มือสังหาร...........................................(เรื่องสั้น)
|
|
ลองเขียนแนวนี้มาสองเรื่องแล้ว ดูไม่เวิร์คเท่าไร
ขอลองอีกสักครั้งแล้วกันนะครับ
ขออภัยล่วงหน้า ถ้ายังไม่น่าสนใจ .................................................................................................
เรื่อง: มือสังหาร
บ้อเช้ง (ไร้น้ำใจ) คือ ฉายาของบุรุษหนุ่มที่ถูกฝึกปรือให้เป็นมือสังหารนับแต่มันจำความได้
ในบรรดาสิบสามมือสังหารขององค์กรลับแห่งนี้ นับมันอายุน้อยที่สุด แต่พลังฝีมือ ไหวพริบปฏิภาณ และ ความอำมหิตเยือกเย็น กลับเหนือล้ำที่สุดในสิบสามมือสังหาร
ทั้งนี้เพราะมัน ไร้น้ำใจ ถึงที่สุด
พี่น้องมือสังหารของมันอีกสิบสองคนที่อายุ และความเป็นมาแตกต่างกันไป แม้ถูกฝึกปรือมาด้วยกัน แต่ไม่มีใครรู้จักชื่อเสียงและโฉมหน้าที่แท้จริงของกัน ทั้งนี้เพราะองค์กรจรงใจให้พวกมันสวมใส่ถุงคลุใหน้าสีดำตลอดเวลาที่อยู่ร่วมกัน หากผู้ใดฝ่าฝืนเปิดเผยโฉมหน้าต่อผู้อื่น หรือถูกเปิดโปงฐานะในระหว่างปฏิบัติภาระกิจลอบสังหาร มันผู้นั้นจะถูกองค์กรลงทัณฑ์อย่างอำมหิตที่สุดจวบจนสิ้นลมหายใจ
จากเดิมมีมือสังหารสิบเจ็ดคน จึงหลงเหลือเพียงสิบสามคนในวันนี้
ในกลางดึกของคืนวันหนึ่ง บ้อเช้ง ได้รับคำสั่งลับเฉพาะ ให้ดำเนินการลอบสังหารบุคคลผู้หนึ่ง
คนผู้นี้ถูกระบุว่า จะโดยสารเกี้ยวสี่คนหาม ข้ามสะพานที่นอกเมืองแห่งหนึ่ง ในยามสามของวันรุ่งขึ้น
เป้าหมายที่สิบสามมือสังหาได้รับร มิเคยเปิดเผยชื่อความเป็นมา มิทราบว่าเป็นบุรุษหรือสตรี ชรา หรือ เยาว์วัย มีวิทยายุทธิ์ติดตัวหรือไม่
พวกมันเพียงต้องทำงานให้ล้มเหลวเท่านั้น ห้ามผิดพลาดเด็ดขาด!
ดังนั้น องค์กรจึงคัดสรรวิทยายุทธ์แขนงที่ล้ำเลิศที่สุด และอาวุธที่ดีที่สุดให้กับพวกมัน
ที่ บ้อเช้ง ฝึกคือ เพลงกระบี่ไวของ อาฮุย ในตำนาน อาวุธที่มันใช้คือกระบี่ที่หลอมตีขึ้นจากเหล็กกล้าที่หายาก คมกล้าสุดประมาณเล่มหนึ่ง ด้ามกระบี่ยังซุกซ่อนด้วยอาวุธลับ แม้แต่โกร่งกระบี่ยังสามารถใช้ซัดออกแทนมีดบินได้ในยามคับขัน
ดังนั้น จวบจนบัดนี้ บ้อเช้ง ยังมิเคยลงมือผิดพลาดมาก่อน!
เพียงแต่ค่ำคืนนี้ บ้อเช้ง มีลางสัหรณ์อัปมงคลอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน
ลางสังหรณ์ที่ว่าภาระกิจของมันในค่ำคืนนี้อาจมีอันตรายถึงชีวิต!
ยามสาม
บ้อเช้ง ในแภรณืรัดกุมดำสนิท ศรีษะคลุมผ้าดำปกปิดใบหน้า หมอบซุ่มอยู่ใต้สะพานหินแห่งนั้น รอคอยเวลาอย่างเยือกเย็น
เกี้ยวที่แบกด้วยคนงานสุงใหญ่กำยำสี่คนหลังหนึ่ง กำลังข้ามสะพานหินขึ้นมาอย่างรวดเร็ว
บ้อเช้ง ผนึกลมปราณเงี่ยหูสดับฟังเสียงบนสะพาน จำแนกออกว่าคนแบกหามเกี้ยวทั้งสี่ไม่มีวิทยายุทธิ์ เป็นเพียงกรรมกรหาเช้ากินค่ำ ฝีเท้าจึงหนักหน่วง ลมหายใจเร่งร้อน
เมื่อเกี้ยวบรรลุถึงกลางสะพาน บ้อเช้ง ก็กุมกระบี่ประจำกายสาดพุ่งขึ้นมาดุจดาวตกพาดผ่านฟากฟ้ายามราตรี รวดเร็วสุดบรรยาย!
ได้ยินคนในเกี้ยว อุทานดัง เอ๊ะ! คำหนึ่ง จากนั้นหลังคาเกี้ยวพลันแตกระเบิดออก เงาร่างสายหนึ่งสาดพุ่งขึ้นจากเกี้ยว สะบัดสองมือคราหนึ่ง ทวนยาวปลายพู่แดงด้ามหนึ่งแทงปราดเข้าใส่ บ้อเช้ง ที่ลอยคว้างอยู่ อย่างเร่งร้อน!
เสียงทวน กระบี่ ปะทะกันดังถี่ยิบ บ้อเช้ง ตั้งสมาธิมิให้ตื่นตระหนกในพลังฝีมือของศัตรูที่เบื้องหน้า ทั้งคนทั้งกระบี่สาดพุ่งเข้าหาบุรุษที่ใช้ทวนชนิดมิห่วงใยชีวิตแม้แต่น้อย!
บรุษที่ใช้มวน เมื่อเห็นเพลงกระบี่ที่ไม่คิดชีวิตชุดนี้ แววตาพลันทอประกายแตกตื่นสงสัยขึ้นวูบหนึ่ง เพียงชั่วพริบตานั้นเอง ปลายกระบี่ที่แหลมคมของ บ้อเช้ง ก็แทงสวบเข้าที่หัวใจของมันอย่างแม่นยำ!
บุรุษที่ใช้ทวน ใบหน้าบิดเบี้ยวด้วยความเจ็บปวด ก่อนจะใช้ลมหายใจเฮือกสุดท้าย เปล่งเสียงแหบโหยออกมาว่า
เจ้า
.คือ
.บ้อ
.เช้ง!
จากนั้นล้มลงสิ้นใจตาย พร้อมทวนในมือ
บ้อเช้ง เองก็แตกตื่นตะลึงลาน ทั้งนี้เพราะในยุทธจักร ไม่มีผผู้ใดล่วงรู้การดำรงคงอยู่ของมัน ยิ่งไม่มีผู้ใดทราบฉายาของพวกมัน นอกจากคนในองค์กรเดียวกันเท่านั้น!
บ้อเช้ง ฝืนใจระงับความพลุ่งพล่านไว้ จากนั้นทรุดกายลงข้างศพบุรุษที่ใช้ทวน พลางยื่นมืออนสั่นเท้าถลกแขนเสื้อข้างขวาของศพขึ้นจนถึงข้อพบแขน ที่ท้องแขนของศฑ ปรากกตัวอักษรจีนโบราณเป็นเลข ห้า!
บ้อเช้ง ต้องอุทานดัง อา! ออกมา จากนั้นมันใช้มือซ้ายเลิกแขนเสื้อข้างขวาของตนเอง ขึ้น ที่ท้องแขนของมันก็สลักอักษรจีนโบราณเป็นเลข สิบสาม!!!!
บ้อเช้ง ทราบในบัดดลว่า เป้าหมายในการสังหารของเขาครั้งนี้ กลับเป็นพี่น้องมือสังหารหมายเลขห้าสังกัดองค์กรเดียวกันสมญา บ้อเมี้ย (นิรนาม)!
นับแต่นั้น บ้อเช้ง ก็ถูกสิบเอ็ดมือสังหารที่หลงเหลือไล่ล่าผลาญชีวิตด้วยความผิดทรยศต่อองค์กร สังหารพวกพ้องเดียวกันอย่างอำมหิต!!!
เวลาล่วงเลยมาสามเดือนเศษ
บ้อเช้ง ทางหนึ่งหลบหนีการไล่ล่า ทางหนึ่งเข่นฆ่าตอบโต้ สุดท้ายมันสังหารพี่น้องในองค์กรเหลือเพียงคนเดียว คือ พี่ใหญ่ มือสังหารหมายเลข หนึ่ง สมญา บ้อเต็ก (ไร้พ่าย)!
มาถึงขั้นนี้ บ้อเช้ง บังเกิดความคิดเปิดโปงความลับขององค์กรมือสังหารนี้ให้ทางการทราบก่อนจะตัดสินความเป็นตายกับพี่ใหญ่มือสังหารผู้ไร้พ่าย คนที่ แม้แต่ บ้อเช้ง เองก็ไม่มีความมั่นใจว่าจะสังหารมันได้โดยตัวเองยังคงมีชีวิตรอดกลับมา!
บ้อเช้ง ตัดสินใจลอบเข้าพบหัวหน้าองครักษ์วังหลวงในคืนนี้ มันวางแผนในใจว่า เมื่อเปิดเผยความลับขององค์กรมือสังหารให้กับองครักษ์วังหลวงเสร็จสิ้น มันจะนัดต่อสู้กับ บ้อเต็ก โดยมิต้องหลบซ่อนอีกต่อไป!
ดังนั้น ในตอนนี้มันจึงเผชิญหน้ากับหัวหน้าองครักษ์วังหลวงผู้เลื่องชื่อ ฮุ้นตงเฮาะ ฉายา มือเดียวค้ำฟ้า ฟังว่าภายใต้เงื้อมมือของมัน มิมีโจรร้าย มือสังหาร รายใดหลบรอดพ้น
มีเพียงคนผู้เดียวที่มีศักดิ์ศรีเหนือกว่ามัน
องครักษ์อันดับหนึ่งแห่งวังหลวง ผู้มีสถาระเร้นลับ มิมีผู้ใดเคยพบเห็นมาก่อน แต่วีรกรรมในการกวาดล้างฝ่ายอธรรมของมันในรอบสิบกว่าปีที่ผ่านมามากมายกว่า ฮุ้นตงเฮาะ นัก!
โอ๊วปวย คือชื่อของมัน และเนื่องเพราะในวังหลวงเพียงแต่ได้ยินวีรกรรมของมันโดยไม่เห็นหน้า จึงพากันขนานนามมันว่า องครักษ์ไร้รอย
แต่เนื่องเพราะสถาณะที่ลับสุดยอดของ โอ๊วปวย ที่รายงานตรงต่อองค์ฮ่องเต้ปัจจุบันเท่านั้น แม้แต่ ฮุ้นตงเฮาะ ก็ยังมิเคยพบพานซึ่งหน้า ดังนั้น ฮุ้นตงเฮาะ จึงยังคงสถาณะองครักษ์อันดับหนึ่งในวังหลวง และยุทธภพแต่เพียงผู้เดียวไว้ได้
บ้อเช้ง บุกเข้าตำหนักองครักษ์วังหลวงอย่างเปิดเผย บรรดาองครักษ์นับร้อยกระจายกันล้อมมันไว้กึ่งกลางห้องโถงตำหนัก เบื้องหน้า ฮุ้นตงเฮาะ ที่นั่งอยู่บนเก้าอี้สูงในชุดหัวหน้าองครักษ์
บ้อเช้ง ยืนหยัดต่อหน้าองครักษ์นับร้อยอย่างอาจหาญ แม้รอาภรณ์จะขาดวิ่น บาดแผลเต็มตัว ผมเผ้าสยายรุงรังจากการหลบหนีการไล่ล่า และต่อสู้มิได้หยุดยั้งมาตลอดสามเดือน
ทันใดนั้น ฮุ้นตงเฮาะ พลันส่งเสียงแผ่วทุ้ม แต่เปี่ยมด้วยลมปราณ ดังกังวานทั้งห้องโถงว่า
พวกเจ้าทุกคนจงถอยไปให้กับเรา เราจะสนทนากับมันเพียงลำพัง!
คำสั่งของ ฮุ้นตงเฮาะ มิมีผู้ใดกล้าแข็งขืน ชั่วพริบตาเหล่าองครักษ์นับร้อยก็ถอยร่นอย่างเป็นระเบียบหายออกไปจากห้องโถงอย่างรวดเร็ว หลงเหลือเพียง บ้อเช้ง กับ ฮุ้นตงเฮาะ เพียงสองคน
บ้อเช้ง พลันกล่าวทำลายความเงียบขึ้นว่า
ท่านคงเป็น หัวหน้าองครักษ์วังหลวง มือเดียวค้ำฟ้า ฮุ้นตงเฮาะ มิผิดแล้ว! ฮุ้นตงเฮาะ กล่าวตอบว่า
มิผิด เราคือ ฮุ้นตงเฮาะ!
ข้าพเจ้า บ้อเช้ง มือสังหารคนที่สิบสามขององค์กรมือสังหารอเวจีที่ทางการหมายหัว วันนี้ต้องการเปิดเผยความลับขององค์กรลึกลับแห่งนี้เพื่อให้ทางการระดมกำลังกวาดล้าง
ฮุ้นตงเฮาะ รับฟังด้วยท่าทีสงบนิ่ง มิตื่นตระหนกจน บ้อเช้ง ต้องลบชมเชยในใจ
ที่แท้ก็เป็นหนึ่งในมือสังหารสังกัด องค์กรสังหารจากอเวจี ที่เราหมายกวาดล้างมานานปีนั่นเอง นี่เรียกว่าเหยียบย่ำจนรองเท้าสึกหรอมิพบพาน ยามได้มากลับมิยากเย็นจริงๆ เฮอะ เฮอะ!
ท่านพร้อมจะรับฟังความลับที่ข้าพเจ้าจะนำมาเปิดเผยหรือไม่?
เราพร้อมแล้ว เพียงแต่ต้องการให้ท่านเขียนออกมาเป็นลายลักษณ์อักษร! พูดจบ ฮุ้นตงเฮาะ ก็ลุกขึ้นนำทาง บ้อเช้ง ไปยังห้องหนังสือที่อยู้ดานในของตำหนัก พร้อมกับเชื้อเชิญให้ บ้อเช้ง ลงนั่งที่ดต๊ะเขียนหนังสือ
บ้อเช้ง ทำตามที่มันต้องการ โดยมิได้สังเกตุรอยยิ้มที่ผุดขึ้นที่มุมปากของ ฮุ้นตงเฮาะ อย่างมีปริศนา
ทันที่ที่ บ้อเช้ง ทรุดกายลงนั่ง เก้าอี้ที่โต๊ะหนังสือพลันปรากฏห่วงเหล็กเคลื่อนออกมาจากสองฟากข้างพนักพิงหลัง จากนั้นสวมเข้าหากันบีบรัด บ้อเช้ง ให้ติดกับเก้าอี้มิสามารถขยับกายได้!
ฮุ้นตงเฮาะ พลันระเบิดเสียงหัวร่อออกมา พร้อมกับกล่าวว่าจาที่ทำให้ บ้อเช้ง ต้องตื่นตระหนกว่า
ฮา ฮา บ้อเช้ง เอย บ้อเช้ง พี่ใหญ่มิต้องเสียแรงต่อสู้กับเจ้า เจ้ากลับเดินเข้ามาให้เราเข่นฆ่าอย่างงายดาย ช่างน่าสมเพชนัก
บ้อเช้ง ถามด้วยความแตกตื่นสงสัยว่า
ท่านเป็นผู้ใดกันแน่?
ฮุ้นตงเฮาะ แหงนหน้าหัวร่อเสียงกึกก้องอีกครั้ง จากนั้นมันพลันใช้มือข้างซ้ายฉีกกระชากแขนเสื้อแพรข้างขวาออกดังคว้าก เผยให้เห็นอักษรจีนโบราณที่ท้องแขนสลักคำว่า หนึ่ง อย่างชัดเจน!
ที่แท้ท่านก็คือ พี่ใหญ่มือสังหาร
บ้อเต็ก!!!
ฮา ฮา และยังเป็นประมุของค์กรสังหารอเวจีอีกด้วย!!!
บ้อเช้ง ที่เคยมีสีหน้าตื่นตระหนก เมื่อฟัง ฮุ้นตงเฮาะ เปิดเผยฐานะตนเองจนหมดเปลือก กลับมีสีหน้าท่าทีสงบลงอย่างประหลาด
ฮุ้นตงเฮาะ สังเกตุเห็นท่าทีเช่นนั้นของ บ้อเช้ง พลันชะงักเสียงหัวร่อลง เกร็งลมปราณขึ้นสิบส่วนป้องกันการจู่โจมกระทันหันของ บ้อเช้ง
ทันใดนั้น บ้อเช้ง พลันเงยหน้าขึ้นมองเพดานพร้อมกับกู่ร้องเสียงดังกังวานยาวนานขึ้น ราชองครักษ์วังหลวงร้อยนายพลันกรูกันเข้ามาพร้อคันมธนูในมือ รายล้อมทั้งคู่ไว้กึ่งกลางอย่างแน่นหนา!
ฮุ้นตงเฮาะ พลันมีสีหน้าตื่นตระหนกสุดระงับ เมื่อมันเห็นถนัดตาว่า คันธนูนับร้อยพุ่งเป้ามาที่มันหาใช่ บ้อเช้ง ไม่!!!!
ฮุ้นตงเฮาะ คล้ายคิดอะไรออกได้ ทันยกมืออันสั่นระริกชี้นิ้วไปยัง บ้อเช้ง ที่ยามนี้ลุกขึ้นจากเก้าอี้กลไกของตำหนักหัวหน้าองครักษ์อย่างปลอดโปร่งยืนมือไพล่หลังที่เบื้องหน้ามัน พลางกล่าวด้วยน้ำเสียงแหบแห้งสั่นเครือว่า
นึกมิถึงว่า
.เจ้าคือ
.เจ้าก็คือ
.
บ้อเช้ง พลันยิ้มออกมาอย่างงามสง่า พลางกล่าวด้วยเสียงราบเรียบว่า
ใช่แล้ว
เราก็คือ
โอ๊วปวย คนนั้น!!!
สิ้นเสียง เกาทัณฑ์นับร้อยในมือองครักษ์ก็ระดมยิงเข้าใส่ร่าง ฮุ้นตงเฮาะ ราวกับฝูงตั๊กแตน ยิงจนร่างของ ฮุ้นตงเฮาะ พรุนเป็นเม่นตัวหนึ่ง!
ขอบคุณที่อ่านจนจบครับ
จากคุณ |
:
ไร้จิตไร้ใจ
|
เขียนเมื่อ |
:
24 ก.ค. 55 15:41:16
|
|
|
|