Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
(นิยายกำลังภายใน) วิหคดั้นเมฆา ผู้กล้าฝ่ายุทธจักร ตอนที่ 101 ติดต่อทีมงาน

สือหย่งหลุนใช้เวลาไม่นานก็ค้นพบเรือนจำของที่ว่าการเมือง หลังจัดการยามอย่างง่ายดายจึงถีบประตูเปิดดังปัง ภายในแบ่งเป็นกรงขังสี่ห้องใหญ่ โจรป่าเบียดเสียดกันแออัด หากสือหย่งหลุนสายตาปราดเปรียว ค้นหาครู่เดียวก็พบเป้าหมายนอนอ่อนแรงอยู่ในห้องขังข้างมันนี่เอง จึงไม่รอช้าคว้าโซ่ล่ามลูกกรงกระชากขาดทันที

พวกโจรป่าแรกเห็นทางออกก็หมายกรูหลบหนี แต่พอสบท่าทางดุดันของเด็กหนุ่มเข้าต่างเปลี่ยนใจนั่งลงที่เดิม ปล่อยให้ฟ่านไป่หนิงตรงไปจี้สกัดจุดเป้าหมายเพราะขี้เกียจเจรจามากความ ก่อนสือหย่งหลุนจะอุ้มมันพาดบ่ารุดจากที่คุมขัง หยิบโซ่ขาดมาพันซี่กรงแล้วเร่งพลังวัตรบีบหลอมโลหะเป็นเนื้อเดียวปิดตายห้องขังอีกครา จัดการเสร็จค่อยพากันวิ่งจากเรือนจำ

ทว่าด้านนอกนั้น กลับมีแขกมิได้รับเชิญรอต้อนรับพวกมันอยู่แล้ว!

สองหนุ่มสาวมิมีทีท่าแปลกใจ ด้วยพวกมันไม่คิดเสียเวลากลบเกลื่อนร่องรอยการบุกแม้แต่น้อย การออกมาพบเจ้าเมืองพร้อมมือปราบย่อมเป็นเรื่องปกติ ทว่าที่เหนือคาดการณ์คือจอมยุทธ์อีกสี่คนที่ยืนเคียงข้างเจ้าเมืองอยู่ต่างหาก

“วานรเขากระดูก วานรเขี้ยวกระดูก พวกท่านมิได้พำนักกับสมาคมรัตติพิกลหรอกหรือ” สือหย่งหลุนทักสองในสี่จอมยุทธ์ด้วยน้ำเสียงราบเรียบ

วานรเขากระดูกเผยอยิ้มชิงชัง

“พวกข้ามิมีสังกัดเป็นหลักแหล่ง ใครว่าจ้างก็พร้อมรับใช้เสมอ” จากนั้นผายมือไปทางพรรคพวกที่เหลือ “จะแนะนำให้รู้จัก ท่านผู้นี้คือจอมยุทธ์ฉายาขวานสยบทศทิศ ถัดไปได้แก่จอมยุทธ์เจ้าสุสาน คงเคยได้ยินชื่อมาบ้างกระมัง”

บุรุษฉายาขวานสยบทศทิศมีผิวกายดำคล้ำ ทุกองคาพยพบนใบหน้าราวจะพุ่งทะยานออกมา ตั้งแต่ขนคิ้วชี้แผ่ราวกันสาดเหนือลูกตาปูดโปน จมูกโด่งแหลมคล้ายนำใบหอกมาติดไว้ จนถึงแผงฟันยื่นเหยินแทบหุบปากแทบไม่ลง อาจเพราะร่างกายเอาแต่ขยายออกในทางแปลก ๆ ส่วนสูงมันจึงหดเหลือแค่ประมาณเด็กอายุสิบสองสิบสาม ทว่ากลับควงอาวุธซึ่งยาวกว่าตัวมันถึงสองเท่า ส่วนด้ามทำจากโลหะใดก็สุดรู้ด้วยถูกผ้าพันกันลื่นตลอดความยาว หัวท้ายสวมไว้ด้วยขวานเหล็กรูปครึ่งวงกลมคมกริบ จากความหนาและใหญ่ของขวานคะเนได้ว่าคงหนักร้อยกว่าชั่ง หากมันกลับยกควงไปมาอย่างเบาแรง สุดท้ายพาดด้ามอาวุธขวางบ่า ห้อยสองมือกับปลายแต่ละข้างด้วยท่วงท่าสบายอุรา

ส่วนเจ้าสุสานกลับเป็นชายชรารูปร่างปานกลางไม่อ้วนไม่ผอม สวมใส่ชุดแบบบัณฑิตมีกระทั่งหมวกผ้าครบครัน ใบหน้าเกลี้ยงเกลาไร้หนวดเครารุงรัง เผยให้เห็นมุมปากห้อยตกราวชั่วชีวิตมิเคยยกยิ้มมาก่อน สองมือไพล่หลังแลเห็นเพียงปลายขลุ่ยไม้ที่มันถือไว้โผล่ออกมาเท่านั้น

ฟ่านไป่หนิงน้อมคารวะพอเป็นพิธี “ที่แท้ก็ขวานสยบทศทิศและเจ้าสุสานซึ่งเป็นจอมยุทธ์ฝ่ายอธรรมผู้เลื่องชื่อ ได้ยินว่าพวกท่านไม่นิยมพรรคอสุราอาฆาตจึงมิยอมเข้าร่วมสงครามที่ผ่านมา ทำให้ผู้เยาว์หมดโอกาสพบปะทักทาย”

เจ้าสุสานเอ่ยออกมาเป็นครั้งแรก มิคาดน้ำเสียงกลับแหลมเล็กราวเด็กผู้หญิง พอหลุดจากริมฝีปากเหี่ยวย่นจึงแลพิกลอย่างบอกไม่ถูก

“ข้ามิค่อยออกสู่ยุทธจักรบ่อยเช่นก่อน นึกไม่ถึงยังมีเด็กรุ่นหลังจดจำได้”

“กิตติศัพท์ผู้อาวุโสได้ฟังแค่ครั้งเดียวก็มิลืมเลือน โดยเฉพาะเรื่องที่ขวานสยบทศทิศประมือกับประมุขพรรคกระยาจกคนก่อนสามวันสามคืนมิรู้แพ้ชนะ ทว่ากลับขโมยบางกระบวนท่าของวิชาไม้ตีสุนัขมาเสริมความกล้าแกร่งของวิชาขวานยาวของตน ส่วนเจ้าสุสานสมัยยังมีอาชีพโจรก็นำลูกน้องเพียงสิบสามคน ประจันหน้ากองทหารราชสำนักซึ่งยกมาปราบจนทางนั้นแตกพ่ายไม่เป็นท่า แต่เมื่อถึงเวลาแบ่งทรัพย์สินกัน พรรคพวกทั้งหมดกลับสูญหายโดยไร้สาเหตุ”

แม้สิ่งที่ขวานสยบทศทิศทำไว้จะเป็นแค่การเลียนแบบกระบวนท่า แต่ก็ถือว่าคือการขโมยฝึกวิชาซึ่งมิใช่สิ่งน่ากระทำ กระนั้นขวานสยบทศทิศก็ยังเอ่ยคล้ายไม่ยี่หระ

“ส่วนกิตติศัพท์พวกเจ้า วานรเขากระดูกก็เล่าให้ฟังจนหูชาทีเดียว”

“ผู้ต่ำต้อยมิกล้าเอ่ยอ้าง ขอเพียงกล่าวถึงการสัประยุทธ์ที่เรือนเพลินบุปผาไว้บ้าง พี่หย่งหลุนก็คงยินดียิ่งแล้ว”

สองพี่น้องวานรหน้าเขียวเมื่อนึกถึงความพ่ายแพ้ในคราวก่อน หนึ่งในนั้นถลึงตาใส่นาง เค้นเสียงว่า

“มันจะไม่เกิดเป็นครั้งที่สอง”

ดรุณีน้อยเลิกคิ้วกว้าง “มิทราบได้ความมั่นใจเช่นนี้จากที่ใด โอ...รู้สึกว่าชุดที่พวกท่านสวมจะหนากว่าปกติและยังขอบทองที่โผล่พ้นออกมา หรือด้านในมีเกราะอ่อนไหมทองซึ่งได้ชื่อว่าสามารถลดทอนกำลังปะทะลงกว่าครึ่ง พี่หย่งหลุนได้รับเกียรติจากท่านถึงเพียงนี้ น่ายินดียิ่ง”

สองวานรกัดฟันกรอด ขวานสยบทศทิศปรายตามองพวกมันแล้วพูดเยาะ

“กะอีแค่เด็กเมื่อวานซืนหนึ่งคน พวกเจ้าก็เกรงกลัวมันเพียงนี้”

“หุบปาก!” วานรเขี้ยวกระดูกตวาดลั่น “หากประมาทมัน เจ้าจะต้องเสียใจ”

“เฮอะ ถ้าสนใจมันนักก็จัดการมันเองเถอะ ข้าไม่ขอยุ่งเกี่ยวด้วยแล้ว”

“ไม่ได้!” เจ้าเมืองตวาดด้วยน้ำเสียงเข้มงวด “พวกเจ้าทั้งสี่ต้องจัดการมันพร้อมกัน ข้าไม่ยินยอมให้เกิดความผิดพลาดอีกเด็ดขาด”

แค่แวบแรกที่มันเห็นสองหนุ่มสาวก็วินิจฉัยได้ว่าคือตัวการของปัญหาในครั้งนี้ แม้ยังไม่ทราบจุดประสงค์ที่มาบุกจับเชลยซึ่งหน้า หากคะเนได้ว่าจะก่อความยุ่งยากแก่มันแน่ ต้องรีบตัดไฟแต่ต้นลมเสียเท่านั้น

ส่วนยอดยุทธ์ฝ่ายอธรรมทั้งสี่คนนี้มาอยู่ใต้อาณัติเจ้าเมืองด้วยความบังเอิญ เริ่มจากสองพี่น้องวานรรักษาตัวหายขาดหลังบุกเรือนเพลินบุปผา กริ่งเกรงถูกสมาคมรัตติพิกลผูกใจเจ็บตามล่า จึงเสาะหาขวานสยบทศทิศสหายเก่าหวังหาที่กบดาน กลับพบว่าขวานสยบทศทิศกำลังชักชวนเจ้าสุสานที่เร้นกายมาหลายปีไปหาแม่ทัพหวางฝูลู่ยังเมืองหลวง เพราะทราบข่าวว่าคนผู้นี้ชมชอบว่าจ้างจอมยุทธืฝีมือดีมาเป็นลูกน้อง หากผ่านการทดสอบย่อมสุขสบายตลอดชีวิต พลอยให้สองพี่น้องวานรเห็นดีกับลู่ทางใหม่ไปด้วย

พวกมันอาศัยข่าวคราววงการใต้ดินจนมาฝากตัวกับเจ้าเมือง หวังขอมันเป็นคนกลางติดต่อแม่ทัพหวางฝูลู่ให้ ดังนั้นก่อนบรรลุเป้าประสงค์ ก็จำต้องกระทำตามคำสั่งมันอย่างหลีกเลี่ยงมิได้

เจ้าสุสานกวาดมองฝ่ายตรงข้ามทั้งสาม แล้วจึงเอ่ยคำ “ที่นี่คือสถานที่ว่าการ จะสังหารคนได้หรือ”

เจ้าเมืองแสยะยิ้ม “ผู้กระทำผิดสมควรโดนลงโทษ ข้าอนุญาตพวกเจ้าเต็มที่ แม้มีใครถูกลูกหลงก็ไม่ถือเป็นความผิด”

กล่าวจบปรายตามองโจรป่าซึ่งรวมกลุ่มอยู่กับสือหย่งหลุน ทำเอาโจรป่าผู้เคราะห์ร้ายหนาวเยือก ทว่าดรุณีน้อยกลับไม่อนาทรต่อการคุกคามเบื้องหน้า เพราะด้วยวิทยายุทธ์ของนางและสือหย่งหลุนในตอนนี้ จะนำเชลยหนีไปนับว่าง่ายดุจพลิกฝ่ามือ แต่แล้วเด็กหนุ่มกลับยื่นแขนขวางนาง เอ่ยว่า

“พาโจรป่าหลบไปก่อน”

ฟ่านไป่หนิงเขม้นมองท่าทางมุ่งมั่นของมันก็เลิกต่อล้อต่อเถียง นางพอทราบความในใจสือหย่งหลุน ด้วยถึงสามารถหลบหนีในตอนนี้ แต่ถ้ามีเหล่ายอดยุทธ์ไล่ตามหลังอาจเกิดอันใดบ้างก็สุดรู้ การสยบพวกมันแต่เนิ่นจึงนับว่ารอบคอบกว่า ดังนั้นจัดการลากร่างโจรป่าไปไว้หน้าประตูเรือนจำ ตบคลายจุดใบ้ให้แล้วเจรจาว่า

“ข้าจะช่วยเจ้าหนีเพื่อเปิดโปงเจ้าเมือง หากไม่อยากกลายเป็นผีไร้ญาติก็จงให้ความร่วมมือเสียเถอะ”

โจรป่ากวาดตามองบรรดาจอมยุทธ์ฝ่ายอธรรมด้วยอาการหวาดหวั่น “พวกเจ้าบ้าไปแล้วหรือไร สี่คนนั่นล้วนเป็นยอดฝีมือชั้นแนวหน้า ข้าและเจ้าไม่มีทางรอดแล้ว อย่างน้อยก็เรียกสหายเจ้าไปหลบอยู่หลังประตูเรือนจำกันเถอะ คงพอประวิงเวลาได้บ้าง”

ฟ่านไป่หนิงกลับนั่งแปะลงข้างตัวมัน พิงกำแพงพินิจแผ่นหลังสือหย่งหลุนด้วยดวงตาเป็นประกาย “จะเสียเวลาเช่นนั้นไปไย ข้าขอเอาหัวเป็นประกันว่าไม่มีสิ่งใดรุดมาถึงพวกเราได้แน่”

ขณะโจรป่าเอาแต่ครวญครางในชะตากรรมของตน เจ้าเมืองก็โบกมือขึ้นเหนือหัว พวกมือปราบพากันถอยไปมุงห่าง ๆ ตามสั่ง แลคล้ายรั้วมนุษย์เรียงแถวกั้นเวทีประหาร มีเหล่าเพชฌฆาตล้อมวงเข้าหาเหยื่อตรงกลาง

สองพี่น้องวานรยังระย่อต่อสือหย่งหลุนมิเสื่อมคลาย ตอนที่เจ้าเมืองส่งคนมาบอกเรื่องมีผู้บุกรุกเรือนจำ พร้อมแจ้งว่าน่าจะเป็นกลุ่มเดียวกับชายหนุ่มผู้สวมถุงมือสีเงินที่ทำลายรังโจรป่าเมื่อคืน พวกมันก็ทราบว่าปะทะศัตรูเก่าเข้าเสียแล้ว ทว่าหากปฏิเสธคำสั่งคงหมดโอกาสเข้าพบแม่ทัพหวางฝูลู่แน่นอน จึงจำใจเตรียมพร้อมเท่าที่ทำได้ก่อนออกมา ซ้ำยังพยายามเล่าวีรกรรมสือหย่งหลุนเป็นการเตือนพวกพ้องไปในตัว

แต่เมื่อพบสือหย่งหลุนเข้าจริง ๆ พวกมันพลันบังเกิดอาการสับสน เพราะภายนอกเด็กหนุ่มแทบไม่แตกต่างไปจากเดิม ทว่ากลับมีบางอย่าง...อาจเป็นบรรยากาศรอบตัวเด็กหนุ่ม ที่ทำให้ส่วนลึกในหัวใจมันหนาวเยือก ขนลุกชี้ชันอย่างช่วยไม่ได้ คล้ายแมวน้อยซึ่งเคยคิดว่าตนใหญ่คับฟ้า มาประสบกับเสือร้ายในป่าก็มิปาน

ยามที่ยังลังเลนั่นเอง ขวานสยบทศทิศซึ่งจับความกังวลของพวกมันได้ก็เผลอเยาะเย้ยออกมา คำเย้ยหยันซึ่งเสมือนมีดแทงใส่ความทระนงตลอดชีวิตของพี่น้องวานรทั้งคู่ แปรความโง่เขลากลายเป็นอารมณ์บ้าบิ่น เฝ้าปลุกปลอบตนเองว่าหากพวกมันสี่คนร่วมมือกัน ต่อให้เบื้องหน้าเป็นโจซานตงก็ต้านทานมิได้!

สองพี่น้องกระชากเสื้อคลุมเผยเกราะอ่อนไหมทองสะท้อนแดดเป็นประกาย สะบัดนิ้วกางกรงเล็บตรงดิ่งเป็นแถวหน้า ขวานสยบทศทิศควงอาวุธเหวี่ยงไปมาจนเห็นแค่เงาวูบวาบ เดินตามในลำดับถัดมา รั้งท้ายด้วยเจ้าสุสาน ซึ่งยกขลุ่ยไม้มาแถวอกเนิบนาบหากกลับจับจ้องสือหย่งหลุนไม่คลาดคลา

รังสีฆ่าฟันแผ่ซ่านปกคลุมทั่วบริเวณ บรรดามือปราบใจกล้าสัมผัสเข้ายังเผลอถอยห่างไม่รู้ตัว

สือหย่งหลุนกลับหลับตาลง อาศัยเพียงสัมผัสภายในกายรับรู้ลมปราณซึ่งไหลทะลักดั่งสายน้ำหลาก หากเป็นสมัยก่อนพลังวัตรเหล่านี้ก็เสมือนม้าพยศซึ่งหวังดิ้นรนจากร่างกายที่พันธนาการมันออกมาเป็นไอปราณ ทว่าการเคี่ยวเข็ญตลอดเดือนของเฉิงยู่กง ปลูกฝังจนม้าพยศกลายเป็นสัตว์เลี้ยงแสนเชื่องในบัดดล

เสียงแหวกอากาศดังอึงอล สือหย่งหลุนลืมตานิ่งเผชิญกับกรงเล็บหมายชีวิตทั้งสี่ มิรู้เพราะความแค้นหรือไม่กล้าประมาท สองพี่น้องวานรพอเริ่มก็ลงมืออย่างคลุ้มคลั่ง ปิดบังทางหนีของเด็กหนุ่มหมดสิ้น พริบตาที่กรงเล็บกระทบเป้าหมาย พลังวัตรในร่างเด็กหนุ่มพลันระเบิดออก ผลักดันศัตรูกระเด็นห่างไปพร้อมแววตาแตกตื่น ขวานสยบทศทิศซึ่งทะยานตามหลังมาเกิดฉุกใจว่าผิดท่าคิดยั้งฝีเท้าลง

ทว่าสือหย่งหลุนพลันลงมือเสียก่อนแล้ว!

จากคุณ : จันทร์พันฝัน
เขียนเมื่อ : 13 ก.ค. 55 18:47:07




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com