บทที่ 25 มาแล้วครับ
ขอบคุณเพื่อนนักอ่านทุกท่านครับ ขอบคุณกิฟต์จากคุณ mimny, mementototem, กุหลาบมอญ, เขมปัณณ์, ทะเลเดือดพันธุ์ร็อค, แก้วกังไส, kdunagin, Psycho man, wor_lek, รพิชา, เรียวรุ้ง, npuiy, Hermosa, อินทรายุธ และคุณ รุริกะ ครับผม
สำหรับตอนที่ผ่านมาครับ http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W12376790/W12376790.html
ตอบเพื่อนนักอ่านก่อนนะครับ
คุณ mimny : ในบทนี้น่าจะพออธิบายเหตุผลและความคิดของคุณหลวง ในช่วงเวลานั้นได้บ้างนะครับ ตอนเขียน ผมเองก็ขัดใจเหมือนกันครับ แต่คิดว่าตัวละครในสังคมยุคสมัยนั้น การตัดสินใจหลายๆอย่างอาจจะไม่อิสระมากเท่าปัจจุบันครับ
คุณ nasa nasa : เป็นความรักของพ่อ ที่น่าเป็นห่วงจริงๆครับ
คุณทะเลเดือดพันธุ์ร็อค : ท่านเจ้าคุณรู้นิสัยลูกสาวตัวเองดีครับ เลยตัดสินใจอย่างนี้ด้วย
คุณLaviyar : ลองอ่านต่อไปนะครับ ชีวิตของคุณย่าทวด ก็น่าสนใจมิใช่น้อย
คุณไก่ : ขอบคุณครับ
อาจารย์จี : พยายามสร้างคาแรคเตอร์ผอบแก้ว ให้เปรี้ยวซะหน่อยครับ จะได้ตัดกับเจ้าหญิงมณีเรขา ชัดเจนขึ้น
คุณ scottie : ยอมรับว่า part นี้เขียนยากจริงๆครับ เลยอาจจะทำให้พลอยสั้นไปด้วยครับ
ติดตามต่อไปด้วยกันเลยนะครับ
บทที่ 25
เศาร์ไม่อาจตอบตัวเองได้เหมือนกันว่าเขารู้สึกรักผอบแก้วหรือไม่ ในชั่วชีวิต จากเด็กหนุ่มที่เติบโตมาจากท้องไร่ท้องนา ตราบจนล่วงเข้าสู่วัยฉกรรจ์และได้รับบรรดาศักดิ์เป็นถึงคุณหลวงในบัดนี้ เขายังไม่เคยรู้สึกประทับใจสตรีใดมากเพียงพอที่จะคิดคบหาเป็นคู่ครอง แม้จะผ่านประสบการณ์ในชีวิตต่างๆมาอย่างโชกโชนสมควรแก่วัยแล้วก็ตาม
ในบรรดาสตรีมากหน้าหลายตาเหล่านั้น ล้วนได้ผ่านเข้ามาให้ได้รู้จัก คุ้นเคยและจากไป โดยไม่เคยก่อให้เกิดความรู้สึกผิดหวัง เศร้าหมอง หรือเสียอกเสียใจจนไม่เป็นผู้เป็นคน เหมือนกับบรรดามิตรสหายของเขาหลายคนที่เคยผิดหวังในเรื่องของความรักแม้แต่น้อย
บางคนถึงกับเสียหน้าที่การงานไปให้กับสุรา บางคนคร่ำครวญเพ้อคลั่งราวกับเป็นเรื่องสุดท้ายที่เหลือในชีวิต และเขาต้องคอยปลอบใจมิตรเหล่านั้น โดยไม่เคยเข้าใจความรู้สึกแท้จริงของการผิดหวังในรักเช่นเลย ในชีวิตคุณหลวงหนุ่มมีเพียงสำนึกถึงความมุ่งมั่นในการทำงานและการอุทิศตนให้กับแผ่นดินเป็นที่ตั้ง
สำหรับสตรีแสนโสภาเบื้องหน้านี้ด้วยเช่นกัน เขาไม่ปฏิเสธว่าผอบแก้วเป็นหญิงสาวที่ถึงพร้อมคนหนึ่งในพระนคร ทั้งรูปร่างหน้าตาที่สวยสง่าคมคาย ยังไม่รวมถึงจริตกิริยาอ่อนหวานน่ารัก แต่กระนั้นคุณหลวงหนุ่มก็ยังไม่ได้เกิดความรู้สึกเสน่หาจนเหมือนกับไม่อาจขาดเธอไปได้ นอกเหนือจากความรู้สึกคุ้นเคยและเอ็นดูเสียมากกว่า หากเขาก็ยังไม่ได้ตอบกับตัวเองมาก่อนในเรื่องนี้
ถ้าหากว่า เจ้าคุณพิทักษ์ฯผู้เป็นบิดาของผอบแก้ว และเป็นเจ้านายโดยตรงของเขา จะไม่ชักจูงให้มีโอกาสได้สนิทสนมกับหล่อนมากยิ่งขึ้น รวมถึงการเอ่ยปากเป็นนัยเกี่ยวกับบุตรีของท่าน จนเศาร์รู้สึกว่า มันคงจะเป็นความเหมาะสมที่สุดแล้วกระมังระหว่างเขากับหล่อน?
ความเหมาะสมทั้งด้วยวัยและความเห็นชอบของผู้ใหญ่ที่เขาให้ความเคารพนับถือ และที่สำคัญที่สุด... ในเมื่อเขาเองก็ไม่มีสตรีผู้ใดแผ้วผ่านเข้ามาในชีวิต มากเท่ากับผอบแก้ว และควรจะปล่อยให้เรื่องราวเหล่านั้นมันดำเนินไปในทิศทางที่ควรจะเป็น
ตามประสาของบุรุษที่ควรจะมีครอบครัวเป็นหลักฐาน เมื่อถึงวัยอันควร เฉกเช่นเดียวกับการเกิด แก่ เจ็บ และตาย อันเป็นธรรมชาติของมนุษย์และส่ำสรรพสัตว์ทั่วไป ซึ่งเขาก็มิได้ปฏิเสธในข้อนี้
ชีวิตเด็กกำพร้ายากจนที่สามารถเจริญก้าวหน้าในการงาน ก็คงจะไม่มีสิ่งใดที่เหนือยิ่งไปกว่านี้อีกแล้วกระมัง? เขาคิดว่า เมื่ออยู่ร่วมกันไป ก็คงจะเกิดความรักต่อผอบแก้วได้ไม่ยาก ความรักที่เขาเองก็ยังไม่เคยรู้จักมันอย่างแท้จริง
แม้ว่าบางครั้ง สตรีในความฝัน ที่ยังมิเคยปรากฏโฉม จะแผ้วผ่านเข้ามาในห้วงแห่งฝันอันเลือนรางก็ตาม
เห็นทีว่า คู่ครองของคุณหลวงคงจะยังไม่เกิดกระมัง?
ขุนพิพิธอารัญ สหายผู้หนึ่งเคยเอ่ยกระเซ้าเย้าหยอกคุณหลวงหนุ่มไร้คู่เอาไว้ก่อนหน้า แต่เศาร์ก็มิได้ตอบอันใด ไม่มีผู้ใดล่วงรู้ว่าภายใต้ใบหน้าเคร่งขรึม เอาจริงเอาจังเช่นนั้น มีความคิดเห็นใดซ่อนอยู่ นอกจากตัวของเขาเพียงผู้เดียวเท่านั้น!
จะว่าไปขุนพิพิธอารัญ ก็ผ่านการศึกษาร่วมสถาบันเดียวกับเขามานั่นเอง แม้แต่การเข้ารับราชการก็สังกัดอยู่กระทรวงเดียวกัน แต่คนละแผนก ในท่าทีแย้มยิ้มเหมือนเป็นมิตรนั้น เศาร์ดูออกว่าอีกฝ่ายซ่อนความริษยาเอาไว้อย่างลึกเร้น โดยเฉพาะเมื่อภายหลังรับรู้ว่าเขาคบหากับผอบแก้ว ขุนพิพิธนี่เองที่นำข่าวเรื่องนี้ไปเล่าขยายความในกรม จนแทบจะเปลี่ยนเป็นเรื่องใหม่
แสดงว่าที่ได้ขึ้นยศถาบรรดาศักดิ์เป็นคุณหลวงเร็ว ก็เพราะเหตุนี้แหละ ก็มีว่าที่พ่อตาเป็นเจ้านายอย่างไรเล่า
ก็นับว่าดีน่ะสิ อนาคตคงได้เป็นเจ้าคุณตั้งแต่ยังหนุ่ม
หนูตกถังข้าวสารล่ะไม่ว่า...
เขาได้ยินเสียงซุบซิบเช่นนี้อยู่เป็นนิจศีล สหายที่รักใคร่ชอบพอคนหนึ่งยังถึงกับเป็นเดือดเป็นแค้นแทน
บ๊ะ! เศาร์ อ้ายคนที่มันพูดยังงี้ กันว่ามันน่าจะแจกหมากแถมให้สักหน่อย จะดีไหม?
แต่เศาร์ก็คือเศาร์ เรื่องเช่นนี้หาได้ทำให้ชายหนุ่มท้อถอยกับการทำงานไม่ จิตใจของเขาจดจ่อกับเรื่องการงาน โดยเฉพาะการออกปฏิบัติงานในป่าดงพงไพร มากกว่าการทำงานเอกสารอยู่กับที่ในพระนคร
เขาทราบดีว่าปัจจุบันปัญหาการลักลอบตัดไม้ และการขอสัมปทานป่าไม้สักเริ่มมีมากขึ้น จนกระทั่งมีปัญหาระหว่างเจ้าพนักงานของรัฐ กลุ่มเจ้าเมือง กับชาวบ้าน จนถึงกับขอเสนอตัวไปทำราชการที่หัวเมืองมณฑลราชบุรี เมื่อมีตำแหน่งหัวหน้างานกองบำรุงว่างลง แม้ว่าจะได้รับคำคัดค้านจากเจ้าคุณพิทักษ์ฯก็ตาม
กระผมยังอุตส่าห์นึกว่าคุณหลวงจะคิดลาราชการไปบวชไม่สึกเอาเสียด้วยซ้ำ หรือไม่ก็บำเพ็ญพรตเป็นฤาษีชีไพรไปเสียโน่นเลยแฮะ แต่ไปอยู่ปางงิ้วดำชายแดนโน่น ก็คงจะไม่ต่างกันเสียเท่าใดนักหรอกกระมัง?
สหายอีกคนหนึ่งที่เป็นเพื่อนกับ ขุนพิพิธฯก็เคยเอ่ยเปรยเย้าเล่นๆในสโมสรที่เขาไปเข้าร่วมสังสันทน์อยู่เพียงไม่กี่ครั้ง และเกือบทุกคนล้วนประหลาดใจยิ่งไปกว่า เมื่อทราบข่าวว่า คนที่เตรียมขอย้ายไปประจำการยังเมืองป่าแดนไกล จะเตรียมตัวเข้าพิธีมงคลสมรสกับผอบแก้ว หญิงสาวสังคมแสนสวยแห่งเมืองฟ้าอมรและเป็นถึงบุตรีคนเดียวของท่านเจ้าคุณ พระยาพิทักษ์พนาลัย บางคนคิดไปถึงว่าเขาโชคดี ที่ ตกถังข้าวสาร เสียด้วยซ้ำ
แต่เศาร์รู้ใจตัวเองดีที่สุด
เอียงอกเทออกอ้าง อวดองค์ อรเอย เมรุชุบสมุทรดินลง เลขแต้ม อากาศจักจารผจง จารึก พอฤา โฉมแม่หยาดฟ้าแย้ม อยู่ร้อนฤาเห็น
ตราบขุนคิริข้น ขาดสลาย แลแม่ รักบ่หายตราบหาย หกฟ้า สุริยจันทร์ขจาย จากโลกไปฤา ไฟแล่นล้างสี่หล้า ห่อนล้างอาลัย*
ในวัยเล่าเรียนศึกษา เขาอ่านโคลงกลอนของกวีหลายต่อหลายท่านที่ต่างพร่ำพรรณนาความรัก ความสิเน่หาซึ่งมีต่อนางอันเป็นที่รักอย่างน่ามหัศจรรย์ ประหลาดเหลือเกินที่ความรักจะดลบันดาล เสกสร้างให้คนธรรมดาคนหนึ่งกลายเป็นกวี ความรักที่มีพลังอำนาจยิ่งใหญ่ แม้แต่ฟ้าดินยังมิอาจขวางกั้น หรือแม้แต่ชีวิตของตัวเอง
แต่ทว่าความรักเช่นนั้นมันมีอยู่จริงหรือ?
...เพียงหนึ่งนาง กลางฝัน อันไกลลับ คล้ายสดับ เสียงเพรียก ร่ำเรียกหา หากเพียงเหลียว แลมอง ทั้งสองตา ก็ลับลา เลือนสลาย ดังสายลม
คล้ายภาพฝัน อันตรธาน ทั้งหวานโศก โลกทั้งโลก รวมทุกข์ และสุขสม ทั้งร้อนเร่า หนาวเหน็บ เจ็บระทม จักปรารมภ์ ฉันใด เล่าใจเอย?
เศาร์เคยสะดุ้งขึ้นมากลางดึก ด้วยความรู้สึกหวั่นไหวในทรวง หญิงใดกันเล่าหนอที่เขาเคยฝันหา? ด้วยเรือนร่างอรชรนวลน้อย สะดุดตา และใบหน้าหวานซึ้งที่ก่อให้เกิดความสะทกสะท้านใจ ยิ่งไปกว่าผอบแก้ว ผู้เลอโฉมแห่งพระนคร?
นางนั้นคงจะไม่มีตัวตนแท้จริง นอกจากเป็นเพียงนางในจินตนาการของเขาเท่านั้นกระมัง?
คุณหลวงหนุ่ม ต้องออกมานั่งเป่าขลุ่ยรับลมเย็นด้านนอก ท่ามกลางแสงจันทร์กระจ่างและกลิ่นหอมเย็นชื่นของดอกไม้ยามราตรี เสียงเพลงหวานแว่วช่วยบรรเทาความร้อนรุ่มในอกให้พอคลายลงไปบ้าง
...หอมกลิ่นเกสร เกสรดอกไม้ หอมกลิ่นคล้าย คล้ายเจ้าสู ของเรียมเอย หอมกลิ่นกรุ่นครัน หอมนั้นยัง บ่ เลย เนื้อหอมทรามเชย เราละหนอ
และวูบนั้นที่กัลปาลัย นาม ค้างคาวทอง ก็ปรากฏขึ้นร่วมกับความคิดฝันของคุณหลวงหนุ่ม หลอนล้อในความรู้สึกอันลึกเร้น จนทำให้เขาต้องกลับไปหยิบมันขึ้นมาพิจารณาด้วยความพิศวง
เป็นความสงสัยที่ไม่เคยปล่อยให้มันผ่านไป แต่จะต้องพิสูจน์ค้นหาจนประจักษ์แจ้งในทุกๆครั้ง
นางนั้นคงเป็นเพียงภาพมายาฝันที่ไม่มีทางเป็นความจริงไปได้
เศาร์นึกอยู่ในใจตนเอง แม้จะเกิดความรู้สึกโหยหา แต่ความคิดอันเป็นตรรกะเหตุผล ก็คอยย้ำเตือนว่าสิ่งนั้น ไม่มีทางเกิดขึ้นได้ในโลกของความเป็นจริง
เพราะทุกสิ่งในกัลปาลัยเป็นเพียงความฝัน...
หากผอบแก้วนั่นต่างหาก ที่จักเป็นภรรยาถูกต้องตามกฎหมายทุกประการ ผู้หญิงที่เขามีหน้าที่ต้องรับผิดชอบดูแลไปตลอดชีวิต โดยที่ไม่จำเป็นต้องมีสิ่งที่เรียกว่า ความรัก!
คุณหลวงผู้หาญกล้าและไม่เคยหวั่นเกรงต่อภยันตรายใดๆ ฤาอุปสรรคใดๆในชีวิต กลับมิอาจขบปริศนาแห่งหัวใจตนเองได้สำเร็จ
ณ เวลานั้น เขาคิดแต่เพียงว่า ชีวิตของตนเองกับผอบแก้วก็คงจบลงอย่างสวยงาม ภายหลังการแต่งงานอย่างมีหน้ามีตาในพระนคร และจากนั้นเขาก็อาจจะเดินทางไปรับราชการงานเมืองยังดินแดนหัวเมืองที่ปางงิ้วดำ แล้วหาจังหวะโอกาสเดินทางกลับพระนครทุกครั้ง หรือไม่ก็พาภรรยาและลูกๆที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคตไปใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันที่นั่น บรรยากาศชนบทที่เรียบง่ายกลางผืนป่าอันสงบร่มเย็น เหมือนกับชีวิตวัยเยาว์ที่เขาถือกำเนิดขึ้นมา เศาร์ฝันว่าจะได้สร้างสวรรค์บนดินในดินแดนอันสงบสุขแถบนั้น ตราบจนสิ้นชั่วอายุขัยกันทั้งสองคน
ในห้วงเวลานั้น ไม่ปฏิเสธว่า ผอบแก้ว เองก็เอาอกเอาใจ ตามประสาของหล่อน สาวน้อยไม่ปฏิเสธสิ่งใดๆที่เป็นความคิดเห็นหรือความใฝ่ฝันของเขาเลยสักอย่างเดียว เจ้าหล่อนร่วมรับฟังด้วยนัยน์ตาวาวประกายวาบหวาน
ดีจังค่ะ ผอบแก้วก็อยากไปอยู่ชานเมืองเหมือนกัน เห็นเขาว่าบรรยากาศดีกว่าในเมืองหลวงเยอะแยะเลย
และนั่นเองที่ทำให้เศาร์คิดว่าทุกอย่างคงจะราบรื่นตลอดไป
ชีวิตอันสงบสุขของหลวงอนุรักษ์วนาดร ก็คงจะปิดฉากลงอย่างสวยงามไม่ต่างกับเทพนิยายสักเรื่องหนึ่ง ที่พระเอกและนางเอก พรั่งพร้อมด้วยลาภยศแลทรัพย์ศฤงคาร อย่างที่ควรจะเป็น
ถ้าเพียงแต่... เขาจะตัดสินใจวาง กัลปาลัย เล่มนั้นกลับคืนไป และไม่คิดจะเปิดมันขึ้นมาอีก ในช่วงเวลาใดเวลาหนึ่ง หรือไม่ก็ ทำลาย มันทิ้งไปให้สิ้นซาก
เพราะสิ่งที่ตามมาภายหลังจากนั้น ก็ทำให้เส้นทางชีวิตอันสมถะเรียบง่ายของเขาต้อง เปลี่ยนแปลงไปตลอดกาล
เพื่อแลกกับสิ่งเดียวที่ได้ค้นพบแล้ว และจะไม่มีวันหวนกลับจากกัลปาลัย
นั่นก็คือความรัก!!
************************
ผอบแก้วกำลังมีความสุข โลกทั้งโลกกลายเป็นสีชมพู แม้แต่มาณวิกา คู่ปรับเก่าที่เคยรู้สึกหมั่นไส้ริษยากันอยู่เป็นประจำ ก็ไม่ทำให้อารมณ์ของหล่อนคลายจากความเบิกบานลงไปได้ ในเมื่อกำหนดงานสมรสที่กำลังจะมาถึงในอีกไม่นาน ทำให้ต้องวุ่นวายกับการตระเตรียมหาซื้อเสื้อผ้าอาภรณ์ และคิดฝันไปว่า มันจะเป็นงานวิวาห์ที่ยิ่งใหญ่งานหนึ่งของพระนครเลยทีเดียว
หล่อนแทบจะลืมงานราตรีต่างๆที่เคยไปเริงสำราญกับเพื่อนฝูงในวงสังคมไปหมดสิ้น แม้ว่าเพื่อนสาวหลายคนจะโทรศัพท์มาชักชวนให้ออกไปเที่ยวเตร่ตามประสา ด้วยกันก็ตาม
คุณประพจน์เขาถามถึงเธออยู่นะจ๊ะ ผอบแก้ว หมู่นี้หายหน้าหายตาไปเลยนะจ๊ะ
แหม! ก็ฉันต้องเตรียมตัวเป็นเจ้าสาวนี่จ๊ะ จะมัวเที่ยวเตร่เถลไถลอยู่ได้ยังไงล่ะ
ผอบแก้วเอ่ยเสียงตอบเพื่อน และสุนทรี เพื่อนสาวอีกคนหนึ่งส่งเสียงกระซิบกระซาบมาตามสาย
มิน่าล่ะ... ฉันถึงเห็นยายมาณวิกา คู่อริของเธอ ไปเดินกระหนุงกระหนิงอยู่กับคุณประพจน์ ที่เฉลิมบุรีวันก่อนเสียเอง เห็นแล้วน่าหมั่นไส้เหลือเกิน
อันที่จริงประพจน์ก็เป็นแค่ เพื่อนชายคนหนึ่งที่เคยเข้ามาติดพันผอบแก้วนั่นแหละ ลูกชายหัวแก้วหัวแหวนคนเดียวของนายสาครเศรษฐี ซึ่งเป็นคหบดีคนหนึ่งแถวย่านบางซื่อ ที่ประกอบอาชีพพ่อค้าไม่ต่างกับพ่อของมาณวิกานั่นเอง!
แต่เมื่อคบหากันไปไม่นาน ผอบแก้วก็เริ่มเบื่อหน่าย เพราะชายหนุ่มผู้นั้นเอาอกเอาใจหล่อนมากเกินไปราวกับเป็นเด็กหญิงตัวน้อย ซ้ำประพจน์ยังพูดมากพร่ำเพรื่อเสียจนผอบแก้วรู้สึกรำคาญ หล่อนเคยชินกับการพะเน้าพะนอเช่นนี้มาตั้งแต่เจ้าคุณผู้เป็นบิดาและบุรุษอื่นมากมายที่เข้ามาติดพันก่อนหน้านี้แล้ว จนมองว่าเป็นความเคยชิน และน่าเบื่อไปในที่สุด
จืดเหมือนไชยเชษฐ์!**
เคยแอบนินทาประพจน์ให้กับสุนทรีฟังในครั้งหลังๆ ก่อนที่จะมาพบกับหลวงอนุรักษ์ ข้าราชหนุ่มกระทรวงเกษตราธิการ***รูปงามผู้เคร่งขรึม คุณหลวงเองไม่เคยแสดงท่าทางใดๆว่าจะปฏิพัทธ์สิเน่หาหล่อนแม้แต่น้อย หากด้วยบุคลิกท่าทางเช่นนั้นแหละกลับมีเสน่ห์อันคมกล้าที่ผูกมัดหัวใจหล่อนไว้ได้อย่างประหลาด
ดังนั้นคราวนี้แทนที่ จะเป็นฟืนเป็นไฟเหมือนเดิม ผอบแก้วกลับหัวเราะร่วนอย่างเห็นเป็นเรื่องขัน จนสุนทรีต้องเปลี่ยนเรื่องสนทนา เมื่อเห็นว่าการ ยุอีกฝ่ายไม่ได้ผล
เห็นว่าวันนี้มีละครพูดเรื่องใหม่มาเปิดวิกที่สวนมิสกวันด้วยล่ะ เธอจะไปด้วยกันไหมล่ะ
ไม่ล่ะขอบใจนะสุนทรี พอดีวันนี้ฉันมีนัด ต้องรีบไปลองชุดแต่งงานที่ร้านเจริญภูษาน่ะจ้ะ แล้วอย่าลืมมางานให้ได้เชียวนะ ไม่งั้นเคืองด้วยล่ะ
หลังจากวางหูไปแล้ว ผอบแก้วก็ยักไหล่กับตัวเองอย่างไม่ยี่หระใดๆ พวกเพื่อนๆพรรค์นั้น ก็คบหาสมาคมสำหรับพูดคุยสนุกสนานไปตามเรื่องราวเท่านั้นแหละ หล่อนเดินนวยนาดกลับไปยังห้องส่วนตัว แล้วเปิดตู้เสื้อผ้าใบใหญ่ที่มีอาภรณ์หลากสีสันแขวนเรียงรายเอาไว้อย่างสนใจมากกว่า
รู้สึกเหมือนเวลาผ่านไปสักครู่ใหญ่ ก็ได้ยินเสียงรถแล่นเข้ามาจอดหน้าบ้าน ทำให้ต้องละจากกองเสื้อผ้าที่ช่างนำมาให้ลองตัวสำหรับงานช่วงเช้า แล้วเมียงหน้าลงไปยังระเบียงด้านล่างด้วยความประหลาดใจ
จำได้ว่าเสียงเครื่องยนต์แบบนี้ไม่ใช่รถประจำตัวของคุณหลวงอนุรักษ์คู่หมั้นหล่อนแน่นอน แล้วก็จริงดังคาด ในเมื่อชายหนุ่มในชุดสากลเต็มยศที่ก้าวลงมาพร้อมถอดหมวกสักหลาดออกถือไว้ แนบอก ทำให้ถึงกับอุทานด้วยความพิศวง
คุณชำนาญ?
ขุนพิพิธอารัญ หรือในชื่อนายชำนาญ เป็นข้าราชการในกรมของเจ้าคุณพ่อเช่นเดียวกันกับคุณหลวง หล่อนพอรู้มาบ้างว่าอีกฝ่ายเองก็มีท่าทีติดเนื้อพึงใจหล่อนอยู่ไม่ใช่น้อย แต่ผอบแก้ว มองข้ามใบหน้าคมคายของอีกฝ่ายออกไปก่อนหน้านี้แล้ว เพราะมองเห็นเนื้อแท้ในอีกด้านหนึ่งที่หล่อนรังเกียจนักหนา
นั่นก็คือขุนพิพิธหรือนายชำนาญผู้นี้ ก็มีภรรยาเล็กภรรยาน้อย เก็บไว้ที่บ้านไม่ต่ำกว่าสามคน โดยบังหน้าว่าเป็นบ่าวที่อาศัยอยู่ในเรือนของตัวเอง ความลับที่ไม่ลับข้อนี้เป็นสิ่งที่หล่อนรู้สึกไม่ชอบใจนัก สำหรับลูกผู้หญิงแล้ว ผอบแก้วไม่ต้องการเป็นที่เปรียบเทียบตัวเองกับสตรีอื่นใดอีก หล่อนจะต้องเป็นหนึ่ง โดยไม่มีสอง
และเมื่อชั่งน้ำหนักระหว่างขุนพิพิธเจ้าเสน่ห์ผู้เอาอกเอาใจเก่ง กับหลวงอนุรักษ์ผู้เคร่งขรึมแล้ว ฝ่ายหลังย่อมมีภาษีดีกว่าอย่างไม่ต้องสงสัย...
หากโดยมรรยาท ผอบแก้ว จำต้องลงมาทักทายต้อนรับอีกฝ่าย มองเห็นสายตาโลมเลียมที่ไม่เก็บอาการของอีกฝ่ายด้วยความขยะแขยง
วันนี้ เจ้าคุณพ่อกับคุณแม่ท่านไม่อยู่หรอกค่ะ ถ้าคุณชำนาญจะมาใหม่ในวันหลัง น่าจะสะดวกกว่า
หล่อนตัดบทง่ายๆและเรียกนามของอีกฝ่ายแทนชื่อยศ โดยไม่รีรอให้นางศรี สาวใช้นำแก้วน้ำมาต้อนรับแขกเสียด้วยซ้ำ ขุนพิพิธหัวเราะเก้อๆ แต่กระนั้นก็ยังไม่ลุกขึ้นอำลากลับ
ผมไม่ได้มีธุระปะปังใดๆกับท่านเจ้าคุณหรอกครับคุณอบ
ผอบแก้วแอบนิ่วหน้าเล็กน้อย ปกติไม่ค่อยชอบให้ใครก็ตามที่ไม่คุ้นเคย มาเรียกชื่อเพียงสั้นๆอย่างถือสนิทเช่นนี้อยู่แล้ว หากยังไม่ทันจะเอ่ยความใดต่อ อีกฝ่ายก็ชิงพูดตัดหน้าขึ้นมาเสียก่อนด้วยใบหน้ายิ้มละไม เหมือนมิได้ทุกข์ร้อนต่อท่าทีของเจ้าของบ้านแม้แต่น้อย
แต่ผมมีธุระ จะมาเรียนให้คุณอบทราบ เท่านั้นแหละครับ
ธุระเกี่ยวกับดิฉันหรือคะ?
คราวนี้ผอบแก้วกลับเป็นฝ่ายงงงันไปเสียเองด้วยคาดไม่ถึง
เป็นเรื่องของคู่หมั้นคุณนั่นแหละครับ คุณหลวงอนุรักษ์...
ขุนพิพิธเอ่ยทิ้งท้ายคล้ายยั่วเย้า เขากำลังสนุกกับการหลอกล่อให้สุภาพสตรีเบื้องหน้า เกิดความอยากรู้อยากเห็นมากยิ่งขึ้น แค่มองสีหน้าเย็นชาและคอแข็งของอีกฝ่ายเมื่อยามเอ่ยวาจาต้อนรับตามารยาท ชายหนุ่มก็มองทุกอย่างได้ทะลุปรุโปร่ง และนั่นก็ยิ่งกระตุ้นความปรารถนาของตัวเองให้มากยิ่งขึ้น
แน่นอนเขารู้ว่ามันก็ใช้ได้ผลกับผอบแก้วเสียด้วย หญิงสาวเป็นคนใจร้อนอยู่แล้ว โดยเฉพาะเรื่องที่เกี่ยวข้องกับชายที่อยู่ในดวงใจผู้นี้ สัญชาตญาณบางอย่างทำให้ผอบแก้วอดรนทนไม่ได้ จนต้องโพล่งตอบออกไปอย่างลืมตัว
เรื่องอะไรที่เกี่ยวกับพี่เศาร์ กรุณาตอบดิฉันมาเดี๋ยวนี้เลยนะคะคุณชำนาญ ดิฉันไม่มีเวลามากนัก
หล่อนเกลียดใบหน้ายิ้มละไมอยู่ในทีนั้นยิ่งนัก เหมือนอีกฝ่ายพยายามกุมความลับบางอย่างที่อยู่เหนือกว่า แต่ก็ไม่มีทางเลือก นอกจากต้องเชิญเขาให้นั่งลง แล้วผอบแก้วจึงขยับกายนั่งเยื้องยังเก้าอี้ตัวถัดไป...
ก่อนที่จะรับรู้เรื่องที่ทำให้ต้อง ร้อนรุ่มทุรนทุรายเช่นนั้นไปจนตลอดชีวิต!
********************* *นิราศนรินทร์ ** เป็นสำนวนไทยสมัยก่อน มีความหมายว่าได้ยิน ได้เห็นกันบ่อยเสียจนหมดความสนใจไปแล้ว ***กรมป่าไม้ย้ายสังกัดจากกระทรวงมหาดไทยมาอยู่กระทรวงเกษตราธิการ พ.ศ. 2465 ก่อนจะเป็นกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ในเวลาต่อมา
จากคุณ |
:
สามปอยหลวง
|
เขียนเมื่อ |
:
22 ก.ค. 55 21:09:08
|
|
|
|