Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
มือสังหาร...........................................(เรื่องสั้น) ติดต่อทีมงาน

ลองเขียนแนวนี้มาสองเรื่องแล้ว ดูไม่เวิร์คเท่าไร

ขอลองอีกสักครั้งแล้วกันนะครับ

ขออภัยล่วงหน้า ถ้ายังไม่น่าสนใจ
.................................................................................................

เรื่อง: มือสังหาร

บ้อเช้ง (ไร้น้ำใจ) คือ ฉายาของบุรุษหนุ่มที่ถูกฝึกปรือให้เป็นมือสังหารนับแต่มันจำความได้

ในบรรดาสิบสามมือสังหารขององค์กรลับแห่งนี้ นับมันอายุน้อยที่สุด แต่พลังฝีมือ ไหวพริบปฏิภาณ และ ความอำมหิตเยือกเย็น กลับเหนือล้ำที่สุดในสิบสามมือสังหาร

ทั้งนี้เพราะมัน ไร้น้ำใจ ถึงที่สุด

พี่น้องมือสังหารของมันอีกสิบสองคนที่อายุ และความเป็นมาแตกต่างกันไป  แม้ถูกฝึกปรือมาด้วยกัน แต่ไม่มีใครรู้จักชื่อเสียงและโฉมหน้าที่แท้จริงของกัน  ทั้งนี้เพราะองค์กรจรงใจให้พวกมันสวมใส่ถุงคลุใหน้าสีดำตลอดเวลาที่อยู่ร่วมกัน หากผู้ใดฝ่าฝืนเปิดเผยโฉมหน้าต่อผู้อื่น หรือถูกเปิดโปงฐานะในระหว่างปฏิบัติภาระกิจลอบสังหาร มันผู้นั้นจะถูกองค์กรลงทัณฑ์อย่างอำมหิตที่สุดจวบจนสิ้นลมหายใจ

จากเดิมมีมือสังหารสิบเจ็ดคน จึงหลงเหลือเพียงสิบสามคนในวันนี้
……………………………………………………………………………………………

ในกลางดึกของคืนวันหนึ่ง บ้อเช้ง ได้รับคำสั่งลับเฉพาะ ให้ดำเนินการลอบสังหารบุคคลผู้หนึ่ง

คนผู้นี้ถูกระบุว่า จะโดยสารเกี้ยวสี่คนหาม ข้ามสะพานที่นอกเมืองแห่งหนึ่ง ในยามสามของวันรุ่งขึ้น

เป้าหมายที่สิบสามมือสังหาได้รับร มิเคยเปิดเผยชื่อความเป็นมา มิทราบว่าเป็นบุรุษหรือสตรี ชรา หรือ เยาว์วัย มีวิทยายุทธิ์ติดตัวหรือไม่

พวกมันเพียงต้องทำงานให้ล้มเหลวเท่านั้น ห้ามผิดพลาดเด็ดขาด!

ดังนั้น องค์กรจึงคัดสรรวิทยายุทธ์แขนงที่ล้ำเลิศที่สุด และอาวุธที่ดีที่สุดให้กับพวกมัน

ที่ บ้อเช้ง ฝึกคือ เพลงกระบี่ไวของ อาฮุย ในตำนาน อาวุธที่มันใช้คือกระบี่ที่หลอมตีขึ้นจากเหล็กกล้าที่หายาก คมกล้าสุดประมาณเล่มหนึ่ง
ด้ามกระบี่ยังซุกซ่อนด้วยอาวุธลับ แม้แต่โกร่งกระบี่ยังสามารถใช้ซัดออกแทนมีดบินได้ในยามคับขัน

ดังนั้น จวบจนบัดนี้ บ้อเช้ง ยังมิเคยลงมือผิดพลาดมาก่อน!

เพียงแต่ค่ำคืนนี้ บ้อเช้ง มีลางสัหรณ์อัปมงคลอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน……ลางสังหรณ์ที่ว่าภาระกิจของมันในค่ำคืนนี้อาจมีอันตรายถึงชีวิต!
……………………………………………………………………………………………

ยามสาม

บ้อเช้ง ในแภรณืรัดกุมดำสนิท ศรีษะคลุมผ้าดำปกปิดใบหน้า หมอบซุ่มอยู่ใต้สะพานหินแห่งนั้น รอคอยเวลาอย่างเยือกเย็น

เกี้ยวที่แบกด้วยคนงานสุงใหญ่กำยำสี่คนหลังหนึ่ง กำลังข้ามสะพานหินขึ้นมาอย่างรวดเร็ว

บ้อเช้ง ผนึกลมปราณเงี่ยหูสดับฟังเสียงบนสะพาน จำแนกออกว่าคนแบกหามเกี้ยวทั้งสี่ไม่มีวิทยายุทธิ์ เป็นเพียงกรรมกรหาเช้ากินค่ำ ฝีเท้าจึงหนักหน่วง ลมหายใจเร่งร้อน

เมื่อเกี้ยวบรรลุถึงกลางสะพาน บ้อเช้ง ก็กุมกระบี่ประจำกายสาดพุ่งขึ้นมาดุจดาวตกพาดผ่านฟากฟ้ายามราตรี รวดเร็วสุดบรรยาย!

ได้ยินคนในเกี้ยว อุทานดัง เอ๊ะ! คำหนึ่ง จากนั้นหลังคาเกี้ยวพลันแตกระเบิดออก เงาร่างสายหนึ่งสาดพุ่งขึ้นจากเกี้ยว สะบัดสองมือคราหนึ่ง ทวนยาวปลายพู่แดงด้ามหนึ่งแทงปราดเข้าใส่ บ้อเช้ง ที่ลอยคว้างอยู่ อย่างเร่งร้อน!

เสียงทวน กระบี่ ปะทะกันดังถี่ยิบ บ้อเช้ง ตั้งสมาธิมิให้ตื่นตระหนกในพลังฝีมือของศัตรูที่เบื้องหน้า ทั้งคนทั้งกระบี่สาดพุ่งเข้าหาบุรุษที่ใช้ทวนชนิดมิห่วงใยชีวิตแม้แต่น้อย!

บรุษที่ใช้มวน เมื่อเห็นเพลงกระบี่ที่ไม่คิดชีวิตชุดนี้ แววตาพลันทอประกายแตกตื่นสงสัยขึ้นวูบหนึ่ง เพียงชั่วพริบตานั้นเอง ปลายกระบี่ที่แหลมคมของ บ้อเช้ง ก็แทงสวบเข้าที่หัวใจของมันอย่างแม่นยำ!

บุรุษที่ใช้ทวน ใบหน้าบิดเบี้ยวด้วยความเจ็บปวด ก่อนจะใช้ลมหายใจเฮือกสุดท้าย เปล่งเสียงแหบโหยออกมาว่า

“เจ้า….คือ….บ้อ….เช้ง!”

จากนั้นล้มลงสิ้นใจตาย พร้อมทวนในมือ

บ้อเช้ง เองก็แตกตื่นตะลึงลาน ทั้งนี้เพราะในยุทธจักร ไม่มีผผู้ใดล่วงรู้การดำรงคงอยู่ของมัน ยิ่งไม่มีผู้ใดทราบฉายาของพวกมัน นอกจากคนในองค์กรเดียวกันเท่านั้น!

บ้อเช้ง ฝืนใจระงับความพลุ่งพล่านไว้ จากนั้นทรุดกายลงข้างศพบุรุษที่ใช้ทวน พลางยื่นมืออนสั่นเท้าถลกแขนเสื้อข้างขวาของศพขึ้นจนถึงข้อพบแขน
ที่ท้องแขนของศฑ ปรากกตัวอักษรจีนโบราณเป็นเลข “ห้า”!

บ้อเช้ง ต้องอุทานดัง อา! ออกมา จากนั้นมันใช้มือซ้ายเลิกแขนเสื้อข้างขวาของตนเอง ขึ้น ที่ท้องแขนของมันก็สลักอักษรจีนโบราณเป็นเลข “สิบสาม”!!!!

บ้อเช้ง ทราบในบัดดลว่า เป้าหมายในการสังหารของเขาครั้งนี้ กลับเป็นพี่น้องมือสังหารหมายเลขห้าสังกัดองค์กรเดียวกันสมญา “บ้อเมี้ย” (นิรนาม)!

นับแต่นั้น บ้อเช้ง ก็ถูกสิบเอ็ดมือสังหารที่หลงเหลือไล่ล่าผลาญชีวิตด้วยความผิดทรยศต่อองค์กร สังหารพวกพ้องเดียวกันอย่างอำมหิต!!!
……………………………………………………………………………………………

เวลาล่วงเลยมาสามเดือนเศษ

บ้อเช้ง ทางหนึ่งหลบหนีการไล่ล่า ทางหนึ่งเข่นฆ่าตอบโต้ สุดท้ายมันสังหารพี่น้องในองค์กรเหลือเพียงคนเดียว คือ พี่ใหญ่ มือสังหารหมายเลข “หนึ่ง” สมญา “บ้อเต็ก” (ไร้พ่าย)!

มาถึงขั้นนี้ บ้อเช้ง บังเกิดความคิดเปิดโปงความลับขององค์กรมือสังหารนี้ให้ทางการทราบก่อนจะตัดสินความเป็นตายกับพี่ใหญ่มือสังหารผู้ไร้พ่าย คนที่
แม้แต่ บ้อเช้ง เองก็ไม่มีความมั่นใจว่าจะสังหารมันได้โดยตัวเองยังคงมีชีวิตรอดกลับมา!

บ้อเช้ง ตัดสินใจลอบเข้าพบหัวหน้าองครักษ์วังหลวงในคืนนี้ มันวางแผนในใจว่า เมื่อเปิดเผยความลับขององค์กรมือสังหารให้กับองครักษ์วังหลวงเสร็จสิ้น มันจะนัดต่อสู้กับ บ้อเต็ก โดยมิต้องหลบซ่อนอีกต่อไป!

ดังนั้น ในตอนนี้มันจึงเผชิญหน้ากับหัวหน้าองครักษ์วังหลวงผู้เลื่องชื่อ ฮุ้นตงเฮาะ ฉายา มือเดียวค้ำฟ้า ฟังว่าภายใต้เงื้อมมือของมัน มิมีโจรร้าย มือสังหาร รายใดหลบรอดพ้น

มีเพียงคนผู้เดียวที่มีศักดิ์ศรีเหนือกว่ามัน………องครักษ์อันดับหนึ่งแห่งวังหลวง ผู้มีสถาระเร้นลับ มิมีผู้ใดเคยพบเห็นมาก่อน แต่วีรกรรมในการกวาดล้างฝ่ายอธรรมของมันในรอบสิบกว่าปีที่ผ่านมามากมายกว่า ฮุ้นตงเฮาะ นัก!

โอ๊วปวย คือชื่อของมัน และเนื่องเพราะในวังหลวงเพียงแต่ได้ยินวีรกรรมของมันโดยไม่เห็นหน้า จึงพากันขนานนามมันว่า “องครักษ์ไร้รอย”

แต่เนื่องเพราะสถาณะที่ลับสุดยอดของ โอ๊วปวย ที่รายงานตรงต่อองค์ฮ่องเต้ปัจจุบันเท่านั้น แม้แต่ ฮุ้นตงเฮาะ ก็ยังมิเคยพบพานซึ่งหน้า ดังนั้น ฮุ้นตงเฮาะ จึงยังคงสถาณะองครักษ์อันดับหนึ่งในวังหลวง และยุทธภพแต่เพียงผู้เดียวไว้ได้
……………………………………………………………………………………………

บ้อเช้ง บุกเข้าตำหนักองครักษ์วังหลวงอย่างเปิดเผย บรรดาองครักษ์นับร้อยกระจายกันล้อมมันไว้กึ่งกลางห้องโถงตำหนัก เบื้องหน้า ฮุ้นตงเฮาะ ที่นั่งอยู่บนเก้าอี้สูงในชุดหัวหน้าองครักษ์

บ้อเช้ง ยืนหยัดต่อหน้าองครักษ์นับร้อยอย่างอาจหาญ แม้รอาภรณ์จะขาดวิ่น บาดแผลเต็มตัว ผมเผ้าสยายรุงรังจากการหลบหนีการไล่ล่า และต่อสู้มิได้หยุดยั้งมาตลอดสามเดือน

ทันใดนั้น ฮุ้นตงเฮาะ พลันส่งเสียงแผ่วทุ้ม แต่เปี่ยมด้วยลมปราณ ดังกังวานทั้งห้องโถงว่า

“พวกเจ้าทุกคนจงถอยไปให้กับเรา เราจะสนทนากับมันเพียงลำพัง!”

คำสั่งของ ฮุ้นตงเฮาะ มิมีผู้ใดกล้าแข็งขืน ชั่วพริบตาเหล่าองครักษ์นับร้อยก็ถอยร่นอย่างเป็นระเบียบหายออกไปจากห้องโถงอย่างรวดเร็ว หลงเหลือเพียง บ้อเช้ง กับ ฮุ้นตงเฮาะ เพียงสองคน

บ้อเช้ง พลันกล่าวทำลายความเงียบขึ้นว่า

“ท่านคงเป็น หัวหน้าองครักษ์วังหลวง มือเดียวค้ำฟ้า ฮุ้นตงเฮาะ มิผิดแล้ว!”
ฮุ้นตงเฮาะ กล่าวตอบว่า

“มิผิด เราคือ ฮุ้นตงเฮาะ!”

“ข้าพเจ้า บ้อเช้ง มือสังหารคนที่สิบสามขององค์กรมือสังหารอเวจีที่ทางการหมายหัว วันนี้ต้องการเปิดเผยความลับขององค์กรลึกลับแห่งนี้เพื่อให้ทางการระดมกำลังกวาดล้าง”

ฮุ้นตงเฮาะ รับฟังด้วยท่าทีสงบนิ่ง มิตื่นตระหนกจน บ้อเช้ง ต้องลบชมเชยในใจ

“ที่แท้ก็เป็นหนึ่งในมือสังหารสังกัด “องค์กรสังหารจากอเวจี” ที่เราหมายกวาดล้างมานานปีนั่นเอง นี่เรียกว่าเหยียบย่ำจนรองเท้าสึกหรอมิพบพาน ยามได้มากลับมิยากเย็นจริงๆ เฮอะ เฮอะ!”

“ท่านพร้อมจะรับฟังความลับที่ข้าพเจ้าจะนำมาเปิดเผยหรือไม่?”

“เราพร้อมแล้ว เพียงแต่ต้องการให้ท่านเขียนออกมาเป็นลายลักษณ์อักษร!”
พูดจบ ฮุ้นตงเฮาะ ก็ลุกขึ้นนำทาง บ้อเช้ง ไปยังห้องหนังสือที่อยู้ดานในของตำหนัก พร้อมกับเชื้อเชิญให้ บ้อเช้ง ลงนั่งที่ดต๊ะเขียนหนังสือ

บ้อเช้ง ทำตามที่มันต้องการ โดยมิได้สังเกตุรอยยิ้มที่ผุดขึ้นที่มุมปากของ ฮุ้นตงเฮาะ อย่างมีปริศนา

ทันที่ที่ บ้อเช้ง ทรุดกายลงนั่ง เก้าอี้ที่โต๊ะหนังสือพลันปรากฏห่วงเหล็กเคลื่อนออกมาจากสองฟากข้างพนักพิงหลัง จากนั้นสวมเข้าหากันบีบรัด บ้อเช้ง ให้ติดกับเก้าอี้มิสามารถขยับกายได้!

ฮุ้นตงเฮาะ พลันระเบิดเสียงหัวร่อออกมา พร้อมกับกล่าวว่าจาที่ทำให้ บ้อเช้ง ต้องตื่นตระหนกว่า

“ฮา ฮา บ้อเช้ง เอย บ้อเช้ง พี่ใหญ่มิต้องเสียแรงต่อสู้กับเจ้า เจ้ากลับเดินเข้ามาให้เราเข่นฆ่าอย่างงายดาย ช่างน่าสมเพชนัก”

บ้อเช้ง ถามด้วยความแตกตื่นสงสัยว่า

“ท่านเป็นผู้ใดกันแน่?”

ฮุ้นตงเฮาะ แหงนหน้าหัวร่อเสียงกึกก้องอีกครั้ง จากนั้นมันพลันใช้มือข้างซ้ายฉีกกระชากแขนเสื้อแพรข้างขวาออกดังคว้าก เผยให้เห็นอักษรจีนโบราณที่ท้องแขนสลักคำว่า “หนึ่ง” อย่างชัดเจน!

“ที่แท้ท่านก็คือ พี่ใหญ่มือสังหาร……บ้อเต็ก!!!”

“ฮา ฮา และยังเป็นประมุของค์กรสังหารอเวจีอีกด้วย!!!”

บ้อเช้ง ที่เคยมีสีหน้าตื่นตระหนก เมื่อฟัง ฮุ้นตงเฮาะ เปิดเผยฐานะตนเองจนหมดเปลือก กลับมีสีหน้าท่าทีสงบลงอย่างประหลาด

ฮุ้นตงเฮาะ สังเกตุเห็นท่าทีเช่นนั้นของ บ้อเช้ง พลันชะงักเสียงหัวร่อลง เกร็งลมปราณขึ้นสิบส่วนป้องกันการจู่โจมกระทันหันของ บ้อเช้ง

ทันใดนั้น บ้อเช้ง พลันเงยหน้าขึ้นมองเพดานพร้อมกับกู่ร้องเสียงดังกังวานยาวนานขึ้น ราชองครักษ์วังหลวงร้อยนายพลันกรูกันเข้ามาพร้อคันมธนูในมือ รายล้อมทั้งคู่ไว้กึ่งกลางอย่างแน่นหนา!

ฮุ้นตงเฮาะ พลันมีสีหน้าตื่นตระหนกสุดระงับ เมื่อมันเห็นถนัดตาว่า คันธนูนับร้อยพุ่งเป้ามาที่มันหาใช่ บ้อเช้ง ไม่!!!!

ฮุ้นตงเฮาะ คล้ายคิดอะไรออกได้ ทันยกมืออันสั่นระริกชี้นิ้วไปยัง บ้อเช้ง ที่ยามนี้ลุกขึ้นจากเก้าอี้กลไกของตำหนักหัวหน้าองครักษ์อย่างปลอดโปร่งยืนมือไพล่หลังที่เบื้องหน้ามัน พลางกล่าวด้วยน้ำเสียงแหบแห้งสั่นเครือว่า

“นึกมิถึงว่า…….เจ้าคือ…….เจ้าก็คือ…………….”

บ้อเช้ง พลันยิ้มออกมาอย่างงามสง่า พลางกล่าวด้วยเสียงราบเรียบว่า

“ใช่แล้ว…………เราก็คือ…………โอ๊วปวย คนนั้น!!!”

สิ้นเสียง เกาทัณฑ์นับร้อยในมือองครักษ์ก็ระดมยิงเข้าใส่ร่าง ฮุ้นตงเฮาะ ราวกับฝูงตั๊กแตน ยิงจนร่างของ ฮุ้นตงเฮาะ พรุนเป็นเม่นตัวหนึ่ง!
……………………………………………………………………………………………
ขอบคุณที่อ่านจนจบครับ

จากคุณ : ไร้จิตไร้ใจ
เขียนเมื่อ : 24 ก.ค. 55 15:41:16




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com