาทะมึนมืดที่ค่อมอยู่บนร่างของใครคนหนึ่งหันจ้องกลับมา ประกายตาแดงฉานแววโรจนขึ้นมาทันทีที่เห็นว่าผู้มาเยือนเป็นใคร

“พ่อหมออยู่หรือเปล่า นี่ฉันชัยเขตเองนะ”

“โฮก” ไม่มีเสียงตอบรับกลับมา มีแต่เสียงคำรามลั่นของสัตว์หน้าขน ที่ไม่มีใครคาดคิดมาก่อนว่าจะปรากฏตัวขึ้น ทำเอาคนที่เดินเข้าไปใกล้ถึงกับสะดุ้งสุดตัว ถอยกรูดออกมาแทบไม่ทัน เมื่อเห็นวิญญาณร้ายในร่างของเสือลายพาดกลอน กลายกลับเป็นคนเต็มชัดสองตา แวบหนึ่งในมโนสำนึกบอกให้รู้ทันทีว่าอะไรเป็นอะไร

“เสือ…เสือสมิง ราเชนทร์แกยังไม่ตายหรือนี่”

“พื้นความหลังของพระองค์ล้ำเลิศยิ่งนักพระเจ้าชยเกศวร ฮ่า ฮ่า ฮ่า ใช่แล้วข้าคือราเชนทร์มหาอำมาตย์แห่งพระนครอังกอร์ใหญ่ ขอบพระทัยที่ยังจำได้ แต่เสียดายเพลานั้นช่างสั้นนัก จงตามราชครูไปปรโลกเสียพร้อมกันเถิด”

เสียงแหบห้าวแผดก้อง ย่างสามขุมเข้าหาชายหนุ่มตรงหน้าในทันที ทิ้งร่างเหยื่อที่นอนหายใจรวยรินใกล้ความตายไปทุกขณะจิตเอาไว้เพียงลำพัง เงื้อฝ่ามือขึ้นสุดตัวกระโจนพรวดเข้าหาหม่อมเจ้าชัยเขตอย่างรวดเร็ว พร้อมกับกลายร่างกลับเป็นเสือร้าย หมายตะปบอุ้งเล็บให้คนตรงหน้าดับดิ้นในฝ่ามือเดียว ทว่าสิ่งที่มันตั้งใจเอาไว้หาได้เป็นอย่างใจไม่ เมื่อจู่ๆราชครูในร่างของพ่อหมอเฒ่าที่รวบรวมกำลังเฮือกสุดท้ายลุกขึ้นนั่งพนมมืออย่างยากลำบาก ทว่ากลับเคลื่อนตัวอย่างรวดเร็วเข้ามาขวางระหว่างกลางเอาไว้ พลางบริกรรมคาถาบางอย่างออกมา ทำให้เสือร้ายถึงกับชะงัก หมุนคว้างกลางอากาศเมื่อต้องมนตร์สะกด  ก่อนจะตกลงมากระแทกพื้นไม้กระดานเสียงดังสนั่น เรือนสั่นสะเทือนไปทั้งหลัง คนที่ยืนตะลึงมองตาไม่กระพริบจึงได้เรียกสติสัมปชัญญะกลับคืนมาได้ จึงเห็นสายตาวาวโรจน์แดงจ้าด้วยความแค้นของวิญญาณร้ายวาบขึ้นอย่างน่ากลัว หันขวับกลับไปมองร่างอ่อนระโหยโรยแรงอย่างอาฆาต ชายหนุ่มจึงได้ตะโกนออกไป

“ระวังข้างหลังท่านราชครู”

“โฮก…ไอ้แก่ แกยังไม่หมดพิษสงอีกหรือ อย่าได้อยู่เลยตายเสียเถอะ” ทว่าเสียงร้องเตือนของหม่อมเจ้าชัยเขตหาได้ทันช่วยเหลือคนหมดแล้วซึ่งเรี่ยวแรงใดๆได้อีกต่อไป เมื่ออุ้งเล็บคมยาว ของเสือร้ายตะปบเข้าที่ซอกคอจนขาดกระเด็น เลือดสดๆสีแดงเข้มสาดกระเซ็นพุ่งเป็นสายตามจังหวะสูบฉีดของหัวใจ อาบร่างไร้ลมหายใจที่ล้มตึงลงราดลงนองพื้นไปทั่ว ส่งกลิ่นคาวคลุ้งน่าเวียนหัวตลบอบอวล จนคนที่ยืนอยู่ในเหตุการณ์แทบอาเจียนออกมา ภาพการตายอย่างสยดสยองทำเอาหม่อมเจ้าชัยเขตถึงกับตกตะลึงทำอะไรไม่ถูก ครั้นพอได้สติจึงหันหลังกลับวิ่งหนีวิญญาณร้าย ทว่ายังไม่ทันจะถึงหัวกระได ร่างใหญ่มหึมาถลันมายืนขวางเอาไว้ก่อน ทำให้ต้องถอยหลังกลับเข้าไปข้างในอีกครั้ง

“คิดหนีกระนั้นฤา มันไม่ง่ายอย่างนั้นดอก เตรียมตัวตายได้แล้วชยเกศวร ฮ่า ฮ่า ฮ่า”

“เฮ้ย อะไรกันวะเนี่ย เราไม่เคยมีเรื่องบาดหมางกันมาก่อน ทำไมถึงกับต้องฆ่าแกงกันด้วย”

“ไอ้แก่นั่นมันไม่ได้เล่าให้ฟังดอกฤา ถ้าเยี่ยงนั้นข้าพระองค์จะเป็นผู้รื้อฟื้นความหลังให้เอง” สิ้นเสียงแหบพร่าประกาศกร้าว บรรยากาศรอบๆตัวของหม่อมเจ้าชัยเขตพลันเปลี่ยนไปสิ้น ปรากฏเป็นหมอกขาวหนาแน่นคล้ายม่านในโรงละครปกคลุมลงมา ก่อนจะค่อยๆจางหายไปพร้อมๆกับภาพเหตุการณ์ในอดีตฉายชัดขึ้นมาแทน ดึงเอามโนสำนึกของชายหนุ่มที่ยืนอึ้งกับความผันแปรให้ย้อนกลับไปอดีตอย่างรวดเร็ว ราวกับภาพยนตร์ที่ฉายย้อนกลับ กว่าจะรู้สึกตัวอีกครั้งชายหนุ่มก็รู้สึกเหมือนว่าได้อยู่ร่วมในเหตุการณ์นั้นเสียแล้ว

“เจ้าว่าเยี่ยงใดนะ แม่ทัพเมธาตายแล้วเยี่ยงนั้นฤา”

“พ่ะย่ะค่ะ ม้าเร็วจากพระนครอังกอร์ใหญ่เพิ่งมาถึงบัดเดี๋ยวนี้เอง แลยังมีกระแสรับสั่งให้พระองค์เข้าเฝ้าเป็นการด่วนอีกด้วย”

“เยี่ยงนั้นฤา เจ้าพี่มหิยเตศวรต้องการพบข้าด้วยเหตุอันใดกันแน่ หากเป็นเรื่องของพี่นางเอกมินตรา ข้าก็ได้กราบทูลจนหมดสิ้นแล้วยังมีเรื่องอันใดอีก สั่งการลงไปให้เตรียมขบวน ย่ำรุ่งข้าจะไปพระนครอังกอร์ใหญ่”

“พ่ะย่ะค่ะ”

ลับร่างของทหารคนสนิท ชายหนุ่มจึงรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังหลุดออกจากภาพในมโนสำนึก ล่องลอยไปตามกระแสจิตที่ถูกวิญญาณร้ายสะกด สร้างความตะลึงพรึงเพริดให้เป็นอย่างมาก เพราะไม่เพียงทำให้ล่วงรู้อดีตชาติที่ผ่านมาเท่านั้น แต่ยังช่วยเติมเต็มรายละเอียดปลีกย่อยที่ขาดหายไปอีกด้วย เท่ากับเป็นการช่วยต่อจิ๊กซอร์ปริศนาให้ไปในตัว ในขณะเดียวกันก็ทำให้รู้สึกกลัวด้วยเช่นกัน กลัวว่าเรื่องราวเหล่านั้นจะร้ายแรงจนไม่สามารถแก้ไขเปลี่ยนแปลงใดๆได้เลย จนเป็นสาเหตุสำคัญให้ต้องกลับมาชดใช้กันในวันนี้ หม่อมเจ้าชัยเขตนึกพลางไล่สายตามองไปรอบตัว จึงค่อยเห็นว่าทัศนียภาพรอบๆ นั้นเปลี่ยนไปจากเดิม ก่อนจะหันมาเห็นใครคนหนึ่งเข้าพอดี

“นั่นพี่หญิงเพราพิลาสไม่ใช่หรือ?  มาที่นี่ได้อย่างไรกัน หรือว่าไม่ใช่แต่เป็น”  ขณะที่ชายหนุ่มกำลังใช้ความคิดพยายามหาคำตอบให้ตนเองอยู่นั้นเอง เสียงแหบพร่าของใครอีกคนได้ดังขัดจังหวะขึ้นพอดี จึงได้หันกลับไปมอง

“ถวายพระพรพระมเหสีแสนอัปสรพ่ะย่ะค่ะ”

“ดีใจที่ได้พบท่านอีก จงลุกขึ้นเถิด สบายดีอยู่ฤา”

“ขอบพระทัย ข้าพระองค์สบายดี ทรงเกษมสำราญอยู่ฤาไม่พ่ะย่ะค่ะ แว่วข่าวมาว่าองค์รัชทายาทกำลังเสด็จกลับมามหินธราปุระ พระองค์คงจักสมความปรารถนาในเร็ววัน”

“ดูท่านราเชนทร์จักล่วงรู้เรื่องเกี่ยวกับข้ามิใช่น้อยเลย ข้าสบายดี เพียงแต่มีบางเรื่องที่ยังค้างคา มิอาจจัดการให้เสร็จสิ้นลงได้เสียที”

“ทรงปรารถนาสิ่งใดโปรดบัญชาลงมา ข้าพระองค์ยินดีขันอาสาจัดการให้ด้วยความเต็มใจ”

“ขอบใจท่านมาก เพลานี้แม่ทัพเมธากระด้างกระเดื่องหาได้เห็นหัวข้าไม่ หากมิมีมันสักคน กองทัพของศรีศนะจุปุระจักตกอยู่ใต้อุ้งมือของข้าอย่างแน่นอน คงมิเหลือบ่าของท่านกระมัง”

“เรื่องเพียงแค่นี้ โปรดวางพระทัย” สิ้นถ้อยดำรัสคนขันอาสาจึงถวายบังคมลาออกมา ทิ้งความสงสัยเอาไว้ให้ชายหนุ่มที่ลอบมองอยู่ให้เอาคิดว่าอะไรกำลังจะเกิดขึ้นต่อไป ก่อนภาพจะตัดกลับไปยังบุรุษหน้าตาดุดัน แต่งกายคล้ายแม่ทัพใหญ่

“น่าจะเป็นแม่ทัพชื่ออะไรสักอย่างที่เจ้านางแสนอัปสรเคยเอ่ยถึง อ้อ...ใช่แล้วน่าจะเป็นแม่ทัพเมธานั่นเอง” หม่อมเจ้าชัยเขตนึกในใจพลางมองดูภาพเหตุการณ์ที่ปรากฏขึ้นต่อไป

“สั่งให้คนของเราจับตาดูพวกมันไว้ จำเพาะเจ้าราเชนทร์อย่าได้ไว้ใจเป็นอันขาด ดูสิว่ามันจักมาไม้ไหน” แม่ทัพเมธาสั่งพลางชักสีหน้าครุ่นคิดอย่างหนักหน่วง สืบเท้าออกไปนอกกระโจมไปตรวจตราความเรียบร้อยอย่างเคย ครั้นเดินผ่านป่าละเมาะข้างทางจึงได้หยุดทำธุระส่วนตัว ก่อนจักสบเข้ากับร่างของเสือร้ายลายพาดกลอนที่กระโจนพรวดออกมาขบหัว ปลิดชีวิตลงในทันที

“โฮก”

“เจ้า อ๊าก โอ๊ย...”






มีต่อค่ะ

จากคุณ : Setakan
เขียนเมื่อ : 11 ก.ค. 55 20:00:02




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com