ณ เส้นทางแยกแห่งพิภพ หนึ่งอดีตเทพสวรรค์ได้สละฌาณเพื่อให้กำเนิดดอกไม้หนึ่ง
‘อิงหรงซิน’ หนึ่ง ในสองแม่ทัพสวรรค์สละความเป็นเทพเซียน ร่างกายจึงแก่ชราเฉกมนุษย์ เนื่องเพราะการทุ่มเทปราณทิพย์ทั้งหมด เพื่อชุบชีวิตแก่นางเซียนน้อยในบุปผาขาวสล้างดอกนี้ ผู้ซึ่งปกป้องเขาในมหาศึกเทพมาร
ทว่า เมื่อบุปผาขาวได้ก่อกำเนิดอีกครา อิงหรงซินเพียงได้แย้มโอษฐ์ทักทาย ดวงจิตของดรุณีน้อยในบุปผานั้นก็พลันปลิดปลิวจากไป ราวกับสวรรค์ได้ขีดเส้นแห่งชะตากรรมไว้แล้ว
อิงหรงซินในวัยชราปล่อยดวงตาฝ้าฟางหลุบลง พร้อมสละซึ่งสังขารอันไม่เที่ยงเพื่อติดตามการกำเนิดในแดนมนุษย์ของดรุณีในบุปผา
ครานี้มิว่าอย่างไร จะมิทำผิดต่อนางอีก มิว่าอย่างไร จะมิปล่อยมือจากนางอีก
แม่ทัพสวรรค์ผู้ครองกระบี่เหลยหมิงตั้งมั่นแน่วแน่
คราดวงจิตของอิงหลงซินวูบหายไป เรือนกระบี่สีเงินยวงก็สั่นสะท้าน
กล่าว ว่าศาสตราเทพแต่ละชนิดมีเจ้าของ มันจะรับใช้และเปล่งอานุภาพเมื่ออยู่ในมือของผู้ต้องขะตาเท่านั้น ชั่วพริบตาสถานที่นี้ก็ว่างเปล่า ทิ้งไว้เพียงกายเนื้อของอิงหรงซิน ปราศจากกระบี่เทพ
บนไอละเอียดสีขาว บุรุษผู้ผ่าเผยยืนทอดสายตาอันเปี่ยมด้วยความร้าวระทม
‘สวีไป๋หู่’ เซียนพยัคฆ์...แม่ทัพสวรรค์อีกผู้หนึ่ง ได้สัมผัสถึงการกำเนิดและจากลาของดวงจิตในบุปผาพิสุทธิ์
ความรักอันลึกล้ำ...ความระทมอันกล้ำกลืน เขาไม่อาจตัดขาด
นางผู้เป็นที่รักยิ่ง นางผู้เคยหนุนนอนตักเขาใต้ต้นบุปผาแก้ว นางผู้ที่ไอทิพย์ถูกอิงหรงซินแผดเผาด้วยเพลิงกัลป์
สวีไป๋หู่กำหัตถ์แน่น
แม้นเขาได้พยายามรวมไอทิพย์ที่แตกสลายของนาง กลั่นเป็นก้อนน้ำแข็งเก็บไว้ยังพิภพมนุษย์ ทว่าเขาไม่มีวันอภัย ‘อิงหรงซิน ผู้สังหารนางเป็นครั้งที่สอง’
“ข้าขอสละพรทุกประการแห่งผู้ป้องปราการสวรรค์ จงนำพาข้าให้พบกับลั่วจื่อหยูในภพหน้า มิพรากจากันชั่วนิรันดร์”
บัด นั้น รัศมีสีขาวสว่างก็ห่อหุ้มร่างของสวีไป๋หู่ แล้วลอยละล่องไปยังเบื้องล่างสู่แดนมนุษย์ เพียงครู่เดียวเรือนกระบี่ลู่จิงซึ่งใสดุจน้ำค้างก็พุ่งตามลงไป ทว่ามันกลับหายวับไปยังทิศทางอื่น
กระบี่เทพจะเฝ้ารอ รอคอยวันที่นายแห่งมันค้นพบ รอคอยเวลาแห่งลิขิตสวรรค์
ภาย ใต้การลงจุติของสวีไป๋หู่ กลับบังเกิดน้ำตาสายหนึ่ง รินร่วงชโลมแก้มเนียนผ่องของโฉมสะคราญ์ เสียงสะท้านไหวเปล่งวาจาดุจดั่งคำสาปสาง
“ลั่วจื่อหยู! นางบุปผาครึ่งเซียนเช่นเจ้า อย่าได้หวังจะพานพบไป๋หู่ของข้า”
ครานั้นดวงจิตที่เพิ่งถือกำเนิดในการห่อหุ้มของกลีบบุปผา ซึ่งกำลังหาทางจุติยังพิภพเบื้องล่างลอยผ่าน
นาง เซียนกระเรียนจึงคลี่ฝ่ามือออก เกิดเป็นแสงสว่างจ้าบนหัตถ์เรียว แล้วผลักออกไว้เบื้องหน้าของดวงจิตนั้น ยังให้บังเกิดอากาศแปรปรวน และปรากฏเวิ้งสีน้ำเงินเข้ม
พลันดวงจิตในบุปผาก็ล่วงหลุดเข้าไป หายไปยังอีกโลกหนึ่ง
‘ชิงชัง และเคียดแค้น’ ผู้ใดว่าเหล่าเซียนสละได้สิ้น ผู้ใดว่าเพลิงริษยาดับมอด
นางเซียนกระเรียนเม้มริมฝีปากบาง แม้เทพเซียนจะกล่าวหาว่านางขัดขวางมติสวรรค์ ทว่าแค้นนั้นหาใช่เกิดขึ้นเพราะลั่วจื่อหยูหรอกหรือ
เพราะลั่วจื่อหยู...แม่ทัพสวรรค์ทั้งสองถึงมิอาจปรองดอง
เพราะลั่วจื่อหยู...ในอนาคตกาลจะมิมีกระบี่คู่ประสาน
เพราะลั่วจื่อหยู...คราจอมมารหลุดจากคุมขัง ทั้งสามภพต้องสิ้นสูญ
วิบัติทั้งหมดเกิดเพราะมันผู้เดียว แม้การบิดเบือนมิติครานี้จะทำนางต้องถูกขังใต้บาดาลหมื่นปี แม้ต้องทัณฑ์ใดจากเบื้องบน ทว่านางก็จะไม่ละเว้นลั่วจื่อหยู!
ทว่า การกระทำของนางเซียนกระเรียนกลับได้มอบภาระหน้าที่ใหม่แก่ลั่วจื่อหยู หน้าที่นำกระบี่เทพทั้งสอง กลับมาประสานกันอีกครั้ง บัญชาสวรรค์ถูกกำหนดไว้แล้ว มีหรือจะเลี่ยงพ้น
******************
จากคุณ |
:
midnite-angel
|
เขียนเมื่อ |
:
28 ก.ค. 55 12:13:37
|
|
|
|