Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
สาปกณิการ์ :: งามชบา - บทที่ 7 ติดต่อทีมงาน

http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W12380063/W12380063.html

บทที่ 7

แม่นางแพรคือผู้ถูกเลือกให้เข้ารับตำแหน่งชายาใหม่แห่งเจ้าฟ้าจ่างในอีกเจ็ดปีต่อมา และเป็นปีที่แม่นางกณิการ์สวยสะพรั่งด้วยวัยสิบสี่ย่าง

ยิ่งเติบโตก็ยิ่งถอดแบบห้าวหาญเก่งกล้ามาจากมารดา ชำนาญการใช้มีดสั้นทวนหอกดาบ การต่อสู้หมัดมวยก็แคล่วคล่อง ควบขี่ม้าจะเชื่องหรือพยศก็ฮึกเหิมหาญกล้า อาภรณ์โปรดคือชุดสีเทาทะมัดทะแมง และเป็นที่เจนตาของปวงประชาทั่วคามดารกะ

แม่นางแพรลอบริษยาชิงชังแม่นางน้องนักหนา เพราะตระหนักว่าบงการให้อยู่ใต้อาณัติได้ยากกว่าแม่นางพี่จงอร

รายนั้นอ่อนโยนและอ่อนแอ ใส่ใจงานเย็บปักถักร้อยและปรุงโฉมให้สวยสมวัยยี่สิบต้นๆ เจ้าฟ้าจ่างกำลังเล็งหาสามีที่คู่ควรให้แม่นางอย่างขะมักเขม้นอีกด้วย

"จะหาไปทำไม พี่ก็ยังอยู่ทั้งคน จะมีชายใดคู่ควรกับแม่นางจงอรได้เท่าพี่หรือแม่นางแพร"

"น้องก็ว่าอย่างนั้น แต่เจ้าพี่ก็ดึงดันนัก ไม่ยอมโอนอ่อนตามเสียงน้องรบเร้าเลย แล้วจะให้น้องทำยังไงเล่า"

"ทำยังไงเล่า ไม่ได้ด้วยเล่ห์ก็ต้องพ้องกลสิเจ้า พี่ปรารถนาแม่นางน้อยมาเคียงหมอน ชายใดทั่วคามก็อย่าได้หมายมาแข่งรัศมีเขยเจ้าฟ้า"

วจาช่างตีดาบกล่าวทะเยอทะยาน ด้วยหลงเหลิงไปว่าได้ยกระดับจากช่างคนยากเป็นเชื้อเป็นวงศ์แห่งเจ้าฟ้าจ่าง อาศัยบารมีชายาข่มเหงผู้น้อยไปทั่ว

สาวใช้ใกล้ตัวหากงดงามพอให้ไฟระคะปะทุ ก็มักใช้กำลังบังคับย่ำยีจนหมดค่าแล้วผลักไสลงไปเป็นนางก้นครัว หรือไม่ก็ส่งไปกวนเหล็กกวนเถ้าในโรงตีดาบ ห่างไกลคามและรอดหูรอดตาเจ้าฟ้าจ่าง

ร่างสูงใหญ่กำยำซ่อนใต้อาภรณ์สีดำขลิบทอง เข็มขัดหนังสัตว์ตอกตรึงโลหะชุบเงินทองล้ำค่าคาดเอวหนาดูทะมัดทะแมงดั่งชายชาตินักรบ

หรือไม่อีกทีก็ดูคล้ายคหบดีพ่อค้าที่เนืองนองด้วยทรัพย์สมบัติ เพราะทั้งตัวก็ประดับรกด้วยสายสร้อยวงแหวน ทั้งหมดล้วนทำขึ้นจากรัตนชาติอันหาได้ทุกซอกทุกมุมทั่วคามดารกะ

"พักนี้สาวใช้เริ่มส่งเสียงร้องเรียนบ้างแล้ว น้องอยากเตือนให้พี่เพลาๆ ลงบ้างเถอะ เรื่องฉุดคร่านางๆ พวกนั้นมาข่มเหงแล้วผลักไสเมื่อหมดค่า หากความมันลอยเข้าหูเจ้าพี่เจ้าฟ้าเข้า น้องเกรงว่าจะปกป้องไม่ถนัด"

"ก็เพราะอำนาจของเจ้ามันยังน้อยนัก ยิ่งเมื่อเปรียบกับแม่นางน้อยจอมยโส เจ้ายิ่งไม่มีอะไรให้ชาวคามยำเกรงสักนิด ตราบใดที่แม่นางกณิการ์ยังอวดความห้าวหาญเป็นฐานแห่งอำนาจ เจ้าก็อย่าได้หมายว่าจะครอบครองคามดารกะแต่ผู้เดียวดั่งที่แอบฝัน"

แทนที่จะเป็นฝ่ายเตือนพี่ชายให้สงบอารมณ์กามลงสักพัก กลายเป็นว่าตนต้องมาฟังพี่ชายซ้ำเติมความชอกช้ำในทรวงเสียนี่

แม่นางแพรกัดปากไม่พอใจ ร่างอรชรในอาภรณ์สีแดงเลือดนกอันโปรดปรานย้ายฉับๆ ไปหยุดตรงหน้าต่างบานใหญ่ มองลงไปเห็นแม่นางคู่อริกำลังรำดาบด้วยท่วงท่าสง่าแกมดุดัน

กระทั่งปลายดาบอันแหลมคมและวาววับนั้นชี้พุ่งขึ้นมากระทบแววริษยากะทันหัน แม่นางแพรสะดุ้งเล็กน้อยแต่ก็ไม่อาจบ่ายแววชั่วได้ทันท่วงที

แม่นางจึงต้องประสานแสงตาทรงอำนาจของแม่นางหน่อเนื้อเข้าอย่างจัง แม้ตระหนักว่ายิ้มที่หยิบยื่นมันแลเจื่อนไม่บริสุทธิ์จากใจ แต่แม่นางชายาก็จำเป็นต้องฝืนกันหน่อย

"แดดยามเที่ยงร้อนนักแม่นาง หยุดพักก่อนดีไหม พี่จะสั่งเด็กให้ยกของว่างไปให้ในศาลา" ชายาใจริษยาร้องตะโกนลงไปดั่งว่าปรารถนาดีนักหนา

"ไม่เป็นไร เราคุ้นเคยกับแสงแดดดีอยู่แล้ว ผิวของเราไม่ได้บางเปราะเหมือนเจ้าพี่จงอรหรือชายาเจ้าฟ้าหรอกนะ"

เสียงสดใสของแม่นางกณิการ์ลอยขึ้นมากระทบโสตชังของวจาช่างตีดาบ ร่างกำยำรีบทิ้งอิริยาบถนอนสบาย ลุกมาหยุดยืนข้างน้องสาว ทอดสายตากรุ้มกริ่มลงโลมไล้ทรวดทรงอรชรแกมปราดเปรียวกลางลานฝึก ไม่ยี่หระกับแสงวาววับของอีกฝ่ายแม้แต่น้อย

อึดใจเดียว แม่นางน้อยจอมยโสก็เมินหน้า หันกลับไปทุ่มสมาธิกับการฝึกปรือรำดาบอีกครั้ง

"ยโสไปเถอะ สักวันหนึ่งหรอก ข้าจะให้เจ้าสยบอยู่ใต้เพศบุรุษอันเกรียงไกร"

"พี่" ชายาใหม่ปรายตาปรามให้ระวังคำพูด

"เจ้าก็คอยดูไปเถอะแม่น้องนาง" วจายืนยันด้วยเสียงกำแหง "ลำพังตำแหน่งชายาที่เจ้าครองอยู่ มันไม่ได้ตรึงหลักปักเสาในกาลหน้าแก่เราสองพี่น้องไม่ใช่หรือ"

"น้องว่า.. "

"สักวันเถอะน้องพี่ เจ้าฟ้าจ่างก็อาจเบื่อหน่ายและคลายรสรักในตัวเจ้า เมื่อถึงเวลานั้น ก็ต้องเฟ้นหาชายากันใหม่ แล้วเราสองก็จะตกอับถอยกลับไปใช้ชีวิตหยาบกร้านในโรงตีดาบดังเดิม"

"น้องจะไม่ให้เหตุการณ์อัปมงคลเช่นนั้นเกิดขึ้นกับเรา"

"ใช่ เราต้องทำทุกวิถีทางที่จะทำลายกาลหน้าอันแร้นแค้นที่เราเคยเกลือกกลั้วมาแล้ว ดังนั้น พี่จึงต้องสร้างอำนาจของเราสองให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น"

"เราจะทำยังไงหรือ"

"เราทำไปแล้วต่างหาก" พี่ชายแค่นยิ้มชั่วช้า "ตัวน้องเป็นชายาแห่งเจ้าฟ้าแล้วไม่ใช่หรือ ต่อไปพี่ก็จะหาทางยกตัวเองเป็นเขย ไม่ว่าจะเขยพี่เขยน้อง หรือจะพร้อมเพรียงได้ก็จะยิ่งล้ำเลิศนัก"

แม่นางแพรผุดยิ้มเย็น เกิดความสาแกใจไปล่วงหน้ายามนึกภาพเพลี่ยงพล้ำหมดค่าของแม่นางกณิการ์

หน่อเนื้อคนน้องฉลาดปราดเปรื่องเกินตัว เก่งกล้าสามารถเกินวัย ห้าวหาญและเปี่ยมล้นด้วยพลังอำนาจเกินหญิง หากไม่เร่งหาทางกำจัด รอให้เติบใหญ่ไป ก็คงไม่แคล้วต้องได้ยกตนเป็นเจ้าฟ้าผู้ครองคามแทนที่เจ้าพ่อเป็นแน่

แล้วเมื่อเวลานั้นมาถึงจริงๆ ชายากับพี่ชายที่แม่นางไม่เคยโปรดปรานในสายตามาแต่แรกก็จะอับปางวาสนา ดีไม่ดี ก็อาจโดนถอดถอนตำแหน่งแล้วผลักไสกลับคืนสู่สองพี่น้องช่างตีดาบดังเดิม

ไม่มีวันหรอก กว่าที่จะไต่เต้าขึ้นมาถึงจุดสูงสุด แม่นางต้องมากเล่ห์เพทุบายไปตั้งเท่าไหร่ แย่งชิงกับบรรดาหน่อเนื้อผู้ครองคามมากมาย

แต่ละนางก็ล้วนเลอโฉม ประกายแห่งผู้มีบุญวาสนาก็เจิดจ้านัก มีเพียงแม่นางชาวบ้าน น้องสาวช่างตีดาบต่ำต้อยคนนี้เองที่แลหมองด่างด้อยค่า

แต่ก็นั่นล่ะ หากให้เปรียบแม่นางแพรคนนี้เป็นม้า ก็ต้องว่าเป็นม้านอกสายตาที่มีสติปัญญาเป็นอาวุธ ทำให้พลิกผันตัวเองกลายเป็นม้ามืด ช่วงชิงตำแหน่งชายามาครอบครองได้สำเร็จ

ดังนั้นเอง ต่อให้สิบแม่นางกณิการ์ก็อย่าได้หมายว่าจะมาบั่นวาสนาและอำนาจที่แม่นางได้ครอบครองแล้วให้สะบั้นลงแต่โดยง่าย ไม่หรอก 'ไม่มีวัน'




ดึกสงัดของรัตติกาลอันแสนเศร้า วจาแสนชั่วก็สมมาดในแรงปรารถนาทะเยอทะยาน ร่างกำยำลักลอบเข้าข่มเหงแม่นางจงอรไว้ใต้อาณัติพิศวาส

ย่ำยีดั่งแม่นางเป็นหญิงหยาบกร้านตามโรงตีดาบ แม้แม่นางจะวิงวอนขอความเมตตา ช่างตีดาบจิตหยาบก็ไม่นึกเวทนามากไปกว่าเร่งหักหาญกักขฬะ

"ทำไมต้องร้องไห้ราวกับฟ้าถล่ม หรือเจ้าฟ้าแม่นางสูญเสียคามดารกะให้ศัตรูเช่นนั้นเล่า"

"หรือจะให้เราตีฆ้องป่าวประกาศอย่างยินดีว่าสูญเสียศักดิ์และค่าแก่ท่านเล่า ช่างเสียแรงที่เจ้าพ่อเมตตา อนุญาตให้ท่านเข้ามาอยู่ในเขตกำแพง แต่ท่านกลับเนรคุณชั่วช้าเช่นนี้"

ใบหน้าเปื้อนน้ำตาอัปยศสะบัดไปตามแรงตบไม่ปรานี มือใหญ่ของช่างตีดาบจิตหยาบแดงฉานดั่งทาเลือด มันสั่นนิดๆ ขณะค่อยกำเข้าหากันแล้วกดเกร็งอย่างเดือดดาล

"หุบปากของเจ้าไปเลยแม่นางจงอร อย่าได้ริเร่งสันดานหยาบของข้าออกมาอาละวาด จะดีชั่วข้าก็เป็นชายของเจ้าแล้ว ฟังไว้ให้ดี นับแต่นี้เจ้าจะไม่มีสิทธิ์เลือกชายใดเป็นสามีได้อีก เพราะทุกค่ำคืนของเจ้าต้องมีข้าคนเดียวเท่านั้น"

คางเปรอะเลือดถูกบีบหยาบๆ ก่อนจะสลัดอย่างเหิมเกริม แม่นางจงอรฟุบหน้าร้องไห้สะอึกสะอื้น เรื่องอับอายสิ้นค่าสิ้นศักดิ์เช่นนี้ จะให้ไปป่าวประกาศต่อใครได้ แม้แต่เจ้าฟ้าจ่าง แม้แต่แม่นางกณิการ์

แล้วทุกค่ำคืนถัดจากนั้น แม่นางผู้น่าสงสารก็ตกเป็นเหยื่อพิศวาส ต้องทอดร่างบำเรอราคะอย่างขมขื่น

วจาคนชั่วคำรามอย่างจองหองลำพองในยามที่กระแสสุขสมสาดซัดถึงฝั่งตัณหาร้อน ราศีแม่นางมีแต่จะหมองลงคืนแล้วคืนเล่า ความลับยังกลืนเป็นผืนเดียวกับม่านหมอก




กระทั่งแม่นางกณิการ์อายุครบสิบห้า พระครูลาพุชใจเต้นแรงด้วยความตระหนกเมื่อพบดาวประหลาดโคจรแทรกกลางดาวชะตาร้อนของแม่นางน้อย ท่านเรียกดาวประหลาดนั้นว่า 'ดาวอาสภ'

"มันแปลความว่ายังไงหรือพระครู" แม่นางน้อยถามอย่างสงสัย

"มันเป็นดาวประหลาดที่ปรากฏขึ้นอย่างไร้ที่มาที่ไปเจ้าข้า แทรกกลางระหว่างดาวชะตาคามดารกะกับแม่นางน้อยเจ้าข้า"

"เรารู้แล้ว เราเข้าใจลักษณะการโคจรของมัน แต่แปลความของเราหมายถึงดีหรือร้าย"

พระครูลาพุชระบายลมหายใจเนิบสร้างความรำคาญแก่แม่นางน้อยยิ่ง ร่างสูงโปร่งขึ้นแลสง่าด้วยอาภรณ์ทะมัดทะแมงสีบานเย็นสด คาดเข็มขัดโลหะชุบฝังรัตนชาติแพรวพราว หัวเข็มขัดประดับทับทิมบริสุทธิ์ทรงเรียวรีสะท้อนแสงแดงเรื่ออมชมพู

แม่นางเกี่ยวพวงผมมาคลุกเบียดข้างคอขาวระหง พลางเร่งคำตอบด้วยเสียงหงุดหงิด

"พระครู เราถามความท่านอยู่ จะเงียบให้เราเดาเองหรือยังไง"

"แม่นางต้องสุขุมกับอารมณ์ร้อนของตนไว้บ้างเจ้าข้า"

"พอแล้ว ท่านเตือนเราเช่นนี้มาตั้งแต่เราจำความได้ พรุ่งนี้เราต้องเข้าพิธีแช่น้ำศักดิ์สิทธิ์แล้ว ภาวนาไว้เถอะว่าน้ำทั้งบ่อนั้นจะเปลี่ยนนิสัยเราได้"

พระครูลาพุชยิ้มเนิบ อดที่จะย้อนนึกไปถึงแม่นางอชินีไม่ได้ แม้ชายาผู้ดับสูญจะอารมณ์ร้อน แต่ขันติดูว่าจะหนักแน่นกว่า ยิ่งใช้วาจาเถียงคำไม่ตกฟาก หมั่นเสียดสีแดกดันเช่นแม่นางน้อยด้วยแล้ว แม่นางอชินีแทบจะไม่เคยเอ่ยให้ได้ยิน

"ยังจะมายิ้มกับจ้องตาเราอีก เฮ้อ ไม่เข้าใจเจ้าแม่เลยว่าทำไมหมั่นกำชับให้เราเชื่อฟังท่าน เท่าที่เราเห็น ท่านก็ชราลงจนแทบจะไม่มีเรี่ยวแรงลากกระดานชนวนเสียด้วยซ้ำ"

"ส่งเสียงเอะอะออกไปถึงโถงหน้าเชียวแม่นางกณิการ์ ด้อยสำรวมเสียจริงๆ เอ.. หรือว่าจะเป็นไม้แก่ดัดยากหรือเจ้า น่าหนักใจแท้"

เจ้าฟ้าจ่างปรากฏร่างสูงวัยเข้ามาเอ็ดไม่จริงจัง ท่านนั่งลงไม่ทันไร แม่นางจอมซนก็ลุกมานั่งเบียด ทุบขาทุบแขนแล้วกระเง้ากระงอดว่า

"เจ้าพ่อก็หมั่นแต่ติเตียนลูก เจ้าพี่ที่เก็บซุกโฉมงดงามอยู่แต่ในห้องในหับ ทำไมไม่เข้าไปติเตียนบ้าง"

"เจ้าพี่เจ้าไม่ดีตรงไหนหรือ"

"ดีหรือ ต่อไปในภายหน้าต้องออกเหย้าไปกับสามี ช่วยบริหารดูแลกิจมากมายทั่วคาม แต่กลับซ่อนโฉมเป็นนางห้องเช่นนั้น ประชาชนจวนลืมหน้าแม่นางอยู่แล้ว เจ้าพ่อนึกหรือว่าจะมีใครยำเกรง ต้องแบบลูกนี่สิ เจ้าพ่อดูสิ มีใครกล้ากับลูกบ้าง ก็ลองมากำแหงสิ ลูกจะฟันให้หน้าขาดด้วยมีดดาบ แทงให้อกทะลุด้วยหอกทวน หรือไม่ลูกก็จะต่อย.. "

"โอ้ พอแล้วแม่นาง ดุเดือดสมดั่งเป็นแม่นางน้อยเจ้าฟ้าจ่างเสียจริง รู้ไหม ทั่วคามไกลใกล้ก็ล้วนครั่นคร้ามกิตติศัพท์แม่นางกณิการ์ จนไม่มีใครกล้าส่งเจ้าฟ้าแห่งตนมาทาบทามเกี่ยวดองแล้ว"

"จะร้อนรนไปทำไมกับเรื่องเล็กน้อยเท่านั้นเจ้าข้า ลูกจะไม่ยอมมีสามี ถ้าสามีของลูกเป็นชายที่องอาจน้อยกว่า หรือแค่ทัดเทียมเสมอกัน"

เจ้าฟ้าสูงวัยใจอารีหัวเราะร่วน ชอบใจในวาจาห้าวหาญเกินหญิงของแม่นางน้อยยิ่ง

ทุกครั้งที่มีเวลาว่าง เจ้าฟ้าผู้รักมั่นในแม่นางอชินีก็มักจะแวะมาพูดคุยกับแม่นางน้อยเสมอ ออกจะบ่อยกว่าแม่นางผู้พี่เสียด้วย เหตุก็เพราะว่าแม่นางกณิการ์มีความละม้ายมารดายิ่ง ครั้นพอได้คุยก็จะพอช่วยให้คลายความคะนึงหาลงบ้าง

"เจ้าพ่อไม่ต้องเป็นกังวลนะเจ้าข้า ลูกจะช่วยเจ้าพ่อแบ่งเบาภารกิจ ปกครองประชาชนให้อยู่ดีมีสุข เอ๊ะ หรือว่าลูกควรตั้งตัวเป็นเจ้าฟ้ากณิการ์แห่งคามดารกะดีไหมเจ้าข้า"

พระครูลาพุชถอนหายใจลึก ท่านคร้านจะบอกว่าตามดวงชะตาของแม่นางจอมซนก็ต้องเป็นเช่นนั้นอยู่แล้ว แต่ด้วยวัยที่ยังเยาว์นัก แพร่งพรายให้ล่วงรู้เสียตอนนี้ เกรงว่าจะควบคุมความเหลิงลำพองไม่ได้

"จะลุกไปไหนเสียเล่าพระครู" เจ้าฟ้าจ่างทักท้วงเมื่อเห็นอีกฝ่ายถือโอกาสตั้งท่าจะผละไป

"จะไปเร่งแปลความดาวอาสภมาแจ้งแก่แม่นางน้อยเจ้าข้า"

"ช่างเสียดสีเราเสียจริง"

แม่นางกณิการ์ว่ากล่าวแย้มยิ้ม แต่ก็ไม่ขัดไม่ท้วงเมื่อร่างชราย่างเนิบผละไป นางก็พอรู้อยู่หรอกว่าดาวอาสภที่เคลื่อนเข้ามาแทรกมันต้องไม่ปกติ ไม่อย่างนั้นพระครูผู้รอบรู้ก็คงไม่หน้าเคร่งตาเครียดให้เห็น

"แม่นาง" เจ้าฟ้าจ่างหันกลับมาเตือนเสียงเอ็นดูว่า "พระครูชรามากแล้ว เจ้าก็อย่าซุกซนกลั่นแกล้งท่านให้เวียนหัวนัก ทั่วคามดารกะจะหาใครรอบรู้ทัดเทียมนั้นเห็นจะไม่มี"

"มี ก็ศมะยังไงเล่าเจ้าข้า"

"ศมะหรือ ฟังไม่เข้าท่าเลยแม่นาง" เจ้าฟ้าจ่างหัวเราะขำๆ "ศมะก็ดีแต่ตามใจเจ้า ฉลาดปราดเปรื่องก็เท่านั้น เชี่ยวชาญแผนทำศึกก็เท่านั้น ห้าวหาญบนหลังม้าก็เท่านั้น แกว่งดาบ:-)ทวนคล่องแคล่ว.. "

"ก็เท่านั้น"

แม่นางคอยจ้องจะสัพยอก พอได้ทีก็รีบแทรกเสียงใสซนให้เจ้าพ่อหัวเราะเวียนหัว ท่านจูงมือเล็กชวนเดินเนิบเรื่อยไปหยุดหน้าระเบียงโค้ง มองลานฝึกกลางเปลวแดด

แลเห็นนักรบกำลังฝึกปรือซ้อมอาวุธอย่างขะมักเขม้น และหนึ่งในนั้นก็คือศมะหนุ่มน้อยวัยไล่เลี่ยแม่นางกณิการ์ หน่อเนื้อจอมห้าวหาญที่พระครูลาพุชทั้งรักทั้งหวงยิ่ง

ขณะทอดยิ้มชื่นชมความคล่องแคล่วของศมะหนุ่มน้อย ในใจเจ้าฟ้าผู้อารีก็ค่อยคำนึงสุขุม

ต่อไปภายหน้าเถอะ หนุ่มน้อยต้องได้รุ่งเรืองเกรียงไกรด้วยตำแหน่งนักรบผู้ยิ่งใหญ่แห่งคามดารกะเป็นแน่ และตำแหน่งที่ท่านหมายมั่นเตรียมไว้ให้ ก็คงหนีไม่พ้น 'องครักษ์นักรบแห่งแม่นางกณิการ์'




เกิดเหตุอัปยศขึ้นในค่ำคืนหนึ่ง เมื่อพ่อหมอแห่งเจ้าฟ้าเข้ามาตรวจอาการของแม่นางจงอรแล้วพบว่านางตั้งครรภ์อ่อนๆ ความลับที่เก็บมาเนิ่นนานก็เป็นอันจบสิ้น

เจ้าฟ้าจ่างตระหนกกับข่าวอันไม่น่าอุบัติถึงกับล้มทั้งยืน แม่นางกณิการ์ปรี่เข้าคาดคั้นไม่ยอมความด้วยเสียงอันเกรี้ยวกราดแทนเจ้าฟ้าบิดาว่า

"บอกน้องมาว่าชายลักกินขโมยกินอย่างบัดสีเป็นใคร น้องจะไปลากคอมาคาดคั้นความเอง บอกมา ไม่ต้องร้องไห้ น้ำตาของเจ้าพี่มันไม่ได้บิดเบือนความอัปยศที่เจ้าพี่ได้รับอยู่ในเวลานี้ได้เท่ากับลากคอพ่อของเด็ก บอกมา"

"แม่นาง" พระครูลาพุชถอนใจยาวพลางเรียกปรามนอบน้อม

"เงียบนะ ทุกคนกลับออกไป ถ้าเราไม่เรียกก็ไม่ต้องเข้ามา ออกไป ออกว่าให้ออกไป"

พอสิ้นเสียงตวาดกราดเกรี้ยว แจกันดอกไม้สดชิดเสาเตียงก็มีอันแตกเปรื่องเพราะแม่นางตวัดดาบด้วยโทสะ แสงตาเรียวทรงอำนาจแลลุกร้อนดั่งไฟโชน ศมะหนุ่มน้อยรีบหันไปพยักพเยิดไล่เหล่าสาวใช้ให้รีบล่าถอยก่อนแม่นางจะบันดาลโทสะหนักหน่วงยิ่งกว่า

"แม่นางโปรดคุมสติไว้ เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องเล็กที่จะสะสางได้ด้วยโทสะ" ว่าที่องครักษ์นักรบในภายหน้ากล่าวเตือนสติ

"บอกน้องมาเจ้าพี่ อย่ามัวแต่ร้องไห้ หมดเวลาอับอายของเจ้าพี่แล้ว บอกมา" มือสั่นเขย่าไหล่แม่นางผู้พี่ที่แสนดื้อ

"บอกไปก็ยิ่งอัปยศ สู้ให้เจ้าพี่นิ่งเฉยเสียดีกว่า"

"นิ่งเฉยแต่วาจานั้นได้ แต่ท้องเจ้าพี่มันนิ่งเฉยได้หรือ เด็กมันต้องเติบโต ถ้าไม่ประจานตัวเจ้าพี่ ก็ต้องคาดคั้นเรียกหาพ่อจนได้ ถ้าเจ้าพี่เกรงเจ้าพ่อคาดโทษ น้องจะเข้าข้างเจ้าพี่เอง ขอเพียงบอกออกมาว่าชายไร้ศักดิ์ศรีคนนั้นเป็นใคร"

"เราเอง"

วจาแทรกเสียงโอหัง แววตากระหยิ่มลำพองนักเมื่อทราบข่าวมงคลจากสาวใช้ที่จิกผมได้ตรงทางเดิน แม่นางแพรก็พลอยลิงโลดตาวาวไปด้วยอีกคน สองพี่น้องรีบรุดมาถามความให้มั่นใจ ทันได้ยินวาจาคาดคั้นของแม่นางน้องพอดี

"อะไรนะ ท่านบอกว่าเป็นท่าน"

แม่นางกณิการ์หมุนตัวขวับ ตาวาวลุกร้อนด้วยโทสะ ศมะรีบปรี่ประกบให้แม่นางแพรถลึงตา แต่ก็ไม่อาจบัญชาข้ามหน้าข้ามตาแม่นางน้อยผู้ทรงอำนาจกว่าได้

"แม่นางจงอรกับเราผูกสมัครรักใคร่ จะเกินเลยด้วยพิศวาสบ้างก็ไม่เห็นจะเป็นไรไม่ใช่หรือ ถึงยังไงเราก็ยืดอกรับผิดชอบอยู่แล้ว"

"เจ้าพี่"

แม่นางน้อยปรายตามาคาดคั้นแม่นางจงอร ไม่อยากเชื่อน้ำคำอีกฝ่ายนัก แต่ก็ออกจะผิดหวังหากเจ้าพี่ผู้อ่อนโยนกลายเป็นหญิงตาไร้แววเช่นนี้

"เจ้าพี่ก็บอกแล้วว่ามันอัปยศเกินกว่าจะคายวาจา" แม่นางจงอรร้องไห้อย่างอับอาย จนถึงเดี๋ยวนี้ก็ยังไม่กล้าเงยหน้าสบตาแม่นางน้องแม้แต่น้อย

"ในเมื่อเกิดหน่อเนื้อแล้วเช่นนี้ เราว่าที่ควรทำโดยเร็วคือจัดพิธีออกเหย้าให้สมเกียรติก่อนที่ประชาชนจะทันทราบข่าว ไม่อย่างนั้นแล้ว ก็อาจจะกลายเป็นบั่นทอนความศรัทธาเอาได้"

"ชายาเจ้าฟ้าคงปรารถนาเช่นนั้นอยู่นานแล้วกระมัง" แม่นางกณิการ์ยอกย้อนอย่างดูแคลน

"ปรารถนานานแค่ไหนก็ไม่ใช่เรื่องสำคัญแล้วไม่ใช่หรือเจ้าน้อง หรือว่าเจ้าน้องไม่เห็นด้วยกับคำแนะนำของเรา"

ไม่เห็นด้วยแต่ก็ไม่มีทางเลือกอื่น มองจากแววตาทะเยอทะยานไม่ยอมความง่ายๆ ของวจาช่างตีดาบแล้ว แม่นางกณิการ์ก็แสนหดหู่ใจนัก เห็นทีจะเป็นคราเคราะห์ของแม่นางจงอรเสียแล้วกระมัง

ดูเอาเถอะ มีหน่อเนื้อทรงศักดิ์ต่างคามมากมายหมั่นมาทาบทามไมตรี แต่แม่นางผู้พี่กลับกระมิดกระเมี้ยนซ่อนโฉมอยู่แต่ในหอห้อง

แล้วช่างตีดาบหยาบกร้านอย่างวจา มีด้านไหนหรือที่คู่ควรยกย่องเป็นสามี เป็นเขยแห่งเจ้าฟ้าจ่าง แม่นางผู้พี่จึงคิดสั้นหลับหูหลับตาผูกสมัครพิศวาสจนถึงขั้นก่อเกิดหน่อเนื้อให้อดสูและอับอายยิ่งเช่นนี้

จากคุณ : รัชนีกานต์
เขียนเมื่อ : 23 ก.ค. 55 07:42:34




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com