ตอนก่อนหน้า (บทที่ 6 : เงา)
...
...
...
นักนินยังคงอยู่ในห้องพักผู้ป่วย ก่อนหน้านั้นแพทย์มาตรวจดูอาการและสั่งยาสองสามรายการ จากนั้นพยาบาลที่ดูแลในตอนเช้าเข้ามาถอดสายน้ำเกลือและแจ้งรายการชำระเงิน แล้วพาเกนโซลงไปชำระที่เคาน์เตอร์ด้านล่าง ห้องพักสีขาวตกอยู่ในความเงียบสักพัก เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น
ก๊อก.. ก๊อก.. ก๊อก..
เนื่องจากคนอื่น ๆ เพิ่งออกไป ประตูจึงไม่ได้ล็อค ผู้เคาะเคาะเสร็จก็ผลักประตูเข้ามาได้โดยง่ายดาย นักนินใจเต้นตึกตักด้วยไม่รู้ว่าใครหรืออะไรที่อยู่หลังประตูบานนั้น หญิงสาวจึงค่อย ๆ ชะโงกหน้ามอง และแล้วก็โล่งอกเมื่อเห็นพยาบาลในชุดขาวโผล่หน้าเข้ามาโดยกล่าวขออนุญาตเป็นภาษาญี่ปุ่นเสียงสดใส
"失礼します。"
(ขอเข้าไปหน่อยนะคะ)
คะ?
นักนินอุทานได้คำเดียวก็ยกมือขึ้นปิดปากเมื่อนึกขึ้นได้ ว่าเวชระเบียนลงชื่อของตนไว้ว่าเป็นคนญี่ปุ่น ดังนั้นหากพยาบาลพูดภาษาญี่ปุ่นได้จะเข้ามาทักทายด้วยภาษาญี่ปุ่นก็ไม่ใช่เรื่องแปลก แต่จะให้ตอบเป็นภาษาญี่ปุ่นอย่างไรได้ ในเมื่อเธอเองก็รู้อยู่ไม่กี่คำเท่านั้น
ไฮ่...
นักนินพยักหน้าและตอบรับสั้น ๆ พยาบาลคนดังกล่าวยิ้มกว้างขึ้นและเดินเข้ามาพร้อมกับถุงยาและชุดที่เกนโซฝากไว้ให้ เธอพยายามจะพูดเป็นภาษาญี่ปุ่นอีกหลายประโยค นักนินได้แต่พยักหน้าและตอบรับด้วยพยางค์เดิมก่อนจะกระซิบบอกเบา ๆ
พูดภาษาไทยก็ได้ค่ะ
อา... พูดไทยได้ด้วยหรือคะ
พยาบาลคนดังกล่าวร้องอย่างเสียความมั่นใจไปอีกครั้งหนึ่ง พลางนึกในใจว่า ทำไมเจอแต่คนญี่ปุ่นพูดไทยได้ทั้งนั้นเลยนะ นี่เธออุตส่าห์ไปเรียนภาษาต่างประเทศมาตั้งหลายภาษา แต่ละภาษาก็เป็นที่นิยมกันทั่วโลก ไม่นึกว่าประเทศญี่ปุ่นกลับมีวิวัฒนาการที่สวนทาง ถึงขนาดให้ประชากรฝึกฝนจนพูดภาษาไทยได้เป็นรายคน นักนินเห็นพยาบาลสาวทำท่าเก้ๆ กังๆ ค่อยโล่งใจ และรีบขยายผลด้วยการพูดภาษาไทยตะกุกตะกักปนสำเนียงญี่ปุ่น ที่เธอเองก็ฟังได้คุ้นหูอย่างน่าประหลาด
ได้นิดๆ หน่อยๆ ค่ะ แต่ก็อยากฝึกภาษาไทยบ้าง
โอ... ก็ได้ค่ะ
เข้าใจล่ะ...
พยาบาลสาวนึกในใจ ที่เคยได้ยินว่าคนญี่ปุ่นจะไม่ยอมพูดภาษาอื่นเลยนั้นคงไม่จริงสินะ ดูอย่างคุณผู้หญิงคนนี้สิ หลงเสน่ห์ภาษาไทยจนได้ ถึงเลิกพูดภาษาญี่ปุ่นไปโดยปริยาย คิดได้ดังนั้น พยาบาลคนเก่งจึงหันมาพูดภาษาไทยช้าๆ ชัดๆ กับคนป่วยที่นั่งรอฟังอยู่
นี่ยา... นี่เสื้อผ้า... ค่ะ คุณผู้ชายเขาฝากมาให้คุณเปลี่ยน
ฟังพยาบาลสาวพูดช้าๆ นักนินทำทีเป็นพยักหน้าให้ความสนใจและพลอยอมยิ้ม พยาบาลคนนี้คงเพิ่งมารับเวรใหม่และไม่รู้ว่าเมื่อคืนเกิดอะไรขึ้น เพราะช่วงชุลมุนไม่มีใครพูดภาษาญี่ปุ่นกับเธอเลย บทสนทนาตลอดภาคเช้าเป็นภาษาไทยโดยไม่มีใครผิดสังเกต แต่เอาเถอะ เดี๋ยวเธอก็ออกจากโรงพยาบาลแล้ว คงไม่มีใครสงสัยอะไรหรือถึงกับต้องมานั่งจับพิรุธ ในทางกลับกัน พยาบาลคนนี้ก็ท่าทางใจดีและมีท่าทีที่เป็นมิตร คอยชวนคุยและยิ้มแย้มอยู่ตลอดเวลา สมกับที่โรงพยาบาลคัดสรรมาเพื่อสร้างความประทับใจก่อนผู้ป่วยกลับบ้าน
ทางฝ่ายหญิงสาวเองเมื่อนอนเต็มอิ่มและได้รับน้ำเกลือครบ 2,000 ซีซี ทำให้รู้สึกสดชื่นขึ้นกว่าคืนที่ผ่านมา ประกอบกับอาหารของโรงพยาบาลที่แม้จะแสนจืดชืด แต่ก็พออิ่มท้องและมีเรี่ยวแรงกลับคืนมา ระหว่างอธิบายการใช้ยา พยาบาลสาวบังเกิดความรู้สึกถูกชะตากับผู้ป่วยรายนี้อย่างน่าประหลาด เมื่อได้นั่งมองใกล้ๆ ดวงตาหวานปนเศร้านั้นชวนให้สงสาร ให้ค้นหา และน่าเห็นใจตั้งแต่แรกเห็น ฝ่ายหญิงสาวที่ถูกจ้องมองกลับดูสงบปากสงบคำและนั่งนิ่งคล้ายจะถือตัวก็ไม่ใช่ หรือหวาดกลัวโดยใช่เหตุก็ไม่เชิง
รายการยาก็มีเท่านี้ค่ะ มีอะไรสอบถามเพิ่มเติมไหมคะ
ไม่มีค่ะ แต่เอ่อ...
นักนินก้มมองชุดผู้ป่วยที่ตนเองสวมอยู่
มาค่ะ เดี๋ยวดิฉันช่วยเปลี่ยนชุดให้
ชุดที่เกนโซเตรียมไว้ให้เป็นเดรสสีขาวกระโปรงคลุมเข่าสีครีมขนาดพอดีตัว พร้อมอุปกรณ์แต่งหน้าเบาๆอีกหนึ่งชุด พอแต่งองค์ทรงเครื่องเสร็จแล้วพากันไปยืนหน้ากระจก นักนินแทบจะลืมรูปร่างหน้าตาตัวเองที่ปรกติใส่แต่เสื้อเชิ้ตกับกางเกงยีนส์ไปเสียสนิท ไหนจะแป้งเนื้อละเอียดที่เพียงทาบางๆ ก็ปกปิดร่องรอยที่ซีดเซียวและดูนวลเนียนขึ้นมาทันตาเห็น ลิปสติกสีชมพูอมส้มรับกับริมฝีปากได้รูป ดินสอเขียนตาที่แต่งแต้มแล้วดวงตาคมและดูกลมโตขึ้น เมื่อมองตลอดร่างเพรียวระหงนั้นยิ่งสวยจับตาจนคนใส่ชุดพยาบาลที่อยู่ข้างๆ นึกอิจฉา แต่ก็เอ่ยปากชมออกมาในที่สุด
สวยมากค่ะ คุณนัตสึกิ ดูไม่เหมือนผู้หญิงอายุสามสิบเลย เอ่อ ดิฉันหมายถึง ผู้หญิงญี่ปุ่นนี่ ดูอ่อนกว่าวัยจริงๆนะคะ
คำชมของพยาบาลสาวไม่ใช่คำกล่าวที่เกินจริง แต่เรื่องจริงคือนักนินเพิ่งอายุเพียง 23 ปี ไม่ใช่ 30 ปีตามอายุในบัตรประชาชนของนัตสึกิ พอได้ยินพยาบาลออกปากชมจึงได้แต่ยิ้มและก้มหน้า
ขอบคุณค่ะ
"失礼します。"
(ขอเข้าไปหน่อยนะครับ)
เกนโซชำระเงินเสร็จเรียบร้อยและกลับขึ้นมารับภรรยาที่ห้องพัก เขาขออนุญาตเข้าห้องอย่างสุภาพ และเมื่อก้าวเท้าเข้ามาเห็นนักนินยืนรออยู่กับนางพยาบาล ก็ให้ถึงกับนิ่งมองอย่างตกตะลึง ผู้หญิงที่ยืนอยู่ตรงหน้า ต่างกับหญิงสาวที่นอนแบ่บอยู่บนเตียงเมื่อรุ่งสางราวกับคนละคน ชายหนุ่มเผลออุทานอย่างลืมตัว
"すてきな
(สวยเหลือเกิน...)
พยาบาลสาวที่ฟังออกและรู้ว่าสามีปลื้มภรรยาขนาดไหนก็พลอยยิ้มเบิกบาน ส่วนนักนินซึ่งไม่รู้ว่าเกนโซพูดอะไรก็ได้แต่ก้มหน้านิ่ง ชายหนุ่มเดินเข้ามาใกล้คล้ายจะยื่นมือมากอด แต่แล้วก็เลื่อนไปหยิบถือถุงยาไปถือไว้ ก่อนจะหันไปโค้งให้พยาบาลสาว
ขอบคุณนะครับที่ดูแลภรรยาผมอย่างดี
เกนโซพูดภาษาไทยคล่องปร๋อ ทำเอาพยาบาลสาวที่ตั้งท่าจะสนทนาเป็นภาษาญี่ปุ่นด้วยต้องอ้าปากค้างอีกครั้งหนึ่ง ก่อนจะแก้เขินด้วยการพนมมือไหว้
ขอบคุณเช่นกันค่ะ รักษาสุขภาพด้วยนะคะ
นักนินและเกนโซยกมือขึ้นรับไหว้และขอตัวกลับ ระหว่างที่กำลังจะออกจากโรงพยาบาล เสียงโอเปอร์เรเตอร์ทำการประกาศออกลำโพงทั่วทุกจุดดังขึ้นมาแทรก
มีโค้ด 40 ที่แผนกฉุกเฉินค่ะ
มีโค้ด 40 ที่แผนกฉุกเฉินค่ะ
มีโค้ด 40 ที่แผนกฉุกเฉินค่ะ
หลังจากนั้น เป็นที่สังเกตได้ว่า เจ้าหน้าที่ภายในโรงพยาบาลเริ่มเคลื่อนไหวผิดปรกติ บุคลากรในชุดขาวหลายคนเดินตรงไปที่แผนกฉุกเฉิน หากผู้ป่วยที่นั่งรอตรวจเดินเข้าไปสอบถาม ก็จะได้รับการแจ้งจากเจ้าหน้าที่ประชาสัมพันธ์ว่ามีอุบัติเหตุที่มีการนำส่งผู้ป่วยจำนวนมากมายังโรงพยาบาล การสัญจรอาจติดขัดบ้าง และยังมีเจ้าหน้าทีอีกจำนวนหนึ่งไปยืนรอท่าตรงทางออก เพื่อคอยแนะนำเส้นทางที่สะดวกสำหรับคนที่ต้องการออก และคอยกันคนที่ทะลักเข้ามามุงดูตรงทางเข้า
ในความชุลมุนวุ่นวายนั้น ภาคิมกับนักนินคลาดกันอีกครั้งเพียงเสี้ยววินาที ด้วยชายหนุ่มเลือดร้อนต้องการออกไปจากโรงพยาบาลโดยไว เขาสตาร์ทรถและขับออกไปก่อนที่เกนโซและนักนินจะไปถึงลานจอดรถ
เมื่อนักนินนั่งรถออกมาโดยมีเกนโซเป็นผู้ขับรถให้ ฝั่งซ้ายมือที่มีรถจอดอยู่ตรงหน้าห้องฉุกเฉินในโรงพยาบาล หญิงสาวหันกลับไปมองดูเหตุการณ์ สายตาก็ไปสะดุดเข้ากับสติกเกอร์แปะที่ข้างรถและท้ายรถกระบะใส่หลังคา เป็นชื่อมูลนิธิบรรเทาสาธารณภัยแห่งหนึ่งซึ่งนักนินจำได้ไม่มีวันลืม และชายวัยกลางคน ผิวคล้ำรูปร่างสันทัดในชุดอาสาสมัครคนหนึ่งกำลังขนผู้บาดเจ็บลงมาจากรถ เขาหันหน้ามาสบตากับเธอพอดี
นักนินเหลียวมองชายผู้นั้นจนสุดทาง ก่อนที่เกนโซจะเลี้ยวรถออกจากโรงพยาบาลไปในที่สุด
* ..,..,.. * * ..,..,.. * * ..,..,.. ** ..,..,.. *
นพพรรู้สึกว่ามีสายตาจ้องมองอยู่จึงหันหลังกลับไปดู สายตาคู่นั้นมองผ่านกระจกหน้าต่างรถติดฟิล์มกันแสงจึงทำให้เขามองเห็นหน้าคนในรถไม่ถนัดนักแต่ก็รู้สึกว่าคุ้นตายิ่ง ประสบการณ์ที่ผ่านการช่วยเหลือคนมายาวนานทำให้เขาสัมผัสได้ว่าแววตาและท่าทางที่ส่งมานั้น เป็นสัญญาณที่กำลังต้องการความช่วยเหลือ แต่ก็เพียงวูบเดียวเท่านั้น รถคันนั้นก็เคลื่อนผ่านไปอย่างไม่มีอะไรเกิดขึ้น เขาจึงหันกลับไปช่วยไอ้หงุนปลดเข็มขัดนิรภัยที่รัดตัวผู้ป่วยออกจากเปลสนามและช่วยกันยกผู้ป่วยขึ้นเตียงพยาบาล เมื่อผู้ป่วยคนสุดท้ายถูกลำเลียงเข้าห้องฉุกเฉินเรียบร้อย สองหนุ่มต่างวัยจึงปลีกตัวไปนั่งพักที่ท้ายรถ
เหลือเชื่อนะเฮีย แมร่... เป็นไปได้ไง รถทัวร์เทกระจาดตอนกลางวันแสกๆ
ไอ้หงุนยกหลังมือขึ้นซับเหงือ ยังไม่ทันเอามือลง นพพรก็ยื่นผ้าเย็นให้
ขอบคุณครับเฮีย รู้ใจหงุนจริงๆ
ไอ้หงุนรับผ้าเย็นมาซับ ยังไม่ทันวางผ้าเย็น ธนบัตรแบงค์ละร้อยก็ถูกนำมายื่นให้
ซับเหงื่อแล้วก็เอานี่ไป จะกินอะไรก็สั่งใส่กล่องมา อย่าลืมซื้อกาแฟให้เฮียกระป๋องนึงด้วย
ไอ้หงุนรีบต๊ะเบ๊ะในทันใด มันเข้าใจในทันทีว่าเฮียนพของมันก็เริ่มอ่อนแรงแต่ไม่ยอมออกปากใช้ ทำเป็นยื่นผ้ายื่นเงินให้ ที่จริงหากนพพรใช้ให้หงุนไปซื้อข้าวซื้อกาแฟให้ตรงๆ มันก็พร้อมจะทำทันที
เฮียรออยู่นี่แป๊บนะ เดี๋ยวหงุนมา
เจ้าตัวรับเงินแล้วมุ่งหน้าไปยังร้านขายข้าวราดแกงที่ใกล้ที่สุด ส่วนนพพรเอนหลังพิงท้ายรถแล้วหลับตาพักเพื่อขับไล่ความเหนื่อยล้า เรี่ยวแรงของเขาเริ่มลดลงไปตามอายุขัยที่เพิ่มขึ้น นี่ก็ไม่รู้ว่าจะทำงานแบบนี้ไปได้อีกนานเท่าใด
คุณหมอ... คุณหมอหรือเปล่าคะ
เสียงเรียกดังแว่วอยู่ข้างหู นพพรลืมตาแล้วหันไปมอง จึงพบว่าเป็นเสียงเรียกของหญิงสูงวัยคนหนึ่ง นางใส่เสื้อคอกระเช้านุ่งผ้าถุงสีน้ำตาลแดงเดินถือตะกร้าใส่ของฝาก เข้ามาทักด้วยสีหน้าและแววตาเปี่ยมศรัทธาเต็มที่
เอ่อ...
นพพรหันซ้ายหันขวา ไม่ได้มีใครที่สวมเสื้อกาวน์อยู่บริเวณนั้น เขายิ้มและส่ายหน้า แต่คุณป้าก็ยังเดินตรงรี่มาที่เขา
โอ๊ย ป้าดีใจจังเลย ตอนอยู่ที่เก่าไปโรงพยาบาลกี่ครั้งก็ไม่เคยเจอคุณหมอ ไม่นึกไม่ฝันว่าจะได้มาเจอกันที่นี่ แล้วทำไมคุณหมอแต่งตัวชุดนี้ล่ะจ๊ะ
หญิงสูงวัยซักไซ้อย่างกระตือรือร้น นพพรส่ายหน้าร้องบอกก่อนขยับตัวถอยหนี
ไม่ใช่ครับ ผมว่า ป้าจำคนผิดแล้วล่ะครับ
ไม่ผิดหรอก ป้าน่ะแก่แล้วแต่ยังความจำดีนา ถึงจะสิบปีมาแล้วก็เถอะ ป้าจำคุณหมอนพพรได้ คุณหมอน่ะสิ จำป้าไม่ได้ ที่ยืนร้องไห้อยู่หน้าห้องผ่าตัด ฉันเห็นหมอเดินเข้าไปแล้วกลับออกมา ท้ายที่สุด หมอก็ช่วยชีวิตลูกชายฉันเอาไว้ได้
ภาพในความทรงจำเมื่อประมาณ 10 ปีก่อนเริ่มฉายซ้อน หญิงสูงวัยตรงหน้ามีริ้วรอยน้อยกว่าปัจจุบัน แต่เวลานั้นใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยคราบน้ำตา สองมือและเสื้อผ้าก็เต็มไปด้วยคราบเลือด
คุณหมอขา ช่วยชีวิตลูกชายฉันด้วยนะคะ
ลูกชายของเธอถูกนำเข้าห้องผ่าตัดโดยเร่งด่วน และเขาถูกตามให้ไปช่วยผ่าตัดเอาเหล็กที่ฝังอยู่ตรงชายโครงออก ทีมงานในชุดสีเขียวเข้มเดินวนอยู่รอบห้อง นายแพทย์หนุ่มเปลี่ยนชุดและเดินเข้าห้องผ่าตัดอย่างฉับไว ทันทีที่เขาก้าวเข้าไป ทุกคนหลีกทางให้ แสงไฟสว่างจ้า มีดผ่าตัด ชิ้นเนื้อ และกลิ่นคาวเลือดที่คุ้นชิน การผ่าตัดใช้เวลานานร่วม 4 ชั่วโมงแต่ก็สามารถรักษาชีวิตผู้ป่วยเอาไว้ได้ ทุกอย่างเป็นไปราวกับปาฏิหาริย์ เหตุการณ์นั้นคงทำให้ผู้เป็นแม่จดจำไว้ไม่รู้ลืม นพพรนึกขึ้นได้แต่ยังคงส่ายหน้า
คงแค่คนหน้าคล้ายน่ะครับ และหมอที่ไหนจะมาใส่ชุดอาสาสมัคร ป้าช่วยหลีกทางด้วยนะครับ ผมจะเอารถออก
อาสาสมัครวัยกลางคนหันหลังให้ แล้วเดินไปดึงกระโปรงรถกระบะขึ้นมาปิดปัง ตามด้วยปิดประตูหลังคารถด้านหลัง สตรีสูงวัยคนดังกล่าวเริ่มถอยกลับไปด้วยท่าทางงุนงงและผิดหวัง ฝ่ายไอ้หงุนไม่รู้อิโหน่อิเหน่หิ้วกล่องข้าวส่งเสียงร่าเริงมาแต่ไกล
มาแล้วเฮีย ผัดกะเพราหมูไข่ดาวของโปรดเฮีย พร้อมกาแฟหนึ่งกระป๋อง รวดเร็วทันใจสมชื่อไอ้หงุน
ขึ้นรถเลยหงุน ไปหาที่จอดกินข้างหน้า
นพพรเลี่ยงไปขึ้นรถโดยไม่บอกลา ไอ้หงุนหันซ้ายหันขวาแล้วกระโดดขึ้นรถตามประสาคนคิดน้อย มันนึกในใจว่าไปหาที่จอดกินข้างหน้าก็ดีเหมือนกัน กินข้าวหน้าโรงพยาบาลมันให้อารมณ์สุนทรีเสียที่ไหน
คิดเพียงเท่านั้น ไอ้หงุนจึงไม่ผิดสังเกตแต่ประการใด เมื่อเห็นเฮียนพของมันขับรถไปด้วยอาการเงียบขรึมและปิดปากสนิทไม่เอ่ยอะไรสักคำ มันเดาว่าเฮียแกคงหิว ขืนไปทักหรือซักถามอะไรมาก เฮียจะโมโหหิวเสียเปล่าๆ
* ..,..,.. * * ..,..,.. * * ..,..,.. ** ..,..,.. *