Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
มอนเอราโด ตอนที่ 2 ดินสอช่วยเลือก ติดต่อทีมงาน

“เมี้ยว เมี้ยว เมี้ยว ออกมาสิจ๊ะ”

มอนเอราโด ค่อยๆ ลืมตาขึ้นจากความฝัน ฝันที่แสนโดดเดี่ยวเดียวดาย 'เราคืออัลฟ่า และโอเมก้า เราคือจุดเริ่มต้น และจุดจบ' ภาพที่พร่าเลือนรอบกายค่อยๆ กระจ่างชัด 'วันนี้เป็นวันที่เท่าไรแล้วนะ เมื่อไรหนอที่การเฝ้ารอจะจบสิ้นลง' มันนอนหลบอยู่ใต้พุ่มไม้หนา เพื่อให้รอดพ้นจากภัยคุกคามทั้งหลายในบริเวณลานว่างแห่งนี้

หูสั้นๆ ทั้งสองข้างของมันมีรอยเว้าแหว่งจากการถูกกัด ขนสีขาวอมฟ้าแปลกตาบนลำตัวอวบอ้วนที่เริ่มผ่ายผอมลง หลุดหายไปหลายกระจุก อีกทั้งยังมีคราบเลือดแห้งกรังติดอยู่ด้วย เลือดของมันก็เป็นสีแดง เมื่อแห้งจึงกลายเป็นรอยเปื้อนสีคล้ำจนเกือบดำ

ที่ด้านนอกของพุ่มไม้มีการเคลื่อนไหวบางอย่าง เด็กผู้หญิงที่มีวัยไล่เลี่ยกับ โบนิตะ 'เพื่อน' ที่มันยังคงรอคอยอยู่เสมอมา กำลังทำท่าเรียกให้มันออกไปหา เธอสวมใส่กระโปรงสั้นน่ารัก ผมถักเป็นเปียเรียบร้อยสองข้าง แต่เมื่อนั่งชันเข่าย่อตัวอยู่อย่างนั้น จึงทำให้มันสามารถมองเห็นไปได้ถึงไหนต่อไหน

“มา ออกมากินขนมอร่อยๆ สิจ๊ะ”

ในฝ่ามือของเธอมีของบางอย่างวางอยู่ มันค่อยๆ ลุกขึ้นอย่างระมัดระวัง ก่อนถดกายถอยไปด้านหลัง แต่เมื่อกลิ่นหอมๆ ของสิ่งนั้นลอยมาแตะจมูก ท้องของมันที่ได้รับเศษอาหารเพียงเล็กน้อยที่โบนิตะหามาให้เมื่อวานนี้ก็เริ่มส่งเสียงประท้วง

“มา ออกมา ฉันไม่ทำอะไรแกหรอกน่า”

มันยังคงนั่งนิ่ง 'ชีวิตนั้นไม่ง่ายเลย' แต่มันก็ยังไม่อยากยอมทิ้งชีวิตไปง่ายๆ จากประสบการณ์ที่ได้รับรู้เพียงเล็กน้อยบนโลกใบนี้ของมัน ก็ได้สอนอย่างเจ็บปวดแล้วว่า 'อย่าได้ไว้ใจใคร หรือสิ่งใดเด็ดขาด'

“ก็ได้ ถ้างั้นฉันวางไว้ตรงนี้นะ ออกมากินด้วยล่ะ”

ของสิ่งนั้นถูกวางทิ้งไว้ ก่อนที่เธอจะลุกหายไป กลิ่นหอมของมันยังคงลอยฟุ้งอยู่ในอากาศ มันนั่งรออยู่อีกครู่หนึ่ง แต่สุดท้ายก็ไม่อาจอดใจต่อไปได้

มันค่อยๆ ย่องช้า อย่างระมัดระวัง ไปยังของสิ่งนั้น มันก้มจมูกลงดม พยายามสูดหากลิ่นแปลกปลอม กลิ่นอย่างอื่นที่ซุกซ่อนอยู่ภายใต้กลิ่นหอมหวาน กลิ่นของอันตราย กลิ่นของความตาย ที่หางตาของมันพลันพบเห็นความเคลื่อนไหวบางอย่างที่รวดเร็ว มันคาบของสิ่งนั้นขึ้นมา ก่อนรีบวิ่งหายเข้าไปในพุ่มไม้อย่างรวดเร็ว

“ว้า พลาดไปนิดเดียวเอง”

เด็กหญิงบ่นเสียดาย ก่อนเดินออกไปจากลานว่าง เธอไม่ได้สนใจเด็กชายตัวผอมๆ สวมแว่นตา ที่เดินสวนเข้ามาเลย ถึงแม้ว่าทั้งสองจะเคยพบเจอหน้ากันในโรงเรียนอยู่บ่อยครั้งก็ตาม เพราะมันเป็นโรงเรียนเล็กๆ แต่ละชั้นปีมีอยู่เพียงห้องเดียวเท่านั้น และทั้งสองก็เรียนอยู่ในชั้นประถมปีที่สี่เหมือนๆ กัน

ไม่มีใครทักทายใคร ต่างทำท่าเหมือนไม่เคยรู้จักกันมาก่อนเลย

มันเขมือบของกินสิ่งนั้นเข้าไปจนหมดอย่างรวดเร็ว รสหวานมันนั้นอร่อยอย่างที่ไม่เคยพบเจอที่ไหนมาก่อน จนมันตัดสินใจได้ในทันทีเลยว่า สิ่งนี้คืออาหารโปรดของมันบนโลกใบนี้

“...มอนเอราโด นายอยู่ที่ไหน”

โบนิตะส่งเสียงเรียกเบาๆ อยู่ด้านนอกพุ่มไม้ ในมือมีถุงใส่เศษอาหารที่เก็บรวบรวมมาจากโรงเรียน หัวใจดวงน้อยของมันพองโตขึ้น เพื่อนที่มันรออยู่มาแล้ว

เขานั่งมองดูก้อนเมฆสีเทาหม่นบนท้องฟ้าขมุกขมัวล่องลอยผ่านไปอย่างเชื่องช้า ขยับแว่นตาอันเก่าที่ใช้มาจนโทรม พร้อมกับพยายามจินตนาการให้มันเป็นรูปร่างสิ่งของอย่างอื่นบ้าง ที่ไม่ใช่ ไม้เรียว แปลงลบกระดาน กิ่งไม้ ฝ่ามือ ไม้แขวนเสื้อ หรืออะไรอื่นๆ ที่เขาเคยพบเจอมา ทั้งที่บ้านและที่โรงเรียน ในขณะที่มันกำลังก้มหน้าก้มตากินเศษอาหารเหล่านั้นเข้าไปเพื่อประทังชีวิต

“นายลองพูดเรื่องของฉันกับพ่อแม่หรือยัง เหมียว”

มันถามทั้งๆ ที่ยังมีอาหารชวนผะอึดผะอมนั้นอยู่เต็มปาก 'เคี้ยวกลืน เคี้ยวกลืน ลงไป ไม่ต้องสนใจอย่างอื่น' มันท่องซ้ำทบทวนไปมาภายในใจ

“...ยังเลย”

เขายังเงยหน้ามองท้องฟ้าอยู่เช่นเดิม 'เมฆก้อนนั้น ดูคล้ายกับบ่วงเชือกคล้องคอจังเลย ตลกจริง'

“แล้วฉันจะต้องรอไปถึงเมื่อไรกันเล่า นายคงไม่อยากฟังหรอกนะ ว่าฉันต้องเจออะไรมาบ้างข้างนอกนี้ เหมียว”

เขาก้มหน้ามองดูมัน เอื้อมมือออกไปเกาที่ข้างหู ขนสีขาวอมฟ้านั้นแม้จะดูสกปรก แต่ก็ยังอ่อนนุ่มมือ และให้ความรู้สึกสบายอยู่เช่นเดิม 'นายก็คงไม่อยากฟังหรอกว่า ฉันต้องเจออะไรมาบ้างในบ้านหลังนั้น'

“รออีกนิด ตอนนี้พ่อได้งานใหม่แล้ว เป็นพนักงานขายของอยู่ในร้านสะดวกซื้อแถวบ้าน ร้านเปิดตลอดวันตลอดคืน เขาจึงแทบจะไม่ได้กลับบ้านเลย...”

'นอกจากเรื่องได้งานใหม่ จะทำให้เขาอารมณ์ดีขึ้นบ้างแล้ว นั่นก็เป็นสิ่งดีอีกอย่างหนึ่งที่เกิดขึ้น' เขาคิด มือยังคงเคลื่อนไหวลูบไล้มันไปทั่วตัว

“...ส่วนแม่ยังหางานไม่ได้เลย แต่ก็คงอีกไม่นานแล้ว”

มันนอนลงเกลือกกลิ้งหงายท้องเพื่อให้เขาลูบไล้ มือของเขาเคลื่อนไปบนกระเป๋าหน้าท้องเล็กๆ อันแสนแปลกประหลาดของมัน

“พอแม่ได้งานเมื่อไร ฉันจะรีบขอทันทีเลย”

มันส่งเสียงครางในลำคอ

“แต่ตอนนี้ฉันสิแย่ แค่ผ่านปีใหม่มาได้ไม่กี่วัน ครูก็จะทดสอบเก็บคะแนนเสียแล้ว พอผลคะแนนออกมา ฉันคงโดนด่าเปิงเหมือนเดิมนั่นแหละ”

ดวงตาลึกล้ำของมันกลายเป็นหลุมดำมืดอีกครั้ง 'ขอมาสิ ขอมา ขอสิ่งที่ต้องการออกมา'

“จริงสิ...” เขาอุทานอย่างตื่นเต้น “นายมีของวิเศษที่จะช่วยให้ฉันทำข้อสอบให้ได้คะแนนดีๆ หรือเปล่า บางทีนะ ถ้าฉันได้คะแนนดี มันอาจจะช่วยให้ฉันขอเลี้ยงนายได้ง่ายยิ่งขึ้นด้วย”

เขาพยายามหาเหตุผลมาสนับสนุนตัวเอง ทั้งๆ ที่ลึกลงไปภายในใจแล้ว เขาก็รู้ดีว่ามันเป็นสิ่งที่ผิด 'การโกงเป็นสิ่งที่ผิด' ไม่ ไม่ใช่อย่างนั้น 'ฉันทำไปเพราะมีเหตุผล ฉันอยากช่วยมอนเอราโดให้ได้เข้าบ้านเร็วๆ ต่างหาก'

มันกลับตัวลุกขึ้นนั่งอย่างยากลำบาก เพราะถึงแม้ว่าจะผอมลงบ้างแล้ว แต่ลำตัวของมันก็ยังคงอวบอ้วนเกินไปอยู่ดี

“มีแน่นอน ถ้านายต้องการ เหมียว”

เขาฉีกยิ้ม

“ถ้าอย่างนั้น ฉันขอเครื่องมือที่จะช่วยให้ทำคะแนนสอบได้ดีๆ ด้วย”

มันรีบล้วงอุ้งมือเข้าไปในกระเป๋าสี่มิติ กระเป๋าที่ไม่รู้ว่ามีอะไร มากน้อยเท่าไรเก็บซ่อนอยู่ในนั้น เขาเข้าใจว่ามันคือเทคโนโลยีจากอนาคต แต่ใครจะไปมั่นใจในเรื่องนั้น มันอาจจะใช่ หรือไม่ใช่ กระเป๋าใบนั้นจะเชื่อมโยงกับสิ่งใด สถานที่แบบไหน ใครกันที่จะบอกได้ บางทีแม้แต่ตัวมันเองก็อาจไม่รู้

“นี่คือ ดินสอช่วยเลือก เหมียว”

ในมือของมันมีดินสอแท่งหนึ่ง ดินสอที่มองดูธรรมดาอย่างที่สุด เขารับมันมาดู ตัวแท่งดินสอเป็นรูปหกเหลี่ยม แต่ละด้านบริเวณส่วนปลาย มีตัวเลขหนึ่งถึงหกกำกับอยู่ ส่วนท้ายสุดนั้นไม่มียางลบ แต่มีรูปดาวหกแฉกสีแดง กับตัวอักษรประหลาดเล็กจิ๋วกำกับเอาไว้

เมื่อเขาพยายามจ้องดู ในหัวคล้ายจะได้ยินเสียงกรีดร้อง สลับกับเสียงหัวเราะชวนขนลุก ดังมาจากสถานที่ที่อยู่ลึกลงไป ไกลแสนไกล

“นี่มัน...ดินสอเสี่ยงทายนี่นา กลิ้งมันแล้วดูว่าตัวเลขที่อยู่ด้านบนสุดเป็นเลขอะไร ก็ให้เลือกคำตอบนั้นใช่ไหม...” เขาพลิกมันไปมาในมือ “ฉันเคยทำมาก่อนแล้ว มันไม่ได้ผลหรอก”

“นายเข้าใจถูก และผิดด้วย เหมียว”

ตาของมันส่องประกายแปลกประหลาดออกมา

“วิธีการใช้ก็ตามนั้น แต่มันไม่ใช่การเดาสุ่ม หรือเสี่ยงดวง มันจะบอกคำตอบที่ถูกต้องเท่านั้น และใช้ได้กับตัวเลือกสูงสุดถึงหกตัวเลยทีเดียว รับรองว่านายต้องได้ร้อยคะแนนเต็มแน่นอน เหมียว”

คำว่าร้อยคะแนนเต็มนั้นทำให้เขาเผลอยิ้มออกมา

“จริงหรือ ถ้าได้อย่างนั้นก็ดี ถ้ามีผลสอบร้อยคะแนนไปต่อรอง ฉันก็อาจจะขอเลี้ยงนายได้ง่ายยิ่งขึ้น”

“ต้องเป็นอย่างนั้นแน่ เหมียว”

ทั้งสองอำลาจากกัน ความมืดค่อยๆ คืบคลานมาอย่างเงียบงัน มอนเอราโดเหลียวมองไปรอบกาย ก่อนค่อยๆ ย่องกลับเข้าไปในพุ่มไม้ มันยังต้องระวังตัวเหมือนเช่นเคย 'ชีวิตไม่เคยง่ายเลย'

มันหลับตาลงทั้งๆ ที่ยังกินได้ไม่อิ่มท้อง แต่ก่อนที่มันจะผลอยหลับไป กลิ่นและรสหอมหวานจากขนมของเด็กผู้หญิงคนนั้น อาหารโปรดของมัน ก็กลับมาก่อกวนให้เกิดความอยาก ทำให้มันฝันถึง และทำให้การนอนหลับพักผ่อนไม่มีความสุขเท่าที่ควร

โบนิตะตื่นแต่เช้า ซึ่งทำให้พ่อแม่ต้องแปลกใจ เขาบอกทั้งสองเกี่ยวกับเรื่องการสอบในวันนี้ ซึ่งทำให้ทั้งคู่แปลกใจมากยิ่งขึ้น เขาก้าวเดินไปโรงเรียนอย่างมั่นใจ ในมือกำดินสอช่วยเลือกเอาไว้อย่างแนบแน่น มันคือความหวัง มันคือความสำเร็จ เขาเดินร้องเพลงโปรดเบาๆ ไปตลอดทาง

“เอาล่ะ พลิกกระดาษข้อสอบ แล้วเริ่มลงมือทำได้”

เสียงครูออกคำสั่งอย่างสะใจ เมื่อได้เห็นใบหน้านิ่วของนักเรียนแต่ละคน จนกระทั่งมาหยุดลงที่ใบหน้ายิ้มแย้มของคนที่คาดไม่ถึง

'คอยดูเถอะ เธอจะต้องยิ้มไม่ออกอีกเลย'

การสอบเสร็จสิ้นลงแล้ว วันอันแสนสั้น หรือยาวนาน ซึ่งขึ้นอยู่กับแต่ละคนนั้นผ่านพ้นไป โบนิตะเดินคอตก ผิดกันเป็นคนละคนกับเมื่อตอนเช้า เขาเดินตรงดิ่งไปยังริมตลิ่งของแม่น้ำสายเล็กๆ ที่ใหลผ่านเมือง ไม่ค่อยจะมีใครมายังสถานที่แห่งนี้ ซึ่งทำให้เขาชอบ

เขาชอบที่จะนั่งอยู่อย่างเดียวดาย มองดูเศษขยะ หรือบางทีอาจจะเป็นร่างของตัวอะไรบางอย่างที่ปราศจากชีวิต ลอยผ่านไปในน้ำข้นๆ สีคล้ำอย่างช้าๆ

ในมือของเขายังคงกำดินสอช่วยเลือกเอาไว้ แต่เมื่อดูจากสีหน้าท่าทางแล้ว มันคงไม่ใช่ ความหวัง หรือความสำเร็จสำหรับเขาอีกต่อไป

เขานั่งมองดูมัน ก่อนจะมีมือหยาบหนาข้างหนึ่งมาคว้ามันไป เขาหันกลับ และได้พบกับชายท่าทางน่าสงสัยคนหนึ่ง เขาไว้หนวดเครา ใส่แว่นตาดำ สวมหมวก และเสื้อคลุม เพื่อปกปิดอำพลางใบหน้า และรูปร่างของตน

“เอาคืนมานะ”

เขาไม่ควรพูดออกไปอย่างนั้น แต่ความรู้สึกโกรธที่ถูกแย่งของไปจากมือ ทำให้เขาไม่ทันคิด ชายคนนั้นไม่สนใจ เขาจ้องที่ปลายดินสอ มองดูตัวเลขเหล่านั้น ก่อนยิ้มกว้างจนเห็นฟันสีเหลือง ซึ่งเกิดจากคราบนิโคติน กับริมฝีปากดำคล้ำ กลิ่นบุหรี่โชยมาจากปาก และตัว กลิ่นบุหรี่ที่เขาคุ้นเคยดีที่บ้าน

“นี่มันดินสอเสี่ยงทายใช่ไหม ฉันก็เคยทำแบบนี้เหมือนกันตอนเด็กๆ คิดถึงจังเลย”

ท่าทางน่ากลัวทำให้เขารู้สึกหวาดๆ แต่คำพูดเหล่านั้นก็ไม่ได้แสดงการคุกคามออกมาแต่อย่างใด เขายังสองจิตสองใจ จะลุกขึ้นวิ่งหนีก็ไม่กล้า จึงได้แต่นั่งนิ่งไม่พูดโต้ตอบออกไป

“แล้วมันได้ผลไหมล่ะ ผลสอบเป็นอย่างไรบ้าง”

เขาส่ายหน้า แต่ก็อดที่จะระบายบอกสิ่งที่พึ่งเกิดขึ้นออกไปไม่ได้

“...ผมได้ศูนย์คะแนน”

ชายคนนั้นนิ่งอึ้ง ก่อนหัวเราะเสียงดัง

“โยนมันทิ้งไปเถอะไอ้ของแบบนี้ ต่อให้เดามั่วซั่วก็น่าจะถูกสักข้อสองข้อไม่ใช่หรือไง”

ชายคนนั้นทำท่าจะขว้างมันทิ้งลงไปในแม่น้ำเบื้องหน้า เขารีบลุกขึ้นห้ามทันที

“อย่านะ ไม่ใช่ความผิดของมันหรอก...”

ชายคนนั้นยังคงอยู่ในท่วงท่าเดิมพร้อมที่จะขว้างดินสอในมือออกไปได้ทุกเมื่อ เขามองหน้าเด็กชาย ส่งสายตาถามด้วยความสงสัย

“...มันเป็นข้อสอบแบบเติมคำ ไม่มีตัวเลือกแม้แต่ข้อเดียว”

เขาตอบเสียงอ่อย ชายคนนั้นนิ่งอึ้งไปก่อนจะเริ่มส่งเสียงหัวเราะ จนเกือบจะขาดใจ เขาต้องพยายามอยู่หลายครั้ง กว่าที่จะหยุดหัวเราะได้

“ถ้าอย่างนั้นก็เอามันคืนไป...”

เขายื่นมือออกไปรับ แต่ชายคนนั้นกลับชะงักค้าง ดูเหมือนเขาพึ่งจะนึกอะไรบางอย่างออก

“...เดี๋ยวนะ ขอฉันใช้มันหน่อยได้ไหม ฉันกำลังตัดสินใจบางอย่าง มันมีสองทางเลือก และฉันกำลังสับสน บางทีมันอาจช่วยได้”

เขาพยักหน้า 'ก็จะเป็นอะไรไปล่ะ ยังไงมันก็ไม่เกี่ยวอะไรกับฉันอยู่แล้ว' ชายคนนั้นกำดินสอช่วยเลือกเอาไว้ในมือ หลับตา แล้วคิดถึงคำถาม กับตัวเลือกที่เขาต้องการรู้คำตอบ เขามองเห็นว่ารูปวงกลม และดาวหกแฉกที่ปลายดินสอนั้นเหมือนกับมีรัศมีสีดำกระจายออกมา พร้อมกับเสียงกรีดร้อง สลับกับเสียงหัวเราะเหมือนในตอนนั้น มันให้ความรู้สึกที่ชวนขนลุก

ดินสอถูกทิ้งลงบนพื้น ทั้งสองเพ่งมองดู มันหงายหน้าที่เป็นเลขสามขึ้นมา ชายคนนั้นถอนหายใจ

“...น่าเสียดาย ฉันมีแค่สองตัวเลือกเท่านั้น...เอง...”

ในขณะที่ชายคนนั้นกำลังพูด เด็กชายก็มองเห็นวงกลมรูปดาวหกแฉกพร้อมด้วยอักขระน่ากลัว วาดตัวเองขึ้นบนพื้น โดยมีศูนย์กลางคือดินสอแท่งนั้น แขนหงิกงอสีดำมืดโผล่ออกมาก่อนพลิกมันให้กลายเป็นเลขสองก่อนทั้งหมดจะหายวับไป เขาไม่กล้าถาม ไม่อยากรู้ว่าจะมีใครเห็นเหมือนกับที่เขาเห็นหรือไม่

“...มันอะไร มันหมุนไปเองหรือเปล่า...” ชายคนนั้นลังเล “...แต่ก็เอาเถอะ จะยังไงฉันก็ได้คำตอบแล้ว ตัวเลือกที่สองใช่ไหม เอาก็เอาวะ เป็นไงเป็นกันสิ”

เขาเดินจากไปโดยไม่สนใจเด็กชายสวมแว่นตาคนนั้นอีกเลย

“เมี้ยว เมี้ยว เมี้ยว ออกมาสิจ๊ะ”

กลิ่นหอมหวานแบบเดิมลอยมา ในขณะที่มอนเอราโดพยายามอย่างเต็มที่ที่จะห้ามตัวเองเอาไว้ แต่มันยิ่งเชิญชวน ยากต้านทานมากกว่าเดิม เด็กหญิงยังคงถักเปียสองข้าง สวมกระโปรงสั้นน่ารัก และนั่งชันเข่าอยู่เช่นเดิม ภายในนั้นคือความมืดที่เย้ายวน ถ้ำมืดที่น่าค้นหา

“ถ้าอย่างนั้น ฉันวางไว้ตรงนี้เหมือนเดิมนะ”

ขนมในมือถูกวางทิ้งไว้ ให้กลิ่นหอมของมันทำหน้าที่ต่อไป 'อันตราย อันตราย' มันพยายามเตือนตัวเอง แต่ดูเหมือนท้องที่กำลังส่งเสียงร้องจะค่อยๆ มีอำนาจมากขึ้นทุกที น้ำลายเริ่มไหล ขาเริ่มขยับออกไปทีละก้าว 'ฉันเป็นอะไรไป'

“นั่นใครน่ะ มาทำอะไรอยู่ตรงนั้น”

เสียงของโบนิตะดังขึ้น เรียกสติให้มันหยุดอยู่ในที่เดิม เด็กหญิงที่ซ่อนตัวอยู่ลุกขึ้นอย่างไม่พอใจ

“นายเป็นใครกัน เอ๊ะ...นายอยู่ห้องเดียวกับฉันนี่ ชื่ออะไรนะ...”

“โบนิตะ ฉันชื่อ โบนิตะ”

“ใช่ โบนิตะจอมขี้แย แถมวันนี้ยังทำข้อสอบได้ศูนย์คะแนนด้วย เธอคงรู้จักฉันใช่ไหม”

“รู้สิ...คุณ...ซูชิกะ”

“ดีมาก ที่รู้จักเรียกฉันว่า คุณ ส่วนฉันจะมาทำอะไรอยู่ตรงนี้มันก็เป็นเรื่องของฉัน เข้าใจใช่ไหม”

เขายืนตัวตรงอย่างไม่มีเหตุผล

“เข้าใจครับ”

“ดีมาก”

หลังจากนั้น เธอก็เดินเชิดหน้าจากไป เขาทันได้เห็นขนมครกชิ้นหนึ่งวางอยู่ที่พื้น ก่อนที่จะมีเงาของตัวอะไรบางอย่างพุ่งคว้ามันไปกินอย่างรวดเร็ว เงาที่มีขนสีขาวอมฟ้า เงาที่เขาคุ้นเคย เขาขยับเข้าไปใกล้ แต่มันกลับส่งเสียงขู่ราวกับกลัวว่าเขาจะเข้าไปแย่งขนมชิ้นนั้น

“นายเป็นอะไรไป นี่ฉันเองนะ”

มันรีบกลืนขนมครกทั้งชิ้นลงไป ความอยากแปลกประหลาดที่มีอยู่ หายไปอย่างฉับพลัน มันเงยหน้ามองเขาเหมือนกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น

“สอบวันนี้เป็นไงบ้าง เหมียว”

“ข้อสอบดันเป็นแบบเติมคำทั้งหมด ดินสอของนายช่วยอะไรไม่ได้ ฉันเลยได้ศูนย์คะแนน ขอโทษด้วยนะ”

เขาส่งดินสอตัวเลือกคืนให้ มันรับไปเก็บไว้ในกระเป๋าหน้าท้องสี่มิติเหมือนเดิม เขาเองก็รู้สึกดีที่สามารถกำจัดมันไปได้ หลังจากนั้นเขาก็นำเศษอาหารออกมาให้มันกิน แล้วทั้งคู่ก็นั่งมองดูท้องฟ้าที่ค่อยๆ มืดลง

“คงต้องรออีกสักพัก แต่คงไม่นานหรอก”

เขาพูดทิ้งท้าย ก่อนจะจากลา 'ใช่ เราเป็นเพื่อนกัน' เขากลับเข้าบ้าน และคืนนี้พ่อต้องออกไปทำงานที่ร้านสะดวกซื้อ นั่นทำให้บ้านเงียบ และปลอดภัยขึ้นกว่าเดิม

เขาไม่ได้พูดถึงเรื่องการสอบอีกเลย

กลางดึกสงัด ชายน่าสงสัยที่พบเจอเมื่อตอนหลังเลิกเรียน เดินเข้าไปในร้านสะดวกซื้อที่คืนนี้พ่อของโบนิตะกำลังทำงานอยู่ เขามีท่าทางใจเย็น เพราะเขาตัดสินใจได้แล้ว 'ตัวเลือกที่สองใช่ไหม' เสียงปืนดังขึ้นหนึ่งนัด ตามมาด้วยเสียงร้องด้วยความเจ็บปวด ชายน่าสงสัยคนเดิมรีบวิ่งออกมา ก่อนขับรถจักรยานยนตร์หลบหนีไปในความมืด

มอนเอราโด นอนกระสับกระส่ายอยู่ใต้พุ่มไม้หนา ขนมครกของเด็กผู้หญิงที่ชื่อ ซูชิกะ ยังคงเฝ้าหลอกหลอนมันในความฝัน เขาอยากกิน กินมันอีกมากๆ กินมันไปเรื่อยๆ จนกว่าท้องจะแตกกระจาย โบนิตะยังคงนอนหลับอย่างมีความสุข เมื่อเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น และแม่ของเขายืนรับฟังข้อความเหล่านั้นด้วยอาการสงบนิ่ง

แก้ไขเมื่อ 16 ก.ค. 55 07:44:24

จากคุณ : zoi
เขียนเมื่อ : 15 ก.ค. 55 14:44:30




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com