Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
มนตราปาหนัน บทที่ ๑๗ : กุญแจไขความลับ ติดต่อทีมงาน

บทที่ ๑๗ : กุญแจไขความลับ


สองคนที่เดินตามกันขึ้นมาบนเรือน หนึ่งในสองฉีกยิ้มเห็นไรฟันขาวเป็นระเบียบ ส่วนอีกคนหนึ่งเพียงแต่ยิ้มน้อยๆ แต่พองาม คนนั่งเอนหลังเล่นอยู่ที่หอนั่งเห็นแล้วก็อดขันในใจไม่ได้ ด้วยว่าคนที่ยิ้มไม่เห็นไรฟันนั้นคือโมก ส่วนคนที่ไม่รักษากิริยาเอาเสียเลยคือแม่น้องสาวคนเล็ก ลำเจียกประคองถาดใหญ่บรรจุกล้วยหักมุกเผาด้วยตนเอง ไม่ยอมให้บ่าวไพร่ช่วยแต่อย่างใด หล่อนคลานเข่าเข้ามาวางลงที่โต๊ะเตี้ย แล้วจับเข่าพี่ชายด้วยกิริยาอันน่ารัก

“มาแล้วเจ้าค่ะพี่แสน กล้วยเผาหอมหวานอร่อยร้อนๆ เจ้าค่ะ”

“บอกมาได้เช่นนี้ คงแอบกินมาก่อนแล้วกระมัง”

พระอินทเดชเอ่ยสัพยอกพลางยกมือขึ้นขยี้ผมน้องสาวอย่างเอ็นดูหนักหนา ก่อนหันไปทางสารภีที่วางหน้าไม่ถูกนับแต่สองหนุ่มสาวเดินขึ้นเรือนมา  มือที่ร้อยมาลัยสั่นนิดๆ อย่างคนที่ควบคุมอารมณ์แทบไม่ได้ ดีที่พระอินทเดชไม่ทันสังเกต

“มา สารภี มากินฝีมือน้องสาวเจ้ากัน ดูว่าจักสมลมปากแม่ตัวร้ายฤๅไม่”

สารภีรับคำเสียงเบาพลางวางของในมือลง แล้วขยับเข้ามาที่โต๊ะเตี้ย จุ่มมือลงในขันเงินที่บ่าวเอามาให้ ก่อนซับมือแล้วบรรจงแกะเนื้อในออกจากเปลือกดำๆ ใส่ลงในจานเล็ก ขณะที่นัยน์ตาเหลือบมองไปทางโมก หล่อนลอบเม้มปากนิดหนึ่งที่เห็นเขาทอดสายตาจับนิ่งเพียงคู่แฝด ที่เคยคิดว่าหล่อนจะใช้เพลงยาวที่โมกให้มานั้น ลวงให้ลำเจียกเข้าใจผิดว่าชายหนุ่มมีใจด้วยหล่อนคงไม่เป็นผลแน่แล้ว แต่อะไรก็ไม่แน่เสมอไป สารภีค่อยมีความหวังขึ้นมาอีกครั้ง เมื่อคิดว่าโมกคงไม่กล้าบอกน้องสาวหล่อนแน่ว่ามอบเพลงยาวให้ผิดคน  

“โธ่! พี่แสนพูดจาช่างไม่ถนอมน้ำใจน้องเลย น้องว่าอร่อยก็ต้องอร่อยสิเจ้าคะ ไม่เชื่อก็ถามพ่อโมกเถิดเจ้าค่ะ”

คำขานพ่อโมกฟังดูอ่อนหวานกว่าที่เคยเป็น สารภีเกือบบีบกล้วยลูกที่กำลังจะวางลงในจานเล็กด้วยความริษยาแกมหมั่นไส้  ดีที่ข่มอารมณ์ทัน ส่วนพระอินทเดชถึงกับชะงักมือที่กำลังจะหยิบกล้วย พอสังเกตจึงเห็นท่าทีบางประการที่มีเฉพาะคนหัวใจต้องตรงกันเท่านั้น หนึ่งในสี่พระตำรวจจตุลังคบาทอโยธยาแทบจะลุกขึ้นไชโยโห่ร้องให้ลั่นเรือน เพราะนี่เป็นนิมิตหมายอันดีว่าแม่ตัวร้ายยอมรับหัวใจตนเองแล้ว และพอหันไปมองเจ้าหนุ่มผู้โชคดี ก็เห็นฝ่ายนั้นส่งทั้งยิ้มส่งทั้งแววตาเชื่อมหวานให้ลำเจียกอย่างไม่เกรงอกเกรงใจคนอื่นเลย

“ไยต้องถามพ่อโมกเล่า วานบอกพี่ทีรึ”

พระอินทเดชแกล้งพูด คราวนี้ลำเจียกเพิ่งรู้ตัว พานวางหน้าไม่ถูกทั้งมือไม้ก็ดูเกะกะเก้งก้าง ไม่รู้วางไว้ที่ใดจึงจะควร โมกเห็นนางอันเป็นที่รักเก้อเขินเช่นนั้นก็รีบตอบแทนว่า

“เป็นด้วยข้าพระเจ้าเผอิญไปที่ครัวไฟพอดี เห็นแม่หญิงลำเจียกช่วยยายสาแม่ครัวปิ้งกล้วย กลิ่นหอมยวนใจนักข้าพระเจ้าจึงขอแบ่งมากินขอรับ”

พระอินทเดชแสร้งพยักหน้าขรึมๆ ทั้งที่ในใจหัวเราะไปไม่รู้กี่ครั้งแล้ว อยากจะเอ่ยเย้าไปว่าหอมกลิ่นกล้วยหรือกลิ่นเนื้อนาง ก็เกรงสองหนุ่มสาวจะเขินอายกันเสียเปล่าๆ เท่าที่เห็นตอนนี้ ถ้าทั้งคู่สามารถแทรกตัวลอดช่องกระดานลงไปได้ก็เห็นจะรีบทำไม่รอช้าแน่ จึงเสเปลี่ยนเรื่องแทน

“พ่อโมกมีการใดหรือ วันนี้จึงมาหาข้าได้”

“ขอรับ ข้าพระเจ้าจักมาถามคุณพระว่า...เอ้อ”

ทั้งที่เตรียมคำพูดมาแล้ว แต่พอถึงเพลาเข้าจริงเขาก็ไม่กล้าเอ่ยปากถามอยู่นั่นเอง ว่าเมื่อใดพระอินทเดชจะพาเขาฝากตัวเข้าทำราชการ ข้างพระอินทเดชเห็นท่าทางลำบากใจของอีกฝ่ายก็พอเดาความได้

“วันพรุ่งพ่อโมก วันพรุ่งสองคนนี้เขาเข้าวังแล้ว ข้าจักพาเจ้าไปพบเจ้าคุณกลาโหม พูดเรื่องนี้มาก็ดีแล้ว ลำเจียกพี่วานเจ้าทำพานดอกไม้เทียนแพให้พ่อโมกทีเถิด”

“เจ้าค่ะ”

ลำเจียกรับคำโดยไม่อิดออด สารภีเสียอีกที่เป็นฝ่ายทนไม่ได้ จึงทำทีพูดขัดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงหวานหูทอดอ่อนราวเอ็นดูหนักหนา  

“พี่แสนเจ้าคะ ให้ลำเจียกทำน้องเกรงว่าจักไม่งามนะเจ้าคะ พี่แสนก็รู้ว่างานใบตองของสด ลำเจียกไม่สู้ถนัดสักเท่าไร ให้น้องทำให้จักดีกว่าเจ้าค่ะ”

โมกตวัดสายตามองคนพูด นึกชังผู้หญิงคนนี้ขึ้นมาเป็นครั้งแรก มีอย่างหรือใช้วาจาหักหน้าผู้เป็นน้องสาวต่อหน้าคนนอกครอบครัวเช่นนี้ แม้จะเป็นเรื่องจริงก็ไม่สมควรอยู่นั่นเอง

“จักงามหรือไม่ ข้าพระเจ้าหาได้ใส่ใจไม่ แม่หญิงสารภี” โมกกล่าวเสียงกระด้าง “ของสิ่งใดที่แม่หญิงลำเจียกทำนั้น ในสายตาของข้าพระเจ้า ล้วนดูงามไปทั้งสิ้น ที่ข้าพระเจ้าพูดนี้มิใช่เพราะข้าพระเจ้าปองใจรักแม่หญิงลำเจียกเท่านั้น หากเป็นเพราะแม่หญิงมีน้ำใจงดงามนัก ความงามหาใช่ใช้ดวงตามอง ต้องใช้ดวงใจมองจึงจักเห็น”

สารภีหน้าร้อนผ่าวด้วยความอับอายแกมโกรธ โมกพูดไม่ไว้หน้าหล่อนเลยสักนิด ซ้ำยังประกาศก้องว่ารักลำเจียกอีกเล่า หล่อนขยุ้มผ้านุ่งตนเองแน่น แผนที่วางไว้ก่อนหน้าเป็นอันเหลวตั้งแต่ยังไม่ทันได้ลงมือ สุดที่หล่อนจะทนนั่งสู้หน้าผู้ใดได้อีก จึงยกมือไหว้พี่ชายแล้วลุกขึ้นเดินเร็วๆ กลับเข้าห้องไปทันที โดยไม่คำนึงว่าจะเสียกิริยาหรือไม่  



เสียงงึมงำจับความไม่ค่อยได้ดังมาจากร่างที่นอนหลับสนิท คนเพิ่งเข้ามาขมวดคิ้วนิดหนึ่งแล้วก้าวยาวๆ มายืนชิดเตียง ก้มหน้าลงไปหวังจะฟังให้ชัดเจน แต่ก็ได้ยินขาดๆ หายๆ อยู่นั่นเอง ซ้ำร้ายยังชัดเจนเพียงสองคำคือ 'ดวงตา' และ 'ดวงใจ' ถึงสินธุจะไม่รู้ว่าอติรุทธ์ฝันอะไรอยู่ แต่ค่อนข้างแน่ใจไม่น้อยว่าในฝันต้องมีปาหนันอยู่อย่างแน่นอน พอคิดอย่างนี้ก็เลยนึกอยากแกล้งเพื่อนขึ้นมาติดหมัด เขายิ้มเจ้าเล่ห์ แล้วแกล้งตะโกนใส่หูคนหลับทันที

“ไฟไหม้เว้ย ไฟไหม้”

ได้ผล ร่างสูงผุดลุกขึ้นจากเตียงราวติดสปริงก็ไม่ปาน เคราะห์ดีที่สินธุดึงตัวเองหลบทัน ไม่เช่นนั้นคงเกิดอุบัติเหตุศีรษะโขกกันเป็นแน่ อติรุทธ์หน้าตาเลิ่กลั่กด้วยความตกใจ กระทั่งหันไปเจอสินธุยืนหัวเราะคิกคักอยู่ข้างเตียง ก็นึกรู้ว่าถูกเจ้าเพื่อนตัวแสบแกล้งรับอรุณเสียแล้ว ตำแหน่งที่ยืนก็เอื้อให้เขามอบลำแข้งให้เป็นรางวัลเสียด้วย อติรุทธ์จึงจัดแจงสนองความต้องการของตนเองทันที เล่นเอาเจ้าเพื่อนตัวร้ายกุมสะโพกร้องโอดโอยลั่น

“ร้องทำไม แค่เตะเบาๆ เองนะเว้ย”

“เบาบ้าอะไร แกน่ะมันนักมวยเก่าประจำมหาวิทยาลัย ออกหมัดออกขาทีไรไม่เคยยั้งแรงสักที”

สินธุครวญหน้ามุ่ย อติรุทธ์หัวเราะหึๆ อย่างชอบใจ

“ก็ดีแล้วนี่ นายแกล้งฉันก่อนนี่หว่า ถือว่าหายกัน แล้วนี่มีอะไรถึงมาแกล้งกันตั้งแต่ฟ้ายังไม่สาง”

“ฟ้าไม่สางบ้าอะไรล่ะ” สินธุร้องทั้งขันทั้งฉิว “เจ็ดโมงกว่าแล้วขอรับ ทุกคนรอกินข้าวอยู่เนี่ย ขาดแต่คุณชายคนเดียว นายแม่เลยให้ฉันมาดู เผื่อนายไม่สบายขึ้นมาอีก”

“อ้าว! เฮ้ย! จริงเรอะ ตาย งั้นนายลงไปก่อน ฉันขอสามนาทีเดี๋ยวตามไป”

อติรุทธ์ตกใจรีบตวัดผ้าห่มออกจากตัว ลุกจากเตียงก้าวยาวๆ ไปที่ห้องน้ำ สินธุกอดอกมองตามอดจะแซวเล่นไม่ได้

“สามนาที อาบน้ำหรือวิ่งผ่านน้ำวะนั่นน่ะ ฉันให้ห้านาทีเลย ฉันมีสอนตอนเก้าโมง ไม่รีบร้อนอะไร”




กลิ่นหอมของอาหารชนิดหนึ่งลอยมาแตะจมูก ชายหนุ่มวางหน้าไม่ถูกเมื่อเห็นของหวานหลังอาหารที่เด็กรับใช้ยกมา เขาเหลือบไปทางปาหนันที่นั่งอยู่ข้างๆ แวบหนึ่ง แล้วมองกล้วยหักมุกปิ้งซึ่งแกะเปลือกเรียบร้อยสองลูกบนจานแบ่งตรงหน้า อติรุทธ์อดยิ้มไม่ได้กับความบังเอิญที่พ้องกันพอดีในเช้าวันนี้

“ยิ้มทักทายของหวานหรือคะ”

เสียงใสๆ ดังมาจากคนนั่งข้างกายพอได้ยินกันสองคน อติรุทธ์หัวเราะแล้วตอบด้วยน้ำเสียงเบาเสมอกันว่า

“ก็อย่างนั้นล่ะครับ พอดีเมื่อคืนดันเห็นภาพอดีตอีกแล้ว เห็นใครบางคนยืนเคี้ยวกล้วยตุ้ยๆ สั่งความบ่าวไพร่อยู่”

“พี่สารภีละมังคะ” รู้ทั้งรู้ว่าเขาหมายถึงใคร แต่ปาหนันก็ยังอดแกล้งไม่ได้อยู่ดี  

“ฮื้อ! คุณนี่ อย่าให้ผมอารมณ์เสียแต่เช้าสิ คุณนั่นแหละจะมีใครอีก”

“ช่างฝันจริงนะคะ อาจารย์อติรุทธ์”

“แน่นอน แล้วฝันก็ดันเป็นจริงเสียด้วยสิ กล้วยนี่คุณปิ้งเองหรือ”

“ใครว่าคะ คุณมนชนกไปจ๊อกกิ้งแล้วเลยแวะตลาดซื้อมาต่างหาก”



สองหนุ่มสาวหยุดการสนทนาทันทีที่ได้ยินเสียงกระแอมกระไอของคนร่วมโต๊ะ ไม่ต้องหันไปดูอติรุทธ์ก็รู้ จะมีใครนอกจากนายสินธุตัวแสบ

“อ่า คุณอติรุทธ์ คุณปาหนันคร้าบ ยั้งๆ ความหวานไว้หน่อยก็ดีนะครับ มดเริ่มไต่ขึ้นโต๊ะอาหารแล้ว โอ๊ย!”

ท้ายประโยคเจ้าก้างชิ้นใหญ่ถึงกับร้องลั่น เมื่อนิ้วเรียวๆ ของพี่สาวแหนบสีข้างเข้าเต็มแรง มนชนกแยกเขี้ยวใส่น้องชายแล้วหันไปยิ้มให้ชายหนุ่ม

“ไม่ต้องสนใจมันจ้ะรุทธ์ ตามสบายเลย พ่อคนนี้เขาขี้อิจฉามาแต่ไหนแต่ไรแล้ว”  

สิ้นคำของมนชนก ทุกคนในโต๊ะอาหารหัวเราะพร้อมกันครืนใหญ่ ไม่เว้นแม้แต่คนที่ถูกกล่าวหาว่าขี้อิจฉา สินธุหัวเราะจนพอใจแล้วก็บอกพี่สาวว่า

“ยอมรับครับผมว่าขี้อิจฉา ก็แหม เล่นมาหวานกันต่อหน้าอย่างนี้ไม่ให้ตาร้อนก็คงเกินไปแล้วล่ะเจ๊”

“เธอก็หาสักคนสินายธุ”

น้องชายทำเสียงประหลาดออกมาคำหนึ่ง หน้าทะเล้นสลดลงไปนิดหน่อยขณะที่ตอบ

“หาเจอแล้วเจ๊ แต่ผมไม่กล้าบอกเธอ แล้วที่สำคัญ ผมไม่แน่ใจว่านายแม่กับเจ๊จะว่าอะไรไหม”

“ฮ้า! ใครกันนายธุ”

มนชนกทำตาโตอย่างสนใจแกมแปลกใจ แต่ไหนแต่ไรมาหล่อนเห็นเจ้าตัวทำหมาหยอกไก่กับสาวๆ ไปทั่ว ไม่มีวี่แววว่าจะจริงจังกับใครสักคน จนหล่อนกับคุณนวลพรรณต่างเริ่มปลงอนิจจังแล้วว่าชาตินี้บ้านพิษณุเวชคงไม่มีสะใภ้แน่ แล้วอยู่ดีๆ พ่อเจ้าประคุณก็เผยออกมาเองว่าแอบหลงรักผู้หญิงอยู่ อย่างนี้จะไม่ให้อยากรู้ได้อย่างไร

“ถามนายรุทธ์เองก็แล้วกันครับ ผมขอตัวไปรอข้างนอกก่อนแล้วกัน”

สินธุว่าแล้วก็ลุกออกจากโต๊ะอาหาร สำหรับบ้านนี้ถือว่าไม่ใช่เรื่องเสียมารยาทที่สมาชิกคนใดคนหนึ่งจะลุกไปก่อน เพราะสมัยที่สามีคุณนวลพรรณยังมีชีวิตอยู่ เขาก็ลุกออกไปก่อนบ่อยๆ เพื่อไปสะสางงานของบริษัทที่ค้างอยู่ บางทีคุณนวลพรรณเองก็ตามไปช่วยสามีเช่นกัน

“อ้าว! เฮ้ย! โยนง่ายๆ งี้เลยเหรอ”

อติรุทธ์ร้องไล่หลัง แล้วเหลือบสายตามาทางปาหนันอย่างหวังจะขอความช่วยเหลือ แต่สาวเจ้ากลับทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ตักของหวานกินเรื่อยๆ จนชายหนุ่มอดเข่นเขี้ยวในใจไม่ได้  

“ว่าไงรุทธ์ นายตัวดีของแม่เขาไปรักไปชอบใครอยู่หรือ แล้วผู้หญิงคนนั้นมีข้อบกพร่องอะไร นายธุถึงกลัวว่าแม่กับยายมนจะว่า”

คุณนวลพรรณตั้งกระทู้ถามมาอย่างสนใจใคร่รู้เช่นกัน อติรุทธ์ส่งยิ้มเจื่อนๆ ให้สองสาวต่างวัยที่มองเขาเป็นตาเดียว คำถามแรกตอบไม่ยากเลย แต่คำถามที่สองนี่สิ ถึงจะเข้าออกบ้านพิษณุเวชมานาน ก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะมั่นใจได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ว่าคนที่นี่จะยอมรับเรื่องว่าที่ลูกสะใภ้แม่ม่ายเรือพ่วงได้


*** มีต่อค่ะ

จากคุณ : อินทรายุธ
เขียนเมื่อ : 27 ก.ค. 55 19:56:44




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com