Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
Mission Failed ตอนที่ 4 ผู้ทรยศ ติดต่อทีมงาน

ตอนที่ 1 ฟาเบียน ฮาร์เดนเบิร์ก
http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W12293747/W12293747.html#1

ตอนที่ 2  การเริ่มต้นของภารกิจลับ
http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W12334368/W12334368.html

ตอนที่ 3  ไม่ใช่ฉันที่กำลังฝัน
http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W12357497/W12357497.html


ความเดิมตอนที่แล้ว

แอนนามาเรีย หญิงสาวผู้มีความสามารถในการควบคุมความฝันที่เรียกว่า Lucid Dreaming ได้ตกลงเข้าร่วมงานกับ องค์กรลับอัลฟ่า ที่มีดอกเตอร์ร่างเล็กอัจฉริยะที่ชื่ออิริคเป็นหัวหน้า

หน้าที่ของหญิงสาวแอนนามาเรีย คือการใช้งานเครื่อง อิมเปร์-เชเรบรุม ที่ดอกเตอร์อิริคประดิษฐ์ขึ้น โดยเธอต้องสั่งการทำงานผ่านจากสมองของเธอที่อยู่ในภวังค์กึ่งความฝันกึ่งความจริง เข้าสู่สมองของชายหนุ่มฟาเบียนที่ไร้การสั่งการ หลังจากที่เขาประสบเหตุร้ายในระหว่างการปฏิบัติภารกิจให้กับอัลฟ่าและต้องเผชิญหน้ากับชายผู้สวมหน้ากากขาวที่ทิ้งปริศนาลึกลับไว้ในระบบการทำงานของร่างกายฟาเบียนที่แปลกเกินกว่าวิทยาศาสตร์จะพิสูจน์ได้

เมื่อภารกิจเริ่มต้น แอนนามาเรียในร่างของฟาเบียน ได้เรียนรู้จักเพื่อนร่วมงานที่ทำงานให้กับองค์กรอัลฟ่า

อารอน หนุ่มร่างกำยำ ผู้ช่วย และ บอดี้การ์ด ของดอกเตอร์อิริค
เรนาเต้ สาวสวยผู้ช่วยของดอกเตอร์อิริค ที่แอบหลงรักฟาเบียน
โดมินิค ผู้ช่วยคนสนิทของดอกเตอร์อิริค
ไบรอัน ผู้ปฏิบัติการหมายเลขหนึ่งขององค์กรอัลฟ่า ที่ขึ้นมาแทนที่พี่ชายของเขา (ฟาเบียน) ที่ปัจจุบันกลายเป็นเจ้าชายนิทรา

หลังจากที่แอนนามาเรียต้องเผชิญอยู่กับห้วงมิติที่เธอไม่เคยรู้จักมาก่อน (มิติกึ่งความฝัน กึ่งความจริง) ทำให้เธอเรียนรู้สิ่งใหม่ๆที่แม้แต่เธอเองก็ไม่เข้าใจ เธอค้นพบว่า ในขณะที่เธอในร่างของฟาเบียนนอนหลับและฝัน เธอกลับไม่สามารถควบคุมความฝันหรือร่างกายของฟาเบียนผ่านความสามารถ Lucid Dreaming ของเธอได้ เธอสงสัยว่า  ความฝันเหล่านั้นเป็นความฝันของฟาเบียน ซึ่งนั่นหมายความว่าเขาเริ่มที่จะรู้สึกตัวขึ้นมาอีกครั้ง

ในขณะเดียวกัน เธอตกหลุมรักเขา... ฟาเบียน ชายหนุ่มที่แสนอ่อนโยน... ที่เธอมองเห็นภาพต่างๆร่วมกันกับเขาในความฝัน

แต่ทว่า หากนั่นคือความฝันของฟาเบียน ฮาร์เดนเบิร์ก จริงๆ ?


★ *˛ ˚* ✰。˚ ˚ღ。* ˛˚  。✰˚* ˚ ★ღ ˚ 。✰ •* ˚ " ✰˚ *




ตอนที่ 4  ผู้ทรยศ


“คุณ... ไม่สามารถควบคุมสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในความฝัน” ชายร่างเล็กที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามกับฉัน กล่าวขึ้นด้วยเสียงแหบแห้ง กึ่งสรุปความ กึ่งตั้งคำถาม

“และ... คุณไม่สามารถควบคุมร่างกายของฟาเบียนได้ในความฝัน...” ดอกเตอร์กล่าวอีกครั้งพร้อมทอดสายตาอันแน่นิ่งมองมายังฉัน

ฉันพยักหน้าเบาๆเป็นการให้คำตอบ ก่อนที่จะกล่าวให้ข้อมูลเพิ่มเติม

“ดอกเตอร์อิริค...” ฉันกล่าวอย่างระมัดระวังด้วยน้ำเสียงทุ้มห้าวของฟาเบียน  
“นั่นไม่ใช่ความฝันของฉัน... นั่น... เป็นความฝันของเขา ของฟาเบียน ฮาร์เดนเบิร์ก ฉันจึงไม่สามารถควบคุมสถานการณ์ หรือแม้แต่ร่างกายของเขาได้ เหมือนกับว่า ฉันเป็นเพียงแค่... ผู้ชม  ที่มองเห็นสิ่งต่างๆผ่านสายตาของเขา...”

ดอกเตอร์แว่นหนายังคงนั่งนิ่ง ใบหน้าของเขาแสดงท่าทางครุ่นคิด...

“อะไรทำให้คุณคิดเช่นนั้น?”

ฉันเงียบอึ้งไปสักพักเมื่อได้ยินคำถามของดอกเตอร์... มันเป็นคำถามที่แม้ตัวฉันเองก็ไม่มั่นใจในคำตอบ

ฉันรู้ว่า ความฝันเป็นเรื่องละเอียดอ่อนซับซ้อน เกินกว่าที่มนุษย์เราจะเข้าใจได้ง่ายๆ แต่ว่า... ในเมื่อความฝันเป็นสิ่งที่ถูกสะท้อนออกมาจากจิตใต้สำนึกของมนุษย์แต่ละคน ฉันจึงสามารถแยกแยะได้ว่า ความฝันไหนมาจากจิตใต้สำนึกของฉัน และความฝันไหน ไม่มีทาง มาจากจิตใต้สำนึกของฉัน

“เหตุการณ์...” ฉันค่อยๆกล่าวขึ้นอย่างช้าๆ ใคร่ครวญ ด้วยน้ำเสียงทุ้มห้าวของฟาเบียน
“เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในความฝัน... ไม่มีจุดเชื่อมโยงกับฉัน... ฉันไม่เคยเห็นไบรอันในวัยแรกรุ่นมาก่อน ฉันไม่เคยรู้ว่า ไบรอัน ไม่ใช่น้องชายแท้ๆของฟาเบียน และฉันไม่เคยรู้ด้วยซ้ำว่า ฟาเบียนรู้สึกยังไงกับน้องชายของเขา...ทั้งหมดนี้ ยืนยันได้ว่า นี่ไม่ใช่ความฝันของฉัน...”

ดอกเตอร์อิริคยังคงนั่งนิ่ง ทำให้ฉันเริ่มรู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาเล็กน้อยกับปฏิกิริยาท่าทางอันเย็นชาของเขา เขาทิ้งให้ฉันรอคำตอบด้วยความกระวนกระวายอยู่พักใหญ่ จนในที่สุด เขากล่าวขึ้น

“ฟังนะ ฟาเบียน... เอ่อ... แอนนามาเรีย...”  

เขาทิ้งจังหวะเล็กน้อย แล้วกล่าวต่อ

“ผมเกรงว่า ทั้งหมดนั่นอาจเกิดขึ้นจากจิตใต้สำนึกของตัวคุณเอง การที่คุณสั่งงานผ่านเครื่องอิมเปร์-เชเรบรุมเข้าไปยังสมองที่ไร้การสั่งการของฟาเบียน อาจทำให้คุณเริ่มคิดว่าตัวเองเป็นฟาเบียนจริงๆ  ทำให้จิตใต้สำนึกลึกๆของคุณเก็บสิ่งเหล่านี้ไปสร้างเป็นความฝัน...”

ทันทีที่จบประโยค ฉันรู้สึกเหมือนเส้นประสาทที่ใบหูทั้งสองข้างชาขึ้นมาอย่างกระทันหัน นี่คือบทสรุปของดอกเตอร์อิริคอย่างนั้นหรือ?? เขาคิดว่าฉันเป็นคนสร้างทุกสิ่งทุกอย่างขึ้นมาด้วยตัวเองอย่างนั้นหรือ??

ฉันรู้สึกผิดหวังและเสียใจมากอย่างบอกไม่ถูก

ดอกเตอร์อิริคลุกขึ้นจากเก้าอี้เป็นคนแรก แล้วเดินออกจากห้องไปโดยไม่ได้กล่าวอะไรเพิ่มเติม  อีกครั้งที่ท่าทางของเขาช่างเย็นชาซะเหลือเกิน...

ฉันพยายามกลั้นน้ำตาไว้ไม่ให้ไหลออกมา...  

ฉันกลายเป็นหญิงสาว... ที่หลงรักชายหนุ่มที่ตนเองสร้างขึ้นมาในจินตนาการอย่างนั้นหรือ?  
ฟาเบียน ฮาร์เดนเบิร์ก ที่มีชีวิตชีวาและเต็มไปด้วยความอ่อนโยนอย่างที่ฉันเห็นในความฝัน...  ไม่มีอยู่จริงอย่างนั้นหรือ?

ฉันเอามือทั้งสองข้างของฟาเบียน เช็ดน้ำตาบนใบหน้าที่ร่วงไหลพรั่งพรูออกมาด้วยความเศร้าโศก  ก่อนที่จะพยายามบังคับมันให้หยุดไหล แล้วลุกเดินออกจากห้องสี่เหลี่ยมเล็กๆที่ในเพียงชั่วพริบตาถูกเติมเต็มไปด้วยบรรยากาศความหม่นหมอง เสียงประตูโลหะเลื่อนปิดและเข้าสู่ระบบล็อคตามเดิมที่ด้านหลัง

หลังจากที่ออกมานอกห้องได้สักพัก ฉันได้ยินเสียงเรียกของชายหนุ่มร่างกำยำดังมาจากอีกฟากหนึ่งของทางเดิน  

“เฮ้ ฟาเบียน”

อารอนเดินตรงเข้ามาหาฉันด้วยอารมณ์ที่ดีจนน่าสงสัย เขาเอากำปั้นหลวมๆชกเบาๆบนแผ่นหน้าอกที่เต็มแน่นไปด้วยกล้ามเนื้อของฟาเบียนด้วยความสนิทสนม แล้วกล่าวขึ้น

“ไบรอันเล่าให้ฟัง นายนี่เจ๋งชะมัด! แค่ภารกิจแรก ซัดพวกผู้ก่อการร้ายที่โรงนาซะเละไปตามๆกัน”

ฉันหัวเราะเบาๆที่ลำคอกับคำพูดเว่อร์เกินจริงของอารอน

“เอ้า... นี่!” เขากล่าวต่อ พร้อมหยิบอะไรบางอย่างออกมาจากกระเป๋าหนังเล็กๆสีดำที่ถืออยู่ในมือ  
“ของสำคัญอีกอย่างที่นายต้องพกติดตัว  ปืนกึ่งอัตโนมัติ กล็อก 19 ลำกล้อง 4 นิ้ว กระสุน 9 มม. แรงสบัดน้อย ยิงง่าย เหมาะสำหรับมือใหม่อย่างนาย... แล้วก็นี่ ที่เก็บเสียง...”

ฉันมองดูปืนขนาดเล็กสีดำและกระบอกเก็บเสียงที่อารอนยัดให้ในมือ แล้วเงยหน้าขึ้นมองเพื่อนร่างกำยำด้วยใบหน้างวยงงเป็นเชิงขอคำอธิบายเพิ่มเติม

อารอนทำหน้าเลิ่กลั่กก่อนที่จะกล่าวขึ้น

“เฮ้... อย่ามองฉันอย่างนั้นสิ! ฉันรู้ เจ้านี่ไม่ใช่สุดยอดมือพิฆาต แต่สำหรับมือใหม่อย่างนาย รับรอง ยิงโดนเป้าหมายแน่นอน ชัวร์!”

ไม่ทันที่ฉันจะได้อ้าปากพูดแก้ตัวกับอารอนที่เข้าใจผิด เขากล่าวต่อโดยไม่เปิดโอกาสให้กับคู่สนทนา... เขาช่างเป็นผู้ชายที่พูดมากจริงๆ

“เป็นคำสั่งจากดอกเตอร์น่ะ เขาอยากให้นายพกนาฬิกาบอกตำแหน่ง อุปกรณ์สื่อสารสำหรับติดที่หู และปืนพกพา ติดตัวไว้ตลอดเวลา เข้าใจ๊?”

ฉันพยักหน้ารับอย่างเหนื่อยหน่ายเป็นการให้คำตอบ ดูเหมือนว่า... องค์กรอัลฟ่าคาดถึงอันตรายบางอย่างที่อาจเกิดขึ้นกับฉัน

ทันใดนั้น ฉันรู้สึกปวดหัวจี๊ดขึ้นมาทันที ฉันรีบเอามือกำที่ขมับ และบีบนวดเพื่อบรรเทาคลายความเจ็บปวด

เสียงห้าวๆของเพื่อนร่างกำยำดังขึ้นอีกครั้ง

“เฮ้! เกิดอะไรขึ้นฟาเบียน นายโอเคมั๊ย?”

ฉันไม่ได้ตอบอะไรอารอน ยังคงพยายามกวดนิ้วไล่ทั่วบริเวณที่รู้สึกปวด สักพัก... เมื่อรู้สึกดีขึ้น  ฉันเงยหน้าขึ้นมองอารอนอย่างเป็นมิตรแล้วตอบคำถามของเขา

“รู้สึก...ปวดหัวขึ้นมานิดหน่อยน่ะ”

อารอนเงียบไปพักเล็กๆ ก่อนที่จะระเบิดหัวเราะก๊ากออกมา... ฉันสงสัยว่าหมอนี่จะคิดอะไรไร้สาระขึ้นมาได้อีก

“ฮ่า ฮ่า ก็ไม่อยากแนะนำอะไรหรอกนะ แต่จะบอกว่า ถ้านายตรงไปยังห้องพยาบาลที่เรนาเต้ทำงานอยู่ตอนนี้ล่ะก็ รับรอง นายจะได้รับการประคบประหงมเป็นอย่างดีแน่ๆ ฮ่า ฮ่า ฮ่า”

เพื่อนร่างกำยำเอามือใหญ่ๆของเขาผลักเบาๆที่แผ่นหน้าอกของฟาเบียนอีกครั้ง แล้วเดินจากไปด้วยเสียงหัวเราะที่ดูเหมือนดังก้องกังวาลไปถึงขั้วโลกเหนือ

ฉันยิ้มให้กับความไร้สาระของเขา... แล้วเดินมุ่งหน้าตรงไปยังลานจอดรถของอัลฟ่า ที่รถปอร์เช่สีดำคู่ใจจอดอยู่


*******************************************


ฉันขับรถออกจากอัลฟ่า มุ่งเข้าสู่ถนนที่ตัดยาวขนานเลียบไปกับแม่น้ำไรน์ ฉันนึกถึงใบหน้าของไบรอันที่ดูเหมือนเต็มไปด้วยความเจ็บปวดเมื่อถึงคราวที่เราต้องคุยกันเรื่องฟาเบียน ฉันรู้สึกผิดเล็กน้อยและเห็นใจไบรอันที่การเข้ามาร่วมงานกับอัลฟ่าของฉันทำให้เขาต้องมองดูร่างของพี่ชายที่จากไปย่างกระทันหันไร้คำร่ำลาเดินป้วนเปี้ยนอยู่รอบๆ สำหรับไบรอัน ฉันคงเป็นบุคคลที่เขาอยากอยู่ห่างมากที่สุด

ในขณะที่ฉันกำลังขับรถอยู่นั้น ฉันเริ่มรู้สึกถึงท่าทีพิรุธของชายสวมแว่นตาสีดำที่ขับรถเมเซเดสสีขาวตามฉันมาติดๆที่ด้านหลัง ฉันทดสอบข้อสงสัยของตนเองโดยการเลี้ยวขวาเข้าปั๊มน้ำมันข้างทางโดยกระทันหัน และรู้สึกโล่งใจเมื่อรถผู้ต้องสงสัยขับผ่านไปตามปกติ แต่ทว่า ความโล่งใจกลับอยู่กับฉันได้ไม่นาน เพียงครู่เล็กๆต่อมา ฉันสังเกตเห็นรถคันสีขาวนั้นเลี้ยวกลับมาอีกครั้ง และวิ่งตรงมาหาฉัน  ฉันรีบขับหนีทันที...

ฉันสังเกตเห็นไฟแดงที่อยู่ตรงหน้า ปกติแล้วฉันเป็นคนที่เคารพกฎจราจร แต่วันนี้ฉันมีความจำเป็นจริงๆ ฉันวิ่งขับผ่าไฟแดงตัดหน้ารถบรรทุกที่วิ่งมาจากด้านซ้ายอย่างหวุดหวิด เสียงแตรรถคันอื่นๆพร้อมคำสบถสาปแช่งต่างๆนาๆดังขึ้นทั่วบริเวณสี่แยกไฟแดง ฉันขับตรงขึ้นทางด่วน โดยหมายมั่นว่าด้วยประสิทธิภาพความเร็วของรถปอร์เช่ จะทำให้ฉันหลุดพ้นจากการติดตาม แต่ทว่า รถเมเซเดสสีขาวคันนั้นยังคงตามไล่ฉันมาติดๆ ฉันตัดสินใจ เสี่ยงทำสิ่งที่ไม่เคยทำมาก่อน ฉันเหยียบคันเร่งเต็มสปีด หลังจากที่พอทิ้งระยะห่างจากรถที่ตามมาได้เล็กน้อยแล้ว ฉันชลอความเร็วลงและรีบเหยียบเบรกทันที รถสีขาวที่ขับตามมารีบหักหลบรถของฉันที่เบรกกระทันหันผ่านไปได้อย่างหวุดหวิด มันเลี้ยวกลับ ฉันโน้มตัวออกจากหน้าต่างรถที่เปิดออกพร้อมเล็งปืนสั้นที่ได้จากอารอนเมื้อเช้านี้ไปยังล้อหน้าทั้งสองข้างของรถเมเซเดสสีขาวทันที ด้วยความแม่นยำของปืนกล็อค 19 ทำให้ฉันยิงโดนเป้าหมายอย่างที่ใจต้องการ ชายผู้สวมแว่นตาดำรีบลงจากรถพร้อมถือปืนในมือ ฉันรีบขึ้นรถและขับเต็มสปีดปาดเฉี่ยวชายแปลกหน้าไปอย่างหวุดหวิด ฉันได้ยินเสียงปืนของเขายิงตามหลังสองสามนัด แต่ฉันทิ้งห่างจากเขาเรียบร้อย เกินกว่าที่เขาจะสามารถทำอะไรได้  

ฉันถอนหายใจด้วยความโล่งอก... ฉันขับรถออกจากทางด่วน แล้วเลี้ยวเข้าไปยังโรงจอดรถใต้ดินของห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง... อย่างน้อย... ฉันก็ยังพอมีเวลาสงบสติอารมณ์ได้สักพัก

ฉันได้ยินเสียงสัญญาณเรียกเข้าจากอุปกรณ์สื่อสารของอัลฟ่าดังขึ้น ฉันกดปุ่มตอบรับ เสียงของเพื่อนร่างกำยำดังขึ้นทันที

“ฟาเบียน” เสียงของชายหนุ่มพูดขึ้นด้วยอาการกระวนกระวาย

“อารอน เกิดอะไรขึ้น? เมื่อสักครู่นี้ฉันเพิ่งหนีพ้นจากการตามล่าของใครสักคน” ฉันรีบถามเขาเพื่อหาสาเหตุของเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้นทันที

“ฟังให้ดีนะฟาเบียน ตอนนี้อัลฟ่าถูกโจมตีโดยกลุ่มผู้ก่อการร้ายไม่ทราบชื่อ เบื้องต้นดอกเตอร์สันนิษฐานว่า พวกมันต้องการบุกเข้ามาชิงตัวนาย... ที่แย่หน่อยก็คือ พวกผู้บุกรุกสามารถเจาะเข้าทำลายระบบความปลอดภัยหลักของอัลฟ่าได้แล้ว คาดว่าสิ่งต่อไปอาจเป็นฐานข้อมูลและระบบสื่อสาร ดูเหมือนว่า ใครสักคนในอัลฟ่าเป็นสายลับให้พวกมัน ตอนนี้ไบรอันและลูกทีมของเขากำลังพยายามควบคุมสถานการณ์อยู่... โดยฉันมีหน้าที่ปกป้องคุ้มกันดอกเตอร์อิริค... ฟังนะ ฟาเบียน หน้าที่ของนายคือการพยายามอยู่ห่างจากอัลฟ่าให้มากที่สุด นายต้องระวังตัวด้วย และที่สำคัญอีกอย่าง... เฮ้...  นายยังคงใส่นาฬิกาบอกตำแหน่งอยู่หรือเปล่า?“

“อืม... ใช่” ฉันกล่าวตอบอารอน พร้อมพยักหน้าด้วยความเคยชิน ทั้งๆที่รู้ว่าคู่สนทนาไม่สามารถมองเห็นได้ก็ตาม

“ถ้างั้น นายควรรีบถอดออกและโยนทิ้งข้างทางทันที เพราะนั่นอาจเป็นตัวช่วยให้พวกผู้บุกรุกใช้เป็นอุปกรณ์ตามหาตัวนายได้ง่ายขึ้น ทำตามที่ฉันบอก ฟาเบียน แล้วฉันจะติดต่อกลับไปอีกที”  กริก... เสียงสัญญาณของอุปกรณ์สื่อวารดับลง

ฉันพยายามรวบรวมสติเพื่อไม่ให้เสียเวลามากไปกับการเรียบเรียงสิ่งที่เพิ่งได้ยิน ฉันรีบลงจากรถ แล้ววิ่งไปยังห้องน้ำของห้างสรรพสินค้าทันที ฉันถอดนาฬิกาโรเล็กซ์ราคาแพงทิ้งไว้ในห้องน้ำ หวังให้ใครสักคนมองเห็นและหยิบมันติดมือไปเพื่อเป็นตัวหลอกให้ผู้ตามล่าหลงตามคนผิด จากนั้น ฉันรีบเดินกลับไปยังรถปอร์เช่ที่จอดอยู่ แล้วรีบขับออกไปยังเส้นทางที่พาฉันให้วิ่งออกห่างจากองค์กรอัลฟ่าทันที

หนึ่งชั่วโมงผ่านไป ฉันยังคงไม่ได้รับการติดต่อใดๆจากอัลฟ่า ทำให้ฉันรู้สึกกระวนกระวายใจมากขึ้น  แต่ว่าการติดต่อใครสักคนไปในเวลานี้อาจไม่ใช่ความคิดที่ดีนัก ฉันจึงได้แต่รอด้วยความอดทน โดยหวังว่าไบรอันและผู้ปฏิบัติการคนอื่นๆจะสามารถควบคุมสถานการณ์เอาไว้ได้    

อาการปวดหัวแปลกๆของฉันกำเริบขึ้นมาโดยกระทันหันอีกครั้ง ฉันกัดฟันแน่นเพื่อสู้กับความเจ็บปวด  ในทันใดนั้น เสียงเรียกเข้าจากอุปกรณ์สื่อสารของอัลฟ่าดังขึ้น ฉันรีบกดตอบรับทันที

“แอนนามาเรีย” ทว่าไม่ใช่เสียงของอารอน กลับเป็นโดมินิค เขาเรียกชื่อจริงของฉัน
“เรา... เราแพ้แล้ว... แอนนามาเรีย... ทุกอย่างจบสิ้นแล้ว...” เสียงของโดมินิคขณะพูดปนไปด้วยเสียงสะอื้นร้องไห้

“เกิด... เกิดอะไรขึ้น... โดมินิค?” ฉันถามด้วยความตกตะลึงกับสิ่งที่ได้ยิน ดูเหมือนว่าทุกอย่างจะเลวร้ายกว่าที่ฉันคิดไว้

“เราสูญเสียอารอน... เรนาเต้พลัดหลงจากพวกเรา... ส่วนคนอื่นๆ... ผมไม่รู้... แต่ที่แน่ๆ ใครสักคนในอัลฟ่าที่หักหลังพวกเรา ต้องเป็นใครสักคนในตำแหน่งที่ค่อนข้างสูงที่สามารถเข้าถึงระบบความปลอดภัยและระบบข้อมูลได้ทุกแห่งในอัลฟ่า... ตอนนี้ผมอยู่ในห้องแล็ปชั้นในกับดอกเตอร์อิริคที่บาดเจ็บสาหัส...” น้ำเสียงของโดมินิคยังคงเต็มไปด้วยความสะอื้น “ฟังนะ แอนนามาเรีย คุณพอจะหาห้องพักข้างทางที่พอจะเข้าไปพักได้ทันทีไหม?”  

ฉันมองดูรอบๆ เมื่อเห็นว่าข้างหน้าเป็นที่ตั้งของเมืองเล็กๆแห่งหนึ่ง ฉันจึงกล่าวตอบตกลงทันที
“อืม... โดมินิค ให้เวลาฉันประมาณห้านาที แล้วฉันจะรีบติดต่อกลับทันที”


*******************************************


ฉันอยู่ในห้องพักเล็กๆ และพยายามติดต่อกลับไปยังโดมินิค แต่ดูเหมือนว่า เขากำลังวุ่นอยู่กับเรื่องอื่น ทำให้ฉันเริ่มรู้สึกกังวลขึ้นมาทันที เพราะหลังจากที่ได้ยินข่าวร้ายเกี่ยวกับอารอนที่ได้จากลาโลกนี้ไปแล้ว ฉันหวังว่า ฉันคงไม่ต้องสูญเสียเพื่อนอีกคนในอัลฟ่า และถ้าหากมีอะไรเกิดขึ้นกับเขา...  ร่างจริงของฉันที่ติดอยู่ในแคปซูลสีฟ้าในห้องแล็ปชั้นในก็คงหนีไม่พ้นชะตากรรมเดียวกัน  

ทันใดนั้นเสียงอุปกรณ์สื่อสารดังขึ้น... ในขณะเดียวกัน อาการปวดหัวแปลกๆของฉันกลับมาอีกครั้ง...

“แอนนามาเรีย... คุณอยู่ในห้องพักแล้วใช่ไหม?” เสียงของโดมินิคที่ฟังดูเหนื่อยหอบเล็กน้อยดังขึ้นผ่านอุปกรณ์สื่อสาร

“ใช่...” ฉันตอบสั้นๆ รู้สึกโล่งใจขึ้นมาทันทีที่ได้ยินเสียงของเขาอีกครั้ง

“ฟังนะ แอนนามาเรีย หนทางเดียวที่พวกเราจะหนีเอาชีวิตรอดได้ คือการที่ผมปิดการทำงานของเครื่องอิมเปร์-เชเรบรุมและเข้าไปในแคปซูลสีฟ้า เพื่อเปิดประตูฉุกเฉินลับสุดยอดของอัลฟ่า”  เขาทิ้งจังหวะเล็กน้อย แล้วกล่าวต่อ
“นั่นหมายความว่า... ผมอยากให้คุณรีบนอนลงบนเตียงเดี๋ยวนี้ แล้วผมจะดึงคุณกลับเข้ามาที่นี่ทันที...”

ฉันรีบทำตามสิ่งที่โดมินิคบอกทันที

ให้ตายเถอะ... อาการปวดหัวยิ่งทวีความรุนแรงเพิ่มมากขึ้นจนฉันแทบทนไม่ไหว... ฉันกัดฟันแน่น...

“โดมินิค...” ฉันพูดขึ้นขณะเอนตัวลงนอนบนเตียง “แล้วฟาเบียนหล่ะ จะเกิดอันตรายขึ้นกับเขาไหม?” แม้จะอยู่ในสถานการณ์ฉุกเฉิน ฉันก็ไม่วายที่จะถามถึงความปลอดภัยของร่างเจ้าชายนิทราด้วยความเป็นห่วง

“แอนนามาเรีย... ผมไม่รู้... ผมไม่มีเวลาตอบคำถามของคุณ...  ผมต้องรีบ...”  

ไม่ทันที่โดมินิคจะพูดขาดคำ ฉันได้ยินเสียงคอมพิวเตอร์ที่ประตูห้องแล็ปชั้นในร้อง „clean“ เป็นจังหวะถี่ๆประมาณหกถึงเจ็ดครั้ง

โดมินิคตะโกนร้องด้วยความตกตะลึง...

“ไบรอัน... นาย...”

ปัง!

หัวใจของฉันเต้นไม่เป็นจังหวะเมื่อได้ยินเสียงร่างของโดมินิคล้มลงบนพื้น...

สักพักต่อมา... ฉันได้ยินเสียงแหบแห้งของดอกเตอร์อิริคที่บาดเจ็บสาหัสดังขึ้น

“ไบรอัน... เป็นนายนั่นเอง... ที่ทรยศพวกเรา...”

ฉันตกตะลึง และน้ำตาไหลเมื่อได้ยินประโยคที่เพิ่งออกจากปากของดอกเตอร์... ไบรอัน... คือ...ผู้ทรยศ...

เสียงฝีเท้าของใครสักคนที่ฉันไม่สามารถจับทิศทางได้เดินเคลื่อนที่อย่างใจเย็น ฉันได้ยินเสียงแหบแห้งของดอกเตอร์ผู้น่าสงสารพูดกระซิบผ่านอุปกรณ์สื่อสาร...

“ปุ่มสีแดง... แอนนามาเรีย...”  ดอกเตอร์อิริคที่รู้ว่าฉันยังคงได้ยินผ่านทางอุปกรณ์สื่อสารกล่าวประโยคสั้นๆที่ซ่อนนัยบางอย่างเอาไว้

ทันใดนั้น ฉันรู้สึกเหมือนถูกดูดเข้าสู่ห้วงมิติที่ร่างของฉันถูกหมุนเวี่ยงภายใต้สภาวะที่ไร้น้ำหนัก ฉันรู้สึกกระอักกระอวนจนอยากอาเจียน แต่กลับไม่สามารถอาเจียนออกมาได้...  ความมืดมิดรอบตัว ทำให้ฉันใจสั่น และรู้สึกหายใจติดขัด...

แล้วทุกสิ่งทุกอย่างก็เงียบสงบลง...

ฉันเริ่มรู้สึกได้ว่าเท้าของตนเหยียบอยู่บนพื้นโลหะเข็ง ฉันค่อยๆลืมตาขึ้นมองผ่านกระจกตู้แคปซูลในห้องแล็ปชั้นในไปยังร่างของบุคคลยืนเรียงรายอยู่เต็มห้อง สายตาจับจ้องมองดูฉันด้วยความใจจดใจจ่อ...

ไบรอัน... ยืนอยู่ไม่ไกลจากที่ตั้งของแคปซูล มือของเขายังจงจับแน่นอยู่กับสวิตท์ของเครื่องอิมเปร์-เชเรบรุม ที่ถูกสับลง

ดอกเตอร์อิริค... ที่นอนบาดเจ็บสาหัส หายใจร่อแร่รอความตาย... เขานอนจมกองเลือดที่ไหลไม่หยุด ทั้งที่มาจากร่างกายของเขาเอง และร่างที่ไร้วิญญาณของโดมินิค...

และบุคคลที่ฉันคาดไม่ถึงมากที่สุด... ชายผู้สวมหน้ากากสีขาว... ที่ยืนอยู่ด้านหน้าของกลุ่มชายชุดดำถือปืนอีกห้าคนที่บริเวณกลางห้อง... พวกเขามองดูฉันเหมือนฉันเป็นสิ่งมีชีวิตที่หาดูได้ยาก

น้ำตาของฉันค่อยๆไหลลงอาบแก้ม... ความรู้สึกสับสนปนกับความเสียใจ และความหวาดกลัวต่อภาพที่เห็นตรงหน้า ทำให้ฉันปลุกสัญชาตญาณของการเอาตัวรอดขึ้นมา สายตาที่พร่ามัวไปด้วยน้ำตาของฉันชำเลืองมองไปยัง ปุ่มสีแดง ที่ติดอยู่ในผนังด้านในของกล่องแคปซูลสีฟ้า...

ฉันชะเง้อมองดูดอกเตอร์อิริคอีกครั้ง

ตอนนี้ฉันเข้าใจโค้ดลับที่เขาพยายามบอกฉันก่อนหน้านี้ผ่านทางอุปกรณ์สื่อสาร...  

เขาได้พยายามที่จะช่วยเหลือชีวิตของฉันเอาไว้...  

ทันใดนั้น ทั้งคราบน้ำตา... ฉันเอื้อมมือไปกดปุ่มสีแดงดังกล่าว...


*******************************************



ผมรู้สึกตัวขึ้นมาอีกครั้ง ชำเลืองตาที่ยังคงสลึมสลือมองไปยังนาฬิกาดิจิตอลที่แขวนบนฝาผนังบอกเวลาหกโมงเช้า...  อาการวิงเวียนศีรษะรบกวนผมไม่ให้สามารถจับต้นชนปลายหาสาเหตุของการที่ผมมานอนอยู่ในห้องพักเล็กๆที่ไม่คุ้นหน้าคุ้นตาแห่งนี้ได้...

ผมพยายามรวบรวมความทรงจำเท่าที่พอนึกออก ผมจำได้ว่า... ผมทำงานให้กับองค์กรลับที่เรียกตัวเองว่าอัลฟ่า ผมเป็นผู้ปฏิบัติการหมายเลขหนึ่ง ผม... พบกับชายผู้สวมหน้ากากสีขาวในระหว่างการปฏิบัติภารกิจ... และ... เขาฉีดยาบางอย่างเข้าที่ร่างกายของผม... มันทำให้ผมรู้สึกปวดแสบปวดร้อนเหมือนร่างกายถูกเผาผลาญด้วยไฟอุณภูมิสูง แล้ว... หลังจากนั้น... ผมก็จำอะไรไม่ได้อีกเลย...

ก่อนที่ผมจะรู้สึกตัวขึ้นมาอีกที... ผมจำได้ว่า... ผมมีความฝันที่แปลกประหลาด  ผมเดินอยู่บนถนนแคบๆที่ตั้งอยู่ระหว่างตึกร้างสูงสองข้างทาง ที่ต่อมาพังด้วยแรงสั่นของแผ่นดินไหวและถล่มลงมาทับผม ผมได้ยินเสียงร้องของหญิงสาวดังก้องในหัวของผมตลอดเวลา... ผมจับใจความสิ่งที่เธอพูดไม่ได้ แต่ดูเหมือนว่าเธอกำลังพยายามทำบางสิ่งบางอย่างที่ผมไม่เคยเห็นมาก่อน... เธอพยายามเปลี่ยนฉากในฝันร้ายของผม ให้กลายเป็นฝันดี...

นอกจากนี้แล้ว... ผมยังฝันถึง... น้องชายของผม... ไบรอัน...

ผมสะบัดความคิดของตัวเองให้กลับเข้าสู่โลกแห่งความจริงอีกครั้ง ผมมองดูแผลที่เกิดทั่วร่างกายของผม และรู้สึกสงสัยขึ้นมาทันทีว่าแผลที่ดูเหมือนยังใหม่อยู่เหล่านี้เกิดขึ้นได้อย่างไร? แต่ผมไม่สามารถจำอะไรได้...

ผมลุกขึ้นจากเตียง... สังเกตเห็นอุปกรณ์สื่อสารของอัลฟ่าหล่นอยู่บนเตียง ผมล้วงมือสำรวจดูกระเป๋ากางเกง พบกุญแจรถปอร์เช่และกระเป๋าเงินที่อัดแน่นไปด้วยแบงค์หนึ่งร้อยยูโรหลายใบ ผมเดินออกจากห้องพักเล็กๆ มุ่งหน้าไปยังสถานที่ที่จะให้คำอธิบายต่อเรื่องราวทั้งหมดกับผมได้


ผมมุ่งหน้าไปยังศูนย์ปฏิบัติงานกลางขององค์กรอัลฟ่า

แก้ไขเมื่อ 19 ก.ค. 55 21:51:12

แก้ไขเมื่อ 19 ก.ค. 55 21:47:34

 
 

จากคุณ : myladyannbook
เขียนเมื่อ : 19 ก.ค. 55 21:42:44




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com