Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
สาปกณิการ์ :: งามชบา - บทที่ 6 ติดต่อทีมงาน

http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W12348885/W12348885.html

บทที่ 6

ปรากฏแหละเอียดสีทองปนรุ้งคลี่สยายกางกั้นลำตัวใหญ่อหังการของสมิงพรายไพรที่กระโจนลอยคว้างเหนือกระหม่อมแม่นางอชินี รังสีร้อนคมกริบผลักไสท่วงท่าเหิมเกริมอย่างไม่ปรานี

สมิงชั่วคำรามร้องอย่างเจ็บปวดก่อนร่างจะโดนดีดปลิวไปฟาดกับลำต้นหนาของไม้ไทรโบราณ รากใหญ่ที่ห้อยย้อยสะบัดกวัดแกว่งโอบรัดลำตัวเพลี่ยงพล้ำตามบัญชามนตราสยบพยัคฆ์ศักดิ์สิทธิ์ มันดิ้นขลุกขลักแผดเสียงเกรี้ยวกราดไม่ยินยอม

"ไม่ยินยอมแล้วจะให้เราทำยังไงกับเจ้าดี ปล่อยเข้าป่าไปอาละวาดข่มเหงชาวบ้านอีกหรือ ไม่หรอกเจ้าสมิงชั่ว เรารอนแรมมาจากคามดารกะก็เพื่อกำราบเจ้า"

สมิงพรายไพรคาดไม่ถึงจริงๆ ว่าแม่นางอชินีที่มันได้ฟังผู้คนเล่าลือถึงชื่อเสียงและความกล้าหาญเกินหญิงจะมีพิษสงร้อนแรงเช่นนี้ มันปวดร้าวทั่วลำตัวที่โดนรัดร้อยด้วยรากไทรใหญ่ ครั้นจะดิ้นต่อไป เลือดสีเขียวหม่นก็มีแต่จะหลั่งชโลม มันจึงต้องยอมอ่อนข้อดั่งว่ารามือ

"เจ้ามาจากที่ไหน"

แม่นางนักล่าผู้กล้าสืบเท้ามาหยุดห่างจากร่างสมิงสามก้าว นักล่าวัยฉกรรจ์ทั้งหกปราดประกบลำตัวเพลี่ยงพล้ำพลางจ่อมีดลงอาคมเล็งจุดตายพร้อมเพรียง

"มาจากที่ไหนก็ไม่สำคัญ ข้ารอนแรมแสวงหาตัวยาวิเศษของข้า และหัวใจของเจ้าก็เป็นหนึ่งของวิเศษที่ข้าปรารถนา"

"กำเริบ"

นักล่าวัยฉกรรจ์คนหนึ่งตวาดพลางแทงมีดข้างกกหู เลือดสีเขียวหม่นก็พลันกระฉูดพุ่ง สร้างความเจ็บปวดให้มันแผดเสียงคำรามเดือดดาล

แม่นางอชินีประสานตาเขียวหม่นของสมิงเกรี้ยวกราดนิ่ง มนตรากำราบฤทธิ์ร่ายผ่านจิตอันแข็งกล้า สมิงชั่วนึกรู้จากอิริยาบถสำรวม มันจึงเร่งร่ายอาคมร้อนตอบโต้

สองอาคมขลังประจันหน้ากันอย่างแข็งกร้าว บังเกิดพายุกระโชกรากไทรใหญ่แกว่งกวัดกระชากกระชั้น นักล่าหนุ่มทั้งหกสืบเท้าถอยคุมเชิง ต่างแยกขากางแขนด้วยท่าตั้งมั่นเตรียมพร้อมรับมือกับเหตุไม่คาดฝันหลังสิ้นประชันมนตรา

ในเมื่อศัตรูแข็งกล้าอาคมยากจะต่อกรได้ด้วยมนตราพื้นๆ เหมือนเช่นศัตรูที่มันเคยปะทะผ่านๆ มา ดังนั้น สมิงพรายไพรจึงตัดใจงัดอาคมแปลงออกมาหักหาญ

มันหลับตาปิดกั้นแสงมนตราสยบของศัตรู แล้วเร่งร่ายอาคมแปลงโยกย้ายร่างเสือออกไป แล้วแทนทีด้วยร่างหนุ่มกำยำผิวสีหยกหม่น รากไทรที่ร้อยรัดก็มีอันหย่อนคล้อย เปิดทางให้มันพุ่งกระโจนเข้า:-)มีดทิ่มแทง

นักล่าทั้งหกปราดเข้าขวางว่องไว แต่ด้วยฤทธิ์ร้ายแห่งอาคมแปลง ทั้งหกจึงบาดเจ็บเลือดกระฉูดทางปาก ร่างกำยำลอยละลิ่วไปคนละทิศคนละทาง

ฝนประหลาดเทโครมลงมาพร้อมกับเสียงหวีดหวิวของพายุอาคมร้าย มันกู่กรีดแหลมระคายจนนักล่าไม่อาจต้านทาน แก้วหูสะเทือนและเจ็บร้าวกระทั่งกลายเป็นชาไม่รับรู้ไปชั่วขณะ

แม่นางแห่งเจ้าฟ้าจ่างถอยปราดจากวังวนเสียงพิฆาตพลางตวัดมือโบกเบาๆ ประกายรุ้งจากวงแหวนก็พร่างพราวเป็นกำแพงขวางกั้นอาคมชั่ว

แต่ฉับพลันนั้น พื้นขรุขระที่เหยียบยืนก็มีอันปริร้าวรุนแรงแล้วแยกเป็นช่องว่าง แม่นางก้มดูแล้วใจหายวาบ รีบปราดร่างลอยคว้าง ตัดสินใจดึงเข็มขัดรัตนชาติสะบัดด้วยอาคมประสานธาตุ แล้วลอยคว้างลงกลางวงล้อมของนักล่าหนุ่ม หมุนกายเป็นเกลียวกวาดลากเข็มขัดสะบัดประกายอาคมสีรุ้งคุ้มครอง

"สามคนกลับหมู่บ้านส่งข่าวบอกพ่อ อีกสามคนตามเราไปเดี๋ยวนี้"

บัญชาของแม่นางไม่เคยเยิ่นเย้อ จบความแล้วก็ถลันกระโจนทิ้งวังวนมนตราสมิงพรายไพรไปหาชัยภูมิปลอดภัยตั้งมั่น สมิงหนุ่มกำยำแสยะยิ้มพลางระเบิดเสียงห้าวพาลดังก้องว่า

"เจ้าคือเหยื่อของข้า หัวใจของเจ้าจะช่วยให้ข้าเป็นอมตะ ไม่ว่าเจ้าจะหนีไปไหน ข้าก็จะตามไล่ล่าให้เหมือนมัจจุราชกวาดต้อนดวงวิญญาณ"

แม่นางอชินีได้ยินแล้ว ยังรับรู้ได้อีกด้วยว่าแก้วหูปริแตกเลือดทะลักไหลลงชโลมคอ อาคมวาจาของสมิงชั่วร้ายกาจนัก

มันคงทำร้ายแม่นางไม่ได้มาก หากไม่ฉวยโอกาสตอนแม่นางพะวักพะวนห่วงความปลอดภัยของนักล่าใต้อาณัติทั้งสาม ยามนี้ ร่างเพลี่ยงพล้ำร่วงลงฟุบบนพงหญ้า ใบหน้าซีดเผือดลงจนนักล่าใจสะท้าน รีบคุกเข่าอุทานพร้อมเพรียง

"แม่นาง"

"เราไม่เป็นไรหรอก บาดเจ็บเพียงเล็กน้อยเท่านั้น เจ้าสามคนถอยไปหลบด้านโน้น อย่าให้เรากังวล"

"แต่ว่า.. "

"เจ้าจงรู้ไว้ด้วยว่าสมิงพรายไพรไม่ใช่เสือร้ายทั่วไปที่เจ้าสามารถใช้อาคมธรรมดากำราบได้ มันคือเจ้าพยัคฆ์ที่รอบรู้ศาสตร์ไสยเวทย์ ท่อนล่างแทงฟันไม่เข้า ท่อนบนเหลือเพียงดวงตาซ้ายที่ทำร้ายได้ แต่มันคงไม่ง่าย"

"จริงหรือแม่นาง"

นักล่าทั้งสามอุทานตระหนกพร้อมเพรียง อาคมแก่กล้าของแม่นางนั่นเองที่มองเห็นทะลุปรุโปร่งเช่นนั้น แต่แม้จะรู้อย่างนั้น ทั้งสามก็ไม่ครั่นคร้ามและพร้อมจะแลกชีวิตกับสมิงชั่วเคียงบ่าเคียงไหล่แม่นางจนถึงวาระสุดท้าย

"หลบไป เราจะร่ายอาคมสยบสมิงขั้นสูง อย่ารบกวนเรา"

ทั้งสามพอฟังบัญชาก็ลอบกลืนน้ำลาย เพราะรับรู้กันเป็นอันดีว่า 'อาคมสยบสมิงขั้นสูง' เคยมีผู้ใช้เพียงครั้งเดียวก็คือ 'ปู่ทวดนักล่า' อานุภาพของมันทั้งแกร่งทั้งกร้าว บันดาลวัตถุหนักเบาล่อนปลิวได้ตามใจนึก

แม้แต่พายุกระโชกมาก็จำต้องเลี้ยวกลับ ฝนเทหนักหนาแค่ไหนก็จำต้องรีบแห้งเหือด แผ่นดินปริแยกเป็นร่องเป็นเหว ก่อเกิดการเปลี่ยนแปลงทั้งชัยภูมิที่ทาง

แต่เรื่องนั้นทั้งสามก็ไม่นึกครั่นคร้ามมากไปกว่ารับรู้ชะตาสำคัญของผู้ใช้ที่ต้อง 'ดับสูญไปพร้อมกัน'




สมิงหนุ่มเตรียมใจมาพร้อมแล้ว นับแต่ออกอาละวาดคร่าเหยื่อทั่วหมู่บ้าน เพียงหวังจะล่อหลอกดึงตัวแม่นางอชินีออกจากคามดารกะ ที่นั่นมีกลิ่นอายของผู้มีบุญหนักศักดิ์ใหญ่ของเจ้าฟ้าจ่างคุ้มครอง อาคมสมิงของมันย่อมไม่อาจกล้ำกราย

แต่ที่นี่คือป่าใหญ่ ดงดิบที่ลิบลับจากสายตาคนทั่วไป แม้จะไม่ใช่อาณาจักรของมัน แต่ด้วยอำนาจและเวทย์แก่กล้าของมัน ก็ไม่มีปัญหาถ้าคิดจะสยบและยึดครอง

แต่ที่ผิดคาดก็ตรงที่แม่นางแห่งเจ้าฟ้าจ่างช่างเก่งกาจเกินคำเล่าลือยิ่ง มันเคยรู้มาแต่ว่ามีอาคมขั้นสูงไว้ใช้สำหรับสยบสมิงร้าย ในอดีตเคยมีคนใช้เวทย์ขั้นสูงนี้ปราบสมิงต้นตระกูลของมันมาแล้ว สำเร็จงดงามด้วย แม้แต่จะต้องแลกด้วยเลือดเนื้อก็ตาม

สมิงทุกรุ่นล้วนกำชับเตือนให้ระวังมนตราบทนี้ไว้ให้ดี หากไม่จำเป็นก็อย่าได้กำแหงปะทะซึ่งหน้า เพราะศัตรูที่ต่อกรด้วยจะสละแล้วซึ่งเลือดเนื้อ ดังนั้น ความเป็นอมตะจะดับสูญเพราะเลือดเนื้อที่ข่มคานกัน

ครั้นเห็นแม่นางทรุดนั่งขัดสมาธิ รวบมือรวบแขนพริ้มตาสำรวม พร้อมกับบังเกิดรังสีสีทองปนรุ้งแพรวพรายรายล้อมร่างแม่นางไว้ภายใน กระทั่งสายลมมนตราค่อยพัดมาเฉื่อยเนือย จวบจนทวีความเกรี้ยวกราดพัดพาวัตถุหนักเบาไกลใกล้ปลิวว่อน

มันค่อยลอบกลืนน้ำลายหวั่นไหว และนึกเจ็บใจวูบว่าทำไมส่วนประกอบในการปรุงยาอายุวัฒนะต้องระบุหัวใจของแม่นางผู้เก่งกล้าคนนี้ด้วย

"แม่นางอชินี" มันร้องเรียกเพื่อทำลายสมาธิแน่วนิ่ง

"ถ้าเจ้ากลับตัวกลับใจ ไปให้ไกลจากหมู่บ้านเรา และสัญญาว่านับแต่นี้จะดำรงตนอยู่ในวิถีเสือไปตามปกติ ปลดปล่อยดวงวิญญาณที่เจ้าคร่ามาให้ไปผุดไปเกิด เราจะละเว้นชีวิต"

"กำแหง"

มันคำรามออกไปอย่างไม่พอใจ แต่ก็ไม่วายกลืนน้ำลายครั่นคร้าม เพราะแม่นางยังครองสมาธิได้นิ่ง ตาเรียวทรงอำนาจก็ยังพริ้มมั่นคง

"ฝ่ายที่กำแหงคือเจ้าสมิงพรายไพร เราให้โอกาสเจ้าใคร่ครวญก่อนพื้นดินตรงหน้าจะปริแยก ถ้าช้ากว่านั้น เจ้ากับเราก็จะดับสูญไปพร้อมกันในวันนี้ ตราบใดที่มีเรา เจ้าไม่มีวันเป็นอมตะ ในโลกนี้ไม่มีสิ่งใดเป็นอมตะได้"

"ข้าจะพิสูจน์ให้แม่นางประจักษ์เองว่าข้าทำได้"

สมิงพรายไพรในร่างหนุ่มฉกรรจ์กำยำพลันตัดใจปะทะอาคมขั้นสูงซึ่งหน้า มันไม่ล่าถอยเพียงแค่คำขู่ของแม่นางคนหนึ่งหรอก

แล้วในพลันนั้น ตาพิฆาตสีเขียวหม่นก็ค่อยเปล่งวาวจดจ้องร่างอรชรในอาภรณ์ทะมัดทะแมงสีเทาเปรอะเลือด สูดหายใจลึกยาวพร้อมกับร่ายมนตราสมิงคร่าเหยื่อ แล้วสืบเท้าเข้าคุกคามอย่างอาจหาญ

นักล่าทั้งสามในพงพุ่มเริ่มใจหวั่น กระชับมีดอาคมพรักพร้อม หากสมิงชั่วหักหาญแม่นางในวงล้อมของรังสีอาคมได้ ทั้งสามก็ตัดใจพลีชีพเพื่อแม่นางล่ะ หนึ่งในสามอดเปรยกังวลออกมาไมได้ว่า

"ถ้าหัวหน้าหมู่บ้านพาคนมาถึงที่นี่โดยเร็วก็คงดี แม่นางอาจไม่ต้องใช้มนตราขั้นสูงให้เสียเลือดเนื้อ"

"เราก็หวังอย่างนั้น ทั้งที่ความหวังมันแทบจะมองไม่เห็น เจ้าดูโน่นสิ ท้องฟ้าแปรเปลี่ยนเป็นสีเขียวหม่นน่ากลัวยิ่ง มันเป็นสีอาคมของไอ้สมิงชั่ว"

"เรารู้ แต่เจ้าก็ดูฟากนี้เถอะ สีทองปนรุ้งก็แผ่กระจายกว้างไกลไม่ยิ่งหย่อนกว่า บางทีแม่นางอาจจะมีบุญหนักศักดิ์ใหญ่กว่ารุ่นทวด แม่นางอาจจะเป็นคนแรกที่ไม่ต้องดับสูญไปพร้อมกับมนตราวิเศษ"

พอสิ้นคำคาดหวังของนักล่าหนุ่ม แม่นางอชินีก็พลันกระอักเลือดราดรดพื้นหญ้าที่เริ่มพวยกลุ่มควันขาวขุ่นขึ้น เสียงปริแผ่วแว่วเข้าหู แม่นางกล้ำกลืนความเจ็บปวดภายใน ไม่หวั่นไหวกับเลือดที่ทะลักออกหูจมูกหรือแม้แต่รูขุมขน

กลิ่นคาวแม้จะคลุ้งไปทั่ว และอาภรณ์ทะมัดทะแมงสีเทาจะถูกย้อมเป็นสีเลือดแล้ว หากแต่สมาธิยังคงกุมแน่นใต้อิริยาบถสำรวมแน่วนิ่งได้อย่างน่าชื่นชมนัก

บังเกิดเสียงหวีดหวิวแหลมรัวทำร้ายนักล่าในพงพุ่ม ทั้งสามกระอักเลือดล้มเกลือกกลิ้งด้วยอาการทรมาน แน่นอนว่าเรื่องรอดชีวิตคงตัดไปได้ เพราะไม่มีใครต้านทานอานุภาพของอาคมขั้นสูงได้

และด้วยเหตุนี้เอง ในอดีตปู่ทวดนักล่าจึงสั่งห้ามเฉียบขาดไม่ยอมให้ใครติดตามไปล่าสมิงอหังการในกาลนั้น

"เจ้าทั้งสามรีบหลบออกไปจากบริเวณนี้ ไปรอสมทบกับพ่อตรงปากทางเข้า รีบไป อย่าให้เราต้องพะวักพะวน"

"แม่นาง" นักล่าครางขาดห้วงเพราะเจ็บปวดด้วยฤทธิ์คมมนตรา

"รีบไป นี่คือคำสั่งเรา"

"แต่ว่าแม่นาง.. "

"บังอาจ เจ้าทั้งสามกล้าฝืนบัญชาแม่นางอชินีแห่งเจ้าฟ้าจ่างเชียวหรือ ไสหัวไป"

เลือดคาวข้นพ่นพรูทางปากทุกคราที่แม่นางสั่งความเฉียบเข้ม นักล่าบาดเจ็บจำต้องล่าถอยแม้ไม่เต็มใจ ต่างพยุงกายบอบช้ำลัดเลาะไปตามพงที่ซ่อนแทรกในม่านหมอกควันมนตรา ซึ่งยามนี้มันคลุกเคล้ากันเป็นผืนเดียวจนแยกแยะไม่ออกแล้วว่าเป็นมนตราของฝ่ายใด




แม่นางอชินีสงสารและรู้สึกผิดที่ดึงนักล่าภักดีทั้งสามไว้ นางน่าบัญชาขับไล่ให้กลับไปพร้อมกันในคราวเดียวทั้งหก

เป็นเพราะไม่นึกนั่นเองว่าสมิงพรายไพรจะฤทธิ์แรงและแข็งกล้าเกินกว่าจะสยบด้วยมนตราทั่วไป ตอนนี้จำต้องดึงมนตราสยบสมิงขั้นสูงออกมาใช้ ทั้งที่รู้เต็มทรวงว่าใช้แล้ว 'ต้องตาย'

นี่กระมัง ชะตาดับสูญของแม่นางตามที่พระครูลาพุชแจ้งเตือนเมื่อสามเดือนก่อน ในยามระลึกถึงเจ้าฟ้าสามีกับแม่นางน้อยทั้งสอง สมาธิก็พลันแกว่งรวนเล็กน้อย รังสีทองปนรุ้งก็พลอยขาดวิ่นเกิดช่องว่าง

สมิงหนุ่มจดจ้องมันด้วยแววตากระหยิ่ม แม้ว่าร่างกำยำจะบาดเจ็บโดนคมมนตราอีกฝ่ายบาดเฉือนจนเกิดแผลมากมาย แต่ความเจ็บปวดนั้นก็หยุดยั้งปรารถนาคร่าแม่นางไว้ไม่สำเร็จ

"ข้าคือสมิงอมตะ ได้ยินไหมแม่นางอชินี"

มันกร่างวาจาทรงอำนาจพร้อมกับยื่นมือผ่านช่องว่างอาคมรวนพลางตะปบกระหม่อมแม่นางมั่นคงแล้วบีบทารุณ ยามเหยื่อกระอักเลือดพุ่งเป็นฝอยยาว มันก็แผดเสียงคำรามลิงโลด

บังเกิดควันสีหยกแผ่หนาขึ้นใต้อุ้งมือสมิง แม้ภายนอกจะดูว่ามันละมุนชวนลูบ หากแต่ฤทธิ์ร้อนจัดของมันกลับกำลังแผดเผาเส้นผมทุกเส้นของแม่นางอย่างทารุณทีเดียว ไม่ถึงพริบตาเสียด้วยซ้ำ กระหม่อมบางก็เกรียมไหม้ อุ้งมือใหญ่ก็ค่อยขยับเตรียมจิกนิ้วลงทิ่มแทงหวังปิดฉาก

"เจ้าเป็นเดรัจฉาน ฟ้าจะไม่ให้อภิสิทธิ์แก่เจ้าคร่าชีวิตแม่นางแห่งเจ้าฟ้าจ่าง เจ้าอย่าได้ทะเยอทะยานเกินชะตาไปนัก เราแม่นางอชินีจะดับสูญชีวิตอันธพาลของเจ้าเอง"

ทุกถ้อยเข้มแข็งของแม่นางนั้นชโลมด้วยเลือดสด ที่ค่อยแปรเปลี่ยนจากสีแดงเป็นทองปนรุ้ง ใช่แล้ว แม่นางกำลังจะดับสูญ กระหม่อมเกรียมไหม้เริ่มปริเป็นร่องเล็กๆ

แม่นางได้ยินเสียงปะทุจากข้างในด้วยใจอันเศร้า เวลาอันสั้นเท่านี้ แม่นางคงรอให้บิดาตามมาสมทบไม่ได้อีกแล้ว จำเป็นต้องดับสูญสมิงชั่วไปพร้อมกับตนเสียก่อน

มีดเหล็กกล้าลงอาคมสยบสมิงขั้นสูงเสร็จสิ้นแล้ว มันอุบัติพร้อมกับกระหม่อมแม่นางที่โดนแผดเผาด้วยไฟอาคมของฝ่ายตรงข้ามอย่างช้าๆ

สมิงพรายไพรคงนึกไม่ถึงเพราะมัวแต่กระหยิ่มลำพองในชัยชนะ มันหลงเหลิงว่าแม่นางไม่ต่อกร เพราะอ่อนด้อยกว่าด้วยพลังอาคม แต่ถึงตอนนี้ มันคงเข้าใจแจ่มแจ้งแล้วว่าพิษสงแม่นางมันลึกซึ้งยิ่งกว่า

วินาทีที่มีดเหล็กกล้าลงอาคมสยบสมิงขั้นสูง:-)แทงจมมิดในดวงตาเรียวสีหยกหม่น สมิงชะตาขาดก็พลันแผดเสียงคำรามเกรี้ยวกราดระคนเจ็บปวดแสนสาหัส

ร่างกำยำดีดปลิวออกจากวงล้อมของรังสีทองปนรุ้งขาดวิ่น ละลิ่วไปฟาดเต็มแรงกับลำต้นแข็งแรงของไทรโบราณ พร้อมกับร่างบอบช้ำถึงขีดสุดของแม่นางก็พลันผุดยืนอย่างสง่า

"แม่นางชั่ว"

มันคำรามอาฆาต กลายร่างกลับเป็นสมิงอหังการ พลางกระชากอาคมบันดาลลมฝนแปรปรวน ไม่เว้นแม้แต่พวยเพลิงสีเขียวหม่นออกมาทำลายรังสีเหยื่อ

"ข้าจะกัดกินเนื้อของเจ้าไม่ให้เหลือแม้แต่เศษกระดูกเส้นขน แม่นางชั่ว"

"เจ้าไม่มีวาสนาเช่นนั้น"

แม่นางอชินีลอยคว้างมาประจันกับสมิงบาดเจ็บ แล้วกระแทกฝ่ามือบังคับให้มีดเหล็กอาคมพุ่งทะลุท้ายทอยตามด้วยเลือดสีเขียวหม่นพุ่งพรูเป็นฝอยยาว

สมิงพรายไพรแผดเสียงเจ็บปวด ร่างล้มกลิ้งเกลือกด้วยอาการทุรนทุราย ดวงตาที่เหลืออีกข้างวาววับด้วยแรงอาฆาต แม่นางก็รับรู้อยู่ จึงไม่เปิดโอกาสให้มันใช้แววบังอาจเช่นนั้นเหิมเกริมต่อไป

มีดอาคมปักฉึกกำราบว่องไว สมิงร้ายพลันสูญสิ้นดวงตาอาคมโดยสิ้นเชิง มันดิ้นพล่านทรมาน ไถลกายใหญ่ไปค้างหมิ่นเหม่ตรงร่องแยกของแผ่นพื้น

"ข้าจะฆ่าเจ้า ข้าจะไม่ยอมดับสูญไปตามลำพัง แล้วปล่อยให้เจ้าหัวเราะเยาะตามหลังหรอก แม่นางชั่ว"

มันคำรามฮึดสู้อย่างไม่ยอมแพ้ กล้ำกลืนความเจ็บปวดร่ายมนตราแปลงเป็นงูใหญ่สีเขียวหม่น แม่นางอชินีเพิ่งจะเลิกคิ้วและทำท่าถอยร่นตั้งหลัก แต่กลับเชื่องช้ากว่าจังหวะไถลตวัดอำมหิต ร่างอรชรพลันถูกรัดแน่นแล้วโดนกระชากปลิวละลิ่วลงสู่ร่องแยกอันลึกเร้น

แม่นางผู้กล้าช่างสมแล้วที่เกรียงไกรเป็นที่ครั่นคร้าม ในยามพลาดพลั้งก็ไม่ตื่นตระหนกจนลืมปกป้องตัว มนตราขนนกที่เคยร่ำเรียนกับพระอาจารย์ในหุบเขาลึกเปล่งกึกก้อง ตลอดร่างพลันเบาและบางกระทั่งจางเป็นควันรอดพ้นจากการถูกร้อยรัดอำมหิต

แม่นางตอบโต้ด้วยเข็มขัดรัตนชาติสะบัดแต่เพียงเบาๆ ก็กระหวัดรัดคองูแปลง แล้วกระชากสุดแรงที่เหลือ สมิงพรายไพรใจหายวาบ นึกกลายร่างกลับสู่เสือยักษ์กำยำก็ไม่ทัน

มันมองไม่เห็นว่าหุบเหวจากร่องแยกของแผ่นพื้นลึกเร้นแค่ไหน แต่รับรู้ว่าสายลมมรณะที่หวีดหวิวและพัดสวนร่างที่ร่วงดิ่งลงของมันนั้น ก่อความหวาดกลัวสุดขีดให้มันเผชิญอย่างที่มันมั่นใจว่า 'ไม่เคยเผชิญมาก่อน'

แน่นอน ในเมื่อร่างงูแปลงร่วงละลิ่วลงสู่หุบเหวดับสูญพร้อมกับเข็มขัดรัตนชาติของแม่นางอชินี ร่างของแม่นางก็ย่อมต้องถูกลากลงไปดับสูญพร้อมเพรียงด้วยเช่นกัน




ความเงียบปกคลุมไปทั่วโถงเล็กในสำนักหมอดู อดีตปิดฉากลงพร้อมกับเสียงถอนใจยาวของหมอผา เขายิ้มบางใส่แสงตาเฉื่อยๆ ของคุณหลาน นึกขอบใจว่าอีกฝ่ายตั้งใจฟังเป็นอย่างดีไม่มีขัดมีทัก แต่ส่วนว่าจะเชื่อเต็มร้อยหรือเปล่า อันนี้เขาก็ไม่กล้าปักใจ

"แล้วหุบเหวตรงนั้นก็กลายเป็นเทือกเขาใหญ่ที่อุดมสมบูรณ์ เขียวชอุ่มไปด้วยหมู่ไม้นับชนิดไม่ถ้วนในกาลต่อมา"

"อ้าว สรุปแล้วหรือ จบแค่นี้เองหรือ"

"ยังไม่จบ แต่เหนื่อย รินน้ำมาให้ดื่มหน่อยซิ"

โชติชลขึงตาหมั่นไส้ กำลังฟังเพลินเชียว จู่ๆ คนเล่าก็สรุปเอาดื้อๆ แต่ก็ยังลุกกุลีกุจอเต็มใจล่ะ ขณะรินน้ำใส่แก้ว หูก็ฟังคุณอาหมอบรรยายสรุปเพิ่มเติมอีกนิดว่า

"แล้วชาวบ้านในยุคต่อมาก็ได้อาศัยที่ทางตรงนั้นปักหลักตั้งรกราก ก่อเกิดชุมชนใหม่ แม่น้ำสายใหม่ หุบเขาใหม่"

"มันเป็นอานุภาพอาคมสยบสมิงอะไรนั่นใช่ไหมครับ" หนุ่มหล่อมาดจอมยุทธ์ซัก พลางวางแก้วน้ำเย็นลงตรงหน้า

"ก็คงจะเป็นอย่างนั้นนะ" หมอผาเปรยตอบ ดื่มน้ำไปสองสามอึก แล้วขยายความอีกนิด "มันจะผ่านไปนานแค่ไหนก็ไม่รู้ล่ะ แต่เอาเป็นว่าในที่สุดที่ทางตรงนั้นก็ทอดขยายไปเรื่อยกระทั่งบรรจบกับคามดารกะในยุคของแม่นางกณิการ์"

"แม่นางกณิการ์" หนุ่มหล่อทวนเสียงทุ้มปนทะเล้น "คนนี้ละสินางเอกของเรื่องใช่ไหม"

หมอผาหัวเราะฉุนๆ จะมานางเอกอะไรกัน มันเป็นเรื่องเศร้าของยุคที่โดนคนเลวแทรกตัวเข้ามาปะปน ทำให้ยุคที่เคยถูกแซ่ซ้องยำเกรงกลายเป็นยุคเสื่อม โทรม ทรุด กระทั่งล่มสลายไปพร้อมกับบางอย่างที่ยัง 'ค้างข้อง'

"แต่ถึงยังไง ผมก็อดชื่นชมแม่นางอชินีไม่ได้นะ" โชติชลสารภาพความรู้สึก "ผมว่าเธอคงเจ็บปวดมากตั้งแต่รู้ว่าตัวเองต้องตายในอีกสามเดือนข้างหน้า แต่เธอเก่งมาก ไม่ปริปากบอก ไม่แสดงออกให้รู้ ไม่มีใครระแคะระคายเลย"

"ฮื่อ"

"แล้วผมก็คิดว่าที่เธอพลาดท่าเสือสมิงจนต้องพลอยตายไปด้วย ไม่ใช่เพราะว่าเธอเก่งน้อยกว่า แต่มันเกิดจากความห่วงหาครอบครัว เธอพะวงถึงสามีถึงลูกที่ยังเล็ก สมาธิเลยรวน ทำให้เสือสมิงฉวยโอกาส ไม่แน่จริงเลย" ตอนท้ายก็ด่านิดหน่อย

"เอ้า แล้วฟังตั้งนาน ยังไม่รู้อีกหรือว่าสมิงพรายไพรเป็นเดรัจฉาน มันไม่รู้จักคำว่าแน่จริงแน่เทียมหรอก เวลาที่มันต่อสู้กับศัตรู เป้าหมายเดียวของมันก็คือทำยังไงก็ได้ให้ชนะแล้วเหยื่อตาย"

"นั่นสิครับ แล้วตอนที่แม่นางอชินีร่วงลงไปตาย ผมก็คิดว่าผมเข้าใจความรู้สึกเธอนะ มันต้องเป็นความเจ็บปวดที่บีบหัวใจยิ่งกว่าความตายมากเลย"

ใช่ ไม่ต้องเดาให้เสียเวลาหรอก สัญชาตญาณของมารดานั่นล่ะ ที่ยืนยันได้แน่นอนว่าในขณะที่ร่างของแม่นางอชินีดำดิ่งลงสู่หุบเหวดับสูญ ในวูบสุดท้ายของมารดา ก็คงไม่มีเรื่องใดให้ข้องค้างอาลัยอาวรณ์ได้มากไปกว่า 'ลูกน้อย'

แก้ไขเมื่อ 16 ก.ค. 55 11:58:38

จากคุณ : รัชนีกานต์
เขียนเมื่อ : 16 ก.ค. 55 11:56:52




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com