Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
สาปรักอังกอร์ ๒๒ : ปล่อยให้มันเป็นไป ติดต่อทีมงาน

๒๒ : ปล่อยให้มันเป็นไป





ในขณะที่เจ้าชัยเขตกำลังสืบหาความจริงอยู่นั้นเอง ปราชญาที่นอนพักรักษาอยู่ในโรงพยาบาล กำลังหนักใจกับอาการป่วยไม่ได้สติของชโลทรอยู่เช่นกัน หลังจากที่เขาได้ตรึกตรองอยู่หลายวัน ในที่สุดจึงตัดสินใจที่จะทำตามคำแนะนำของหมอที่จะส่งตัวคนไข้ไปรักษาที่โรงพยาบาลในบางกอก ซึ่งมีบุคคลากรและเครื่องมือที่ทันสมัยกว่า

ในฐานะที่เขาเป็นคนที่ชโลทรสนิทสนมด้วยมากที่สุด ด้วยคุณยายของเธอเคยเป็นคนสนิทของครอบครัวเขามาก่อน จึงไม่ยากที่จะเสนอตัวเป็นผู้ปกครองของเธอเพื่อทำให้ทุกอย่างง่ายขึ้น และทันทีที่โรงพยาบาลที่ติดต่อไปยืนยันกลับมา เขาจะเดินทางไปพร้อมกับเธอ และเมื่อเวลานั้นมาถึงเขาหวังแต่เพียงว่าอาการบาดเจ็บของตนเองคงจะใกล้หายเต็มที

“ไม่ต้องห่วงนะชล พี่จะต้องช่วยชลให้ถึงที่สุด ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตามพี่จะต้องทำให้เธอตื่นขึ้นมาให้ได้”

ชายหนุ่มนึกในใจ มือเรียวใหญ่เอื้อมมาปาดปอยผมที่หล่นมาปกหน้าของชโลทรที่นอนนิ่งด้วยความเอ็นดู ยืนมองหน้าสวยของคนนอนหลับอยู่ชั่วอึดใจจึงได้กลับห้องตัวเองไป โดยไม่ทันเห็นว่ามีร่างสูงใหญ่ของใครบางคนยืนมองอยู่ก่อนเช่นกัน ลับหลังปราชญาคนที่ยืนหลบอยู่จึงได้เดินออกมาหยุดตรงหน้าหญิงสาว พลางเอื้อมมือไปแตะที่ข้อมือของคนนอนหลับเบาๆ แต่ก็เพียงพอที่จะทำให้เขารับรู้เรื่องราวต่างๆ ผ่านทางสัมผัสพิเศษของตนเองได้

“ที่แท้คุณคือเจ้านางธารวารี แม้เราจะไม่รู้จักกันเป็นการส่วนตัว แต่ผมรู้ว่าคุณเป็นคนดี และมีความสำคัญ ต่อเจ้าพี่มหิยเตศวรและพี่นางเอกมินตรามากเพียงใด คุณเป็นจิ๊กซอร์ปริศนาอีกตัวที่จะขาดไปไม่ได้เลย มิน่าล่ะราชครูเวชยันต์ถึงกำชับให้ผมมาช่วยคุณให้ได้ แต่ผมไม่รู้ว่าจะไปตามหาคุณที่ไหน ไม่น่าเชื่อเลยว่าจะอยู่ที่นี่เอง ดีนะที่ตามนายปราชญามา เส้นผมบังภูเขาแท้ๆ เลย”

แต่ก่อนที่เจ้าชัยเขตจะทันได้คลายมนต์ที่สะกดให้หญิงสาว เสียงฝีเท้าหลายคู่ของพยาบาลที่มาเข้าเวรดังใกล้เข้ามา ชายหนุ่มจึงตัดสินใจเดินห่างออกมา ตั้งใจเอาไว้ว่าจะกลับมาใหม่ เพราะมันคงดูไม่ดีแน่หากใครมาเห็นเข้าแล้วเอาไปนินทา โดยเฉพาะคนที่รู้จักนายปราชญา หากเรื่องนี้ไปเข้าหูเขาเข้าคงเกิดเรื่องใหญ่ตามมาอย่างแน่นอน เพราะดูจากท่าทางสนิทสนมที่ปราชญาแสดงออกมา ทำให้หม่อมเจ้าชัยเขตมั่นใจว่าความสัมพันธ์ของทั้งสองคนคงไม่ใช่แค่รุ่นพี่รุ่นน้องกันอย่างแน่นอน

ร่างใหญ่อาศัยช่วงปลอดคนเดินหลบออกไปได้ในที่สุด แต่พอเดินพ้นมุมตึกออกมากลับชนเข้ากับใครบางคนเข้าพอดี อารามตกใจเมื่อเห็นคนตรงหน้าเซถลาเสียหลักจึงได้เอื้อมมือไปคว้าข้อศอกของหญิงสาวเอาไว้ แต่กลับต้องแปลกใจเมื่อจู่ๆ รู้สึกเหมือนกับว่าถูกไฟฟ้าช๊อต และสัมผัสพิเศษของตนนั้นเริ่มทำงาน  ก่อนภาพอดีตกาลจะหลั่งไหลพรั่งพรูผ่านมโนสำนึกของเขาไปอย่างรวดเร็ว ราวภาพยนตร์ที่ถูกเร่งให้ฉายเร็วขึ้นๆ  จนกระทั่งเสียงโวยวายร้องกรี๊ดดังขึ้นพร้อมๆ กับแรงสะบัดข้อศอก ทำให้สมาธิของหม่อมเจ้าชัยเขตขาดสะบัดลงในทันที หันควับไปมองหญิงสาวคนนั้นด้วยความแปลกใจ


“ว้าย…ตาเถรยายชี ไม่มีตาหรือไงชนเข้ามาได้ นี่...ปล่อยฉันได้แล้ว”  

“เอ๊ะ…คุณ…คุณคือคนที่ไปอาละวาดที่บ้านหมอเขมรนี่นา เป็นอะไรหรือเปล่าครับ ผมต้องขอโทษด้วยที่ไม่ทันระวัง”

“จำคนผิดแล้วมั้งคุณ หลีก...ฉันต้องรีบไป” พิมลหน้าซีดตกใจทันทีที่ถูกทัก ไม่คิดเลยว่าจะมีคนรู้จักเธอด้วยจึงรีบยกมือขึ้นป้องหน้าผากรีบเดินหนีไป ปล่อยให้หม่อมเจ้าชัยเขตมองตามมาด้วยความสงสัยจนลับมุมตึกไป

“รอเดี๋ยวสิคุณ ผมยังไม่รู้จักชื่อคุณเลย อ้าว…ไปเสียแล้ว” ชายหนุ่มตะโกนถามออกไป ก่อนจะนึกขึ้นมาได้ว่าไม่สมควรที่จะทำอย่างนั้น เพราะอาจทำให้หญิงสาวเข้าใจผิด คิดว่าสนใจเป็นพิเศษ ทั้งที่ความจริงแล้วเขาอยากจะรู้เรื่องบางอย่างจากเธอใจจะขาด จึงได้ยั้งปากเอาไว้ ได้แต่มองตามหญิงสาวแปลกหน้าไป ด้วยความเสียดาย ก่อนจะนึกขึ้นมาได้ว่าจะทำอะไรต่อไป

หลังจากผงะจากชายหนุ่มแปลกหน้ามา แทนที่พิมลจะเข้าไปในตึกผู้ป่วยเพื่อดูใครบางคนเหมือนอย่างที่ตั้งใจเอาไว้แต่แรก แต่ด้วยความกลัวว่าจะถูกคนอื่นจับได้ จึงเปลี่ยนใจกลับบ้านแทน อารามรีบร้อนไม่ทันสังเกตว่ามีใครบางคนแอบมองเธอจากหน้าต่างรถที่จอดอยู่ไม่ห่างออกไป ประกอบกับแสงไฟจากเสาไฟฟ้าส่องมาไม่ถึง ทำให้หญิงสาวไม่ทันเฉลียวใจว่าจะมีใครแอบตามมาจนกระทั่งกลับถึงบ้านในที่สุด หลังจากใช้เวลาไม่นานในการเก็บเสื้อและหาของที่ต้องการ หญิงสาวจึงผลุบหายเข้าไปในห้องน้ำเพื่อทำธุระส่วนตัว ช่วงเวลานั้นเองคนที่แอบติดตามมาจึงได้แสดงตัวออกมา

“สวัสดีขรับ กระผม…”

“แกเข้ามาในบ้านฉันได้อย่างไร ชะ…ช่วยด้วยค่ะ มีคนร้าย ใครก็ได้ช่วยด้วย”

“มะ…ไม่ใช่ขรับกระผมเป็นคนของ...โอ๊ย…เจ็บ ไม่ไหวแล้วเผ่นไปตั้งหลักก่อนดีกว่า”

“ไอ้บ้า ไอ้โจรห้าร้อยรีบออกไปจากบ้านฉันเดี๋ยวนี้เลย นี่แนะๆไอ้โจรใจเสาะเดี๋ยวแม่แพ่นกบาลแบะ ออกไปเดี๋ยวนี้เลย”

“กระผมไม่ใช่โจรนะขรับ โอ๊ย…ไม่ไหวแล้วกระหม่อม เจ็บไปหมดแล้ว” นายจันทร์คนขับรถร้องเสียงดัง วิ่งพล่านหลบด้ามไม้กวาดในมือเจ้าของบ้านเป็นพัลวัน กลับมาฟ้องเจ้านายที่นั่งรออยู่เบาะด้านหลัง ก่อนที่เจ้าของบ้านบ้าระห่ำจะมาถึงตัว รีบขับรถออกไปทันที

“เป็นอะไรไป ทำไมต้องวิ่งหนีถึงขนาดนี้ ฉันให้แกเข้าไปพบเจ้าของบ้าน แล้วนี่มันอะไรกัน”

“ไม่ไหวแล้วกระหม่อม ผู้หญิงอะไรไม่รู้มือหนักชะมัด ยังไม่ทันที่จะได้พูดอะไรเลย แม่ก็แพ่นกบาลไม่ยั้งเสียแล้ว อูย…หัวหูปูดไปหมดแล้ว ขอกลับออกมาตั้งหลักก่อนเถอะกระหม่อม ดีนะที่ยังไม่เอาลูกซองมาส่อง”

“ฮ่า ฮ่า ฮ่า แกนี่ใช้ไม่ได้เลย ใช้ให้ไปทำอะไรไม่เคยสำเร็จทุกที สมควรอยู่หรอกที่เจ้าของบ้านเขาจะทำแบบนั้น ค่ำมืดอย่างนี้ ผู้หญิงที่ไหนก็กลัวทั้งนั้นแหล่ะ ไป...กลับจวนได้แล้ว ค่อยมาใหม่วันหลังแล้วกัน”

หม่อมเจ้าชัยเขตหัวเราะร่วน เมื่อนึกถึงที่มาที่ไปที่ทำให้เกิดเหตุการณ์เข้าใจผิดกันขึ้น ขณะที่อีกคนนั่งหน้าปูด ปวดระบมไปตลอดทาง คืนนั้นพิมลกลัวจนไม่กล้าที่จะนอนค้างที่บ้านของตัวเองอย่างที่ตั้งใจเอาไว้แต่แรก จึงรีบขับรถไปบ้านญาติสนิทแทน นับตั้งแต่วันนั้นมาพิมลไม่กล้าที่จะกลับมาค้างที่บ้านและโผล่มาที่โรงพยาบาลอีกเลย ซึ่งเท่ากับเป็นการตัดหนทางของหม่อมเจ้าชัยเขตที่จะติดต่อกับเธอไปในที่สุด ทำให้ชายหนุ่มต้องกลับไปหาจิ๊กซอร์ตัวอื่นแทน

“เป็นอย่างไรบ้างจันทร์ ไม่มีใครอยู่หรือ”

“บ้านปิดเงียบเหมือนไม่มีใครอยู่เลย เอาอย่างไรดีกระหม่อม”

“ถ้าอย่างนั้นก็กลับ แต่เดี๋ยวพาฉันไปโรงพยาบาลก่อน”

“จะไปเยี่ยมคุณปราชญาหรือกระหม่อม ไม่แน่ใจว่าจะออกจากโรงพยาบาลไปแล้วหรือยัง วันก่อนได้ยินหมอคุยกันว่าใกล้จะหายเต็มที ”

“แน่นะ แต่ช่างเถอะอย่างไรเสียก็ต้องไปอยู่ดี เขาจะอยู่หรือไม่อยู่ก็มีค่าเท่ากัน ขอเพียงแต่คนที่ฉันจะไปหายังอยู่ก็พอ ออกรถได้แล้วจันทร์”

“กระหม่อม”

ใช้เวลาเพียงไม่นานหม่อมเจ้าชัยเขตก็เดินทางมาถึงที่หมายในที่สุด ชายหนุ่มรีบเดินตรงไปยังตึกผู้ป่วยในทันที แต่แทนที่จะแวะตึกผู้ป่วยชายเหมือนเคยกลับเดินเลยไป สร้างความสงสัยให้คนที่เดินตามหลังมาจนอดใจไว้ไม่ได้ต้องถามออกไป

“ตึกผู้ป่วยชายอยู่ทางนี้กระหม่อม”

“เออรู้แล้ว ไปรอที่รถก่อนไม่ต้องตามมา”

“กระหม่อม ว่าแต่ทางนั้นมันตึกผู้ป่วยหญิงนะกระหม่อม”

“ยังไม่รีบไปอีก เดี๋ยวพ่อเตะโดด ยุ่งไม่เข้าเรื่อง”

“ไปเดี๋ยวนี้แล้วกระหม่อม“


หม่อมเจ้าชัยเขตเดินมาหยุดที่หน้าเตียงของชโลทร ยืนมองคนนอนหลับนิ่งนานคล้ายกำลังคิดถึงบางอย่างอยู่ ก่อนจะเอื้อมมือขวาออกไปสัมผัสหลังมือของหญิงสาว ใจจดจ่อกับการทำสมาธิใช้ความสามารถพิเศษที่ติดตัวมา ย้อนกลับไปในอดีตของชโลทรหรือเจ้านางธารวารีโดยผ่านทางมโนจิต เพื่อค้นหาว่าหญิงสาวมีความเกี่ยวพันกับเขาและคนคนรอบข้างอย่างไรบ้าง ทว่าสิ่งที่เห็นกลับไม่มีอะไรแปลกใหม่ขึ้นมาเลย สร้างความประหลาดใจให้เป็นอย่างมาก

”ไม่เห็นอะไรเพิ่มขึ้นเลย ทำไมถึงไม่เห็นอดีตในโลกปัจจุบันของผู้หญิงคนนี้เลย เป็นเพราะอะไร หรือว่าจิตเราไม่แข็งพอ ที่จะย้อนภาพในโลกปัจจุบันได้ นี่หมายความว่าอะไรก็ตามที่เกิดขึ้นในโลกปัจจุบัน แม้จะเป็นอดีตไปแล้วเราจะไม่สามารถ มองเห็นได้อย่างนั้นหรือ ทำไมถึงเป็นแบบนี้ไปได้ แล้วการมองเห็นครึ่งๆ กลางๆ แบบนี้จะไปช่วยใครเขาได้ สู้ไม่รู้ไม่เห็นเสียเลยจะดีกว่า แต่ไหนๆ ก็มาแล้ว คงต้องทำตามคำขอร้องของท่านราชครู ช่วยปลดปล่อยมนตร์สะกดให้เธอเสียก่อนก่อนที่ใครจะมาเห็นเข้า โอม…นมัสศิวายะ ด้วยพลานุภาพแห่งองค์มหาเทวะ จงปลดปล่อยดวงวิญญาณของผู้หญิงคนนี้จากมนตร์ดำด้วยเทอญ“

สิ้นเสียงบริกรรมคาถา ทว่ากลับดูเหมือนว่าจะไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้นกับหญิงสาวที่นอนหลับอยู่เลยแม้แต่น้อย สร้างความผิดหวัง ให้คนที่คิดว่าตนหลงเชื่องมงายกับไสยศาสตร์มากจนเกินไป จนทำให้คาดหวังว่าคนที่นอนหลับไม่รู้สติมาหลายวันจะลืมตาตื่นขึ้นมาได้ ด้วยคาถาที่พูดออกไปไม่กี่คำ หม่อมเจ้าชัยเขตนึกพลางกระดากใจที่หลงเชื่อสิ่งลี้ลับง่ายๆ พาลโมโหตัวเองรีบเดินออกไปในทันที จึงไม่ทันเห็นแผงขนตาดกหนาของใครบางคนขยับเล็กน้อยก่อนจะนิ่งสนิทเหมือนเดิม นับแต่วันนั้นมาชายหนุ่มจึงไม่ยอมมาที่นี่อีกเลย จนกระทั่งวันหนึ่งหลังจากที่เขาได้แวะมาหาปราชญาอยู่หลายครั้งแล้วไม่พบ จึงได้ลองเสี่ยงเดินมาดูที่ตึกผู้ป่วยหญิงที่ชโลทรพักรักษาตัวอยู่แทน


“คิดแล้วว่าคุณต้องอยู่ที่นี่ วันนี้อาการของคุณชโลทรเป็นอย่างไรบ้าง ดีขึ้นบ้างไหม”

“ยังครับยังไม่มีอะไรกระเตื้องขึ้นเลย แต่ผมได้ปรึกษาคุณหมอแล้วว่าจะส่งตัวชล เอ่อ...หมายถึงชโลทรไปรักษาตัวที่กรุงเทพฯ เห็นว่าเครื่องไม้เครื่องมือพร้อมกว่าที่นี่มาก“

”จะส่งเธอไปเมื่อไหร่ แล้วอาการของคุณเล่าหายดีแล้วหรือ“

“อาการของผมเกือบหายสนิทแล้ว แต่ที่ยังไม่ไปเพราะต้องรอโรงพยาบาลทางโน้นตอบกลับมาก่อน น่าจะรู้ผลในเร็วๆ นี้“

”ขอให้คุณทั้งสองโชคดี ที่ผมมาวันนี้มีเรื่องอยากจะรบกวนสักหน่อย คุณพอจะมีเวลาบ้างไหม“

“มีอะไรหรือครับ ถ้าอย่างไรเรากลับไปคุยกันที่ห้องผมจะดีกว่า“

”ก็ดีเหมือนกัน เพราะคงจะต้องคุยกันยาวสักหน่อย“

“ถ้าอย่างนั้นเชิญครับเชิญ“ หม่อมเจ้าชัยเขตเดินตามปราชญากลับมายังตึกผู้ป่วยชาย ปล่อยให้เขาจัดการกับธุระส่วนตัวอยู่ชั่วครู่ใหญ่ จึงเริ่มชวนคุยเรื่องสัพเพเหระไปเรื่อยเปื่อย ก่อนจะวกเข้าประเด็นที่ตั้งใจเอาไว้ในที่สุด

” อย่าหาว่าละลาบละล้วงเลยนะคุณปราชญา ถามหน่อยเถอะว่าทำไมถึงได้มานอนอยู่ที่นี่ได้ ที่ผ่านมาได้ยินว่าคุณประสบอุบัติเหตุ มีอะไรมากกว่านั้นหรือเปล่า“

“ทำไมถามอย่างนั้น มีอะไรหรือเปล่าครับ“ ปราชญาแปลกใจเล็กน้อยที่จู่ๆ หม่อมเจ้าชัยเขตตั้งคำถามแบบนั้นขึ้นมา ทั้งที่เพิ่งจะรู้จักกันได้เพียงไม่นาน แต่ดูเหมือนว่าชายหนุ่มจะรู้เรื่องอะไรต่อมิอะไรเกี่ยวกับตัวเขามากกว่าที่คิดเอาไว้

”อืม…บอกตามตรงนะว่า ผมมีเรื่องที่อยากจะให้ช่วยสักหน่อย แต่จะเล่าอย่างไรดีล่ะ เอาเป็นว่าแสดงให้ดูน่าจะเข้าใจได้ดีกว่านะ หรือคุณว่าไง“

“ถ้าจะทำให้เข้าใจอะไรต่ออะไรที่เจ้าพูดถึงเข้าใจได้ง่ายขึ้น ก็ลงมือได้เลยครับ “

”ผมจะแสดงให้ดูเดี๋ยวนี้เลย แล้วคุณจะเข้าใจทุกอย่างเอง“

พูดจบหม่อมเจ้าชัยเขตเอื้อมมือไปสัมผัสท่อนแขนขวาของปราชญา พลางตั้งสมาธิใช้ความสามารถพิเศษ ในการหยั่งรู้พาชายหนุ่มย้อนเวลากลับไปในอดีตกาลนานนับพันปีผ่านทางมโนจิต ส่งถ่ายภาพเหตุการณ์ทั้งหมดทั้งมวล ที่เคยผ่านเข้ามาในมโนสำนึกของตนให้รับรู้จนหมดสิ้น ทำเอาคนที่นั่งนิ่งตกอยู่ในภวังคจิตถึงกับสะดุ้งตกใจเป็นระยะๆ ลุ้นระทึกไปทุกขณะจิตตามสถานการณ์ที่ได้เห็นในอดีต จวบจนทุกเรื่องราวสงบจบลง คนถูกพาไปย้อนอดีตถึงกับถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่

“นี่มันอะไรกัน เป็นไปได้อย่างไร ไม่อยากจะเชื่อเลย เจ้าทำได้อย่างไรครับ”

“เมื่อก่อนผมก็เคยรู้สึกเหมือนคุณ แต่เดี๋ยวก็ชินไปเอง ว่าแต่คุณเชื่อเรื่องพวกนี้หรือเปล่า”

“อืม…เจ้าจะแปลกใจไหมถ้าผมจะบอกว่าเชื่ออย่างสนิทใจเลยทีเดียว แม้ว่าก่อนหน้านี้จะเคยคิดว่า เรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดนั้นอาจมาจากการหมกมุ่นเรื่องงานมากจนเกินไป หรือไม่ก็คิดว่ามันเป็นเพียงแค่ความฝันของผมคนเดียว แต่พอมาได้รู้ได้เห็นเข้าจึงแน่ใจว่าไม่ได้คิดไปเอง แถมยังมีอีกหลายคนที่เกี่ยวข้องอีกด้วย เพียงแต่ไม่เข้าใจว่า อะไรคือสิ่งที่เชื่อมโยงคนเหล่านั้นเข้าด้วยกัน”

“ตรงนี้แหล่ะคือประเด็นสำคัญที่อยากจะให้ช่วย ความจริงผมได้พยายามสืบหาสาเหตุมาได้พักใหญ่แล้ว ก็ตั้งแต่…เอาเป็นว่าคุณอย่าเพิ่งรู้เลย รู้แต่ว่าตอนนี้เราต้องหาทางช่วยผู้หญิงสองคนนี้ให้ได้เสียก่อน”
หม่อมเจ้าชัยเขตละท้ายประโยคเอาไว้อย่างตั้งใจ ความจริงสิ่งที่เขาถ่ายทอดให้ปราชญาได้รับรู้นั้น ไม่ใช่เรื่องทั้งหมด แต่เป็นเพียงบางส่วนของเรื่องราวที่เจาะจงจะให้เห็นเท่านั้น มันเป็นเสมือนกำแพงความรู้สึกที่ผู้หยั่งรู้เช่นเขาสามารถทำได้ เพียงแต่ไม่คิดว่าคนอื่นก็สามารถทำได้เช่นเดียวกัน
“หมายถึงชโลทรกับท่านหญิงเพราพิลาสหรือครับ”

“ใช่ ความจริงชโลทรควรจะได้สตินานแล้ว เพราะผมได้ถอนมนตร์สะกดตามที่ราชครูเวชยันต์ ผมหมายถึงหมอเขมรคนนั้นให้แนะนำมา แต่ไม่รู้ว่าทำไมถึง…”

“ยังไม่ฟื้นสักทีใช่ไหมครับ”

“ผมก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน บอกตามตรงว่าจนปัญญาจริงๆ คงต้องรอดูกันต่อไป”

“แล้วทำไมเจ้าไม่ลองเอาคาถานั้นไปใช้กับท่านหญิงบ้างล่ะครับ เผื่อจะช่วยได้บ้าง”

“คิดอยู่เหมือนกัน แต่ว่ายังไม่มีโอกาส บางทีอาจจะไม่ได้ผลก็ได้นะ เพราะคนทำมันเป็นคนละคนกัน”

“เจ้าหมายถึงใคร ถ้าไม่ใช่หมอเขมรคนนั้น”


ปราชญาถามเสียงสูงค่อนข้างแปลกใจที่ยังมีเรื่องที่เขาไม่รู้เพิ่มเข้ามาอีก ทั้งที่ความจริงแล้วเขาน่าจะรู้เรื่องเหล่านั้นผ่านทางมโนจิตของหม่อมเจ้าชัยเขตทั้งหมด แต่ในขณะเดียวกันชายหนุ่มก็เข้าใจดีว่าสมองของคนเรานั้นมันซับซ้อนเกินกว่าจะจินตนาการไปถึง แม้ว่าจะเคยมีคนเปรียบเทียบว่าสมองของเราคนเรานั้นเปรียบเหมือนลิ้นชัก ทุกเรื่องราวที่อยู่ในความทรงจำมักถูกเก็บเอาไว้ในลิ้นชักเหล่านั้น ส่วนเรื่องที่ไม่มีความสำคัญจะถูกขจัดออกไป ไม่ถูกเอามาใส่ลงไป จึงไม่ใช่เรื่องแปลกเลยที่มีเรื่องราวมากมายที่ผ่านเข้ามาในช่วงชีวิตของเราจะหลงลืมหรือหายไปจากความทรงจำ เหมือนกับหลายๆ เรื่องราวที่คงยังฝังใจไม่รู้ลืม ไม่ว่าจะกี่ภพกี่ชาติก็ตาม เช่นเดียวกับหลายเรื่องราวที่ตนยังหาคำตอบไม่ได้มาจนถึงทุกวันนี้

“ตอนนี้คุณยังไม่จำเป็นต้องรู้ แต่อีกหน่อยก็จะรู้เอง ถ้าอะไรๆ มันเป็นไปอย่างที่คิดเอาไว้”

“ช่างลึกลับซับซ้อนเสียจริง ตกลงเจ้าต้องการให้ช่วยอะไรกันแน่”

“ผมและเจ้าพี่เตศวรอยากให้ช่วยตามหาของสิ่งหนึ่งที่หายไป ซึ่งคุณน่าจะรู้ดีกว่าใครว่าจะหามันได้จากที่ไหน”

“เจ้าเตศวรมาเกี่ยวกับเรื่องนี้ได้อย่างไร แล้วอะไรคือสิ่งที่คุณต้องการจากผม ถึงผมจะพอใจที่ได้รู้เรื่องที่ต้องการมากขึ้น แต่ไม่ได้หมายความว่าต้องตอบแทนโดยการทำสิ่งที่ไม่ถูกต้องไม่ใช่หรือ”
“อย่าเพิ่งหัวเสียสิคุณ ผมไม่ได้ให้ไปฆ่าใครสักหน่อย เพียงแต่อยากจะให้ช่วยตามหาลานเงินเท่านั้นเอง มันหายไปหลังจากศาสตราจารย์มาแลงตาย ของสิ่งนี้มีความสำคัญมาก เราต้องหามันให้เจอ ถึงจะรู้ว่าเรื่องราว ที่เกิดขึ้นในอดีตช่วงนั้นเป็นอย่างไรกันแน่”

“เจ้าแน่ใจหรือว่าจะได้คำตอบจากลานเงินพวกนั้น อย่าลืมสิว่าผู้ชนะมักเป็นผู้ที่เขียนประวัติศาสตร์เสมอ จะแน่ใจได้อย่างไรว่าเรื่องพวกนั้นเป็นเรื่องจริง”

“ผมก็คิดไม่ต่างจากคุณ แต่อย่าลืมสิว่าลานเงินนั้นเป็นของส่วนพระองค์ที่ถูกซุกซ่อนเอาไว้เป็นอย่างดี แสดงว่าไม่ต้องการให้ใครรู้ เพราะอาจมีเรื่องราวบางอย่างที่ต้องการปกปิดเอาไว้ หรือคุณคิดว่าอย่างไร”

“ก็อาจเป็นไปได้ แต่คงต้องขอเวลาหน่อย รอให้ผมส่งชโลทรไปรักษาตัวเสียก่อน แล้วจะจัดการให้”
“ยิ่งเร็วยิ่งดี ก่อนที่จะมีใครเป็นอะไรไปมากกว่านี้”

“เจ้าพูดเหมือนกับว่ามีใครคอยจ้องที่จะทำร้ายพวกเราอยู่อย่างนั้น ช่วยบอกหน่อยได้ไหมว่านอกจากผม เจ้า เจ้าเตศวร ชโลทร คุณบุษแล้ว ยังมีใครที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้อีก”

“ผมก็รู้เท่าที่คุณรู้นั่นแหล่ะ วันนี้เราพอแค่นี้ก่อน ผมมีงานต้องกลับไปสะสางให้เสร็จก่อนที่จะลงไปกรุงเทพ” ปราชญาอยากจะโพล่งออกมาว่าไม่จริง เพราะรู้แก่ใจดีว่ามีอีกหลายต่อหลายเรื่องที่เจ้าชัยเขตจงใจปิดบังเอาไว้ เพียงแต่ไม่อยากที่จะคาดคั้นถามไถ่ให้ขัดใจกันเลยเปล่าๆ จึงเก็บความสงสัยเอาไว้แต่ในใจ รอเวลาที่จะไขปริศนาเหล่านั้นเอง

ชายหนุ่มมองตามร่างสูงไปจนลับสายตา ในใจยังนึกถึงภาพเหตุการณ์ต่างๆ ที่แวบเข้ามาทางมโนสำนึกอยู่ไม่หาย ไม่เคยนึกฝันเลยว่าเรื่องราวในอดีตกาลที่ผ่านสายตาจะเคยเกิดขึ้นจริง รวมถึงความจริงที่ว่าเขาเคยเป็นใครมาก่อนในอดีต ทำให้เข้าใจมากขึ้นว่า ทำไมที่ผ่านมาเขาจึงมีความรู้สึกผูกพันห่วงหาเอกบุษยาเป็นอย่างมาก ก่อนจู่ๆ จะเลิกสนใจไปเฉยๆ แม้ไม่ถึงขั้นหมดใจ แต่ก็จางลงไปอย่างเห็นได้ชัด ขณะที่กลับมามีความรู้สึกเช่นนั้นอย่างรุนแรงกับชโลทรแทน

“ทำไมต้องเป็นชโลทร เพราะอะไร? ทำไมไม่ใช่เอกบุษยา ต้องมีอะไรมากกว่าที่เราเห็นแน่ๆ ว่าแต่มันคืออะไรกัน” คนนึกได้แต่ตั้งคำถามอยู่ในใจ เหตุการณ์ใดๆ ที่ได้รู้ได้เห็นมาไม่สามารถทำให้เขาเข้าใจได้สักที จึงวนเวียนคิดเรื่องนี้อยู่เกือบทั้งคืน จนกระทั่งเผลอหลับไปในที่สุด






มีต่อค่ะ

แก้ไขเมื่อ 25 ก.ค. 55 10:39:52

จากคุณ : Setakan
เขียนเมื่อ : 24 ก.ค. 55 14:20:08




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com