Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
๐๐ ... สวนสัตว์สนาน ... ๐๐..(บทที่ 2) ติดต่อทีมงาน

"สวนสัตว์สนาน" (บทที่2)



บทที่ 2




“น้องหญิงเจิดจรัส” คุณป้าคนหนึ่งบ้านอยู่ในซอยเดินออกกำลังกายผ่านมา

“ว่าอะไรคะ?” พี่สาวผมหันไปถามพลางมองรอบๆ เพราะสายตาคุณป้าคนนั้นพุ่งมาที่หน้าบ้านของเรา

“น้องหญิงเจิดจรัสเป็นแมวตาบอดของร้านรักษาสัตว์ริมถนนใหญ่” คุณป้านั่งลงอีกคน “ใช่จริงๆ ด้วย..มาถึงนี่ได้อย่างไร”

“ร้านไหนคะหนูไม่เคยเห็น” ธรรมดาพี่สาวผมเป็นผู้เชี่ยวชาญเรื่องพาแมวไปหาหมอ

“ร้านเก่าๆ อยู่เยื้องไปทางหน้าวัด..หมอผู้หญิงที่รักษาแกอายุมากแล้ว ป้าพาแมวที่บ้านไปหาบ่อย ค่ารักษาไม่แพง”

“คุณพี่มีเบอร์ไหมคะ หนูจะโทรฯ ไปถาม..ถ้าใช่จะได้พาไปส่ง”

“มี..แต่อยู่ที่บ้าน ไม่ได้ติดมาด้วย”



เป็นผมละสิ ที่เดินตามคุณป้าต้อยๆ ไปบ้านของแกเพื่อเบอร์โทรฯ ของวังน้องหญิงเจิดจรัส

“ไม่ไกลหรอก ซอยซ้ายมือข้างหน้านั่นไง” เดินมาสักพัก

“ครับ..ไม่ไกล” ที่ไหนได้..ข้างในซอยนั้นเป็นพื้นที่ๆ กันไว้เป็นส่วนกลางของหมู่บ้าน..มีบ้านหลังโตสวยงามอยู่โดยรอบ..หลังไหนหว่า..คุณป้ายังเดินได้นิ ทำไมผมจะเดินไม่ได้..ห่วงแต่งานละ ผมคงไม่ได้ไปทำงานแน่วันนี้

“เคยเดินเข้ามาไหม?” แก้มคุณป้าเริ่มแดง

“เคยแต่ขี่รถจักรยานพาหลานมาเล่นในสวนสาธารณะครับ”

“รั้วข้างหน้า” คุณป้าชี้มือไปที่แนวรั้วไม้สลับเหล็กเคลือบสีเขียวหัวเป็ด..สวยแปลกตากว่ารั้วอัลลอยหรือรั้วสแตนเลสอย่างหลังอื่นๆ

“ผลัว!..” ประตูเล็กเปิดออก..เด็กชายคนหนึ่งในชุดนักเรียนโผล่ออกมา

“ยังไม่ไปโรงเรียนอีกหรือนายบัส..ไปเข้าบ้านกัน” ประโยคหลังพูดกับผม

“สวัสดีครับ..” นายบัสไหว้คุณป้า..ก่อนไปโรงเรียน (มั้ง) และดูเหมือนเลยมาทางผมพร้อมอมยิ้ม

“ครับ..” รับคำเบาๆ..ไม่แน่ใจว่าเขาไหว้ผมหรือเปล่า

“น้านายโจ..” เบาพอๆ กับผม..ผ่านหน้าไป



“อ้าว!..” ผมแทบจะวิ่งจนถึงบ้าน

“อ้าวอะไรน้ามิว..อิอิ” นายโจสะพายกระเป๋านักเรียนยืนคู่อยู่กับนายบัส

“ทำอะไรน่ะ?” ผมไม่รู้จะถามอะไร..มั่นใจว่าวันนี้โจไม่ไปโรงเรียนแน่ แต่ไหงทำท่าเหมือนกำลังจะไป

“หมดเรื่องเจ้าดำแล้ว บัสเขาเห็นผมจึงชวนไปโรงเรียนด้วยกัน..น้ามิวไม่ต้องไปส่งหรอก ผมโตแล้ว บัสก็ตัวโตกว่าผมอีก” หันไปพยักพเยิดกับนายบัส

“ก็ดี..” หมดปัญหาไปหนึ่ง “แต่แคร์คงไม่ไป..น้ามิวไปส่งไม่ทัน ปล่อยไปกับเราไม่ได้หรอกน้องยังเล็กอยู่”

“ทำไม..” โจตั้งท่าถามต่อ

“ไปเหอะเดี๋ยวสายมาก..” บัสดึงมือโจออกเดิน “น้านายแก้มแดง” นินทาผมอีกต่างหาก



พี่สาวโทรฯ ไปที่ร้านคุณหมอเลิศวิไลศรีทันที..ไม่มีใครรับสาย

“ตกลงยังไงกันนี่..” หน้าเหมือนหงุดหงิด เดินเข้าไปในห้องเก็บของ “วันนี้ฉันคงยุ่งอยู่กับน้องหญิงดำจนไม่ต้องช่วยแม่ทำอะไรละ..ไหนจะดูแลแคร์อีก..” ออกมาจากห้องพร้อมกรงแมว..ส่งสายตามาที่ผม..ละซี

“เห่อ..” เบาๆ

“แกเลยมิวตัวต้นเรื่อง..สายป่านนี้แล้วไม่ต้องไปทำงานหรอก หยุดสักวัน”

“ฮื่อ..” ไม่ใช่เพราะคำสั่ง แต่ผมตั้งใจหยุดอยู่แล้ว..ที่ทำงานเฮียบมาก ขาดเป็นขาด แต่ห้ามสาย

พี่สาวโทรฯ ไปที่ “วิไลสัตว์แพทย์” อีกหลายครั้งแต่ไม่มีคนรับอย่างเคย..ความจริงคุณหมอคงชื่อวิไลเฉยๆ แต่ผมอุตริเติมสร้อยให้ซะงั้น..ก็ดูชื่อดำสิเพริดแพร้วขนาดนั้น..อยากรู้จังว่าตัวอื่นๆ ชื่ออะไรกันบ้าง


พี่ผมก็ยุ่งจริงอย่างที่บอก แต่เขายุ่งอยู่แล้วทุกวันกับหมาๆ แมวๆ (อย่างอื่นไม่เอาไหน) เริ่มจากกันไม่ให้เจ้ากวักทองรังแกผู้มาใหม่ กระถินก็ด้วย..พี่ต้องแบกกวักทอง (แบกจริงๆ ตัวใหญ่ หนักมาก) ไปขังไว้ที่ห้องนอนขั้นสาม กระถินขังห้องแม่ชั้นสอง หมวยกับใบโพธิ์ปล่อยให้เดินตามสบาย..หมวยใจดีไร้อารมณ์ขึ้งโกรธ ใบโพธิ์ยังเด็ก

“ดูสิ!..” พี่สาวโวยวายกับสินค้าในร้านที่ผมกำลังจัด ปัดฝุ่น..แคร์ช่วยด้านล่างๆ เท่าที่จะเอื้อมถึง “ดูไอ้ทองมันทำกับฉัน”

“โห!..” แม่มองแขนที่เต็มไปด้วยเลือดและรอยกัด “มันร้ายมากนะเจ้านี่ เลี้ยงไม่เชื่องสักที ขนาดแกเป็นคนป้อนข้าวป้อนน้ำมาตั้งแต่เล็ก”

“หนูก็ไม่รู้จะจัดการอย่างไรกับมันดี..สงสาร..เลี้ยงมาตั้งแต่ยังไม่อดนม..” เดินไปที่ตู้ยา “คงเสียใจที่หนูเอาใจใส่หญิงดำต่อหน้าต่อตามั้ง” แก้ตัวให้ลูกชายสุดที่รัก

นานมาแล้ว..แม่แมวตัวหนึ่งคาบลูกน้อยหนีฝูงสุนัขมาแถวบ้าน..พี่สาวได้ยินเสียงโฮ่งๆ สลับกับเสียงต่อสู้ของแม่แมว จะเข้าไปช่วยก็อันตรายได้แต่ปาก้อนหินใส่จนหมาหมู่กระเจิง..ไม่ทันช่วยชีวิตแม่แมว ช่วยได้แต่ลูกน้อยชะตาไม่ถึงฆาตที่กระเด็นเข้าพุ่มไม้ และคงขวัญเสียกลายเป็นแมวดุอย่างถาวร..พวกเราสันนิษฐานกัน

กวักทองเป็นแมวสีเหลืองลายเสือ ขนที่หลังคล้ายสุนัขหลังอาน..นอกจากปลาทู อาหารเม็ดแล้วเขาชอบกินขนมหวานมากโดยเฉพาะทองหยิบฝอยทอง (แย่งกับผมประจำ) กวักทองกัดแทบทุกคนในบ้านแม้แต่คนเลี้ยง..เมื่อกี้ไง..ใครเดินผ่านเวลาเขาอารมณ์ไม่ดีเป็นถูกกัด แล้วก็ชอบนั่งตรงทางเดิน..และข้างอ่างซิ้งค์ล้างชามรอเหยื่อ..กัดทีลึกจมเขี้ยว ลากเป็นทางอีกต่างหาก..ไม่รู้พี่สาวเลี้ยงไว้ทำไม (ใจดำอีกละผม)

ข้อดีคือการเอ็นเตอร์เทนที่ไม่คุ้มกับความร้ายกาจของเขา..เวลาใครเรียกหาโดยเฉพาะแม่ กวักทองจะค่อยๆ กลิ้งม้วนตัวเข้ามาทำหน้าแบ้วใส่..แต่คนเรียกต้องคอยหลบนะ..ไม่รู้ว่าตอนนั้นเขามีอารมณ์ไหนอยู่..เห้อ!



สมาชิกสัตว์เลี้ยงของที่บ้านไม่ใช่มีเฉพาะแมว สุนัขก็มี..ผมจะค่อยแนะนำทีละตัว..เคยไหม?..ละครหลังข่าวบางเรื่อง พอเริ่มตอนแรกก็ประดังตัวละครเข้ามามากมายจนดูสับสน ยิ่งบางทีส่งเสียงเจี้ยวจ้าวลั่นจอ เล่นเอาดูไม่รู้เรื่อง..แม่ผมละบ่น บางทีเปลี่ยนช่องหนีเลย

“คุณหมอวิไลบอกว่าน้องหญิงวิไลเจิดจรัสยังอยู่ดีที่บ้านของแก..” พี่สาวหน้าแดงก่ำเดินเข้ามา..หลังจากโทรฯ แล้วโทรฯ อีกไม่มีคนรับสายจึงตรงไปที่ร้าน “โทรศัพท์เสียก็ไม่ยักแก้ไข

“ตกลงหญิงอะไรนั่นชื่อยาวกว่าเดิมอีกหรือพี่?” สงสัยจริง ไม่ได้แกล้งยั่ว

“ชื่อน้องหญิงเจิดจรัสนะยาวไหมยาว..หา!”

“ก็เมื่อกี้พี่เรียกน้องหญิงวิไลเจิดจรัสนี่..” นายมิวหาเรื่องใส่ตัวซะละ

“ที่ไหน!..” หน้าขึงใส่ผม “คนยิ่งเหนื่อย ยิ่งอารมณ์ไม่ดีอยู่..แกอย่านะมิว!” ชี้หน้าผม..เดินเข้าครัว..เอ..ที่กวักทองอารมณ์ร้ายคงไม่ใช่เพราะสายพันธุ์หรือเหตุการณ์ระทึกใจในอดีตแล้วละมั้ง

ตกลงเลยต้องเลี้ยงเจ้าดำไว้..แรกๆ คิดว่าให้อยู่ในกรงไปก่อน จนกว่าจะคุ้นกับบรรดาซีเนียร์จึงค่อยปล่อยออกมาเดินชนโน่นนี่ หรือถึงขั้นตกบันไดเข้าสักวัน

“น้ามิว..แคร์หิวข้าว..” จริงสิ มัวแต่วุ่นวายกับเจ้าดำลืมหลานเสียสนิท

“ยายเตรียมไว้ให้แล้ว มีผัดเลือดหมู แกงจืดวุ้นเส้น..” มองผม “มัวแต่เถียงกับพี่เค้าไม่เห็นเลยหรือว่าแม่เข้าครัวทำกับข้าว..เจียวไข่ร้อนๆ ให้หลานด้วยนะ”

“จืด..จืด..จืด..” บ่นในใจ

“ได้ยินนะ..” แม่ค้อน “ของมิวมีน้ำพริกกะปิ กินกับไข่เจียวแล้วกัน”

“รู้ใจผมจริงครับ” ผมเบื่อปลาทูมากๆ เห็นทุกวัน ทั้งวัน..ถ้าน้ำพริกกะปิผมจะกินกับไข่เจียวและเครื่องจิ้มที่เป็นผัก ชะอมชุบไข่ มะเขือยาวหั่นเฉียงชุบไข่ทอดชอบมากที่สุด

“ให้แคร์กินน้ำพริกด้วยนะ” กระตุกขากางเกงผม

“ได้ไง..” จูงหลานเข้าครัว

“น้ามิว..”

“ก็ได้ ก็ได้..นิดเดียวนะ”

“กล้วยไข่บวชชีในตู้เย็น เวฟให้ร้อนๆ ล่ะ” แม่ร้องสั่งเข้ามาในครัว


“พี่บัสเป็นแฟนกับพี่โจ..” กินข้าวอยู่ดีๆ แคร์พูดขึ้น

“อะไรนะ!..” ผมตกใจกึ่งประหลาดใจที่เด็กอายุหกขวบรู้เรื่องเหล่านี้ “ใครสอนให้พูด?” คำถามของผู้ใหญ่โง่

“งั้น..พี่บัสเป็นแฟนแคร์แล้วกัน”


ที่แท้เพราะกระแสพาไป..ยุคสมัยพาไป..ไม่มีอะไรสลักสำคัญ

.

 
 

จากคุณ : ดาเรน
เขียนเมื่อ : 17 ก.ค. 55 16:38:21




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com