เซ็นซู บทที่ 16 กระแสธารภายใต้แผ่นน้ำแข็ง
|
 |
เซ็นซู บทต้น http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=moonyforever&month=22-09-2011&group=19&gblog=1
บทที่ 15 ภูตลม http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W12321862/W12321862.html
บทที่ 16
กระแสธารภายใต้แผ่นน้ำแข็ง
อาซามิ ฮิโรซะ ซึ่งบัดนี้มีฐานะเป็นเจ้าครองแคว้นคาสึรางินั่งมองทหารที่กำลังตั้งแถวอยู่บนลานกว้างหน้าจวนอย่างเบิกบานใจ หลังจากเห็นจำนวนคนที่ดูเหมือนจะน้อยกว่าตามที่คาด เขาจึงวางพัดและหันไปถามโยรินากะ
เจ้าส่งทหารไปกี่คน
แปดร้อยขอรับ ที่ปรึกษาประจำตระกูลตอบ ฮิโรซะขมวดคิ้วด้วยความไม่พอใจแทบจะทันที
แปดร้อย เขาพูดทวนเสียงดังพร้อมกับฟาดพัดกับต้นขาของตนเองซาวาระขอกำลังพลมาครึ่งหนึ่งแต่เจ้ากลับส่งไปแค่หนึ่งในสาม ทำแบบนี้ตั้งใจจะขัดคำสั่งข้าใช่ไหม
ท่าทางเกรี้ยวกราดของผู้เป็นนายทำให้โยรินากะรีบค้อมตัวลงและอธิบาย
ข้าไม่กล้าทำเช่นนั้นแน่ แต่ที่ส่งทหารไปเพียงเท่านี้ก็เพราะไม่ไว้ใจพวกอิวะ เพราะเราสูญเสียไพร่พลไปกับการโจมตีโคะโตโระถึงสองครั้งทำให้จำนวนทหารในตอนนี้เหลืออยู่ไม่มากนัก หากส่งไปตามที่ซาวาระขอ คาสึรางิก็แทบจะไม่เหลือทหารคุ้มกัน ซึ่งถ้าอิวะคิดหักหลังส่งกองทัพมาโจมตี เราจะไม่มีทางรับมือกับพวกมันได้เลย
ซาวาระรับปากว่าจะสนับสนุนข้า เขาไม่มีทางทรยศแคว้นของเราแน่ ฮิโรซะพูดสวนขึ้นมาทันควันและยกมือขึ้นห้ามโยรินากะที่ขยับปากเตรียมจะโต้แย้งไม่ต้องพูดอะไรอีกแล้ว เรียกแม่ทัพใหญ่มาพบข้า ส่วนเจ้าอย่ามาให้ข้าเห็นหน้าจนกว่าจะเรียก
คำพูดตัดบทของผู้เป็นนายทำให้ที่ปรึกษาอาวุโสจำต้องค้อมตัวลงพร้อมกับกล่าวรับคำและถดตัวถอยออกจากห้องท่ามกลางความรู้สึกหลากหลายของเหล่าเสนาบดีและที่ปรึกษาซึ่งนั่งเรียงรายกันเป็นแถว บ้างก็ก้มหน้าลงด้วยความรู้สึกไม่พอใจในการกระทำของบุคคลผู้ได้ชื่อว่าเป็นเจ้าครองแคว้นในขณะที่บางคนตีสีหน้าเหมือนไม่รับรู้กับสิ่งที่เกิดขึ้น ถึงกระนั้นก็ยังมีที่ปรึกษาหลายคนลอบถอนใจออกมาเบาๆเพราะทดท้อต่อความด้อยปัญญาของอาซามิ ฮิโรซะ
หลังจากโดนไล่ออกจากจวนเจ้าครองแคว้น โยรินากะจึงก้าวเดินไปตามระเบียงด้วยความรู้สึกสับสน ทั้งโกรธแค้นต่อความโง่เขลาของฮิโรซะ ทั้งหวาดหวั่นต่อแผนการของซาวาระที่มีต่อคาสึรางิ ขณะที่กำลังตกอยู่ในความวิตกเสียงกลองระดมพลก็ดังกึกก้องขึ้น ที่ปรึกษาเฒ่าจึงชะลอฝีเท้าให้ก้าวช้าลงและหยุดยืนดูทหารที่กำลังวิ่งตรงไปยังลานกว้างหน้าจวนของเจ้าครองแคว้นคาสึรางิตามคำบัญชาของฮิโรซะ ภาพที่เห็นสร้างความไม่พอใจต่อโยรินากะเป็นอย่างมากแม้จะไม่เห็นด้วยที่กองทัพอันเข้มแข็งของคาสึรางิจะต้องตกอยู่ภายใต้การควบคุมของซาวาะ แต่เมื่อเป็นคำสั่งของนายเหนือหัวแล้ว ที่ปรึกษาอาวุโสจึงจำต้องน้อมรับและปฏิบัติตามด้วยความขมขื่น หลังจากยืนมองด้วยความคับแค้นใจอยู่ครู่หนึ่งซะวะมิ อุคอน แม่ทัพแห่งคาสึรางิจึงก้าวเข้ามาหาพร้อมกับกล่าวคำทักทาย
กำลังคิดอะไรอยู่หรือท่านโยรินากะ
ที่ปรึกษาอาวุโสถอนสายตาจากทหารตรงหน้าและหันไปมองผู้ที่อยู่ในชุดเกราะเต็มยศพลางถอนใจออกมาเบาๆ
ความคิดของคนแก่เช่นข้าคงไม่สำคัญต่อแม่ทัพผู้องอาจเท่าใดนัก
โยรินากะกล่าวเสียงเรียบพร้อมกับเลื่อนสายตากลับไปยังทหารที่กำลังตั้งแถวอย่างมีระเบียบด้านล่าง ดูเหมือนอีกฝ่ายจะคาดเดาความคิดของที่ปรึกษาแห่งคาสึรางิออกเพราะเขาหันไปมองกองทัพภายใต้อาณัติของตนพร้อมกับกล่าว
ใช่ว่าข้าจะเห็นด้วยกับการกระทำของท่านฮิโรซะ แต่เมื่อเป็นคำสั่ง ทหารอย่างเราก็จำต้องปฏิบัติตาม
แม้สิ่งนั้นจะทำให้คาสึรางิต้องด้อยกำลังลงอย่างนั้นหรือ
ซะวะมิผงกศีรษะรับ โยรินากะจึงถอนใจออกมาอีกครั้ง
หากเป็นเช่นนี้ต่อไปไม่ช้าแคว้นของเราคงตกอยู่ภายใต้การควบคุมของอิวะ สีหน้าของเขาเต็มไปด้วยความวิตก ข้าไม่คิดว่าคนอย่างซาวาระ ชินโนจะทำเพื่อโจมตีโคะโตโระเท่านั้น
ข้าก็คิดแบบนั้นเหมือนกัน แม่ทัพใหญ่กล่าวและหยุดนิ่งไปเล็กน้อยก่อนจะพูดต่อด้วยน้ำเสียงที่ระมัดระวังมากกว่าเดิม ถึงจะอ้างว่าเป็นการรวมกองทัพแต่กำลังพลที่ขอมานั้นมากกว่ากึ่งหนึ่งของทหารที่เรามี หากอิวะคิดตลบหลังแค่ส่งทหารมาเพียงห้าร้อยก็สามารถยึดแคว้นของเราได้ไม่ยาก
สิ่งที่ซะวะมิกล่าวออกมานั้นสร้างความตระหนกต่อโยรินากะเป็นอย่างยิ่ง เขายืนนิ่งด้วยความหวาดกลัวอยู่ครู่หนึ่งจึงหลุดคำพูดออกมา
ร้ายแรงถึงขนาดนั้นเลยหรือ
แม่ทัพแห่งคาสึรางิผงกศีรษะ
ทหารของอิวะได้ชื่อว่าเป็นจักรกลสังหาร ถึงจะมีเพียงห้าร้อยเราก็ไม่มีทางสู้พวกเขาได้
หมายความว่าท่านฮิโรซะกำลังเดินไปตามแผนการของซาวาระ ที่ปรึกษาเฒ่ากล่าวพร้อมกับมองหน้าซะวะมิแบบนี้ไม่เป็นผลดีต่อคาสึรางิแน่
แม่ทัพใหญ่พยักหน้าเห็นด้วยกับคำกล่าวของโยรินากะ เขาหันไปมองจวนของฮิโรซะพร้อมกับถอนใจ
อาจจะเป็นคำพูดที่ฟังดูไม่เหมาะสมนัก แต่ข้าคิดว่าโคะโตโระโชคดีนักที่มีเจ้าเมืองอย่างยาสึฮิระ
คาสึรางิเองก็อาจโชคดีอย่างนั้นหากท่านเคียวคุเซ็นมีความเมตตาและท่านฮิโรซะมีความเข้มแข็งมากกว่านี้ ที่ปรึกษาอาวุโสกล่าวและหยุดชะงักแทบจะทันทีพร้อมกับทำสีหน้าคล้ายลังเลที่จะกล่าวอะไรบางอย่างออกมา ซะวะมิมองเขาด้วยความสงสัย
ท่านทำท่าเหมือนจะพูดคำว่า แต่
โยรินากะสูดลมหายใจเข้าพร้อมกับผงกศีรษะ
อาจจะไม่เป็นการสมควรนัก แต่ข้าต้องการจะกล่าวเช่นนั้นเขาจ้องหน้าแม่ทัพแห่งคาสึรางิ ข้ารู้ว่าท่านเป็นผู้มีความภักดี แต่อยากจะให้ไตร่ตรองอย่างรอบคอบว่าความซื่อสัตย์ที่มีต่อท่านฮิโรซะนั้นจะสร้างความมั่นคงต่อคาสึรางิหรือนำความพินาศมาสู่ประชาชนของเรา
ซะวะมิยืนอึ้ง เขามองที่ปรึกษาอาวุโสนิ่งอยู่ครู่หนึ่งจึงหลุดคำพูดออกมาอย่างคาดไม่ถึง
ท่านคิดจะทรยศต่อท่านฮิโรซะ
ความภักดีต่อตระกูลอาซามิของข้านั้นมั่นคงพอๆกับท่าน โยรินากะกล่าวด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่น เช่นเดียวกับความหวงแหนแผ่นดินคาสึรางิที่ข้าไม่มีวันยอมให้ตกไปอยู่ภายใต้การปกครองของผู้ใด
ข้าไม่เข้าใจ ขุนพลแห่งแคว้นกล่าว โยรินากะเลื่อนสายตากลับไปยังจวนของตระกูลอาซามิ
ท่านฮิโรซะแม้จะเป็นบุตรของท่านเคียวคุเซ็นแต่กลับเป็นคนไร้ความสามารถแถมยังปราศจากความเมตตาอันเป็นคุณสมบัติสำคัญของผู้นำซึ่งต่างจากเด็กหนุ่มอีกคนที่ข้ารู้จัก เพราะนอกจากจะมีฝีมือในการต่อสู้เป็นเลิศแล้วเขายังเปี่ยมไปด้วยสติปัญญาและยังเป็นผู้มีคุณธรรม พูดง่ายๆก็คือเป็นบุคคลที่แตกต่างจากเจ้าเมืองของเราในเวลานี้ราวหงส์กับอีกา หากเขาอยู่ที่นี่ แคว้นคาสึรางิของเราคงเต็มไปด้วยความสงบสุข ที่สำคัญซาวาระไม่มีทางทำอะไรได้ตามใจชอบเหมือนในตอนนี้แน่
ซะวะมิจ้องที่ปรึกษาอาวุโสอย่างงงงัน
ข้าไม่เข้าใจ ท่านต้องการจะบอกอะไรกันแน่
โยรินากะยืนนิ่งอยู่ครู่หนึ่งคล้ายต้องการชั่งใจว่าสิ่งที่ตนจะเล่าต่อไปนั้นเป็นการสมควรหรือไม่แต่เมื่อนึกถึงความมั่นคงของแคว้นและชีวิตของประชาชนคาสึรางิแล้วเขาจึงตัดสินใจพูดออกมาในที่สุด
มีเรื่องหนึ่งที่ข้าปกปิดไว้นานแล้ว ท่านเคียวคุเซ็นมิได้มีท่านฮิโรซะเป็นทายาทแค่คนเดียว เขามองหน้าซะวะมิแต่ท่านยังมีสายเลือดที่เกิดกับบุตรีของนักรบผู้เก่งกาจของคาสึรางิอีกหนึ่งคน แม้จะไม่มีเป็นที่เปิดเผยแต่ข้าก็ได้รับคำสั่งให้คอยดูแลเด็กคนนั้นมาโดยตลอด
โยรินากะเว้นระยะไปเล็กน้อยก่อนจะกล่าวต่อด้วย
ชื่อของเขาก็คือ อาซามิ ซาคายูกิ
ซะวะมิยืนตกตะลึงด้วยความคาดไม่ถึง เมื่อตั้งสติได้เขารีบกวาดตามองรอบตัวเพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีผู้ใดอยู่ใกล้และลดน้ำเสียงลงกล่าวอย่างระวัง
ท่านเคียวคุเซ็นมีบุตรกับภรรยาลับอย่างนั้นหรือ
จะว่าลับก็ไม่เชิงเพราะนอกจากข้าแล้วยังมีเสนาบดีอีกหลายคนที่รู้เรื่องนี้ ที่ปรึกษาเฒ่าตอบอันที่จริงแล้วท่านซาคายูกิไม่ได้สนใจเรื่องการปกครองเท่าใดนัก แต่หากท่านฮิโรซะเป็นเช่นนี้เขาคงไม่ยอมนิ่งเฉยแน่
แม่ทัพแห่งคาสึรางินิ่งไปเล็กน้อยและขยับตัวออกห่างจากโยรินากะ เขาเลื่อนสายตามองไปยังทหารที่ตั้งแถวเรียงรายเต็มลานกว้างหน้าปราสาทอย่างครุ่นคิด ที่สุดเขาจึงหันกลับมายังที่ปรึกษาเฒ่าอีกครั้ง
ท่านคิดจะยึดอำนาจท่านฮิโรซะ
โยรินากะผงกศีรษะ
หากต้องการยับยั้งก็จงสังหารข้าเสียตั้งแต่ตอนนี้
ซะวะมิมองอีกฝ่ายอย่างตรึกตรอง ในที่สุดเขาก็สั่นศีรษะและกล่าวเสียงหนัก
แค่ความคิดนั้นไม่อาจนำชัย สิ่งที่ท่านควรเพิ่มเข้ามาคือนักรบผู้มีฝีมือ แม้ทหารส่วนใหญ่จะถูกส่งไปเมืองอิวะแต่พวกที่เหลือในตอนนี้ย่อมทำตามหน้าที่ที่ได้รับ พวกเขาจะต่อสู้จนตัวตายเพื่อปกป้องท่านฮิโรซะ
ข้าไม่อยากให้คนของเราต้องมาเสียเลือดเนื้อกันเอง แต่เท่าที่ฟังท่านฮิโรซะกล่าวเมื่อครู่ทำให้รู้ว่าเขาไม่มีทางรับฟังผู้ใด
โชคร้ายที่เจ้าครองแคว้นของเรามองเห็นแต่เงาของตัวเอง แม่ทัพใหญ่แห่งคาสึรางิพูดและทำท่าจะกล่าวต่อแต่ต้องชะงักเมื่อได้ยินเสียงกลองศึกลั่นระรัว
ด้วยหน้าที่ของข้าในเวลานี้ทำให้ไม่อาจเห็นดีกับความคิดของท่าน แต่...เขาหยุดคำพูดพร้อมกับหันมองรอบตัว เมื่อแน่ใจว่าไม่มีผู้ใดอยู่ในบริเวณนั้นซะวะมิจึงล้วงเข้าไปในอกเสื้อดึงกระดาษแผ่นหนึ่งออกมา
การทำให้ประชาชนอยู่อย่างสันติสุขคืองานสำคัญอีกอย่างของทหารเช่นเดียวกัน เมื่อข้านำกองทัพออกจากเมืองไปแล้วขอให้ท่านไปตามแผนที่นี้ และส่งมอบตรานี่ให้กับผู้ที่มีฉายาว่า ทามาซูกูริ พวกเขาจะทำตามคำสั่งของท่านทุกประการ
โยรินากะรับกระดาษและตราประจำตำแหน่งของซะวะมิมาถือไว้ แต่ก่อนที่อีกฝ่ายจะก้าวออกไปจากที่นั่น เขาได้เอ่ยปากร้องเรียกเอาไว้พร้อมกับถาม
ทามาซูกูริเป็นใคร
นักรบและเป็นคนสนิทของข้าเอง
แม่ทัพแห่งคาสึรางิกล่าวตอบโดยที่ไม่หันหน้ากลับมาและเดินจากไปในทันที โยรินากะยืนรอจนกระทั่งขบวนทัพเริ่มต้นเคลื่อนออกจากเมืองจึงเดินหลบหลีกผู้คนตรงไปยังสวนทางด้านหลัง หลังจากมองซ้ายขวาจนแน่ใจว่าปลอดคนแล้วเขาจึงดึงกระดาษที่ซ่อนไว้ในอกเสื้อออกมาคลี่ดูโดยไม่ทันสังเกตเห็นเงาของกิ่งไม้ที่กำลังยืดยาวอย่างเชื่องช้าและค่อยๆแปรสภาพเป็นมือปิศาจ กรงเล็บทั้งห้ากางออกหมายจะคว้าร่างที่ยืนอยู่เบื้องล่างมาฉีกให้กระจุยแต่ตัวมันเองกลับถูกใครบางคนคว้าคอเอาไว้ เพียงแค่ออกแรงบีบเบาๆร่างของเจ้าปิศาจก็แหลกสลายกลายเป็นฝุ่นผงปลิวไปตามสายลม ไพรามองที่ปรึกษาเฒ่าซึ่งกำลังยืนดูแผนที่อย่างตั้งใจก่อนจะเลื่อนสายตามองไปยังทิวทหารที่เคลื่อนทัพไปยังเมืองอิวะ
ท่ามกลางความทะเยอทะยานก็ยังคงมีคนดีจอมอสูรหันกลับมายังโยรินากะอีกครั้งหากเจตนาของเจ้าคือการสงบศึกกับโคะโตโระ ข้าก็ยินดีที่จะช่วย
ร่างของจอมอสูรจางหายไปอย่างเงียบงัน ทิ้งให้โยรินากะยืนจมอยู่กับการวางแผนขัดขวางซาวาระและยึดอำนาจจากฮิโรซะไว้ลำพังเพียงผู้เดียว
*/*/*/*/*
เสียงบิวะบรรเลงเพลงในท่วงทำนองแสนหวานรับกับร่ายรำอันแช่มช้าแต่เต็มไปด้วยความงดงามของฮารุคาเสะ เขาเคลื่อนไหวอย่างอ่อนช้อยขณะหมุนตัวพร้อมกับวาดพัดในมือวงและจบการแสดงด้วยการโบกพัดลงแนบกับข้างกาย
นี่เป็นท่วงท่าการรำเบื้องต้นซึ่งจัดเป็นการร่ายรำที่ง่ายที่สุด เขากล่าวพลางหันไปทาง มิสึกิคงไม่ยากเกินไปนักสำหรับท่าน
หญิงสาวสูดลมหายเข้าเพื่อเรียกความมั่นใจจากนั้นจึงหยิบพัดที่วางไว้ข้างตัวและลุกขึ้นเดินไปยืนกลางห้อง ฮารุคาเสะมองนางพร้อมกับกล่าว
อย่ากังวลว่าจะผิด จงเคลื่อนไหวอย่างเป็นธรรมชาติ คิดว่าบิวะคือเสียงจากใบไม้และร่างกายของท่านเป็นสายลม
ข้าจะพยายาม เสียงหวานพึมพำตอบ ชายหนุ่มจึงหันไปผงกศีรษะให้กับนักดนตรี เสียงทุ้มนุ่มของบิวะจึงดังขึ้นอีกครั้ง หญิงสาวพยายามทำท่าตามที่เห็นจากฮารุคาเสะแต่เพราะเป็นการร่ายรำครั้งแรก การวาดพัดจึงดูเก้งก้างไม่อ่อนช้อยงดงาม มิสึกิเหลือบตามองอาจารย์หนุ่มด้วยความกลัวว่าจะถูกตำหนิแต่เมื่อเห็นเขายืนดูนิ่งไม่กล่าวสิ่งใดนางจึงเริ่มต้นร่ายรำใหม่อีกครั้งด้วยหวังว่าจะดีขึ้นแต่ก็ไม่สำเร็จ เมื่อเห็นว่าหญิงสาวเริ่มจะเสียกำลังใจ ฮารุคาเสะจึงก้าวเข้าไปหาพร้อมกับกุมมือนางไว้และสอนให้เคลื่อนไหวในท่าที่ถูกต้องไปพร้อมกัน
ที่ท่านควรทำก็คือ ปล่อยจิตใจให้ล่องลอยไปตามเสียงเพลง เขากระซิบบอกพร้อมกับกดมือของท่านหญิงให้ลดต่ำลงเหมือนสายลมพัดโบกไปตามยอดไม้ที่จะเลื่อนไหลไปในทางเดียวกัน จับจังหวะของบิวะให้ได้และร่ายรำไปตามท่วงทำนอง หากดนตรีบรรเลงบทเพลงบรรยายถึงความงามของธรรมชาติ การเคลื่อนไหวของพัดต้องแช่มช้าอบอุ่น หากเป็นการบรรเลงถึงความอารมณ์ของผู้คน ท่านก็ต้องตีความหมายของความรู้สึกนั้นให้ออกและร่ายรำให้ผู้ชมได้เข้าใจ
ชายหนุ่มคลายมือและถอยออกห่างปล่อยให้มิสึกิวาดพัดร่ายรำในท่าเดิมอีกครั้ง เมื่อเห็นว่านางสามารถเคลื่อนไหวได้อ่อนช้อยขึ้นเขาจึงยกมือเป็นเชิงสั่งให้นักดนตรียุติการบรรเลง หญิงสาวมองด้วยความแปลกใจ
ท่านสั่งให้เขาหยุดทำไม
ท่านเรียนติดต่อกันมาตั้งแต่เช้าคงเหน็ดเหนื่อยมาก ดังนั้นจึงพอแค่นี้ก่อน
ฮารุคาเสะตอบแต่มิสึกิกลับสั่นศีรษะ
ข้ายังไม่เหนื่อย
การร่ายรำไม่ทำให้เหนื่อยหอบเหมือนการวิ่งหรือการฟันดาบ แต่มันสามารถสร้างความอ่อนล้าต่อผู้ฝึกได้ไม่แพ้กัน
ชายหนุ่มอธิบาย มิสึกิมองพัดในมืออยู่ครู่หนึ่งจึงกล่าวด้วยเสียงที่ไม่ดังนัก
แต่ข้ายังไม่อยากเลิก นางมองฮารุคาเสะ ขอให้ข้าได้ร่ายรำต่อเถอะ แม้เพียงสักรอบก็ยังดี
เสียงหวานกล่าวขอร้องกับดวงตาคู่งามที่กำลังฉายแววอ้อนวอนทำให้ชายหนุ่มพูดอะไรไม่ออก ในที่สุดเขาจึงยิ้มพร้อมกับผงกศีรษะ
ตกลง แต่แค่รอบเดียวเท่านั้นนะ
มิสึกิพยักหน้าและยิ้มออกมาด้วยความดีใจ แต่แทนที่จะให้นักดนตรีเป็นผู้เล่นดังเช่นทุกครั้ง ฮารุคาเสะกลับเดินไปสั่งให้เขาหยุดพักพร้อมกับหยิบบิวะขึ้นมาบรรเลงเอง เมื่อปลายนิ้วพรมลงบนสายพิณ เสียงหวานละมุนก็ดังก้องกังวานขึ้น มันทำให้มิสึกิต้องยืนนิ่งงันอย่างตกตะลึงเพราะแม้จะเป็นการเล่นจากเครื่องดนตรีชิ้นเดียวกันแต่ความไพเราะของบทเพลงนั้นแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง หากเปรียบเทียบกันแล้วเสียงเพลงที่นักดนตรีเล่นนั้นฟังแล้วให้ความรู้สึกเหมือนกระแสที่พัดผ่านโตรกผาในขณะที่บทเพลงอันเกิดจากการบรรเลงของฮารุคาเสะนั้นทำให้ผู้ฟังบังเกิดความรู้สึกสดชื่นราวกำลังยืนอยู่ท่ามกลางทุ่งดอกไม้ที่โยกไหวเพราะสายลมโชย ความรู้สึกเหมือนมีกลิ่นหอมรวยรินของดอกไม้ทำให้หญิงสาวต้องพริ้มตาลงพร้อมกับสูดลมหายใจเข้าอย่างลืมตัว เมื่อได้สตินางจึงรีบวาดพัดในมือร่ายรำไปตามที่ฮารุคาเสะสอนอย่างตั้งใจ แต่เพียงรำไปได้เพียงสองท่วงท่าเท่านั้นเสียงบิวะก็เงียบลงอย่างฉับพลัน มิสึกิจึงหันไปมองชายหนุ่มด้วยความแปลกใจ เมื่อเห็นใบหน้าเรียบเฉยกำลังจ้องออกไปนอกห้องนางจึงเลื่อนสายตามองตามและอุทานออกมาเบาๆเมื่อเห็นต้นเหตุที่ทำให้การเรียนต้องยุติลง
ไพรา
ถึงจะแข็งกระด้างไปสักนิดแต่ก็เป็นการร่ายรำที่งดงาม จอมอสูรเอ่ยชม ใบหน้าของมิสึกิมีสีแดงระเรื่อขึ้นในขณะที่ฮารุคาเสะวางบิวะลงข้างตัว
มีธุระอะไร
ชายหนุ่มถามเสียงเรียบ ไพราซึ่งก้าวมายืนในห้องอมยิ้ม
แค่อยากฟังดนตรีกับชื่นชมนาฏกรรมสาวผู้งดงาม
มิสึกิเป็นนายหญิงแห่งโคะโตโระ ฮารุคาเสะกล่าวเน้นทีละคำ และข้าก็ไม่คิดว่าเจ้าจะมาที่นี่เพียงเพื่อจะฟังบทเพลง
ไพรากวาดตามองเพื่อจะหาที่นั่งเมื่อพบว่ามีเพียงเบาะรองซึ่งเขาไม่ชอบเท่าใดนัก จอมอสูรจึงเปลี่ยนเป็นถอยไปยืนพิงขอบประตูและยกมือขึ้นกอดอก
ข้าเพิ่งกลับจากการเยี่ยมเยือนอิวะกับคาสึรางิ
เขากล่าวเสียงเรียบ มิสึกิยกพัดขึ้นแตะริมฝีปากด้วยความตระหนกในขณะที่ฮารุคาเสะขมวดคิ้ว
ไม่คิดว่าอสูรอย่างเจ้าจะสนใจเรื่องราวของมนุษย์
หากมันไม่เกี่ยวข้องกับนาง ข้าก็คงไม่ใส่ใจ ไพราตอบพลางเลื่อนสายตาไปทางมิสึกิ นักนาฏกรรมหนุ่มจึงชำเลืองตาไปที่นางขณะที่ปากถามจอมอสูรด้วยน้ำเสียงที่เหมือนจะราบเรียบแต่ผู้ฟังพอจะจับได้ถึงความไม่พอใจที่แฝงเร้นอยู่จางๆ
เจ้าไปที่นั่นทำไม
รอยยิ้มประหลาดผุดบนมุมปากไพรา ดวงตาทั้งคู่ฉายแวววาววับดุจคาดเดาความรู้สึกของอีกฝ่ายออก แต่มันก็ทอแสงเพียงชั่ววูบเดียวเท่านั้นและจางหายไปอย่างรวดเร็ว
เป็นนักปราบมารเสียเปล่าแต่กลับไม่รู้วิธีการค้นหาความเคลื่อนไหวของศัตรู ข้าไม่สงสัยเลยว่าทำไมโคะโตโระจึงมีปิศาจเต็มเมือง
ข้าเป็นนักนาฏกรรม ฮารุคาเสะพูดเสียงห้วน จอมอสูรหัวเราะอย่างชอบอกชอบใจแต่ะเมื่อเห็นสีหน้าอีกฝ่ายเขาจึงพูดด้วยท่าทางที่เป็นงานเป็นการมากขึ้นกว่าเดิม
ปรกติแล้วพวกปิศาจมักจะแยกกันอยู่อย่างโดดเดี่ยวและหลีกเลี่ยงการโจมตีมนุษย์ แต่จากการที่พวกมันบุกเข้ามาในปราสาทเมื่อวันก่อนทำให้ข้าคิดว่าน่าจะมีคนบงการ ตอนแรกคิดว่าจะเป็นผู้นำของแคว้นคาสึรางิเพราะข้าได้ยินมาว่าพวกนี้เคยยกทัพมาโจมตีเมืองของเจ้าถึงสองครั้งซึ่งพอเข้าไปดูแล้วกลับไม่ใช่ เพราะแม้รอบปราสาทจะมีปิศาจอยู่มากมายแต่พวกมันทำเพียงเฝ้าดูอาซามิเท่านั้น
แสดงว่าผู้นำคนใหม่ของคาสึรางิไม่เกี่ยวข้องกับพวกปิศาจ ฮารุคาเสะพูดขึ้น ไพราพ่นลมหายใจออกมาอย่างดูถูก
คนอย่างเจ้านั่นมีปัญญาแค่รินเหล้าใส่ถ้วยเท่านั้น และก็คงทำเช่นนั้นได้อีกไม่นาน เพราะการที่เขายอมส่งทหารเกือบทั้งหมดไปยังเมืองอิวะทำให้พวกเสนาบดีและแม่ทัพระดับสูงไม่พอใจ
คาสึรางิเป็นแคว้นที่เข้มแข็ง ไม่มีวันที่พวกเขาจะหักหลังกันเอง
ฮารุคาเสะแย้งแต่ไพรากลับส่ายหน้า
แต่เท่าที่ข้าเห็น คาสึรางิเปรียบเสมือนแม่น้ำกลางฤดูหนาว แม้ด้านบนจะดูนิ่งสงบแต่เบื้องล่างกลับมีสายธารอันเชี่ยวกราก
หมายความว่ามีคนไม่เห็นด้วยกับการกระทำของอาซามิ
จอมอสูรผงกศีรษะ
ข้าคิดว่าแคว้นนี้คงเกิดการเปลี่ยนแปลงในไม่ช้า เพราะอาซามิ ฮิโรซะเป็นมนุษย์ที่ไร้ทั้งปัญญาและฝีมือ แต่พวกเจ้าน่าจะดีใจเพราะถ้าคาสึรางิเปลี่ยนผู้นำจริง โคะโตโระก็จะรอดพ้นจากการรุกราน
ถ้าผู้นำคนใหม่เป็นพวกกระหายสงครามล่ะ มิสึกิถามแทรกขึ้น ไพรายิ้มมุมปากคล้ายพอใจที่ได้ยินเสียงของนาง
ข้ายังไม่เคยเห็นคนที่ชื่อซาคายูกิ แต่เท่าที่ได้ยินดูเหมือนเขาจะเป็นพวกรักสงบ
ถ้าเป็นคนแบบนั้นจริงซาวาระคงไม่ปล่อยเขาเอาไว้แน่ ฮารุคาเสะพูด ไพราหัวเราะในลำคอ
ถูกของเจ้า เพราะทันทีที่โยรินากะแสดงตนว่าเป็นปฏิปักษ์ต่อฮิโรซะ เขาก็เกือบถูกปิศาจตัวหนึ่งลอบสังหาร โชคดีที่บังเอิญข้าอยู่แถวนั้นพอดีเลยลงมือเด็ดหัวมันเสียก่อน จอมอสูรนิ่งไปเล็กน้อยพร้อมกับขมวดคิ้ว พูดถึงปิศาจ มีอีกเรื่องที่ทำให้ข้ากังวล เพราะตอนที่กำลังสำรวจเมืองอิวะข้ารู้สึกถึงพลังชั่วร้ายบางอย่างแฝงเร้นอยู่ภายใต้จวนของเจ้าเมือง
บางทีซาวาระอาจจะทำการเปลี่ยนวิญญาณตัวเองให้กลายเป็นปิศาจ
ฮารุคาเสะพูดขณะที่หวนนึกถึงการกระทำของยาสึฮิระแต่ไพรากลับส่ายหน้า
ไม่ใช่
อะไรทำให้เจ้าแน่ใจเช่นนั้น นักนาฏกรรมหนุ่มถาม จอมอสูรเลื่อนสายตามองออกไปนอกห้องและจ้องท้องฟ้าอยู่ครู่หนึ่งจึงตอบ
เพราะมันเป็นพลังของอสูรไม่ใช่ปิศาจและที่สำคัญ... เขาหันกลับมาทางฮารุคาเสะอีกครั้ง ข้ารู้สึกเหมือนเคยสัมผัสพลังนี้มาก่อน
มือเลื่อนไปแตะขนสัตว์สีขาวที่พันรอบแขนอย่างลืมตัวในขณะที่ดวงตาฉายแววปวดร้าวออกมา
ถ้าเป็นจริงอย่างที่คิด อสูรตนนั้นมีพลังแข็งแกร่งเกินกว่าที่เจ้าจะรับมือ และหากเป้าหมายของมันคือทำลายโคะโตโระ ต่อให้มียาสึฮิระอีกสิบคนก็ยากจะต่อกร
เจ้าพูดเหมือนรู้จักอสูรตนนั้น
ฮารุคาเสะพูดและจ้องไพราอย่างไม่ไว้วางใจ แต่อีกฝ่ายกลับยืนนิ่งเฉยไม่กล่าวสิ่งใดออกมานอกจากดวงตาแสนเศร้าซึ่งเลื่อนไปทางมิสึกิ หลังจากมองนางอยู่ชั่วครู่ร่างของจอมอสูรก็เลือนหายไปทิ้งความสงสัยให้ค้างอยู่ในใจของคนทั้งสอง
*/*/*/*/*
ตอนนี้มีตัวละครเพิ่มมาอีกสอง จะว่าเป็นตัวสำคัญก็ไม่เชิงแต่ก็ตัดออกไม่ได้ เพราะเขาเป็นตัวพลิกผันเหตุการณ์บางอย่างที่จะมีผลในตอนท้ายของเรื่อง มูนนี่พยายามหาชื่อที่จำง่ายที่สุดค่ะเพราะโดนติงมาเหมือนกันว่าภาคนี้ตัวละครเยอะ ก็แหม แนวสงครามก็ต้องมีทั้งมิตร ศัตรู แม่ทัพ นี่ตัดนายกองออกไปบ้างแล้วนะคะ = ="
บ่นมากแล้วมาคุยกันดีกว่า ให้กำลังใจก่อน เดี๋ยวค่อยตามอ่านทีหลัง จ้า จากคุณ : Setakan - ขอบคุณค่า ^^
เบียคโกะเป้นคนมีอารมณ์ขันแบบตลกร้าย และเจ้าเล่ห์ เก่งอีกต่างหาก ทำให้ฮารุคาเสะต้องยอมเล่า ถึงจะรับบทฝ่ายร้าย ผมก็ชอบเธอนะครับ..แม่นางเสือขาวมาดเท่^^ จากคุณ : GTW - ในตอนแรกที่คิดเรื่องนี้ไม่มีเบียคโกะ คือตัวร้ายหลักที่วางไว้คือโอนิชิไค กับเมืองคาสึรางิ แต่พอวางพล็อตภาคสองเลยคิดได้ว่าต้องมีตัวละครเชื่อม เลยกำหนดเบียคโกะขึ้นมา และเธอจะเป็นตัวต้นเหตุของอะไรหลายเรื่องเลยทีเดียว ที่แม่นางเสือขาวมีลักษณะเช่นนี้เพราะมูนนี่มองว่าเธอเป็นหญิง แต่ความเป็นเทพที่ดำรงอยู่มานาน ความคิดย่อมซับซ้อนมากกว่ามนุษย์
ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามผลงานของมูนนี่นะคะ แล้วพบกันอีกกับตอนต่อไปของนิยายเรื่อง สาปสวรรค์ ทัณฑ์ซาตาน ^^
ปิดท้ายกันด้วยรูปตัวนำของเซ็นซู
จากคุณ |
:
Moony_Lupin
|
เขียนเมื่อ |
:
14 ก.ค. 55 09:47:13
|
|
|
|