ขณะนั่งรถกลับบ้านพิมมาดาอดนึกถึงภูตหนุ่มขึ้นมาไม่ได้ เพราะแน่ใจว่าเขายังคงติดตามเธออยู่ตลอดเวลา แต่ที่น่าสงสัยก็คือระหว่างที่รถวิ่ง เขาจะทำยังไง เคลื่อนตัวตามเหมือนลมพัด นั่งบนหลังคาหรือห้อยอยู่ท้ายรถ พอนึกถึงตรงนี้หญิงสาวก็ขำพรวดออกมาเมื่อนึกถึงภาพภูตครามกำลังห้อยต่องแต่งอยู่ท้ายรถเมล์
เพราะออกจากที่ทำงานช้ากว่าทุกวันประกอบกับการจราจรติดขัดทำให้กว่าจะถึงบ้านก็ปาเข้าไปเกือบหนึ่งทุ่ม ความที่เหน็ดเหนื่อยจากการเดินทางทำให้หญิงสาวลืมนึกถึงภูธราไปชั่วขณะ จนเมื่อเธออาบน้ำรับประทานมื้อเย็นและไปนั่งเอนหลังในห้องรับแขกแล้วนั่นแหละเขาจึงปรากฏตัวออกมา แม้จะรู้สึกชินกับการโผล่มาอย่างปุบปับแต่พิมมาดาก็อดที่จะตกใจไม่ได้เหมือนกัน เธอสะดุ้งพร้อมกับอุทานเบาๆลงท้ายด้วยการบ่นออกมาสองสามคำ
จะออกมาทั้งทีก็น่าจะให้สุ้มให้เสียงกันหน่อย
ขืนทำแบบนั้นเจ้าจะตกใจมากกว่าภูตหนุ่มตอบพลางเหลือบตามองไปยังภาพในโทรทัศน์เจ้าดูอะไรอยู่
ข่าว ฉันอยากจะรู้เรื่องเมื่อเช้า
เจ้าหมายถึงคนงานสองคนนั่นน่ะเหรอภูตหนุ่มถาม พิมมาดามองหน้าทันที
หมายความว่าเขาสองคนคือโจรที่บุกเข้าบ้านฉันเมื่อคืน นายเลยตามไปกินพวกเขาใช่ไหม
เรื่องแรกน่ะใช่ แต่ข้าแค่ไปเตือนเท่านั้น พวกเขาใจเสาะตายไปเองต่างหาก
ภูธราพูดด้วยใบหน้านิ่งเหมือนไม่รู้สึกรู้สาในสิ่งที่เล่าเท่าใดนัก ต่างจากหญิงสาวที่มีสีหน้าตระหนก เธอขยับตัวถอยห่างจากเขาพร้อมกับพูด
ฉันไมเชื่อ
ก็ตามใจ แต่ข้าก็ยังยืนยันว่าไม่ได้ทำอะไรเขาอยู่ดี หนึ่งก็เพราะพวกมันขลาดเกินกว่าจะย้อนกลับมาหาเจ้าอีกครั้ง และสองตอนนี้ข้ายังไม่ หิว
พิมมาดาจ้องหน้าอีกฝ่ายเหมือนต้องการจะจับผิด แต่น้ำเสียงกับใบหน้าที่ดูจริงจังเหมือนะยืนยันว่าสิ่งที่พูดเป็นเรื่องจริง หญิงสาวจึงจำต้องทำใจเชื่อเขาในที่สุด ดูเหมือนภูธราจะเดาความคิดของเธอออกเพราะเขายิ้มและพูดเบาๆ
เชื่อข้าแล้วใช่ไหม
รอยยิ้มจริงใจกับดวงตาฉายความอบอุ่นทำให้ใบหน้าของพิมมาดาร้อนผ่าวขึ้นมาอย่างหาเหตุผลไม่ได้ หญิงสาวรีบแสร้งทำเป็นหันไปสนใจข่าวพร้อมกับพูดอุบอิบ
แค่เถียงไม่ขึ้นเท่านั้น ไม่ได้เชื่อสักหน่อย
เสียงหัวเราะเบาๆทำให้พิมมาดาหูผึ่งเพราะตั้งแต่เจอกันนอกจากรอยยิ้มที่นานๆจะผุดบนริมฝีปากแล้วภูตหนุ่มแทบไม่แสดงอารมณ์อะไรออกมาเลย เธอเหลือบมองภูธราและพบว่าตอนนี้เขากำลังมองออกไปนอกหน้าต่าง หญิงสาวจึงถือโอกาสพิจารณาเขาอย่างละเอียด เมื่อไม่ได้ตกอยู่ในความกลัว เธอจึงพึ่งสังเกตเห็นว่านอกจากแผ่นหนังที่ห่อหุ้มร่างกายท่อนล่างแล้วภูตหนุ่มผู้นี้ไม่ประดับเครื่องตกแต่งอย่างอื่นอีกเลย จะว่าไปหญิงสาวก็เพิ่งมองภูธราเต็มตาเป็นครั้งแรกและยอมรับในความจริงที่ว่าเขาเป็นคนที่มีหน้าตาหล่อเหลาเอาการ ไม่ใช่แบบพิมพ์นิยมที่สาวๆยุคนี้ชอบกัน แต่เป็นความหล่อแบบสุขุม เคร่งขรึมราวกับนักรบโบราณ ยิ่งเมื่อประกอบกับเรือนร่างสูงใหญ่กับแผงอกเปลือยเปล่าที่แน่นไปด้วยมัดกล้ามด้วยแล้วหากเป็นมนุษย์ภูตหนุ่มผู้นี้คงไม่พ้นตกเป็นอาหารอันโอชะของสาวๆ คิดพลางเลื่อนสายตาต่ำลงมาพิมมาดาก็ต้องเผลอตัวกลืนน้ำลายเมื่อเห็นมัดเนื้อหกลอนกับหน้าท้องราบเรียบ ไม่สงสัยเลยว่าทำไมนิลเนตรจึงออกอาการกรี๊ดกร๊าดตอนพูดถึงภูตหนุ่ม หญิงสาวคิดพลางไล่สายตาต่ำลงไปอีกใบหน้าเริ่มเข้มขึ้นเมื่อจิตนาการถึงสิ่งที่ซ่อนอยู่ภายใต้แผ่นหนังที่ปกปิดกายท่อนล่างเอาไว้ อาการเงียบผิดปรกติของเธอทำให้ภูธราต้องหันมาเอ่ยปากถามด้วยความสงสัย
เจ้ากำลังคิดอะไรอยู่
ป...เปล่าพิมมาดารีบแก้ตัวเป็นพัลวันพร้อมกับสะบัดหัวแรงๆเหมือนต้องการจะไล่ภาพร้อนฉ่าออกไป ภูตหนุ่มมองเธอด้วยความเป็นห่วง
เจ้าหน้าแดง ไม่สบายหรือเปล่า
ฉันไม่เป็นไร แค่ร้อนนิดหน่อยเท่านั้นเอง หญิงสาวรีบพูดและแกล้งทำเป็นยกแก้วน้ำขึ้นมาดื่ม ภูธราจึงยกมือขึ้นกอดอกและมองเธอนิ่งอยู่ครู่หนึ่งจึงพูดขึ้น
ผู้หญิงคนนั้น เพื่อนของเจ้าเป็นคนดี
พิมมาดาชะงักและทำท่าคิด เมื่อนึกขึ้นได้ว่าอีกฝ่ายหมายถึงใครเธอจึงพยักหน้า
อ๋อยายนิล รายนั้นน่ะเป็นพวกปากกับใจตรงกัน เห็นโผงผางแบบนั้นแต่เอาเข้าจริงเป็นคนใจอ่อนจะตายหญิงสาวหันไปมองภูตหนุ่มแล้วนายล่ะ
ข้า?ทำไม? ภูธราถามกลับด้วยความงุนงง พิมมาดาคว้าหมอนอิงมากอดและเอนตัวไปข้างหน้าเล็กน้อย
ก็พวกเพื่อนของนายน่ะ พวกเขาเป็นยังไงไม่เห็นเล่าให้ฟังบ้างเลย
ข้าไม่มีเพื่อน ภูตหนุ่มตอบเสียงเรียบและหยุดนิ่งเหมือนนึกได้ที่คุยด้วยก็มีแค่มฤตคนเดียวเท่านั้น แต่เราก็ไม่ได้สนิทพอที่จะเรียกได้ว่า เป็นเพื่อนกัน
หมายความว่ายังไงหญิงสาวซักด้วยความอยากรู้ ภูธราทำท่าคิดเหมือนต้องการจะหาคำพูดที่เหมาะสมมาอธิบาย
การดำเนินชีวิตของภูตครามเป็นแบบต่างคนต่างอยู่ ถึงจะมีหัวหน้าเป็นผู้ดูแล แต่พวกเราจะไม่ยุ่งเกี่ยวต่อกัน สำหรับมฤตกับข้าที่พูดคุยกันก็เพราะเราสองคนถูกเลือกให้เป็นหัวหน้ารุ่นต่อไป
พิมมาดาทำตาโตและพูดด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น
โอ้โห เป็นหัวหน้าทั้งสองคนเลยเหรอ
แค่คนเดียวเท่านั้น แต่ข้าไม่สนใจตำแหน่งพวกนี้หรอก
บอกเพียงแค่นั้นก็หยุดพูดไปเสียเฉยๆ หญิงสาวขมวดคิ้ว
ทำไมล่ะ
ข้าอยากอยู่กับเจ้ามากกว่า
คำพูดสั้นๆแต่ก็ทำให้แก้มของพิมมาดาแดงระเรื่อขึ้นมา หัวใจของหญิงสาวเต้นแรงจนแทบจะทะลุออกมาจากอกจนเธอต้องกระชับหมอนให้แน่นขึ้นเหมือนต้องการกดให้มันอยู่ในทรวงก่อนจะเลี่ยงไปพูดเรื่องอื่น
แล้ว เอ้อเธอสูดลมหายใจเข้าเพื่อสะกดอารมณ์ที่กำลังวิ่งพล่านถ้านายไม่มีเพื่อนก็น่าจะมีคนรักเอาไว้พูดคุยเล่นบ้าง
ภูตครามไม่มีผู้หญิง
ภูธราตอบด้วยน้ำเสียงราบเรียบแต่พิมมาดากลับเบิกตากว้าง
ไม่มีผู้หญิง แล้วพวกพวกนายสืบเผ่าพันธุ์กันได้ยังไงใบหน้าแดงเหมือนนึกขึ้นได้ว่าไม่ควรหลุดประโยคนี้ออกมาก่อนจะรีบปรับแก้ฉันหมายถึงพวกนายอยู่กันได้ยังไงน่ะ มีแต่ผู้ชาย
แล้วมันแปลกตรงไหนหรือภูตหนุ่มย้อนถามพลางยื่นมือออกไปนอกหน้าต่างเพื่อรับกิ่งหอมเจ็ดชั้นที่ยื่นช่อดอกเข้ามาหาข้าเข้าใจเรื่องที่เจ้าพูดเมื่อครู่ดีว่าหมายถึงอะไร ดังนั้นจะบอกให้รู้ว่าภูตครามไม่ได้เกิดจากชายหญิงเหมือนสัตว์หรือมนุษย์หากแต่ถือกำเนิดมาจากพลัง ธรรมชาติของผืนป่า
ฉันไม่เข้าใจ พิมมาดาทำหน้างง ภูธราจึงอธิบาย
ป่าประกอบไปด้วยต้นไม้หลายล้านต้น แต่ละชนิดนั้นมีทั้งจิตและพลังวิญญาณแอบแฝงอยู่แม้จะน้อยนิดหากเทียบกับสัตว์หรือมนุษย์แต่เมื่อเวลาผ่านไปหลายร้อยปีพลังที่ว่านั่นก็จะรวมตัวกันและเคลื่อนไปยังต้นไม้เก่าแก่ที่สุดในป่า หลังจากดูดกลืนอาหารแบบเดียวกับพืชพรรณอยู่ชั่วระยะเวลาหนึ่งจิตวิญญาณเหล่านั้นก็จะเปลี่ยนสภาพและผุดออกมาจากต้นไม้ดุจหน่อไผ่ที่โผล่พ้นดิน ช่วงแรกภูตครามยังคงเป็นเพียงคลื่นพลังงานที่ลอยล่องไปทั่วป่า แต่พอได้สูบกินวิญญาณไปได้สักพักเราก็จะมีรูปร่างที่เหมือนมนุษย์และแข็งแกร่งขึ้น จากนั้นสัญชาตญาณจะดึงพวกเราให้ไปรวมกัน
ฟังเหมือนพวกนายเกิดขึ้นได้ยากมาก
แต่ก็สูญสลายไปได้ยากเช๋นเดียวกันภูธราพูด เมื่อมีภูตครามคนใหม่เข้ามา คนเก่าก็จะแตกสลายหายไป ถึงจะไม่ทันทีแต่ก็จะมีคนหนึ่งสูญสิ้นเมื่อถึงเวลา
นึกว่าพวกนายจะมีชีวิตเป็นอมตะ พิมมาดาพึมพำ ภูตหนุ่มสั่นศีรษะ
ไม่มีใครอยู่ค้ำฟ้าหรอก
แล้วนายหญิงสาวทำท่าลังเลก่อนตัดสินใจถามอายุเท่าไหร่
ข้าไม่เคยนับ แต่ถ้ามองจากช่วงเวลาแล้วน่าจะอยู่ในราวร้อยปี
ร้อยปีพิมมาดาอุทานอย่างตื่นตะลึงและมองภูธราไล่ตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้าอย่างไม่เชื่อสายตาเพราะเท่าที่เห็นเหมือนเขาจะมีอายุประมาณ 25 ถึงจะมากกว่านั้นแต่ก็ไม่น่าจะเกิน 30 ปี
ภูตครามเป็นแบบนี้เหมือนกันหมดทุกคนหรือเปล่า
เธอถาม อีกฝ่ายผงกศีรษะ
ส่วนใหญ่จะเป็นแบบนั้น พวกข้าถือกำเนิดในรูปลักษณ์นี้และสูญสิ้นด้วยลักษณะแบบนี้เช่นเดียวกัน
น่าอิจฉา หญิงสาวพึมพำ ภูธราเลิกคิ้ว
จะอิจฉาทำไมในเมื่อพวกเจ้ามีทั้งอารมณ์และความรู้สึกนึกคิด อีกอย่างมนุษย์สามารถทำในสิ่งที่ภูตครามไม่อาจทำได้ หากไม่นับความเห็นแก่ตัวที่ฝังอยู่ในใจแล้วพวกเจ้าเป็นสิ่งมีชีวิตที่แสนวิเศษกว่าสัตว์ทุกตัว และนั่นเป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่เราเลือกกินวิญญาณของมนุษย์
พูดเสียดิบดีลงท้ายน่าขนลุกเป็นบ้า เสียงพิมมาดาบ่นอุบพลางขยับถอยห่างภูตหนุ่มออกไปอีกนิด แล้วนายกินมนุษย์ด้วยวิธีไหน
กลัวแล้วยังอุตส่าห์อยากรู้ภูธราพูดด้วยใบหน้ายิ้ม พวกเราไม่ได้กินแบบเดียวกับสัตว์และไม่เหมือนพวกผีป่าที่สูบเลือดหรือกินเครื่องใน พูดพลางยื่นมือมาข้างหน้า
แค่สัมผัสเบาๆวิญญาณของพวกเจ้าก็จะถูกดูดออกมาจนหมด ใช้เวลาไม่นานหรอกแค่พริบตาเดียวเท่านั้น ข้ารับรองได้เลยว่าเหยื่อทุกตัวจะไม่รู้สึกเจ็บหรือทรมาน
เขาดึงมือกลับเมื่อเห็นสีหน้าซีดเผือดของหญิงสาว เหมือนจะรู้ว่าเธอกำลังหวาดกลัวภูตหนุ่มรีบพูด
ไม่ต้องห่วง ต่อให้หิวจนร่างสลายข้าก็จะไม่มีวันทำเช่นนั้นกับเจ้า
สัญญานะ ถึงจะไม่แน่ใจว่าอีกฝ่ายจะเข้าใจในสิ่งที่พูดหรือไม่แต่พิมมาดาก็อดที่จะร้องขอออกมาไม่ได้ แต่ภูธรากลับส่งยิ้มให้เธอ
ข้าสัญญา
หญิงสาวถอนใจอย่างโล่งอกแม้จะไม่มากนักแต่ก็ยังรู้สึกสบายใจขึ้นมาบ้าง เธอปิดโทรทัศน์และเดินไปปิดหน้าต่างหลังจากตรวจดูจนแน่ใจว่าทุกบานแน่นหนาดีแล้วเธอจึงไปที่บันไดแต่ก่อนจะก้าวขึ้นไปหญิงสาวหันกลับไปที่ภูตหนุ่มอีกครั้งพร้อมกับภูต
ห้ามย่องเข้าไปหาฉันตอนหลับอย่างเด็ดขาด
ภูธรายิ้ม
ลืมไปแล้วหรือว่าข้าแตะต้องเจ้าไม่ได้
พิมมาดามองเขาอย่างชั่งใจและพยักหน้าในที่สุด
จริงด้วยสิ งั้นราตรีสวัสดิ์
เธอพูดก่อนจะวิ่งขึ้นไปยังชั้นบนโดยมีสายตาของภูตหนุ่มมองตาม เมื่อเห็นหญิงสาวปิดไฟทุกดวงหมดแล้วร่างของเขาจึงเลื่อนผ่านประตูออกไปด้านนอกและลอยไปหยุดอยู่ที่หน้าต่างห้องของพิมมาดาโดยเร้นกายเข้ากับความมืดเพื่อไม่ให้เธอต้องตกใจ เช่นเดียวกับทุกคืนเมื่อหญิงสาวล้มตัวลงนอน สายลมเย็นก็พัดพรูเข้าไปในห้องนำพากลิ่นหอมของดอกจำปีให้กำจายไปจนทั่วสร้างความสุขต่อผู้ที่กำลังหลับไหลให้นิทราอย่างเป็นสุขตลอดทั้งคืน
*/*/*/*
อยากจะให้หนูพิมเริ่มมีความประทับใจภูธรา เลยให้เขาเล่านั่นนิดนี่หน่อยไปทีละน้อย แต่ความรักถ้าจะเกิดมันก็ไม่ต้องการเวลาหรอกค่ะ ยิ่งภูตน่ารักแบบนี้ใครจะอดใจไว้ได้ ^^
ภูตผี ถ้ามาดี น่ากลัวน้อยกว่าคนร้ายซะอีก จากคุณ : กุหลาบมอญ - มูนนี่ก็คิดแบบนั้นเหมือนกันค่ะ มนุษย์ด้วยกันเองยังเดาใจยากกว่าผีหรือภูตเสียอีก
ตอนนี้ก็ยังได้ดูอาบน้ำอีก...!!!!ภูตจอมตื้อ!! จากคุณ : Psycho man - ตอนนี้โอกาสอำนวย ต้องรีบดูเอาไว้ค่ะ(แต่ภูธราคงไม่คิดอะไรมั้ง)
อ๊ะ จะได้อ่านจนจบด้วย :) จากคุณ : scottie - เรื่องนี้กำหนดวางประมาณปลายเดือนกันยายนหรือต้นเดือนตุลาคมค่ะ เลยคิดว่าน่าจะลงจนจบแล้วค่อยกลับมาลบออกทีหลัง ซึ่งคิดว่าจะลงให้อ่านประมาณหนึ่งหรือสองวันเท่านั้นค่ะ
ขอบคุณผู้อ่านทุกท่านที่ติดตามผลงานของมูนนี่นะคะ ตอนนี้ปกนิยายเรื่องความทรงจำในผืนทรายเสร็จแล้ว หากเรียบร้อยเมื่อไหร่มุนนี่จะนำมาให้ชมกันค่ะ
จากคุณ |
:
moony (Moony_Lupin)
|
เขียนเมื่อ |
:
27 ก.ค. 55 11:36:21
|
|
|
|