Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
มอนเอราโด ตอน ของขวัญปีใหม่ที่คาดไม่ถึง ติดต่อทีมงาน

โบนิตะ นั่งใจลอยอยู่ที่โต๊ะทำการบ้านซึ่งพ่อของเขาซื้อมาให้ด้วยความภาคภูมิใจ ในตอนที่เขาทำข้อสอบได้หนึ่งร้อยคะแนนเต็มเป็นครั้งแรกตอนอยู่ชั้นประถมปีที่หนึ่ง และมันคอยย้ำเตือนความเป็นจริงอันแสนโหดร้ายให้เขาอยู่เสมอ เพราะมันเป็นผลสอบที่ดีที่สุด ที่เขาทำได้เพียงแค่ครั้งเดียวเท่านั้น จนถึงตอนนี้เขาเรียนอยู่ชั้นประถมปีที่สี่แล้ว และผลการเรียนของเขาก็เอาแต่ดิ่งลงเรื่อยๆ

วันนี้เป็นวันขึ้นปีใหม่แต่ทั้งพ่อและแม่ของเขายังต้องดิ้นรนทำงานแม้แต่ในวันหยุดเช่นนี้ เพื่อให้มีเงินเพียงพอต่อความต้องการของครอบครัว เขาไม่โทษว่าพวกท่าน ถึงแม้เขาเองก็อยากมีวันหยุดที่สามารถไปเที่ยวด้วยกันได้บ้าง แต่เขาก็เข้าใจพวกท่านเป็นอย่างดี

มีเพียงเสียงดาราตลกจากรายการฉลองวันปีใหม่ที่เปิดทิ้งเอาไว้แก้เหงา ซึ่งเขาไม่ได้สนใจมันแม้แต่น้อย 'มันก็ไม่ต่างจากปีที่ผ่านมา แล้วก็ผ่านไปนั่นแหละ'

เขาหงายท้องลงไปนอนอยู่กับพื้นเมื่ออยู่ๆ ลิ้นชักโต๊ะของเขาก็เปิดออกมาอย่างแรง เขามองมันอย่างงงงันก่อนที่แมวขนสีขาวอมฟ้าตัวหนึ่งจะกระโดดออกมาจากลิ้นชักโต๊ะ มันนั่งอยู่บนโต๊ะทำการบ้านผงาดง้ำอยู่เหนือทุกสิ่งทุกอย่างภายในห้อง แม้แต่ตัวเขาเอง

แมวปริศนามีปลอกคอสีแดงกับกระพรวนลูกใหญ่สีทองห้อยอยู่ที่คอ มันมีลำตัวที่อวบอ้วน กับใบหูที่เล็กมากจนดูตลก และที่สำคัญมันไม่ได้ส่งเสียงร้องเหมียวเหมือนกับแมวทั่วไป

“เราคืออัลฟ่า และโอเมก้า เราคือจุดเริ่มต้น และจุดจบ”

โบนิตะนั่งงง แต่แล้วจู่ๆ มันก็มีท่าทีเปลี่ยนไป

“สวัสดีโบนิตะ ฉันคือ มอนเอราโด ฉันเดินทางมาจากอนาคตเพื่อมาช่วยนาย เหมียว”

“...แมวประหลาด พูดได้ด้วย”

เขายังนั่งอยู่บนพื้นห้อง เจ้าแมวที่บอกว่าชื่อมอนเอราโดกระโดดลงมานั่งตรงหน้าเขา มันล้วงมือเข้าไปในกระเป๋าเล็กๆ ที่หน้าท้องพร้อมกับหยิบเครื่องมือประหลาดที่มีหน้าจอเล็กๆ ออกมา

“ดูนี่ละกัน เหมียว”

มันเปิดเครื่องมือนั้นภาพสามมิติของชายคนหนึ่งก็โผล่ออกมาจากกล่อง เขามองดูชายคนนั้นแล้วนึกถึงปู่ของตัวเอง แต่มีอะไรบางอย่างบอกกับเขาว่าไม่น่าจะใช่ ชายคนนี้น่าจะเป็นตัวเขาเอง ตัวเขาที่แก่แล้ว

“สวัสดีตัวฉันเองในวัยเด็ก หวังว่านายคงจะไม่ตกใจจนเกินไปนัก ฉันคิดว่าตัวฉันเองในสมัยก่อนก็ช่างฝันน่าดู เรื่องแค่นี้คงไม่เป็นไรใช่ไหม”

เขาไม่อยากเชื่อในสิ่งที่กำลังเกิดขึ้น ตกใจจนไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรดี ภาพสามมิติของชายที่อ้างว่าเป็นตัวเขาในอนาคตยังคงพูดต่อไปเรื่อยๆ

“ฉันอยากจะเล่าอะไรให้ละเอียดกว่านี้ แต่ไม่มีเวลาแล้ว เอาเป็น ถ้านายรู้ว่าตอนนี้ฉัน...หมายถึงตัวนายนั่นแหละเป็นอย่างไร นายคงต้องไม่ชอบใจมากแน่ๆ ดังนั้นฉันจึงต้องเสี่ยงส่งเจ้ามอนเอราโด สิ่งมีชีวิตประหลาดพร้อมกระเป๋าสี่มิติกลับไปหานาย ฟังให้ดี นายต้องรีบ...”

ภาพและเสียงของเขาคล้ายถูกคลื่นรบกวน

“...ฟัง...อย่า...มอนเอ...แล้ว...เปรี้ยง”

เสียงสุดท้ายนั้นฟังชัดเจน มันฟังไม่เหมือนกับที่เคยได้ยินในทีวี แต่เขารู้ว่ามันน่าจะเป็นเสียงปืน แล้วทั้งภาพ และเสียงทั้งหมดนั้นก็เงียบหายไปราวกับมีใครกดปุ่มปิด เหลือไว้เพียงตัวเขากับเจ้าแมวประหลาดพูดได้ที่มีขนสีขาวอมฟ้าเท่านั้น

“นั่นคือทั้งหมดที่นายต้องรู้ เหมียว”

“ทั้งหมดอะไร ต้องรู้อะไร เกิดอะไรขึ้นกับตัวฉันในอนาคตกันแน่ ฉันไม่เห็นรู้เรื่องอะไรเลย แล้วคนคนนั้นคือตัวฉันในอนาคตจริงหรือ เขาต้องการอะไรกันแน่”

มันเก็บของสิ่งนั้นกลับเข้าไปในกระเป๋า 'เครื่องนั่นมันใหญ่กว่ากระเป๋าของมันเสียอีก' เขามองดูด้วยความงุนงง 'นั่นคงเป็นกระเป๋าสี่มิติที่เขาพูดถึง'

“นั่นคือทั้งหมดที่นายต้องรู้ เหมียว”

มันพูดซ้ำอีกครั้ง ก่อนจะพยายามยกขาหลังขึ้นเพื่อเกาที่ข้างหู แต่เนื่องจากขนาดลำตัวของมัน จึงกลายเป็นการล้มกลิ้งไปทางด้านข้างแทน แต่มันก็ยังพยายามจะเกาให้ได้ เขาจึงต้องเอื้อมมือไปเกาให้ มันนั่งหลับตา ทำสีหน้าพอใจ และส่งเสียงครางเบาๆ

“เขาคือตัวฉันจริงหรือ นายมาจากอนาคต แล้วมีอะไรเกิดขึ้นกับเขา...กับตัวฉัน เขาต้องการให้ฉันทำอะไร”

“เหมียว นั่นคือทั้งหมด เหมียว”

มันตอบแบบไม่รู้เรื่องเช่นเดิมพร้อมกับเสียงครางในลำคอ เขาคิดอะไรเรื่อยเปื่อยก่อนความคิดอย่างหนึ่งจะผุดขึ้นในใจ เขาหยุดมือ ส่วนมันก็ลืมตาขึ้นด้วยความเสียดาย

“ถ้านายมาจากอนาคตจริง...ก็หมายความว่าจะต้องมีเทคโนโลยีที่ก้าวหน้ามากกว่าในตอนนี้ใช่ไหม ของที่เหมือนกับเป็นของวิเศษ เหมือนกับเครื่องฉายภาพนั่น...”

เขาจ้องไปที่กระเป๋าหน้าท้องของมัน

“...นายมีอะไรอยู่ในนั้นบ้าง”

มันยิ้ม

“หลายอย่าง ฉันมีหลายอย่างเลยล่ะ ถ้านายอยากได้อะไรก็ขอมาได้เลย เหมียว”

ในตอนที่มันพูดอย่างนั้น แววตาของมันก็เปลี่ยนไป มันไม่ได้ชั่วร้าย แต่มันคือความว่างเปล่า แววตาของมันว่างเปล่า และดำมืด เหมือนกับหลุมดำ ที่พร้อมจะดูดทุกสิ่งให้หายไปตลอดกาล แม้กระทั่งความหวัง

เขานิ่งคิดครู่หนึ่งก่อนยิ้มกว้าง เขาเป็นเด็กที่อยู่อย่างโดดเดี่ยวมาโดยตลอด แม้แต่ที่โรงเรียนเขาก็ไม่เคยนับใครว่าเป็นเพื่อนเลยแม้แต่คนเดียว

“ฉันขอให้...เราเป็นเพื่อนกันได้ไหม”

ตาของมันวาววับก่อนจะกระพริบพราย 'นี่คือคำขอข้อแรก' ก่อนที่มันจะกระพริบตา พร้อมกับเอียงหน้ามองเขาด้วยความสงสัย

“เพื่อน...คืออะไรกัน เหมียว”

คราวนี้เขาเป็นฝ่ายที่ต้องขบคิดบ้าง 'นั่นสิ เพื่อนคืออะไรกันนะ'

“เพื่อน คือคนที่จะร่วมทุกข์ ร่าวสุข หัวเราะ ร้องไห้ไปด้วยกัน และไม่เคยทิ้งกัน แบบนั้นนั่นแหละ”

มันจ้องตาเขา

“ท่านต้องการเป็นเพื่อนกับเรา นั่นคือคำขอข้อแรกใช่หรือไม่”

น้ำเสียง คำเรียกหา และท่าทางของมันเปลี่ยนไป แต่เขาก็ไม่ได้สงสัยเลยแม้แต่น้อย คำขอข้อแรกนี้จะมีความสำคัญอย่างไร ย่อมไม่มีใครล่วงรู้ได้ในตอนนี้

“ใช่ เราจะเป็นเพื่อนกัน เพื่อนกันตลอดไป”

เขายื่นมือออกไป มันมองที่มือของเขา ก่อนยื่นอุ้งเท้าหน้าหนานุ่มของมันออกมาบ้าง ทั้งสองจับมือกัน เขายิ้มกว้าง แต่ไม่รู้ว่าหน้าตาของแมวที่อยู่ตรงหน้านั้นจะแปลความหมายว่าอย่างไร

“เอาล่ะ นายมีคำขออะไรอีกไหม เหมียว”

เขาทำท่าลังเล

“นายพอจะมีของวิเศษ ที่จะทำให้พ่อกับแม่กลับมาฉลองปีใหม่กับฉันในตอนนี้ได้ไหม”

“มีแน่นอน ถ้านายต้องการ เหมียว”

“ใช่ ฉันขอให้พ่อแม่กลับมาหาฉันในตอนนี้เลย”

มันพยักหน้าก่อนล้วงมือเข้าไปในกระเป๋าหน้าท้อง พร้อมกับหยิบของสิ่งหนึ่งที่มีลักษณะเป็นแท่งออกมา

“นี่คือ ธูปเรียกหา เหมียว”

เขามีท่าทางตื่นเต้นในตอนแรก แต่เมื่อเห็นสิ่งของในอุ้งเท้าของมันซึ่งมีรูปร่างหน้าตาแสนคุ้นเคย เขาก็รู้สึกสงสัย หากไม่ใช่เป็นเพราะมันพูดได้ และได้เห็นสิ่งของประหลาดที่มันนำออกมาก่อนหน้านี้ เขาคงเลิกเชื่อถือไปแล้ว

“มันก็ธูปธรรมดานี่นา แถมมีแค่ดอกเดียวด้วย”

“ไม่หรอก ขอแค่จุดธูปดอกนี้ให้เกิดควัน พร้อมกับเรียกหาคนที่ต้องการในใจ คนคนนั้นก็จะรีบเดินทางมาหาทันที ถ้าไม่เชื่อลองดูเดี๋ยวนี้เลยก็ได้ เหมียว”

เขารับมันมาอย่างไม่ค่อยเชื่อถือ

“มันจุดไฟได้ด้วยตัวเองเลยนะ แค่แตะมันตรงหน้าอกบริเวณหัวใจเท่านั้นเอง เหมียว”

เขาทำตามแล้วทันใดนั้น ธูปดอกนั้นก็ติดไฟขึ้นจริงๆ ควันสีเทาขมุกขมัวลอยขึ้นช้าๆ พร้อมกับความรู้สึกไม่สบายใจของเขา ที่ฟุ้งกระจายไปพร้อมกับกลุ่มควัน วิธีการใช้แบบนี้ ทำให้เขานึกถึงสิ่งอัปมงคล และรู้สึกไม่ไว้วางใจมันเลย

“คิดถึงคนที่ต้องการให้มาหาได้เลย ส่งเสียงเรียกหาพวกเขาออกจากใจ เหมียว”

เขาทำตาม 'พ่อกับแม่รีบกลับบ้านมาหาผมด้วยครับ' กลุ่มควันเหล่านั้นรวมตัวกันเข้าก่อนแปรเปลี่ยนเป็นรูปร่างของตัวอะไรบางอย่าง สิ่งที่เขาคงไม่อยากพบเจอในความมืด หรือแม้แต่ภายใต้แสงสว่างก็ตาม ก่อนที่มันจะพุ่งผ่านหน้าต่างออกไปอย่างรวดเร็ว

“เหลือแค่รอเวลาเท่านั้นเอง เหมียว”

เวลาผ่านไป ในขณะที่เขานั่งรออยู่เงียบๆ และเจ้าแมวตัวนั้นกลับขึ้นไปนอนอยู่บนโต๊ะทำการบ้านของเขา ดูเหมือนมันจะหลับไปจริงๆ ในตอนที่ประตูหน้าบ้านเปิดออก เขาดีใจรีบวิ่งลงไปทันที

“พ่อแม่กลับมาแล้ว...หรือครับ”

รอยยิ้มของเขาจางหายไป เมื่อได้เห็นใบหน้าของทั้งคู่ มันไม่ใช่ใบหน้าที่เหน็ดเหนื่อยจากการทำงานเหมือนที่เขาคุ้นเคย แต่มันเป็นใบหน้าที่มืดดำมากกว่านั้น ใบหน้าที่หมดสิ้นเรี่ยวแรง ท้อแท้ และสิ้นหวัง

“แม่กลับมาแล้ว”

แม่ส่งเสียงทักทาย ในขณะที่พ่อของเขายังเอาแต่นิ่งเงียบ

“...เกิดอะไรขึ้นหรือ...”

“เงียบไปเลย ไม่ต้องถามอะไรทั้งนั้น วันนี้พ่อเจออะไรมามากเกินไปแล้ว”

พ่อส่งเสียงตวาด ไม่ใช่ว่าเขาไม่เคยโดนอะไรแบบนี้ แต่วันนี้ดูเหมือนจะรุนแรงกว่าทุกครั้ง แม่ดันเขาหลบมาทางด้านข้าง ปล่อยให้พ่อเดินปึงปังผ่านไป ก่อนพูดกับเขาเบาๆ

“พ่อกับแม่พึ่งโดนไล่ออกจากงาน เป็นเพราะควันประหลาดพวกนั้น ไม่รู้ว่ามันมาจากไหนกัน ช่างเถอะ อยู่ห่างๆ พ่อเขาเอาไว้หน่อย อย่าไปกวนเชียววันนี้”

เขานิ่งเงียบ แต่ในใจนึกถึงสิ่งที่แม่พูด 'ควันประหลาด' หรือว่าจะเป็นควันของเจ้าธูปดอกนั้น มันทำให้พ่อแม่กลับมาหาเขาในทันทีอย่างที่บอก แต่ด้วยวิธีการที่เลวร้ายอย่างที่สุด ครอบครัวของเขามีปัญหาเรื่องการเงินมาอย่างเรื้อรัง และการต้องหางานใหม่ในช่วงที่เศรษฐกิจเป็นแบบนี้ก็ยิ่งยากเย็นเหลือเกิน

“ไอ้แมวบ้านี่มาจากไหนกัน”

เสียงเอะอะของพ่อดังมา ก่อนที่มอนเอราโดจะวิ่งฟูหางออกมาจากห้องด้านใน เขาคิดว่ามันยังคงนอนอยู่ในห้องจนลืมมันไปเลย ที่เลวร้ายกว่านั้นคือเขาไม่ทันได้นึกว่ามันเป็นแมวตัวหนึ่ง และพ่อกับแม่ไม่เคยให้เขาเลี้ยงตัวอะไรทั้งนั้น มันวิ่งมาซ่อนอยู่ใต้ร่างของเขา ก่อนที่พ่อจะติดตามออกมา

“แกไปเก็บแมวมาเลี้ยงงั้นหรือ”

มือของพ่อยกขึ้นสูง เขารีบหลับตา แต่ก็ไม่กล้ายกมือขึ้นกั้น เขาจำได้ว่าเกิดอะไรขึ้นเมื่อเขาทำอย่างนั้น 'แกกล้าต่อต้านพ่อของแกอย่างนั้นหรือ'

“พอเถอะคุณ”

แม่เข้ามาคว้ามือของพ่อเอาไว้

“อย่าเอาเรื่องงานมาลงที่ลูกเลย ก็แค่แมวตัวเดียวเท่านั้นเอง”

ทั้งคู่จ้องหน้ากันนิ่ง น้อยครั้งนักที่แม่จะกล้าทำอะไรแบบนี้ เหมียว เสียงใสๆ ของแมวตัวนั้นร้องดังมา เสียงที่ไม่เหมือนกับที่มันเคยร้อง เสียงที่น่าสงสาร เสียงที่น่าเห็นใจ สายตาที่แข็งกร้าวของทั้งสองเริ่มอ่อนลง

“เชอะ”

พ่อลดมือลง แม่ปล่อยมือออก ก่อนพ่อเดินย้อนกลับไปทางเดิม แม่ถอนหายใจ ในแววตายังคงมีความกังวลหลงเหลืออยู่

“...แม่ครับ ผม...”

“เอามันไปทิ้งซะ”

แม่พูดแค่นั้นแล้วก็เดินจากไป เขาก้มลง อุ้มมันขึ้นมาแล้วกลับขึ้นไปบนห้องของตัวเอง

“นายไม่โกรธฉันหรือ เหมียว”

“ฉันจะโกรธนายทำไม มันไม่ใช่ความผิดนายสักหน่อย ฉันเองที่อยากให้พวกเขากลับมา...ซึ่งฉันก็น่าจะรู้อยู่แล้วว่า มีเพียงการถูกไล่ออกจากงานเท่านั้น ที่จะทำให้เกิดเรื่องแบบนั้นได้”

เขายิ้มอย่างอ่อนใจ หลับตาอย่างเหนื่อยหน่าย ราวกับไม่อยากจะลืมตาขึ้นมาอีก

“นายไม่โกรธจริงหรือ เหมียว”

เขาลืมตาขึ้นจ้องมัน พยายามยิ้ม

“ไม่โกรธ เพราะเราเป็นเพื่อนกัน จำไม่ได้แล้วหรือไง”

แววตาของมันส่องประกายแวววาวอย่างแปลกประหลาด ใบหน้าที่สงบนิ่งนั้น คล้ายกับกำลังขบคิดใคร่ครวญถึงบางสิ่ง บางทีอาจเป็นเรื่องความลึกลับของห้วงจักรวาลที่แมวส่วนใหญ่ชอบคิดกันก็เป็นได้

“...แต่ ฉันคงอยู่ที่นี่ไม่ได้แล้วใช่ไหม เหมียว”

มันก้มหน้าลง เขาได้แต่พยักหน้า ถ้ายังไม่อยากเจ็บตัว เขาคงต้องทำตามคำสั่งนั้นโดยไม่มีข้อแม้ เพราะถ้ายังไม่ยอมคราวนี้ แม้แต่แม่ก็คงช่วยเขาไม่ได้อีกต่อไป

เพื่อนใหม่สองคนเดินเคียงคู่กันไป ในขณะที่ดวงอาทิตย์กำลังคล้อยต่ำลง มันกลายเป็นวันปีใหม่ที่ไม่เหมือนกับปีไหนๆ จริงๆ เป็นวันปีใหม่แสนเศร้าเลวร้ายอย่างที่สุด

“นายนอนในที่ว่างตรงนี้ไปก่อนก็แล้วกัน รออีกสองสามวันให้พ่อหายโกรธ แล้วฉันจะลองขอแม่ ให้ช่วยพูดอีกแรง”

มันนั่งหงอย คอตก ขนสีขาวอมฟ้าก็ดูหม่นหมองลงไปด้วย 'ทำไมนายไม่ขอเครื่องมือจากฉันอีก ขอของที่จะช่วยให้สามารถทำอะไรก็ได้ตามที่ต้องการ แล้วให้ฉันได้นอนอยู่ในบ้าน' แต่มันก็ไม่ได้พูดออกไป มันบอกทุกสิ่งที่เขาต้องรู้ไปแล้ว หลังจากนี้ไป ต้องขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของเขาเองเท่านั้น 'เราคืออัลฟ่า และโอเมก้า เราคือจุดเริ่มต้น และจุดจบ'

“จำไว้ เราเป็นเพื่อนกัน”

โบนิตะพูดทิ้งท้ายเอาไว้ก่อนเดินจากไป 'เขาจะต้องกลับมา' มอนเอราโดแน่ใจ พวกเขาต้องมีอนาคตร่วมกัน อนาคตที่ยังคงไม่แน่นอน มันนั่งนิ่งจนแสงสว่างหดหายไปจนหมดสิ้น นั่งอยู่จนปีเก่าล่วงผ่านไป ย่างก้าวเข้าสู่ปีใหม่ในที่สุด 'ที่สำคัญ' ตาของมันส่องประกายแวววาวราวกับดวงดาวบนท้องฟ้ายามราตรีที่ส่องสว่างอยู่ในเวลานี้

'เพราะเราเป็นเพื่อนกัน'

จากคุณ : zoi
เขียนเมื่อ : 13 ก.ค. 55 19:44:58




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com