Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
มอนเอราโด ตอนที่ 4 ประตูสารพัดสถานที่ ติดต่อทีมงาน

“มาซื้อของดึกเลยนะคะ”

พนักงานในร้านสะดวกซื้อซึ่งเปิดตลอดทั้งวันทั้งคืนเอ่ยทักทายแม่ของโบนิตะ เมื่อแม่นำข้าวของจำเป็นสองสามอย่างวางลงตรงที่คิดเงิน

สินค้าเหล่านี้ไม่ได้ตรงกับความต้องการของแม่ทุกประการ แต่เมื่อไม่มีสินค้าอย่างที่ตั้งใจอยู่ในร้าน ลูกค้าส่วนใหญ่ก็จะตัดสินใจซื้อสินค้าอื่นๆ ที่คล้ายคลึงกันแทน พวกเขาไม่ได้ถูกบังคับให้ซื้อ ไม่มีใครบังคับลูกค้าได้ ผู้ผลิต กับผู้ขายมักชอบพูดแบบนั้นอยู่เสมอ

“...ค่ะ”

แม่พยายามยิ้ม สูดลมหายใจเข้าออกยาวๆ บอกกับตัวเองซ้ำๆ ว่า 'ฉันแค่มาซื้อของตามปกติเท่านั้น' พนักงานทำงานของตัวเองอย่างรวดเร็ว ทั้งๆ ที่ภายในร้านไม่มีลูกค้าคนอื่นอีก

“ทั้งหมด...หนึ่งร้อยสิบสามค่ะ”

แม่ขยับนิ้วมือไปมาระหว่างธนบัตรหนึ่งพันสองใบ สองใบที่เหมือนกัน สองใบที่แตกต่าง หนึ่งนั้นมีอยู่เพียงใบเดียวในทั่วทั้งจักรวาลแห่งนี้ ส่วนอีกใบหนึ่งมีฝาแฝดคู่เหมือนของมันซึ่งถูกเก็บซ่อนไว้อย่างดีที่บ้านอีกจำนวนหนึ่ง 'จะช้า จะเร็ว ก็ต้อง'

แม่ตัดสินใจจ่ายธนบัตรฝาแฝดออกไป

“รับมาหนึ่งพันนะคะ...”

พนักงานกดปุ่ม ลิ้นชักเก็บเงินเด้งออกมา เธอกำลังจะใส่ธนบัตรฉบับนั้นลงไป แต่แล้วกลับตัดสินใจทำอะไรบางอย่างที่ทำให้หัวใจของแม่ต้องเต้นราวกับกำลังวิ่งแข่งร้อยเมตร

“...ขอโทษนะคะ”

พนักงานยิ้มพร้อมกับนำธนบัตรฉบับนั้นไปส่องดูด้วยเครื่องตรวจธนบัตรที่เรืองแสงสีน้ำเงินอ่อนๆ ออกมา เหมือนกับยังไม่เป็นที่พอใจ เธอยังคว้าปากกาสีทอง ถอดปลอก แล้วขีดลงบนธนบัตรอีกด้วย

แม่เผลอกลั้นหายใจอย่างลืมตัว ถึงแม้ว่าบนใบหน้ายังคงมีรอยยิ้มที่ปั้นไว้ค้างอยู่ บนธนบัตรไม่มีร่องรอยหมึกเปื้อนให้เห็นแม้แต่น้อย ซึ่งหมายความว่ามันควรจะเป็นของจริง พนังงานเก็บมันเข้าลิ้นชัก พร้อมกับหยิบเงินทอนออกมา นับอีกครั้ง แล้วยื่นส่งให้แม่

“เงินทอนแปดร้อยแปดสิบเจ็ดค่ะ โอกาสหน้าเชิญอีกนะคะ”

มือของแม่สั่น และเย็นเฉียบเมื่อเอื้อมออกไปรับเงินทอน แต่ดูเหมือนพนักงานจะไม่สนใจ การแลกเปลี่ยนเสร็จสิ้น ความสัมพันธ์ชั่วคราวจบลง แม่เดินไปที่ประตูร้านราวกับยังคงติดอยู่ในความฝัน ประตูเลื่อนเปิดออกก่อนที่แม่จะเดินไปถึง มีลูกค้าผู้ชายที่ดูเหมือนจะพึ่งกลับจากการแวะดื่มเดินสวนเข้ามา

แม่ไม่สนใจอะไรอีกแล้ว 'แม้แต่เครื่องตรวจสอบ หรือปากกาก็ยังจับไม่ได้ มันทำได้ดีจนเหลือเชื่อ' ตอนนี้แม่เอาแต่คิดถึงเหล่าพี่น้องฝาแฝดของมันที่ยังนอนรออยู่ในบ้าน 'เขาจะมีซ่อนเอาไว้อีกไหมนะ'

“แปดสิบเจ็ดค่ะ”

พนักงานรับธนบัตรฉบับละหนึ่งร้อยมาจากลูกค้า ลิ้นชักเก็บเงินเด้งเปิดออก เธอหยิบ ตรวจนับเงินทอน ก่อนหยิบธนบัตรฉบับละหนึ่งพันที่พึ่งรับมาจากแม่เมื่อครู่แยกไว้ต่างหาก ตัวเธอเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมจึงตัดสินใจทำเช่นนั้นลงไป

แม่กำลังจะเดินเลี้ยวเข้าบ้านเมื่อมีเสียงหนึ่งดังทักมาจากทางด้านหลัง

“สวัสดีครับคุณนาย...”

แม่หันกลับ พร้อมกับล้วงมือเข้าไปในกระเป๋าถือ เงาร่างนั้นสูงใหญ่แต่กลับสามารถซ่อนตัวอยู่ในเงามืดเล็กๆ ที่ห่างออกไปไม่ไกลนัก แม่จำเจ้าของเสียงได้ แต่ก็ไม่ทำให้ความระมัดระวังตัวลดลง ตรงกันข้าม มันกลับทำให้แม่ยิ่งรู้สึกตื่นเต้นตึงเครียดมากขึ้น

“...ก่อนอื่นคงต้องขอแสดงความเสียใจกับเรื่องของสามีด้วยนะครับ”

แม่ยืนนิ่งไม่ตอบคำ เงามืดนั้นก็ไม่ได้เคลื่อนใกล้เข้ามาแต่อย่างใด

“คงลำบากแย่สินะครับ อาจจะ รู้สึกเหงา ด้วยใช่ไหมครับ...”

เสียงนั้นทุ้มนุ่ม แสดงถึงความห่วงใยอย่างเหลือล้น

“...หากต้องการความช่วยเหลือ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไรก็ตาม จะเป็นเรื่องเงิน...หรือความเหงา คงรู้ใช่ไหมครับ ว่าผมพร้อมที่จะให้บริการคุณนายอยู่เสมอ”

แม่ขบริมฝีปาก มือที่ล้วงอยู่ในกระเป๋ากำแน่น ก่อนที่เงานั้นจะยอมจากไปในที่สุด แม่ถอนหายใจยาว ก้าวตรงไปที่ประตูพร้อมกับล้วงมือออกมา ในมือของแม่มีเพียงกุญแจบ้านเท่านั้นเอง แม่รีบเข้าบ้าน ก่อนตรวจสอบประตูหน้าต่างทั้งหมดอีกครั้ง

หลังจากนั้นไม่นานเงามืดรูปร่างเล็กๆ ก็เดินมาหยุดลงตรงหน้าบ้าน ก่อนที่จะล้วงมือเข้าไปในชุดผ่านทางคอปกเสื้อ มือนั้นขยับยุกยิกก่อนหยิบของสิ่งหนึ่งออกมา มันเป็นกระจกส่องหน้าขนาดเล็กที่มีลวดลายน่ารัก

“ที่นี่หรือ”

เงามืดนั้นกระซิบเบาๆ เงาที่สะท้อนอยู่ในกระจกเป็นปากแหลมยื่นยาวที่ยังคงแลบลิ้นค้างอยู่ ก่อนที่ดวงตากลอกกลิ้งจะโผล่มาแทนที่ มันรู้สึกอึดอัดที่ไม่สามารถโผล่ออกมาพร้อมๆ กันได้ทั้งหมดทุกส่วน

“เป็นไปได้ นายหญิง เป็นไปได้มากที่สุด ข้ารู้สึกถึงมันอย่างรุนแรงจากภายในบ้านหลังนี้”

ซูชิกะ นึกถึงเด็กผู้ชายผอมๆ สวมแว่น ท่าทางอ่อนแอ ที่พบเจอตรงลานว่าง 'รู้สึกจะเป็นบ้านของเขา เอ เขาชื่ออะไรนะ อ้อ โบนิตะ ใช่ โบนิตะจอมขี้แย'

“เข้าไปกันเลยไหม นายหญิงแสนงามของข้า”

เธอรีบยัดมันกลับเข้าไปในที่ที่มันเคยซุกอยู่ก่อนหน้า มันส่งเสียงครางอู้อี้ ก่อนที่จะเริ่มหัวเราะเบาๆ อย่างชั่วช้าลามกตามแบบฉบับของมัน

“ทำไมหนูถึงมาเดินอยู่คนเดียวแบบนี้”

เสียงที่แสดงความห่วงใยดังมาจากชายหนุ่มร่างอ้วนตัวใหญ่ รอยยิ้มของเขาอบอุ่นนุ่มนวลน่าไว้ใจ เขาสวมใส่เสื้อลายขวาง มือถือกระเป๋าเหมือนกับพนักงานบริษัททั่วไป บนใบหน้านั้นไม่มีร่องรอยของความมึนเมาให้พบเห็น ทั้งที่เป็นเวลาดึกมากแล้ว บางทีเขาคงไม่ได้แวะดื่ม แต่อาจทำงานล่วงเวลาจนดึก

“หนูออกมาซื้อของค่ะ”

เธอยกถุงของร้านสะดวกซื้อที่ถือติดมือออกมาเพื่อเอาไว้ใช้อ้างเหตุผลหากเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น เขายังคงทำหน้าสงสัยอยู่ไม่หาย

“แต่มันดึกมากแล้ว พ่อแม่หนูปล่อยให้ออกมาซื้อของคนเดียวได้ยังไงกัน”

“บ้านหนูอยู่แถวนี้เองค่ะ และพอดีพ่อกับแม่ต้องไปค้างที่อื่นพรุ่งนี้ถึงจะกลับ...”

เธอแลบลิ้นยกมือขึ้นเขกหัวตัวเอง

“...แม่บอกว่าไม่ให้บอกใครเรื่องนี้”

เขามองเธอ ก่อนมองไปรอบๆ ไม่มีใครอยู่แถวนี้เลยสักคน

“เอาอย่างนี้...ให้ฉันเดินไปส่งหนูกลับบ้านก็แล้วกัน”

“จะดีหรือคะ” เธอทำท่าลังเล

“เอาน่า ไม่อย่างนั้นคืนนี้ฉันคงไม่สบายใจที่ปล่อยหนูให้กลับบ้านคนเดียวแบบนี้”

รอยยิ้มของเขาอบอุ่นจริงใจ เธอจึงยิ้มตอบ

“ขอบคุณค่ะ”

เขายกมือมาลูบหัวเธอเบาๆ สองสามครั้ง ก่อนที่ทั้งคู่จะออกเดินไปด้วยกัน

#####

“ที่นี่มันคือที่ไหนกัน”

โบนิตะ เหลียวมองไปรอบกาย มันไม่มีอะไรอยู่มากนัก มีเพียง ที่ว่าง แสงสลัวเลือนลาง ขอบฟ้า เงาของต้นไม้ที่มีกิ่งก้านหงิกงออยู่กระจัดกระจาย ซึ่งให้ความรู้สึกเปลี่ยวเหงาอย่างรุนแรง

“ที่นี่ไม่ใช่ที่ไหนทั้งนั้น เหมียว”

เสียงที่คุ้นเคยดังขึ้นทางด้านหลัง เขารีบหันกลับไปอย่างโล่งอก

“มอนเอ...คุณ...ซู...ชิกะ”

เสียงนั้นเป็นของมอนเอราโดชัดๆ แต่คนยืนอยู่ที่ด้านหลัง กลับมีใบหน้าเหมือนกับ ซูชิกะ เพื่อนร่วมห้องของเขาอย่างไม่ผิดเพี้ยน ที่เธอสวมใส่อยู่เป็นชุดกระโปรงสั้นสีสดใสน่ารัก

“ไม่ นี่ฉันเองไง เหมียว”

เธอขยับปาก แล้วเสียงของมันก็ดังออกมา เขางงกับคำตอบนั้น 'หรือว่า' เมื่อมองดูให้ดี บนหัวของเด็กผู้หญิงคนนี้มีหูแมวที่เว้าแหว่งโผล่ออกมา ส่วนที่คอก็สวมใส่ปลอกคอสีแดงแขวนลูกกระพรวนสีทองลูกใหญ่ ที่สำคัญผมของเธอคนนี้ก็เป็นสีขาวอมฟ้า เหมือนกับสีขนของแมวประหลาดตัวนั้น

“...นาย นั่นนายจริงหรือ แล้ว...ทำไมถึงมีรูปร่างแบบนี้ได้”

“ก็เป็นเพราะนายนั่นแหละ เหมียว”

“...หมายความว่ายังไง”

เขาถามออกไป แต่ในใจกลับคิดไปว่า 'ฉันอยากมีโอกาสเห็นเธอใส่ชุดอย่างอื่นบ้าง' แล้วมันก็เกิดขึ้น ชุดกระโปรงสั้นน่ารัก เปลี่ยนกลายเป็นชุดว่ายน้ำของโรงเรียนอย่างฉับพลัน เขามองเห็นหางแมวของเธอกวัดแกว่งไปมาอยู่หลังรูปร่างที่เริ่มมีการเปลี่ยนแปลงไปตามเพศ และวัย ซึ่งดึงดูดใจไม่ใช่น้อย

เขาหน้าแดง รีบก้มหน้า ท่าทางของเขาทำให้เธอต้องก้มมองดูตัวเอง

“...นี่ก็เป็นเพราะนายเหมือนกัน เหมียว”

“ฉันไม่ได้ทำอะไรสักหน่อย” เขาแย้ง ยังคงไม่ยอมเงยหน้า

“ถ้าอย่างนั้นก็รีบเปลี่ยนให้ฉันใส่ชุดอื่น เหมียว”

“ฉันจะไปทำแบบนั้นได้อย่างไรกันเล่า”

เขาเงยหน้า แล้วชุดของเธอก็เปลี่ยนไป กลายเป็นชุดนักเรียนหญิง ที่มีชายเสื้อลอยให้เห็นหน้าท้องเนียนขาว กระโปรงสั้นอย่างน่าใจหาย กับถุงเท้ายาวยับย่น เธอมองดูตัวเองอีกครั้ง

“ดีกว่าเดิมนิดหนึ่ง ไม่นึกว่านายจะชอบอะไรแบบนี้ เหมียว”

“ฉันเปล่านะ” เขาเถียงอีกครั้ง

ชุดของเธอเปลี่ยนไปอีก คราวนี้มันกลายเป็นชุดหญิงรับใช้สีดำ ผ้ากันเปื้อนสีขาว ทั้งหมดเต็มไปด้วยลูกไม้ และแน่นอน กระโปรงแสนสั้นนั้นยังคงอยู่ แต่ถุงเท้ายาวยับย่นได้กลายเป็นถุงน่องตาข่ายลูกไม้สีดำที่แสนเย้ายวนแทน

“ฉันเปล่านะ” เขาทำตาโต ขึ้นเสียงสูง แต่ลึกๆ ลงไปแล้วก็รู้สึกชอบชุดนี้ที่สุด

เธอก้มมองตัวเอง ส่ายหน้า ถอนใจ ไม่คิดจะพูดถึงมันอีก

“เราต้องรีบหาทางออกจากที่นี่โดยเร็ว เหมียว”

เธอตัดสินใจพูดเข้าเรื่อง 'อธิบายยิ่งน้อยเท่าไร ก็คงยิ่งดี' เขาหันมองสำรวจไปรอบตัว

“...แล้วฉันมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร ที่สำคัญ ฉันจะกลับบ้านได้อย่างไรกันล่ะ”

เธอจ้องมองเขาอย่างคาดหวัง แต่ปิดปากเงียบ

“ถ้าเธอ...ถ้านายคือ มอนเอราโดจริง...”

ดวงตาของเธอค่อยๆ มืดลง กลายเป็นความว่างเปล่า ทุกสิ่งในนั้นต่างถูกดูดหายเข้าไปในหลุมลึกไร้ก้น

“...ฉันขอของที่จะสามารถพาฉันกลับบ้านด้วย”

เธอยิ้ม ดวงตากลับคืนสู่ประกายเหมือนเดิมอีกครั้ง เธอยกมือขึ้นมาที่หน้าท้อง แล้วค้างอยู่ในท่าดังกล่าว เพราะตรงนั้นมีเพียงผ้ากันเปื้อนสีขาวผูกอยู่ เขามองดูท่าทางตลกๆ ของเธอ

“...เอ่อ กระเป๋าสี่มิติของนายหายไปแล้ว”

เธอส่ายหน้า

“ไม่ มันยังอยู่ แต่...นายช่วยหันหลังกลับไปแล้วหลับตาสักพักได้ไหม เหมียว”

“ทำไม ฉันต้องทำแบบนั้นด้วย”

“เอาน่า ฉันบอกให้ทำก็รีบทำไปเถอะน่า เราจะได้กลับบ้านกันเสียที เหมียว”

“ก็ได้ ก็ได้” เขากลับหลังหัน แต่ไม่ได้หลับตา หูได้ยินเสียงของการเคลื่อนไหว เสียงเสื้อผ้าเสียดสีกัน ก่อนที่จะมีบางสิ่งบางอย่างล่วงลงสู่พื้น เขาพยายามคาดเดาว่าเธอกำลังทำอะไร ซึ่งก็คิดได้ไม่ยากเลย 'เธอกำลังถอดเสื้อผ้า' กระเป๋าสี่มิติคงอยู่ข้างใต้นั้นนั่นเอง

ความคิดของเขาล่องลอยต่อไป ภาพของเธอในชุดว่ายน้ำโผล่ขึ้นมา 'เธอถอดอีกชิ้นแล้ว' ภาพของเสื้อนักเรียนเอวลอยเข้ามาแทนที่ หน้าท้องที่ขาวนวลเนียน ความคิดของเขาพลันหยุดชะงัก มีอะไรบางอย่างขาดหายไป

'ตรงหน้าท้องนั้น มันไม่มีกระเป๋าอะไรสักหน่อย'

เสียงเสื้อผ้าล่วงหล่นลงพื้นอีกชิ้น 'แล้วกระเป๋าสี่มิติอยู่ที่ไหนกัน' เสียงการเคลื่อนไหวทั้งหมดหยุดลง เขายืนนิ่งพยายามเงี่ยหูฟัง ก่อนที่จะได้ยินเสียงอะไรบางอย่าง เสียงของลมหายใจที่หนักหน่วง ถี่ขึ้น เสียงที่พยายามจะไม่ก่อเกิดเป็นเสียง

'ตุบ'

เสียงวัตถุหนักๆ ล่วงหล่นลงสู่พื้น เสียงของการระบายลมหายใจที่พยายามกลั้นไว้อย่างที่สุด เสียงที่กระชากเขาให้หันกลับไปอย่างลืมตัว

“อย่าหันมานะ เหมียว”

เขายังไม่ทันได้หันกลับไป ก็ต้องรีบหันกลับมาอีกครั้งตามคำสั่งนั้น จินตนาการของเขาวิ่งแตกกระจายไปทั่วทุกทิศ เขาไม่รู้เหมือนกันว่าจินตนาการเหล่านั้นคืออะไรบ้าง เสียงการเคลื่อนไหว กับเสียงสวมใส่เสื้อผ้าดังเบาๆ ขึ้นอีกครั้ง มันรวดเร็วกว่าในตอนแรกมาก

“หันกลับมาได้แล้ว เหมียว”

เขาจ้องมองเธอเป็นอย่างแรกเมื่อหันกลับไป เสื้อผ้าชุดคนรับใช้ที่สวมใส่อย่างไม่เรียบร้อย ยิ่งทำให้เขาหน้าแดงก่ำ ก่อนที่เขาจะพบเห็นสิ่งใหญ่โตอีกชิ้นหนึ่งซึ่งตั้งอยู่ข้างๆ 'เธอเอามันออกมาจากทางไหนกันนะ'

กรอบของสิ่งนั้นเป็นไม้สีดำสนิท ตัวหน้าบานก็เป็นไม้สีดำสนิท ที่บริเวณด้านล่างมีตัวเลข เก้า เก้า เก้า เป็นสีเข้มติดอยู่ มันมองดูคล้ายกับหมายเลขห้องที่ติดอย่างผิดที่ผิดทาง แทนที่จะอยู่ในระดับสายตา 'ที่สำคัญ มันไม่มีลูกบิด หรือมือจับอยู่เลย'

“นี่คือ ประตูสารพัดสถานที่ เหมียว”

'มันเป็นประตูจริงหรือ' ตัวบานประตูนั้นวางทับแนบสนิทอยู่บนกรอบ เขาไม่เคยเห็นประตูแบบนี้มาก่อนเลยในชีวิต และมันก็ไม่ได้เป็นทางผ่านเข้าออกระหว่างสิ่งใด กับสิ่งใด เหมือนอย่างที่ประตูทั่วไปควรเป็นเลยแม้แต่น้อย มันตั้งอยู่อย่างเดียวดาย และทั้งสองฟากฝั่งก็คือที่ว่างแห่งนี้เหมือนๆ กันนั่นเอง

“...แล้ว...มันใช้อย่างไรกันล่ะ”

“อันนี้...ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน เหมียว”

“อ้าว แล้วกัน”

“นายต้องเป็นคนหาทางออกจากที่นี่เอง ฉันช่วยอะไรมากกว่านี้อีกไม่ได้แล้ว”

“...ถ้าอย่างนั้น ลองเปิดมันดูก่อนก็แล้วกัน”

เขาค่อยๆ เลื่อนนิ้วไปตามรอยต่อระหว่างบานประตู กับกรอบของมัน โดยคิดว่าพวกมันอาจจะติดกันแน่น อาจต้องใช้แรงมหาศาล หรือต้องมีรหัสลับพิเศษบางอย่าง แต่มันกลับเปิดอ้าออกอย่างง่ายดาย พร้อมกับเสียงฝืดๆ ที่ดังบาดหู ด้านหลังบานประตูนั้น ก็คือที่ว่างแห่งนี้เหมือนเดิม

มันเปิดออกอย่างง่ายดาย แต่กลับไม่ใช่ทางออกอย่างที่คาด เขาส่งสายตาไปยังเธอที่ยังคงพยายามจัดชุดให้เข้าที่เรียบร้อย ซึ่งเธอก็ได้แต่ส่ายหน้า

เขามองไปรอบๆ อีกครั้ง พร้อมกับใช้ความคิด 'ทางออกจากสถานที่ ที่ไม่รู้ว่าเป็นที่ไหน ประตูที่ไม่ใช่ประตู ประตูที่ไม่ได้เปิดไปสู่สถานที่ใดทั้งนั้น'

ในที่ว่างแห่งนี้นอกจาก เหล่าต้นไม้ตายซากที่มีกิ่งก้านหงิกงอแล้ว ก็ยังมีกองหินแปลกๆ อีกจำนวนหนึ่ง ตั้งเรียงรายอยู่โดยรอบ เขาลองเดินไปสำรวจดูกองหนึ่งซึ่งอยู่ใกล้ที่สุด เขายกมือลูบไล้ไปตามร่องรอยบนหินก้อนหนึ่ง มันให้ความรู้สึกคุ้นเคยอย่างประหลาด

“...นี่มัน ตัวฉันเองหรือเปล่า”

หินแต่ละก้อนนั้นมีรูปร่างคล้ายกับคนตัวเล็กๆ เหมือนจะเป็นเด็กคนเดียวกัน จากใบหน้า และรอยยิ้มเหล่านั้น ทำให้เขารู้สึกว่ามันน่าจะเป็นตัวเขาเอง ตัวเขาในช่วงวัยต่างๆ ตัวเขาในช่วงเวลาที่กำลังมีความสุข ซึ่งมีไม่บ่อยนัก 'หรืออาจจะไม่เคยมีเลย' มันเป็นความทรงจำที่ตอนนี้เขานึกไม่ออกเลยแม้แต่น้อย

“...ก็อาจจะใช่ เหมียว”

พวกมันคือสิ่งที่เขาใช้แลกเปลี่ยนกับกระจกวิเศษ ความทรงจำดีๆ ที่ถูกถ่วงให้จบหายไปใต้ท้องน้ำที่ลึกล้ำ และไม่มีวันที่จะกู้กลับคืนมาได้อีกตลอดกาล

“คงไม่ใช่หรอก...ฉันไม่เคยมีความสุขแบบนี้มาก่อนเลยในชีวิต ต้องไม่ใช่แน่ แต่ก้อนหินพวกนี้มัน...เหมือนจังเลยนะ”

“เหมือนอะไรหรือ เหมียว”

“เหมือนกับเจ้านั่นไง หินหลุมศพที่เขาสร้างไว้ระลึกถึงคนที่ตายจากไปอย่างไรล่ะ พวกเขาจะนำความทรงจำดีๆ ช่วงเวลาดีๆ มาหยุดเอาไว้ ถ่วงเอาไว้ รั้งมันไว้...ทั้งๆ ที่ไม่มีประโยชน์เลยแม้แต่น้อย”

'หลุมศพ' คำนั้นทำให้เขารู้สึกอึดอัด เขากำลังจะคิดอะไรบางอย่างออกแล้ว อะไรที่อาจเป็นคำตอบของวิธีการใช้ประตูสารพัดสถานที่

#####

“ขอบคุณนะคะ ที่มาส่งหนู”

ซูชิกะ กล่าวในขณะไขกุญแจเปิดประตูบ้าน ชายอ้วนยืนมองดูบ้านที่ปิดไฟเงียบสงัด บ้านข้างๆ ทั้งหมดก็ไม่แตกต่างกัน ไม่มีใครให้พบเห็นเลยตลอดทางที่ผ่านมา 'ช่างโชคดีแท้' เขาฉีกยิ้ม ก่อนจะพุ่งเข้าจู่โจมเธออย่างรวดเร็ว 'จัดการเด็กก่อน แล้วค่อยถึงคิวคุณนายคนนั้น'

เขาลากเธอเข้าไปในบ้าน แล้วรีบปิดประตูทันที

#####

โบนิตะ ปิดบานของประตูสารพัดสถานที่ลงบนกรอบไว้เหมือนเดิม

“นายคิดอะไรออกแล้วใช่ไหม เหมียว”

“ก็อาจจะ...แต่ฉันค่อนข้างแน่ใจนะ”

เขายืนพิจารณาดูรูปร่างของมันอีกครั้ง ยิ่งมั่นใจมากขึ้นกว่าเดิม เขายกเท้าขึ้น แล้วถีบมันเต็มแรงจนล้มฟาดลงไปกองอยู่บนพื้น กรอบของประตูอยู่ทางด้านล่าง ส่วนบานปิดทับอยู่ด้านบน  ตัวเลข เก้า เก้า เก้า 'ไม่ใช่' เขาเดินกลับไปอีกด้าน ตัวเลข หก หก หก หม่นมัวอยู่บนฝาของมัน 'ไม่ผิดแน่'

เธอยืนมองการกระทำของเขาอยู่เงียบๆ ไม่ส่งเสียงอะไรทั้งสิ้น

“มันไม่ใช่ประตู...ไม่สิ มันเป็นประตู แต่เป็นประตูอีกแบบหนึ่ง”

เขาเอื้อมมือไปยกฝาของมันให้เปิดขึ้น ด้านล่างนั้นเป็นความมืดมิด ไม่ใช่พื้นดินของที่ว่าง แต่เป็นความมืดมิดที่แตกต่างออกไป 'มันคือฝาโลงศพ' มันเป็นประตูจริงๆ ประตูที่จะนำพาให้ข้ามจากโลกแห่งความจริง ไปสู่โลกที่เป็นจริงยิ่งกว่า นี่คือวิธีการใช้ประตูสารพัดสถานที่ที่ถูกต้อง

“มาเถอะ”

เขาก้าวขาข้างหนึ่งลงสู่ความมืด ก่อนยื่นมือมาจับ กับมือที่อ่อนนุ่มนิ่มของเธอข้างนั้น เธอก้าวติดตามเขาลงไป ฝาโลงปิดลง ประตูสารพัดสถานที่จมหายลงไปในที่ว่าง ฝังตัวเองเอาไว้ลึกใต้ผืนดินอย่างที่มันควรจะเป็น

หลงเหลือเพียงหลุมศพที่ประดับตกแต่งไปด้วยก้อนหินแห่งความทรงจำอันแสนสุขที่ถูกลืมเลือน

#####

แม่ของโบนิตะเข้านอน และหลับไปแล้ว ในฝันนั้นแม่กำลังจับจ่ายซื้อของอย่างสนุกสนาน แม่มีเงินที่ใช้ได้ไม่มีวันหมด ข้าวของต่างๆ ที่ซื้อมากองมากมายท่วมทับตัวแม่สูงขึ้นไปเรื่อยๆ แม่หยุดตัวเองไม่ได้ แม่ยังคงซื้อพวกมันต่อไป

ภายในบ้านของซูชิกะ มีหลายสิ่งหลายอย่างกำลังเกิดขึ้นพร้อมๆ กันอย่างสับสน ทั้งเสียงหอบหายใจ เสียงกรีดร้อง แต่พวกมันทั้งหมดได้ถูกความเงียบกัดกินไปจนหมดสิ้น เหลือไว้เพียงเสียงแห่งยามราตรีเท่านั้น

ทั้งโบนิตะ และมอนเอราโดที่ยังคงนอนขดอยู่บนหน้าอกของเขา ต่างขยับตัวอย่างกระสับกระส่าย ทั้งคู่ยังคงหลับไหล การเดินทางลี้ลับของเพื่อนต่างพันธุ์ทั้งสองยังคงต้องดำเนินต่อไป

ที่ด้านนอกหน้าต่างห้องของเขามีเงาของบางสิ่งที่มีรูปร่างอ้อนแอ้นเหมือนหญิงสาวเกาะอยู่ มันจ้องมองเข้ามาก่อนจะกางปีกที่ปกคลุมไปด้วยขนสีขาวเหมือนกับนกขนาดยักษ์ออก ก่อนบินหายลับไป

จากคุณ : zoi
เขียนเมื่อ : 28 ก.ค. 55 17:24:27




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com