Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
เลขาเนื้อทอง :: ยอแสงแข - 8 ติดต่อทีมงาน

http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W12379765/W12379765.html

บทที่ 8

ตรงฉัตรพูดถูก การส่งตัวนายสมเกียติให้ตำรวจมันไม่ได้ทำให้สงครามระหว่างหล่อนกับพันศิลป์ยุติลง หนอนบ่อนไส้ตัวหนึ่งติดคุก ก็ต้องมีตัวอื่น เพราะนี่ไม่ใช่เป้าหมายจริงๆ คนของเลว

"เงียบได้ผมไม่ว่า แต่ไอ้ที่คิดๆ อยู่น่ะ ขอให้เหมือนผมหน่อย"

เสื้อคลุมอาบน้ำลอยมาแหมะอกทันกับเสียงสาระแนน่าหมั่นไส้ ตรงฉัตรเคืองจัง เจ้าชีวิตซุกซนชวนปวดหัว เขาจริงจังอยู่นะ

หว่านล้อมนานเป็นชั่วโมง แล้วต้องรอลุ้นผลลัพธ์ในความเงียบที่หล่อนก่อเหมือนแกล้งอีกครึ่งชั่วโมง คนรอมักจะเป็นฝ่ายที่กระวนกระวาย หล่อนไม่รู้บ้างหรือ

"คุณนา" เขาเดินไปเคาะฉากกั้นไม้โบราณที่หล่อนโปรดปราน มันโดดเด่นที่สุดในห้องที่ประดับด้วยวัตถุนำสมัย

"ฉันรู้น่า นายไม่ต้องมาอวดฉลาดได้ไหม นายไม่ได้ฉลาดเองนะ"

คนยืนข้างนอกส่ายหน้าละเหี่ย เขาไม่ลืมหรอกว่าหล่อนสอนให้เขาฉลาดมากขึ้นจากที่ของเดิมมันก็มีอยู่แล้ว แค่ว่ามันเป็นความฉลาดบริสุทธิ์ ไม่เจือปนเล่ห์เหลี่ยมเหมือนของใหม่ที่รับเข้ามาเติมทีหลังเท่านั้นเอง

สีหน้าเขาเฉยเรียบเมื่อเจ้านายพาหุ่นออกมาอวดความระหงสง่างาม นอกจากพันศิลป์ ก็น่าจะมีเขานี่แหละที่เห็นทรวดทรงองค์เอวของณพนาได้แจ่มๆ ตาที่สุด

เหมือนตอนนี้ที่กรีดกราดย้ายบั้นท้ายที่ปกปิดด้วยอาภรณ์สีเนื้อตัวจิ๋วไปหยุดหน้ากระจก พอหมุนตัวมามองหน้าเขาอย่างหยิ่งๆ อกตูมอวดเนินแน่นก็ทะลักให้เห็นในอาภรณ์จิ๋วอีกชิ้นและสีเดียวกัน

"เอาตามที่นายว่ามาก็แล้วกัน อย่ายิ้มให้ฉันทุเรศนะ นายไม่ได้ชนะ ก็แค่ว่าเหตุผลนายเข้าท่าดี"

ตรงฉัตรขูดฟันใส่ลิ้น หมั่นไส้มาดหวงแพ้ของหล่อนเต็มทน แต่ก็รู้นั่นละว่าณพนาสุขุมเยือกเย็นกับปัญหามาแต่ไหนแต่ไร อารมณ์หล่อนร้อนเหมือนไฟ แต่วิธีกำจัดความยุ่งยากมักจะเฉียบแหลมคมคาย

เขาเก่งที่บริหารความคิดจนมันแตกแขนงต่อยอดอย่างไร้ขีดจำกัดได้ทุกวันนี้ก็เพราะหล่อนเป็นคนสอนให้เอง ดังนั้น นักบริหารฉลาดๆ ก็ต้องมองเห็นจุดได้จุดเสียในเหตุผลที่เขายกมาหว่านล้อม

มันจริงไม่ใช่หรือ ส่งนายสมเกียรติให้ตำรวจแล้วจะได้ประโยชน์อะไร พันศิลป์ทางโน้นคงหัวเราะเยาะตายเลย บางทีอาจผิดหวังนิดหน่อยว่าความแค้นและอยากเอาชนะอย่างพลุ่งพล่านมันบั่นทอนความเก่งของณพนาลงฮวบๆ

แต่ก็ไม่หรอก ณพนาเชื่อเหตุผลของเขา ยอมให้เขาปล่อยนายสมเกียรติไป เพื่อให้คู่กรณีไปงัดง้างความระแวงกันเอง เชื่อเถอะว่าหนอนบ่อนไส้จะไม่มีวันสงบสุขกับอิสรภาพที่เขามอบคืนอย่างมีเหลี่ยม

ระดับมาเฟียอย่างพันศิลป์น่ะหรือ จะยอมปล่อยให้คนกำความลับหนีลอยนวล คนรักหน้าห่วงชื่อเสียงแบบนั้น จ้างให้ก็ต้องส่งลูกน้องตามประกบ

"ทางหนึ่งรังควาน ทางหนึ่งก็เกรงๆ คุณนา เพราะการทำแบบนี้ เท่ากับแสดงให้เขาเห็นว่าคุณนาเยือกเย็นแค่ไหน ไม่ร้อนตามเขา ไม่หลงกลยั่วโมโห เขารู้จุดอ่อนคุณนาว่าพอโกรธก็เหมือนคนบ้า"

"นายตรง"

ตรงฉัตรหัวเราะแต่ก็สูดปากเจ็บจริงจัง ทำไมหล่อนต้องหยิก เนื้ออ่อนตรงโคนขามันบอบบางนะ ต้นแขนก็มี หน้าแข้งก็มี แก้มก็ได้ ทำไมไม่หยิกเล่า

"ทะลึ่งจริงๆ " เขาบ่นทำหน้ามุ่ย มือก็ลูบเนื้อที่ยังร้อนๆ เจ็บๆ

"แค่หยิกเนื้อ มันยังไม่ทะลึ่งได้ถึงแก่นหรอก อยากให้ถึงไหมล่ะ"

ตรงฉัตรรีบเผ่นพรวดจากปลายเตียงเมื่อเจ้านายสาวยื่นมือพรวดเหมือนกันหมายตะปบของดี การกระทำห่ามเจือหื่นนิดๆ แบบนี้ ลองนำออกไปป่าวประจานสิ จ้างให้ก็ไม่มีใครเชื่อ มาดนางพญาของหล่อนมันอำพรางได้เนียนกริบ

"อย่าหาเรื่อง แต่งตัวเร็ว กินข้าวเสร็จแล้ว ผมมีอะไรให้ดู"

"อุ๊ย โทรศัพท์ แม่ยอดชู้ของฉันหรือเปล่า"

รอยยิ้มร่าเริงของตรงฉัตรหุบฉับ สีหน้าฉายเบื่อขึ้นทันที ภาวนาว่าไม่ใช่ เขาคร้านจะคุยกับพลิ้วแพร เชื่อสิว่าหล่อนจะคุยกับพี่สาวไม่เกินสามคำ แล้วจากนั้นก็รบเร้าขอคุยกับเขาล่ะ

มันน่าเบื่อน่าเซ็ง เขาไม่เคยลำพองใจกับการได้คุยกับสาวใจแตกที่อาจหาญจูบผู้ชายก่อน ไปเรียนเมืองนอกตั้งหลายปี นึกว่าโตเป็นผู้ใหญ่แล้วจะคิดอ่านได้เป็นเรื่องเป็นราวหน่อย ที่ไหนได้ ยังเพ้อเจ้อไร้สาระ ร่ำร้องอยากได้เขาเป็นคู่ชีวิต

"จริงหรือ แหม แม่คนเก่ง แค่ว่าเรียนให้จบ แล้วกลับมาช่วยพี่ทำงาน พี่ก็ปลาบปลื้มเหมือนได้ครองสามโลกแล้ว เกียรตินิยงนิยมอะไรนั่นน่ะ ไม่ต้องพยายามก็ได้ ปล่อยให้คนที่เขาอยากได้จริงๆ ได้ไปเถอะ"

"ไม่ได้หรอกค่ะ พลิ้วอยากเก่ง อยากพิสูจน์ตัวเอง อยากเอาชนะ"

"อะไรนะ เอาชนะหรือ เอาชนะใคร พี่ไม่เคยบังคับเคี่ยวเข็ญน้องสักหน่อย ดูถูกสบประมาทก็ไม่เคยนะ"

"พี่นาไม่เคย แต่พี่ตรงนั่นแหละตัวดี เขาดูถูกพลิ้ว อคติว่าพลิ้วมาเรียนเพื่อเอาสนุกมากกว่าใฝ่รู้ใฝ่เรียนจริงๆ "

"ไอ้ตรงบ้า ปากนายเสียมาก เดี๋ยวเถอะ ฉันจะคิดบัญชี"

ตรงฉัตรกำลังดูรูปดูคลิปเพลินๆ พอโดนด่าไม่มีปี่มีขลุ่ยก็เงยหน้าอวดแววตาเอาเรื่อง พลิ้วแพรคงจะตลบตะแลงเข้าให้อีกแล้วละสิ คุณพี่สาวก็เชื่อหูบอดตาดับ

เขาพยักพเยิดหยาบๆ ต่อสู้กับแสงดุวาวๆ ในตาร้อนของนางพญา เหมือนจะบอกกรายๆ ว่า 'ไม่กลัวหรอกนะ' อันที่จริง ก็เคยเตือนแล้วเหมือนกันนะว่าพลิ้วแพรนี่แหละคือจุดอ่อนตัวเป้งที่โดนพันศิลป์เกาะติดหนึบ แต่ณพนาไม่เคยเชื่อสักที

ความรักที่ทุ่มเทให้น้องสาวใจแตกไม่ได้ต่างอะไรกับหมอกควันมหาศาลที่อำพรางความยุ่งยากเบื้องหลัง เขามั่นใจลึกๆ ว่าสงครามพิศวาสจะทวีความดุเดือดเชือดเฉือนในตอนท้ายโดยมีจุดอ่อนตัวเป้งนี่แหละเป็นตัวชูรส

"เอ้า แม่ยอดชู้อยากพูดด้วย พูดดีๆ นะยะ อย่าให้น้องฉันเสียอารมณ์"

"จะไปไหน" เขาตะครุบโทรศัพท์เครื่องกะทัดรัดที่ลอยวืดมา แล้วถามตามติดร่างที่ก้าวฉับๆ ไปเปิดประตู

"ลงไปรอข้างล่าง"

"แต่งตัวก่อนสิ"

"วุ้ย นายนี่ท่าจะประสาทกลับ นี่มันรังรักของเรานะจ๊ะสุดที่รัก ทั้งหลังมันก็มีแต่เราสองคน ต่อให้แก้ผ้าเดิน ฉันก็ไม่อายหรอกย่ะ คุยกับน้องไปดีๆ อย่านานมาก ฉันหิวแล้ว"

"คุณนา" เขาลากเสียงยาวเบื่อๆ

"จ๋า ที่รัก"

บ้าจริงๆ หล่อนขยิบตายื่นปากจุ๊บเหมือนสาวเจ้าชู้ แล้วผละไปเลย เขาก็ได้แต่ถอนใจเซ็งๆ หลุบมองเจ้าตัวดีที่เขย่าๆ เบาๆ ในมือ ก่อนจะสูดหายใจลึกแล้วกรอกเสียงขรึมลงไป

"รับสายได้แล้วหรือคะ" พลิ้วแพรรออยู่นานแล้ว พอได้ยินเสียงที่ก่อความปั่นป่วนขึ้นในหัวใจได้ ก็ประชดทันที

"ได้แล้วสิครับ มันทำไม่ยากที่ตรงไหนนี่ แค่พูดว่าสวัสดีเอง ผมถูกสอนให้พูดเป็นตั้งแต่เริ่มอ้อแอ้แล้ว"

"อย่ามาประชดพลิ้วนะคะ"

"ไม่ชอบให้คนอื่นประชด ทีหลังตัวเองก็อย่าทำ" ตรงฉัตรสวนตำหนิทันควัน "คุณพลิ้วโตแล้ว เรียนใกล้จบแล้ว เกียรตินิยมก็มั่นใจนักหนาว่าต้องได้ มันเป็นความสำเร็จที่สวยงามดี แต่ผมจะยินดีด้วยจากใจ ถ้ามันจะโดดเด่นน้อยกว่าวุฒิภาวะ และเท่าที่สังเกต คุณพลิ้วมี แต่มันเด็กๆ "

"พี่ตรง นี่พลิ้วไม่ได้โทรมาให้ด่านะคะ พลิ้วอยากคุยด้วยเพราะพลิ้วคิดถึง" เสียงแว้ดเริ่มออกอาการสั่นเครือ คงอยากจะให้คู่สนทนารับรู้ความน้อยใจกระมัง

"ครับ ผมรู้แล้ว แต่ผมก็เป็นของผมอย่างนี้มาตั้งนานแล้วนี่ ถ้าคุณพลิ้วไม่ชอบ ก็.. "

"ชอบ" พลิ้วแพรสวนกลับเข้มหนัก "ชอบมาก และมากจนถึงขั้นรัก และรักหมดใจหมดทรวงหมดหน้าตัก กลับเมืองไทยไปคราวนี้ ถ้าไม่ได้แต่งงานกับพี่ตรงตามที่เคยรับปากสัญญากันไว้ละก็ พี่ตรงก็เตรียมตัวรับมือกับพายุร้ายที่ชื่อพลิ้วแพรได้เลย"

ตรงฉัตรเบนหน้านิ่ว แสบแก้วหูจะตาย หล่อนจะตะเบ็งเกรี้ยวกราดทำไม เขาตัดสายเลย เพราะเบื่อจะฟัง

จากนั้นก็ลุกกระฉับกระเฉง หอบหลักฐานเด็ดทั้งรูปทั้งคลิปลงไปสมทบกับเจ้าชีวิตนางพญาในห้องอาหารข้างล่าง ป่านนี้ คงบ่นพึมพำตามประสาเอาแต่ใจเยอะแต่ความอดทนในการรอคอยน้อยจัดจนโต๊ะร้าวไปหมดแล้วล่ะ




มันก็เป็นไปตามที่ตรงฉัตรอธิบายทั้งหมด รูปถ่ายพวกนี้มันวิเศษมาก แต่น่าเสียดายที่มันไม่ฉายความสัมพันธ์ของหล่อนกับเลขาเนื้อทองได้ชัดเจนมากพอ พันศิลป์ก็ต้องเห็นมันหมดแล้วล่ะ และคงไม่พอใจเพราะคิดได้แบบนี้เหมือนกัน

"คิดยังไงบ้างครับ" ตรงฉัตรอยากฟังความเห็น เจ้านายสาวใหญ่เงียบไปนานทีเดียว

"คิดว่าแม่คนนี้มันมีหัวทางนี้มากกว่าจะมาเป็นทนาย"

"อืม ตรงกับที่ผมคิด"

"คิดว่าถ้าเราสองคนเผลอเมื่อไหร่ ก็อาจจะเสียท่าให้แม่คนนี้เก็บภาพมารุนเราติดกำแพง"

"อืม อันนี้ก็ตรง"

"คิดว่าแม่คนนี้ก็พอมีบุญคุณอยู่บ้างที่อย่างน้อยหนึ่งในหลายรูปก็ช่วยให้เราลากคอไอ้สมเกียรติทรยศออกมาได้"

"เราจะคิดว่ามันเป็นบุญคุณครับคุณนา ถ้าคืนนั้นเธอไม่โผล่มาด้วย และไม่ได้มีเจตนาดีมาช่วยจับหัวขโมย"

ณพนาหยุดความคิด เหลียวไปมองหน้าขรึมของพ่อเลขาเนื้อทอง เขากำลังคิดอะไรอยู่ มันคงหมายถึงสิ่งที่เขาพูดและเหมือนว่ามันจะเป็นจุดเริ่มต้นที่จะทำอะไรบางอย่าง

"นายจะจัดการกับแม่คนนั้นหรือ" หล่อนเดินไปนั่งใกล้ กอดแขนใหญ่เหมือนรอลุ้นคำตอบ

"ไม่ควรทำอะไรเลยหรือครับ" ตรงฉัตรย้อนถาม

"นายจะทำอะไรเธอ อ้อ เดี๋ยวก่อน เธอสวยไหม"

คำถามนี้ไม่เข้าท่า แต่ตรงฉัตรก็อึ้งไป ใจก็เต้นรวนขึ้นมาเฉยๆ ที่น่าหงุดหงิดจริงๆ ก็ตรงที่เขาไม่กล้าสบตาคมแกมดุของณพนา หล่อนจะจ้องเขม็งทำไม ก็แค่คำถามไร้สาระ เขาคงไม่อยากจัดการกับปัญปัทม์เพียงเพราะว่าเธอสวยไหม

"บ้า" เพราะตอบไม่ถูกก็เลยด่าออกไป "อย่ามาถามไร้สาระ ผมชอบตอบคำถามที่มีประโยชน์ต่อการแก้ปัญหา"

"แล้วสวยไหมล่ะ แค่ตอบว่าสวย กับไม่สวย มันจะตายใช่ไหม หัวใจนายมันจะระเบิด เส้นเลือดขาด ชีพจรแตก"

"ไม่มีอะไรแล้วใช่ไหม ผมขอไปนอนก่อน อยากคิดเงียบๆ ว่าจะจัดการกับคุณปัญปัทม์ยังไง"

"ชื่อแม่คนนั้นหรือ"

"อืม"

การตัดบทดื้อๆ มันเกือบจะช่วยให้ตรงฉัตรหลุดพ้นจากแสงตาคาดคั้นเขม็งของณพนาอยู่แล้ว

แต่ร่างสูงใหญ่ที่เดินห่างเจ้านายสาวใหญ่ ไกลจากชุดรับแขก และย่ำบันไดขึ้นชั้นสองไปแล้วสองขั้นนี่สิ ที่มันเฉลยภายหลังว่าเขาเข้าใจผิดมหันต์ เพราะณพนาที่ทอดนาทีเงียบช่วงนั้นไว้ จำเพาะต้องโพล่งขึ้นมาว่า

"คิดว่าจะจัดการกับเธอยังไงก็ไม่เป็นไร แต่อย่าเผลอคิดยังไงกับเธอเข้าล่ะ"

ตรงฉัตรสะดุดขอบบันไดขั้นถัดไป ตัวคะมำหัวเกือบทิ่ม เขาทำเสียงไม่สบอารมณ์ในปาก ก่อนจะหันกลับไปทำหน้าเอาเรื่องใส่สาวใหญ่ที่ช่างหาเรื่องกว่า

หล่อนยักไหล่หลิ่วตา แต่รอยยิ้มมันคมไปหน่อย แหลมไปนิด จนเขารู้สึกวูบวาบเหมือนตกใจว่ามีแขกไม่ได้รับเชิญผลักประตูหัวใจโครม แล้วบุกรุกพรวดเข้ามาโดยที่เขา 'ยังไม่ได้เชิญ'

"ปากว่างมากใช่ไหม ดอกไม้ในแจกันไง กินๆ เข้าไป"

"ไม่กิน มีปัญหาอะไรไหม ฉันอยากพูดอะไรฉันก็พูด ฉันมีสิทธิ์ เพราะฉันนั่งอยู่ในบ้านของฉัน ตัวนายเองก็เป็นของของฉัน ทำไม ฉันจะพูดจะแหวใส่ทุกอย่างที่เป็นของฉัน มันผิดกฎหมายตรงไหน"

"น่าฟัง"

"ย่ะ ยังไงก็น่าฟังกว่าเสียงด่าสั่นๆ ของนาย เชอะ จะไปก็รีบไป หน้านายมันเจื่อนมาก ฉันว่าไม่ต้องฉีกหรอก แค่เกาๆ คิ้วคางปากจมูกมันก็ล่อนเหมือนผิวหนังหมดเซลล์"

"พูดดี"

"ย่ะ อยากให้คะแนนไหมล่ะ มาสิ"

ตรงฉัตรห่อปากอยากด่า หล่อนแบะอกทำท่าปลดตะขอหน้าของเสื้อชั้นใน ไม่มีใครเคยเห็นเจ้านายสาวใหญ่ของเขาเร่าร้อนฉูดฉาดได้เท่ากับเขาอีกแล้ว นี่ถ้าหล่อนทำแบบนี้กับคนอื่นเสียบ้าง ป่านนี้ พันศิลป์คงเป็นฝ่ายเต้นพลุ่งพล่าน

เพราะมาเฟียเจ้าเล่ห์ฉลาดลึกแบบนั้น ต้องใคร่ครวญได้อยู่แล้วว่าตัวเองเสียเปรียบมากแค่ไหน อย่าว่าแต่อยากหย่าเงียบๆ เลย ต่อให้ฟ้องครึกโครมว่าให้ตายก็ไม่หย่าเด็ดขาด ยังไงก็สู้ฤทธิ์เอาชนะของณพนาไม่ได้หรอก




ขำตัวเองจริงๆ ทำไมต้องมาครุ่นคิดว่าปัญปัทม์สวยหรือเปล่า เขาเผลอคิดถึงเธอบ่อยขึ้นตอนอยู่ตามลำพัง มันผิดปกติเขารู้ เพราะตลอดเวลาที่ผ่านมา ความเงียบมักจะปรากฏความคิดเรื่องงาน

การอยู่โดยไม่มีใครรบกวนในที่ส่วนตัวก็จะเห็นแต่ปัญหาของณพนา หรือแม้แต่ยามหลับ ความฝันที่แทรกแซงได้ก็มีแต่เงาของเจ้านายสาวใหญ่เข้ามาดูดดึงความจงรักภักดี

แต่ปัญปัทม์และเสียงมุ่งมั่นของเธอมันทำอย่างนั้นได้ ประกายตาดื้อรั้นคู่นั้นอีก มันไม่สวยหรอก แต่มันมีความแข็งแกร่งมั่นคงเจืออยู่ เขาชอบเลยในแวบแรกที่สบด้วย แล้วก็เก็บมาคิดถึงอย่างไม่มีเหตุผล ตอนนี้เล่า ก็กำลังคิดถึงเธออยู่ ใจมันวุ่นวายยังไงก็ไม่ทราบ

แทนที่จะเร่งหาคำตอบว่าเธอมาโผล่ในบริษัทในคืนสำคัญได้ยังไง กลายเป็นว่ามันรวนไปหมดเพราะโดนคำถามง่ายๆ ของณพนามาป่วน ก็ทำไมไม่ตอบไปเลยว่าไม่สวยแต่น่าสนใจ ไม่น่ารักแต่ก็น่าสนใจ ยิ่งได้รู้ว่าเธอเป็นทนายฝ่ายมาเฟียใจไม่นักเลงจริง เขาก็ยิ่ง 'สนใจ'

"สนใจอะไร ผมไม่ได้สนใจว่าคุณสวยหรือไม่สวยนะ ผมสนใจว่าคุณจะทำคดีนี้ยังไงให้จบแบบที่คุณพันศิลป์อยากได้"

ตรงฉัตรเหวี่ยงหมอนข้างแล้วลุกมานั่งเคร่งเครียด ห้องมันเงียบไปหน่อย ความคิดในสมองตื้อๆ ก็เยอะแยะ จึงต้องระบายมันออกมาบ้างผ่านเสียงที่ฟังแล้วคล้ายจะหันเหกลบเกลื่อนกับอะไรบางอย่าง

"มันไม่ง่ายหรอกที่คุณนาจะยอม เพราะถ้ายอมก็คงยอมไปตั้งนานแล้ว คุณยังไม่รู้อะไรอีกเยอะ แล้วผมก็เชื่อว่าคุณพันศิลป์จะไม่เล่าให้ฟัง ไม่มีใครอยากประจานเล่ห์เหลี่ยมของตัวเองเพื่อให้ตัวเองดูดีน้อยลง"

เขาลุกขึ้นเท้าสะเอว หงุดหงิดขึ้นจนอกมันคับๆ หรือว่าจะลงไปว่ายน้ำเล่นดี เผื่อว่าความคิดวุ่นวายจะได้ไหลออกไป สมองหายตื้อเร็วขึ้น

เขาอยากปลอดโปร่งเพื่อหาวิธีคาดคั้นเอาความจริงจากปัญปัทม์ วันสองวันนี้ เหมือนว่าเธอจะหายหน้าไป เขาไม่เดือดร้อน เพราะคิดว่าเดาได้ บาดแผลหัวเข่าแตกคงขังเธอไว้ที่บ้าน

ผู้หญิงคนนี้ไม่มีลักษณะของคนท้อแท้และถอดใจง่าย เธอมุ่งมั่นและแรงกล้าด้วยความดื้อสุดโต่ง และสิ่งที่ทำในบางครั้งก็ออกจะบ้าบิ่นพิลึกพิลั่น ซึ่งก็ไม่ค่อยพบเห็นได้จากคนทั่วไปบ่อยนัก

อย่างเช่นว่าวิ่งโง่ๆ ไปขวางนายสมเกียรติ พอโดนตบหน้าหัน ก็รีบแผดเสียงฟ้องเขา เหมือนว่าอยากขอคะแนนความกล้าหาญหน่อยเขายิ้มเอ็นดูอย่างไม่รู้ตัวเมื่อระลึกถึงเสียงฟ้อง ตอนนั้น เขาคิดว่าเธอน่ารักน่าตี ขณะเดียวกันก็น่าหักคอทิ้งด้วย

แต่นาทีไล่ล่ามันฉุกละหุกจนเขาไม่มีเวลาพิรี้พิไรกับความรู้สึกของตัวเอง นอกจากตัดบทให้เธอรีบวิ่งตามไป แล้วเธอก็ตามไปจริง ให้ยืมรถอย่างใจดีอีกด้วย

"คุณเป็นทนายที่ไม่มีพิษสง แต่กลับทำให้ผมรู้สึกกลัวลึกๆ "

เขาพึมพำออกมา ตอนนี้ ก็ย้ายออกมาสูดอากาศตอนตีหนึ่งหน้าระเบียงแล้ว ตาขรึมจับประกายวูบวาบกลางสระน้ำ ใจเต้นไปเองเมื่อปรากฏเงาใบหน้าของปัญปัทม์แทรกขึ้น

สิ่งที่เห็นชัดเจนมากก็คือแววตาดื้อรั้นมั่นคงคู่นั้น กับกิริยากัดปากมุ่งมั่นแกมยืนหยัดในความตั้งใจ เขาส่งยิ้มท้าทายลงไป แล้วพึมพำอีก

"ที่บอกว่ากลัว ไม่ใช่กลัวความสามารถนะคุณปัญปัทม์ คนสับเพร่าตาห่างและพูดน้ำท่วมทุ่งแบบคุณ ไม่น่าจะเก่งเกินกว่าที่ผมจะต่อสู้ด้วยไม่ได้ แต่ที่กลัวคือลูกบ้าของคุณมันมีเยอะ แต่ก็ดี ผมชอบคนใจถึง"

รอให้ได้เจอกันอีกครั้ง ปะหน้าปะตากันในระยะใกล้ชิด เขาจะวัดใจของเธอว่ามันเข้มข้นฮึกเหิมถึงระดับไหน ด้วยคำถามเดิมที่เคยถามไปแล้ว

"ผมจะเค้นจนกว่าคุณจะยอมคายคำตอบ เลิกคิดไปได้เลยว่าผมจะมองผ่านมันไป แล้วหันไปเดินตามเกมถ่ายรูปจับผิดที่คุณกำลังทำ คุณจะไม่มีวันได้รูปพวกนั้นแน่ สิ่งที่คุณคิดมันอาจจะถูกก็ได้ แต่รูปที่คุณอยากได้ไปประกอบยืนยันความคิด รับรองว่าจะไม่ได้"

พันศิลป์ไม่เป็นลูกผู้ชายเลย อกสามศอกเสียเปล่าๆ แต่หัวใจกลับคับแคบและมุ่งเอาชนะผู้หญิงตัวเล็กๆ ที่ได้ชื่อว่าเป็นภรรยา

มาเฟียชั่วดูออกอยู่แล้วว่าณพนาไม่มีอะไรไปต่อสู้ได้ แต่ก็ยังบีบคั้นลูกไก่บนฝ่ามือ ทุกวันนี้ ก็แสนสนุกสนานกับการหาเรื่อง เพลิดเพลินใจนักที่เห็นปากอ่อนเล็บอ่อนของลูกไก่กัดจิกฝ่ามือเลวอย่างพยายาม

ก็ใช่ มันเป็นการต่อสู้โง่ๆ ของณพนา สำหรับมาเฟียใจแคบก็สะใจดี แต่สำหรับเขาที่ยกชีวิตให้เป็นกรรมสิทธิ์ของหล่อนไปแล้ว การต่อสู้ที่ไม่ยุติธรรมแบบนั้น ก่อความเจ็บความแค้นขึ้นในใจที่แสนสงสาร

เขาจะช่วยณพนา จะลุยกับมาเฟียใจสกปรก ไม่ว่ายังไง เขาก็จะไม่ให้หล่อนพ่ายแพ้ สงครามพิศวาสจะต้องยื้อต่อไป ชั่วชีวิตก็ต้องยื้อ เว้นเสียแต่ว่าเขากับหล่อนจะเป็นฝ่าย 'ชนะก่อน'

จากคุณ : รัชนีกานต์
เขียนเมื่อ : 23 ก.ค. 55 07:48:56




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com