Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
๐๐ ... สวนสัตว์สนาน ... ๐๐..(บทที่ 5) ติดต่อทีมงาน

"สวนสัตว์สนาน" (บทที่5)




บทที่ 5





“มิว!..มิว!..” เสียงแม่ตะโกนขึ้นมาจากชั้นล่างก้องโถงบันได


“คร๊าบ..” ผมยังฝันถึงหมาดำอยู่แม่เรียกแล้ว ไม่ได้นอนเลย..ลุกขึ้นเปลี่ยนเป็นชุดอยู่บ้าน..อ้าว!..เช้าแล้วนี่นา

“เร็วๆ หน่อย” แม่คงลืมว่าผมขาเจ็บพอๆ กับผมที่ลืมตัวรีบลงมาตามเสียงร้อง

“อะไรหรือแม่?” ถึงชั้นล่างเพิ่งรู้สึกแปลบๆ ที่ขา

“โน่น!..ที่หน้าร้าน”

“หือ..อะไรนี่” เปิดประตูออกไป..กลิ่นอุจจาระฉุนกึก..ยัง..ที่แย่กว่า..หมาดำผอมเหลือแต่กระดูกตัวหนึ่งนั่งทับอยู่บนกองอึนั้น..ซ้ำมันไม่ใช่กอง แต่เละเทะเต็มหน้าร้าน..ยิ่งกว่างง ผมทำอะไรไม่ถูกยืนมองเฉย..เช้าวานซืนดำมานอนอย่างไม่รู้สาเหตุ..เช้านี้หนักหนากว่า..เทพเจ้าแห่งความเมตตาส่งมาลองใจพวกเราหรือ?

“ทำไงดีล่ะมิว?”

“คงต้องล้างอึก่อนละแม่ แล้วค่อยคิดว่าจะทำอย่างไร” ผมเริ่มมีสติ..เข้าหลังบ้านหยิบสายยางออกมา นั่งยองๆ ฉีดน้ำให้พุ่งราบไปกับพื้นลงถนน..กลิ่นยิ่งคลุ้ง

“ล้างตัวมันด้วยนะ” แม่ยืนบีบจมูก

“ขับ..” ผมกลั้นหายใจเป็นระยะ..เจ้าตัวต้นเหตุนั่งทำไม่รู้ไม่ชี้ให้ผมฉีดน้ำล้างตัว ไม่ลุกหนี ไม่ขยับตัว

“ทำอะไรกันหรือครับน้ามิว” บัสร้องทักแต่ไกล

“หลบไปก่อน!..” ผมโบกมือไล่..บัสเลี้ยวรถไปฝั่งตรงข้าม..คงนำจักรยานมาคืน

“เล่นอะไรกัน” ยังไม่ทันเรียบร้อยดีบัสจูงรถข้ามมา ลุยน้ำที่ยังเจิ่งนอง มีเศษอึหลงอยู่ประปราย

“ไม่ฟังกันบ้าง..ดูสิ!..อะไรติดที่ล้อรถ ที่รองเท้าเรา..” ชี้ให้ดู “ขึ้นมาบนฟุตปาทเลยทั้งรถทั้งคน”

“อียยย์..” บัสเริ่มเข้าใจ รีบยกรถขึ้นตามที่ผมสั่ง

“มาแต่เช้า..” ฉีดน้ำไปที่ขาไล่ลงไปที่เท้า..ฉีดล้อรถ..วกกลับมาฉีดที่ขาอีก “นี่แน่ะ!..” อยากจะว่ากล่าวสั่งสอน แต่ที่ทำคือแกล้งฉีดน้ำใส่ปลายกางเกงสามส่วน

“น้ามิวแกล้งผม” บัสยิงฟันขาวใส่

“มิว..” แม่ส่งเสียงอยู่ที่ประตู..บรรยากาศเริ่มปกติ เหลือเพียงกลิ่นจางๆ สักพักลมคงพาไป “ดูให้ถนัดหน่อยสิ” แม่ออกมาข้างนอก

“ขามันลีบเหมือนหมาพิการ เดินได้หรือเปล่าไม่รู้..” ผมก้มลงพิจารณา “มาที่หน้าบ้านนี่ได้ไง”

“แล้วจะไล่มันไปไหนได้อย่างไร..” แม่กุมหัว “หน้าร้านสวยๆ ของชั้น”

“มันคงเดินไม่ได้..แต่ทำไม..เดี๋ยวนะแม่..” พูดกับแม่..ยกนิ้วชี้ขึ้นส่งสัญญาณให้เด็กยุ่งอยู่เฉยๆ..เดินเข้าบ้าน

ออกมาอีกทีพร้อมถุงมือยาง ขวดน้ำอัดลมเปล่าขนาดลิตรสองใบ..ตัดหัวท้ายขวดพลาสติกออกเป็นปลอกกลมกว้าง สวมถุงมือยาง ใส่ปลอกพลาสติกทั้งสองแขน

แม่เข้าบ้านไปพร้อมลูกค้าคนหนึ่ง..เสียงพึมพำว่าเหม็นอึ ตามด้วยคำอธิบายของแม่

“ทำอะไรครับ?” บัสสงสัย

“จะลากเจ้านี่แอบข้างทาง” ผมจับสะโพกหมาเปียกลากไปทางพุ่มไม้ข้างบ้าน

“อ๋อ..กันหมากัด” บัสผงกหัว

“ใช่แล้ว..ไม่รู้มันดุหรือเปล่า ถ้าถูกกัดต้องไปฉีดวัคซีนกันหมาบ้าอีก..” เพิ่งนึกอะไรได้ แต่ลืมนึกถึงบางอย่าง “บัสเข้าไปหยิบผ้าขี้ริ้วแห้งหลังบ้านให้หน่อย”

“อะ..ครับ..ผ้าขี้ริ้ว..” บัสเงอะงะก่อนจะเข้าบ้านไป

“มิว..” แม่โผล่ออกมา “หลานเข้าไปหลังบ้านทำไม”

“เอาผ้ามาเช็ดตัวหมาครับแม่”

ได้ผล!..สักพักหลานชายคนใหม่ของแม่กลับออกมาพร้อมผ้านุ่งของแม่ กางเกงนอนของผมและเสื้อยืดตัวเก่งที่ดูเผินๆ เหมือนผ้าขี้ริ้ว..กำๆๆ



สรุป..เจ้าหมาโปลิโอตัวนั้นต้องสิงสถิตอยู่หน้าบ้าน..แม่หาข้าวหายาให้มันกินตามมีตามเกิดผ่านแรงงานของผมบ้างของพี่สาวบ้าง แต่หน้าที่ล้างอึนั้นของผมแน่นอน

“หมี” คือชื่อที่แม่ตั้งให้..วันๆ ฟุบหลับโงกเงก มีหน้าที่กินข้าวกินน้ำกินยาและน้ำลายไหลร้องงี๊ดๆ ทักทายผู้คนที่ผ่านไปมา..เวลาแดดร้อนรู้จักกระดึบเข้าพุ่มไม้หาร่มเงา

วันหนึ่งหมีไม่สบายตัวร้อน ไม่ยอมกินอะไร อึราดทั้งวัน ขาอ่อนเปลี้ยไม่กระดุกกระดิก ยิ่งผมฉีดน้ำล้างตัวยิ่งร้อนมากขึ้น..ทั้งบ้านโดยเฉพาะแม่ลงมติให้พาหมีไปหาหมอ..จะอย่างไรดี ขนาดโจอี้น่ารักๆ ยังไปได้ยากลำบาก..นี้ไอ้หมี

“ผมพาไปเอง..” เสียงหนึ่งรับอาสาขณะสมาชิกกำลังประชุมอยู่หน้าบ้าน

ก่อนจะถึงบ้านผมสองหลังเป็นบริษัทเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์อะไรสักอย่าง มียามรักษาการณ์ตอนกลางคืน..ยามคนนี้เองที่ขันอาสา วันนี้เขามาทำงานเร็วกว่าปกติ

พี่ยามช้อนตัวหมีขึ้นอุ้มโดยไม่รังเกียจ ผมขับจักรยานตามไปห่างๆ จนถึงร้านคุณหมอวิไล..คุณหมอตรวจอาการ..ฉีดยา..ให้ยามากินตามโรคที่คิดว่าเป็น..พี่ยามอุ้มกลับ..พอดีถึงเวลาเข้างานของแก..การนี้แม่ให้ค่าเหนื่อยพี่ยาม 50 บาท และเป็นคนออกค่ารักษาทั้งหมด

หมีไปหาหมอทุกวันในระยะแรกๆ และค่อยเว้นห่างเมื่ออาการดีขึ้น

สองเดือนต่อมา..หมีแข็งแรงขึ้น ลุกยืนได้ในบางครั้ง เดินเข้าไปอึในพุ่มไม้ (คงรู้สึกเกรงใจผม แต่หารู้ไม่ว่าทำให้งานของผมลำบากกว่าเดิม)..แล้ววันหนึ่งหมีก็เดินได้ตามปกติแม้จะง่อนแง่นไม่มั่นคงนัก..อานิสงค์ครั้งนี้ทำให้หัวเข่าของแม่ที่ปวดอยู่เนืองๆ หายเป็นปลิดทิ้ง

เย็นวันหนึ่งพี่ยามเข้ามาดูอาการของหมี แสดงความหวังดีที่จะพาหมีไปตรวจเช็คโรค..แม่ไม่ให้ไปเพราะหมีอาการดีแล้วรอพักฟื้นให้ขาแข็งแรงเป็นปกติ (คุณหมอว่าหมีไม่ได้เป็นโปลิโอ เพียงแต่ขาดสารอาหาร)



“โครม!..” เสียงดังขึ้นกลางดึก..เสียงจากไหนสักแห่งไม่ใช่ที่บ้าน..ผมตื่นมาหาอะไรกิน..เงี่ยหูฟัง ไม่มีอะไรตามมาอีกจึงเลิกสนใจ

รุ่งขึ้น..เหตุการณ์เป็นปกติทั้งที่บ้านและละแวกใกล้เคียง เสียงเมื่อคืนคงเป็นเสียงลูกมะพร้าวตกใส่หลังคาบ้านใครสักหลัง..เช้านี้ผมไปทำงานแต่เช้าเพราะทำผิดพลาดไว้เมื่อวานต้องรีบไปแก้ไข..หลานสามคน (สามคน!)..แคร์ชินกับการข้ามถนน โจโตขึ้น แต่ที่เป็นหนุ่มพรวดขึ้นกว่าใครคือบัส เขาขันแข็งรับส่งน้องๆ อย่างมีประสิทธิภาพ

เย็นนั้น..สมาชิกทุกคนนั่งรอผมอยู่ที่ม้าหินหน้าบ้าน เห็นแต่ไกล

“น้ามิว..หมีขาหัก” แคร์ตะโกนรายงาน

“อะไรอีก..” บ่นในใจ..นึกล่วงหน้าถึงสิ่งที่จะต้องทำ..เหนื่อยเหมือนกันกับการแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นบ่อยๆ..ความดี..ทำมากๆ ก็เหนื่อยเหมือนกัน

“หน้ามุ่ย..” ไม่ใช่เสียงแม่หรือพี่สาว แต่เป็นเสียงของคนที่เพิ่งเป็นผู้ใหญ่ (เกินตัว)

“แม่ไม่รู้หรอกว่ามันขาหัก เห็นกินได้ตามปกติ แปลกใจเหมือนกันว่าไม่เดินเพ่นพ่าน ตอนบ่ายขามันบวมขึ้น จับดูร่องแร่งชอบกลจึงรู้”

“ได้ยินแว่วๆ หมีเป็นอะไรหรือครับ?” พี่ยามเข้ามาถูกเวลา

พี่ยามแบกหมีไปหาหมอตามเดิม..ผมเหนื่อยอย่างที่บอก เหนื่อยจากงานที่ยังแก้ไขไม่ลุล่วงด้วย เมื่อบัสอาสาจะขับจักรยานให้ผมซ้อนไปร้านหมอจึงตกลงอย่างไม่ต้องคิด

คุณหมอวิไลทักทายบัสอย่างนอบน้อม..ผมไม่เอะใจอะไร..หมีต้องเข้าเฝือก..ผมอยากเข้าเฝือกบ้างจะได้อยู่เฉยๆ..ภาระเรื่องหลานสองคนและงานจิปาถะบางอย่างมีหลานลูกครึ่งคอยช่วยอยู่แล้ว..แต่ผมคิดผิด

เพราะใช้เวลามากในการเข้าเฝือกพี่ยามจึงเข้างานสาย..ตอนพวกเราผ่านบริษัท พนักงานบางส่วนออกมายืนดักพบพี่ยาม..พี่ยามเหมือนจะรู้ตัวจึงใช้ผมและบัสบังให้พ้นสายตา โชคดีที่ไม่มีใครเห็นเพราะพลบค่ำแล้วด้วย..การมาสายสักครั้งไม่เห็นน่าเป็นเรื่องใหญ่โตอะไร..ด้วยความเป็นห่วง เสร็จจากหมีผมจึงย้อนกลับไปสังเกตการณ์

ใจความที่ได้ยินและเนื้อความที่ประมวลได้เล่นเอาขนหัวลุก..อะไรที่เห็น อะไรที่เคยได้ยิน บางทีก็ไม่ได้เป็นอย่างที่เราคิดเหมือนกัน

พี่ยามชี้แจงกับเจ้านายว่าเมื่อคืนมีสุนัขตัวหนึ่งวิ่งเข้ามาในบริษัท เขาวิ่งไล่ มันกลับวิ่งขึ้นบันไดไปถึงระเบียงชั้นสามและพลัดตกลงมาจนหลังคาด้านล่างแตกทะลุฝ้า..บอกอีกว่าสงสัยเป็นสุนัขที่นอนขาหักอยู่บ้านถัดไป

พี่ยามคนดีกลายเป็นไอ้ยามบัดซบไปทันที..ธรรมดาตอนหมีป่วยไอ้ยามได้รับค่าแรงวันละห้าสิบบาท ต่อมาหมีหายป่วยจึงไม่มีเงินพิเศษอย่างเคย..ด้วยความคิดอุบาท..เมื่อคืนกลางดึกไอ้ยามอุ้มหมีโยนลงมาจากระเบียงชั้นสามเพื่อให้ได้รับบาดเจ็บ ค่าแรงในการพาหมีไปหาหมอจะได้กลับมาอีก

ผมคิดน่ากลัวย้อนหลัง..ทำไมหมีถึงได้มานอนหน้าบ้านผมได้..ทำนองเดียวกันกับน้องหญิงเจิดจรัส..เคยได้ยินแต่เรื่องเด็กหรือคนแก่ที่คนใจร้ายนำมาปล่อยให้เป็นขอทาน..ไม่นึกว่าจะมีคนใช้สัตว์พิการหากินอย่างโหดเหี้ยม..ไอ้ยามสารเลว!

“โอ๊ะ!..” ยืนคิดเพลินๆ ไอ้ยามออกมาจากบริษัท..ต่างคนสะดุ้งตกใจ ผมรีบจ้ำกลับบ้าน..พอกันที



“เป็นอะไรไปน้ามิว?” บัสยังนั่งคอยอยู่ที่ม้าหิน..พักนี้บัสไม่ค่อยพูดครับกับผม บางทีตำแหน่งน้าก็หายไปเป็นมิวเฉยๆ ผมดุบ่อยๆ

“ไปตลาดกันเหอะ..” หนนี้นอกจากไม่ว่าแล้วผมยังชวนไปเที่ยวตลาดเสียอย่างนั้น..อาจเพราะเครียด อาจเพราะต้องการความเข้าใจ..จากนายบัสนี่นะ..ไม่ใช่..ไม่ใช่..จากรอบข้าง จากบรรยากาศ จากการนอกกรอบเสียบ้าง

“น้ามิวเครียดนะบัสรู้..” บัสแตะไหล่ผม..เพิ่งสังเกต เขาสูงเกือบเท่าผมแล้ว “ไปดูหนังกันดีกว่า”

“จะดีหรือ..ไม่ได้บอกใครด้วยสิ” ไม่รับคำหรือปฏิเสธ


บัสเรียกแท็กซี่..ผมตามขึ้นไปอย่างว่าง่าย

.

 
 

จากคุณ : ดาเรน
เขียนเมื่อ : 25 ก.ค. 55 08:40:07




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com