Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
โจอี้ ฟรอส กับการผจญภัยข้ามเวลา บทที่11 ติดต่อทีมงาน

บทที่ 11

    บนเรือค้าทาสลำใหญ่เด็กผู้หญิงหลายคนถูกจับขังไว้ที่ใต้ท้องเรือและแอนนาก็เป็นหนึ่งในนั้น  ประตูลูกกรงเหล็กถูกล่ามด้วยโซ่แล้วคล้องกุญแจอย่างแน่นหนา  ด้านหน้ามียามตัวใหญ่คอยเฝ้าอีกสองคน  แอนนามองออกไปนอกกรงขังอย่างสิ้นหวัง

“เฝ้าให้ดีล่ะ  อย่าให้หนีไปได้  พรุ่งนี้เรือก็จะออกจากท่าแล้ว”  เสียงของคนที่ถูกเรียกว่านายท่านดังขึ้นใกล้ๆ  แอนนาคิดว่าถ้าโจอี้และนีย่ามาไม่ทันเรือออก  เธอจะต้องติดอยู่ที่นี่ไปตลอดอย่างแน่นอน  หลังจากนายท่านกลับขึ้นไปด้านบนเธอก็พยายามมองหาสิ่งที่จะพาเธอออกไปจากที่นี่ได้  ขณะนั้นเองที่บนดาดฟ้าเรือมีเสียงเอะอะดังขึ้นจนทำให้ทุกคนสนใจ

“ขึ้นไปดูซิว่าข้างบนมีเรื่องอะไร”  ชายผู้คุมคนแรกพูด  ผู้คุมอีกคนลุกไปอย่างเสียไม่ได้  เขาปีนบันไดขึ้นไปยังดาดฟ้าเรือพร้อมบ่นอุบอิบ  เมื่อถึงข้างบนเขาพบว่าคนอื่นๆกำลังมุงดูอะไรบางอย่างที่ท่าเรือข้างล่าง  เขาแหวกกลุ่มคนเหล่านั้นเข้าไปดูบ้าง

โจอี้และนีย่าในคราบของเด็กผู้หญิงสองคนกำลังยืนตะโกนโหวกเหวกอยู่ที่ท่าเรือ  พวกเขาคลุมผ้าและทาตัวดำด้วยโคลนจนเหลือแต่ลูกตา  

“พวกเจ้าเป็นใคร?”  คนบนเรือคนหนึ่งตะโกนถาม  ไม่เคยมีใครเฉียดเข้าใกล้เรือของพวกเขามาก่อน  โดยเฉพาะเด็กๆซึ่งมักจะถูกสั่งห้ามไม่ให้มาที่นี่

“พวกเราอยากขอโดยสารเรือไปด้วย  ได้ยินว่าเรือจะออกจากท่าพรุ่งนี้”  โจอี้ดัดเสียงให้เล็กลงกว่าปกติ  นีย่าเป็นคนเสนอให้พวกเขาแต่งตัวเป็นเด็กผู้หญิงเพื่อปลอมตัวขึ้นมาบนเรือค้าทาส

“พวกเจ้าจะไปไหน?”  ชายอีกคนหนึ่งถามเสียงห้วน

“พวกท่านเทียบเรืออีกครั้งเมื่อไหร่  พวกเราก็ขอลงที่นั่น”  นีย่าดัดเสียงตอบบ้าง  

“ต้องไปถามนายท่านก่อน  รออยู่ตรงนั้นล่ะ”  ชายคนเดิมเดินหายเข้าไปด้านใน  เพียงครู่เดียวก็กลับออกมา

“นายท่านอนุญาต  พวกเจ้าขึ้นมาได้เลย”  เขาสั่งให้คนบนเรือยกไม้กระดานพาดลงไปเพื่อให้เด็กทั้งสองคนปีนขึ้นมาได้  ทั้งคู่ถูกพาไปยังห้องที่ยังว่างบนเรือ  โจอี้และนีย่าถูกจัดให้อยู่ห้องดียวกัน

“พวกเจ้าอยู่ที่นี่  พอถึงเวลาจะมีคนนำอาหารมาให้  อย่าเดินเพ่นพ่าน  บนเรือมันยุ่ง”  ชายคนนั้นพูดจบก็ปิดประตูออกไปทันที  นีย่าเงี่ยหูฟังที่ประตูจนเสียงฝีเท้าด้านนอกเงียบลง

“ไปแล้ว”  เขาเดินกลับมานั่งข้างๆโจอี้  ในห้องมีเพียงลังไม้เก่าๆและกองฟางแห้งๆเท่านั้น

“ไม่นึกเลยว่าจะเข้ามาได้ง่ายๆ”  โจอี้เปิดผ้าคลุมศีรษะออก  โคลนตามใบหน้าเริ่มแห้งจนรู้สึกคัน

“ต้องง่ายอยู่แล้วในเมื่อพวกเขาคิดจะเอาพวกเราไปขายด้วย”  นีย่าพูดอย่างไม่สะทกสะท้าน  เขาไม่สนเรื่องนั้นอยู่แล้วเพราะพวกเขาต้องหนีออกไปจากที่นี่ให้ได้ก่อนเรือจะออกในวันพรุ่งนี้  เขาลองเดินกลับไปผลักประตูเบาๆ

“ไม่ได้ใส่กุญแจไว้”  นีย่ากระซิบด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น  เขาแง้มประตูออกเล็กน้อยก่อนจะมองลอดไปข้าง นอก  ทางเดินหน้าห้องว่างเปล่า  “ไม่มีคนเฝ้า  ไปกันเถอะ”  เขาโบกมือเรียกโจอี้ให้ตามมา


นีย่าและโจอี้แอบย่องออกมาจากห้องพัก  พวกเขาเดินไปทางท้ายเรืออย่างเงียบเชียบ  โชคดีที่ทุกคนทำ งานอยู่ด้านหน้ากันหมด  ทั้งสองคนแอบลัดเลาะตามลังไม้จนไปถึงบันไดลงสู่ใต้ท้องเรือ  ด้านล่างสว่างกว่าที่คิด  ลังไม้จำนวนมากถูกวางทิ้งไว้เกลื่อนกลาดทำให้พวกเขาสามารถซ่อนตัวได้เป็นระยะๆ

“นีย่า..รอด้วย”  โจอี้กระตุกแขนของนีย่าให้เดินช้าๆ  เขากลัวว่าจะมีใครโผล่ออกมาพบเข้าเสียก่อน

“ชู่ว์..”  นีย่าส่งสัญญาณให้โจอี้เงียบ  เขาดึงโจอี้หลบข้างลังไม้ทันทีที่เลี้ยวโค้งไป  ปลายทางมีห้องขังขนาดใหญ่พร้อมประตูลูกกรงที่แข็งแรง  ชายสองคนกำลังนั่งคุยกันอยู่ด้านหน้า  พวกเขามองเห็นแอนนาและคนอื่นๆอยู่ข้างใน  กุญแจพวงเล็กถูกแขวนไว้บนกำแพงที่อยู่ติดกับประตูลูกกรง  แต่มันอยู่สูงเกินกว่าเด็กอย่างพวกเขาจะเอื้อมถึง  สายตาของแอนนาจับจ้องอยู่ที่กุญแจตลอดเวลา  โจอี้เดาว่าเธอคงกำลังคิดหาทางหนี

“คืนนี้ค่อยลงมือ  ไปหาเจ้านั่นให้พบก่อนเถอะ”  นีย่ากระซิบบอก  ทั้งสองคนย่องกลับออกไปทางเก่า

โจอี้และนีย่ากลับมาถึงห้องพักอย่างปลอดภัย  ที่ปลายสุดทางเดินหญิงสาวคนหนึ่งแต่งกายด้วยเสื้อผ้าชั้นดีกำลังยืนมองพวกเขาอยู่เงียบๆโดยที่ทั้งคู่ไม่ทันสังเกตเห็น

“พวกเจ้าคงจะเป็นคนที่พวกเขาพูดถึงกัน  ไปไหนมาหรือ?”  เสียงทักดังขึ้นอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ยทำให้โจอี้และนีย่าสะดุ้ง  พวกเขายืนมองหญิงสาวตัวเล็กที่กำลังเดินเข้ามาใกล้พร้อมรอยยิ้ม  

“เอ่อ...คือ...เอ่อ..”  โจอี้อึกอัก  เขาไม่รู้ว่าผู้หญิงคนนี้มายืนอยู่ที่นี่ตั้งแต่เมื่อไหร่  เขากลัวว่าแผนที่เตรียมไว้จะแตกเสียก่อน

“ท่านเป็นใคร?”  นีย่าดัดเสียงถามกลับไป  เขามองสำรวจหญิงสาวตรงหน้าด้วยความสงสัย  นางดูดีเกินกว่าจะถูกจับมาเป็นทาส

“ข้าชื่อยูซิส  พวกเจ้าล่ะ”  หญิงสาวแนะนำตนเอง  ใบหน้างดงามจ้องกลับมาเพื่อรอคอยคำตอบ  

“ข้าชื่อ นีย่า   เพื่อนข้าชื่อ โจ..”  นีย่าแนะนำตัวเองยังไม่ทันจบโจอี้รีบขัดขึ้นก่อน

“โจแอน…ฉันชื่อโจแอน”  โจอี้กลัวนีย่าจะบอกชื่อจริงของเขาออกไป  ชื่อของเขาเหมือนผู้หญิงเสียที่ไหน

“ชื่อแปลก  พวกเจ้าเข้ามากินขนมอร่อยๆที่ห้องของข้าก่อนสิ”  ยูซิสเดินนำทั้งสองคนไปยังห้องที่อยู่ด้านในสุด  โจอี้และนีย่าสบตากันก่อนจะเดินตามไป  ภายในห้องของนางตกแต่งด้วยเครื่องเรือนครบครัน  ยูซิสให้ทั้งสองคนนั่งรอที่โต๊ะแล้วแยกไปเตรียมขนมมาให้  ไม่นานขนมก็ถูกนำมาวางลงตรงหน้าสองชิ้น

“ท่านรู้ไหมว่าเรือลำนี้กำลังเดินทางไปที่ไหน” นีย่าลองหยั่งเชิง  เขาอยากรู้ว่าหญิงสาวคนนี้มาทำอะไรที่นี่

“ข้าได้ยินพวกเขาพูดกันว่าจะไปค้าขายที่ไทรีส”  หญิงสาวตอบด้วยท่าทางใสซื่อจนนีย่าไม่แน่ใจว่านางรู้เรื่องเรือค้าทาสลำนี้หรือไม่  แต่ท่าทางของนางไม่เหมือนคนโกหก

“ท่านรู้จักกับเจ้าของเรือลำนี้หรือ?”  นีย่าถามตรงๆ  

“ข้าเป็นแค่คนที่ขออาศัยเรือลำนี้เพื่อเดินทางเหมือนกับพวกเจ้านั่นล่ะ  ญาติของข้าเป็นคนฝากข้ามา”  ยูซิสเลื่อนจานขนมตรงหน้ามาให้  “กินได้แล้ว  ไม่อย่างนั้นขนมจะชืดหมด”  น้ำเสียงอ่อนหวานเอ่ยขึ้นอย่างใจดี  โจอี้มองจานขนมตรงหน้าแล้วกลืนน้ำลาย …ขนมพวกนี้น่ากินจริงๆ

“ของคุณล่ะครับ  เอ๊ย  คะ”  โจอี้ถามด้วยความเกรงใจเมื่อไม่เห็นยูซิสกินด้วย  

“ข้าอิ่มแล้ว  พวกเจ้ากินเถอะ”  ยูซิสยิ้ม  โจอี้หยิบขนมชิ้นโตเข้าปากในทีเดียว  รสชาติของมันดีมาก  นีย่าทำตาม  ยูซิสนั่งมองทั้งสองคนกินขนมอย่างเอร็ดอร่อย  “ดื่มน้ำเสียก่อนสิ  ระวังจะติดคอ”  นางยกน้ำมาให้  หลังกินขนมเสร็จเรียบร้อยยูซิสชวนทั้งสองคนคุยอีกสักพักก่อนจะเดินมาส่งที่หน้าห้อง

“พวกเจ้าเข้าไปอยู่ในห้องเถอะแล้วอย่าออกมาเพ่นพ่านข้างนอกอีก”  นางพูดจบก็เดินไปทางด้านหน้าของเรือโดยไม่ได้หันกลับมามองอีก  


โจอี้และนีย่ากลับเข้าห้องพักเรียบร้อย  พวกเขาช่วยกันยกลังไม้มากั้นที่ประตูเพื่อความปลอดภัย  นีย่าเดินกลับไปนั่งลงบนกองฟางแห้งๆ  ส่วนโจอี้เดินวนไปมาด้วยความกระวนกระวาย  พวกเขาต่างรอคอยให้คืนนี้มาถึงอย่างใจจดใจจ่อ  

“นั่งลงก่อนเถอะ  ข้าเวียนหัวแล้ว”  นีย่าบอก  เขากลอกตามองตามโจอี้อยู่นาน  แม้เขาและโจอี้จะกังวลแต่การเดินวนไปมาก็ไม่ได้ช่วยอะไร

“นายว่ามันจะได้ผลไหม?”  โจอี้ถามด้วยสีหน้ากังวล  เขาตื่นเต้นจนบังคับตัวเองให้หยุดนิ่งไม่ได้  ถ้าทุกอย่างผิดพลาด  ไม่เพียงแต่แอนนาเท่านั้น  ทั้งนีย่าและเขาก็ไม่สามารถออกไปจากที่นี่ได้เช่นกัน

“ได้ผลสิ”  นีย่านึกถึงเรื่องที่ไปทำเมื่อตอนเย็น  พวกเขาตามหาถังเหล้าบนเรือจนพบ  นีย่าหยิบขวดเล็กๆที่ข้างในบรรจุผงยานอนหลับที่สกัดจากเปลือกไม้ชนิดหนึ่งออกมา  พวกเขาแอบเทผงยาลงไปในเหล้าจนหมด…ที่เหลือก็แค่รอเวลาเท่านั้น

“ระหว่างนี้พักผ่อนกันก่อนเถอะ”  พูดจบนีย่าก็ล้มตัวลงนอนและหลับไปอย่างง่ายดาย  โจอี้มองนีย่าอย่างงงงัน

“เฮ้!  นีย่า...นีย่า..”  โจอี้เรียกเบาๆ  นีย่าหลับง่ายเกินคาด  พวกเขายังคุยค้างกันอยู่แท้ๆ  โจอี้คิด  แต่ไม่นานเขาก็หลับตามนีย่าไปอีกคน  เสียงกรนเบาๆของทั้งคู่ดังขึ้น  เด็กทั้งสองคนไม่มีโอกาสได้ยินเสียงแกรกกรากที่หน้าห้องแม้แต่นิดเดียว


กลางดึกนีย่าสะดุ้งตื่น  เขาลุกพรวดขึ้นนั่งทันที  “นี่มันเวลาไหนแล้ว?”  เขาหันไปมองโจอี้ที่หลับสนิทอยู่ข้างๆ  “ตื่นได้แล้ว!”  นีย่าเขย่าร่างโจอี้อย่างแรง  นานกว่าเขาจะรู้สึกตัว

“โอย..ปวดหัวจัง”  โจอี้ยกมือทั้งสองข้างกุมขมับ  เขารู้สึกเหมือนใครแอบเอาค้อนมาทุบทั่วศีรษะ  “มืดแล้วหรือ?”  เสียงงัวเงียถามกลับ  เขาซุกหน้าลงไปกับกองหญ้าอีกครั้ง

“ฮื่อ..  น่าจะมืดนานแล้วด้วย  ทำไมข้าถึงได้หลับไม่รู้เรื่องอย่างนี้นะ”  นีย่าคิดว่าเขาไม่เคยเป็นอย่างนี้มาก่อน  เขารีบเดินไปที่ประตูแล้วแนบหูลงไป

 “ข้างนอกเงียบเสียงไปแล้ว  ไปกันเถอะ”  นีย่าเรียกโจอี้อีกครั้ง  เขาออกแรงผลักประตูเบาๆแต่ครั้งนี้มันไม่ขยับ  คิ้วทั้งสองข้างเริ่มขมวดเข้าหากันด้วยความแปลกใจ  เขาออกแรงมากขึ้นกว่าเดิม  แต่ประตูก็ยังคงหยุดนิ่งอยู่กับที่

“เปิดไม่ได้!”  นีย่าร้องขึ้นด้วยน้ำเสียงร้อนรน  โจอี้เห็นท่าไม่ดีจึงรีบลุกขึ้นมาช่วยผลักอีกแรง  แต่ประตู ไม้บานใหญ่ยังคงนิ่งสนิท  ทั้งสองคนสบตากัน  หัวใจของพวกเขาเริ่มเต้นโครมครามไม่เป็นจังหวะ  พวกเขาถูกขัง!


นีย่าและโจอี้นั่งมองบานประตูอย่างหมดหวัง  ไม่มีอะไรที่จะพาพวกเขาออกไปจากที่นี่ได้แม้แต่ของในเป้ของแอนนา  โจอี้คิดว่าน่าอายชะมัดที่จะต้องมาติดยู่ที่นี่ทั้งที่ตั้งใจจะมาช่วยแอนนาแท้ๆ  แล้วเขาก็นึกบางอย่างขึ้นมาได้  พวกเขาไม่ได้มีเพียงแค่เป้ของแอนนาเท่านั้น

“ฉันลืมเจ้านี่ไปได้อย่างไร”  โจอี้ล้วงลงไปในกระเป๋าสะพายของเขาที่ซ่อนเอาไว้ใต้เสื้อคลุม  เขาหยิบนาฬิกาพกของพ่อออกมา  “ไม่รู้ว่าจะใช้ได้ไหม”  โจอี้มองนาฬิกาในมืออย่างมีความหวัง

“นั่นอะไร?  อาวุธใหม่หรือ?”  นีย่ามองตามด้วยความสนใจ  แววตาของเขาเต็มไปด้วยความอยากรู้อยากเห็นจนโจอี้นึกขำ  

“เราจะไปหาแอนนาด้วยเจ้านี่ล่ะ”  โจอี้ไม่ตอบคำถาของนีย่า  แต่เขากลับคว้าข้อมือของเพื่อนใหม่ไว้แน่นก่อนจะยิ้มร่า

“จะทำอะไร!”  นีย่าตกใจจนตาเหลือก  ของเล่นใหม่ของโจอี้ดูไม่น่าไว้ใจเสียแล้ว

“หลับตา!”  โจอี้สั่งโดยไม่ได้สนใจอาการตาเหลือกของเขา  ทั้งสองคนหายตัวไปจากห้องพักทันที


แอนนานั่งมองผู้คุมสองคนที่นั่งดื่มเหล้าอยู่หน้ากรงขังอย่างเบื่อหน่าย  เธอแอบชำเลืองมองไปที่กุญแจบนกำแพงเป็นระยะๆ  แม้เธอจะแน่ใจว่าเพื่อนทั้งสองคนต้องไม่ทิ้งเธอ  แต่เธอก็ต้องพยายามช่วยเหลือตัวเองให้ถึงที่สุดก่อน  แอนนาหูผึ่งเมื่อได้ยินเรื่องของเด็กสาวที่ถูกจับขึ้นมาใหม่จากผู้คุม  

“นังเด็กสองคนนั้นคงไม่คิดว่าเรือของเราเป็นเรือค้าทาส  มีที่ไหน  มาขอขึ้นเรือเองอย่างนี้”  ผู้คุมคนแรกยกเหล้าขึ้นดื่มอึกใหญ่  

“นายท่านสั่งให้ย้ายตัวลงมาที่นี่หลังเรือออก...”  คนที่สองพูดค้างได้แค่นั้นก็ฟุบลงไปที่พื้นพร้อมถ้วยเหล้าในมือ

“เฮ้ย  เป็นอะไร...”  ผู้คุมอีกคนฟุบตามลงไปติดๆ  แอนนามองคนทั้งสองด้วยความแปลกใจ  อยู่ดีๆพวกเขาก็หมดสติไปทั้งอย่างนั้น  นี่อาจจะเป็นโชคดีของเธอก็ได้

“นี่..   นี่..”  เธอลองยื่นมือออกมาเขย่าผู้คุมทั้งสองแรงๆ  เมื่อเห็นว่าพวกเขาไม่ขยับเธอจึงลุกขึ้นยืนพร้อมเขย่งเท้าเพื่อหยิบกุญแจที่แขวนไว้  แต่มันไกลเกินเอื้อมจริงๆ  เด็กผู้หญิงคนอื่นๆได้แต่ภาวนาให้เธอหยิบมันได้สำเร็จ


พลั่ก!  เสียงอะไรบางอย่างตกลงบนพื้นห้องขัง  แอนนายืนตัวแข็งพร้อมยกมือค้างอยู่ท่าเดิม  เธอไม่กล้าหันกลับไปมอง

“แอนนา!”  เสียงเรียกของโจอี้ทำให้เธอหันขวับ  เธอเห็นโจอี้จับข้อมือนีย่าที่นั่งหลับตาปี๋อยู่ข้างๆ  ทั้งสองคนเข้ามาอยู่ข้างในกรงขังตั้งแต่เมื่อไหร่?

“ลืมตาได้แล้วนีย่า”  โจอี้ปล่อยมือจากนีย่า  เขาค่อยๆลืมตาขึ้น  ดวงตาทั้งสองข้างเบิกกว้างเมื่อได้เห็นว่าพวกเขากำลังอยู่ที่ไหน

“ว้าก!  เจ้าหายตัวได้!”  นีย่าร้องเสียงสั่น  เขากระเถิบตัวหนีโจอี้ไปอีกทาง  เขาเริ่มจะกลัวโจอี้ขึ้นมาแล้ว  คนอื่นๆในห้องขังก็ทำเช่นเดียวกันกับนีย่า
 
“ไม่ต้องกลัวหรอก”  โจอี้เดินเข้ามาหานีย่า  “นี่ก็แค่...ของวิเศษจากท่านเทพเท่านั้นเอง”  เขาส่งมือให้นีย่าจับเพื่อลุกขึ้นแต่นีย่าลังเล  เขากลัวว่าจะหายตัวไปอีก

“ไว้ใจฉันสิ”  โจอี้ย้ำ  สีหน้าจริงจังของเขาทำให้นีย่าคลายความกังวลลงเล็กน้อย  เขาค่อยๆยื่นมือส่งให้

“ทำไมพวกเธอถึงมาอยู่ในนี้ได้”  แอนนางงไปหมดแล้ว  พวกเขาต้องมาช่วยเธอสิไม่ใช่มาอยู่ในห้องขังเหมือนกับเธอ  แล้วที่นี้ทุกคนจะออกไปได้อย่างไร

“ฉันคงกำหนดสถานที่ผิดไปหน่อย  รอเดี๋ยวนะ”  โจอี้ยกนาฬิกาขึ้นมาพร้อมเอื้อมมือจะคว้าแขนนีย่า  แต่เขากลับหดแขนหลบเสียก่อน  โจอี้จึงจับแขนของแอนนาแทน  ทั้งสองคนหายตัวออกมาอยู่ข้างนอกประตูเหล็ก

“เธอใช้นาฬิกาได้!”  แอนนาประหลาดใจแกมดีใจ  แต่แล้วเธอก็ยกมือขึ้นหยิกแก้มทั้งสองข้างของโจอี้แรงๆเป็นการลงโทษ

“โอ๊ย!  เธอทำอะไรน่ะแอนนา”  โจอี้ถูแก้มของตัวเองเบาๆ  รอยแดงปรากฏขึ้นที่แก้มทั้งสองข้าง

“ทำไมเธอไม่ใช้มันให้เร็วกว่านี้  เราจะได้ไม่ต้องเหนื่อย”  แอนนาทำตาเขียวใส่  ถ้าพวกเธอใช้นาฬิกาตั้งแต่แรกเธอก็คงไม่ต้องมาอยู่ในนี้  โจอี้ได้แต่ยิ้มเจื่อนๆ

“ฉันเพิ่งรู้นี่ว่ามันใช้ได้  ฉันว่าพวกเราออกไปจากที่นี่ก่อนดีกว่า”  โจอี้กับแอนนาช่วยกันลากลังไม้มาต่อกันแล้วปีนขึ้นไปหยิบกุญแจลงมา  ประตูลูกกรงถูกเปิดออก  แอนนาเรียกให้ทุกคนออกมาเร็วๆ  แต่ดูเหมือนทุกคนจะกลัวพวกเขามากกว่าการถูกขังเสียอีก  นีย่าเดินนำออกมาเป็นคนแรก  คนที่เหลือจึงค่อยๆทยอยตามออกมา


ทุกคนขึ้นมาถึงดาดฟ้าเรือ  มีคนนอนสลบอยู่ที่นั่นเพียงห้าหกคนเท่านั้น  เรือทั้งลำเงียบกริบ  นีย่าให้ทุกคนหยุดเดินก่อน

“แปลกจริง  ข้าคิดว่าที่นี่จะมีคนมากกว่านี้เสียอีก”  นีย่าสงสัย  เมื่อกลางวันเขานับคนได้มากกว่านี้แท้ๆ  แล้วคนเหล่านั้นหายไปไหนหมด  นีย่าจับด้ามมีดที่ซ่อนเอาไว้แน่นเมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าเข้ามาใกล้  เงาดำของใครบางคนยืนขวางทางพวกเขาไว้  ยูซิสนั่นเอง

“ท่านเองหรือยูซิส”  นีย่าถอนหายใจก่อนปล่อยมือออกจากด้ามมีด

“ดึกป่านนี้พวกเจ้าจะไปไหน”  เสียงของยูซิสไม่อ่อนหวานเหมือนเดิม  ใบหน้างดงามเรียบเฉยจนดูเย็นชาจนน่ากลัว  “พวกเจ้าคงไม่ได้คิดจะอาศัยเรือของข้าเดินทางตั้งแต่แรกแล้วสินะ”  ยูซิสเดินใกล้เข้ามาทีละน้อย  ทุกคนยืนตะลึงกับสิ่งที่เพิ่งได้ยิน

“เรือของคุณ?”  โจอี้ร้องเสียงหลง  ผู้หญิงที่ใจดีคนนี้กลายเป็นเจ้าของเรือค้าทาสที่แสนโหดร้ายไปได้อย่างไร  เพราะอย่างนี้เองเขาและนีย่าถึงได้หลับเป็นตาย...ขนมของยูซิสนี่เอง  หล่อนไม่ได้กินขนมพร้อมพวกเขา

“เพราะมีเด็กสอดรู้อย่างพวกเจ้าข้าถึงต้องขังเอาไว้ก่อนอย่างไรล่ะ  คิดไม่ถึงว่าพวกเจ้าจะวางยาคนของข้าไปเรียบร้อยแล้ว”  ยูซิสเริ่มออกอาการเกรี้ยวกราด  หน้าตาสวยงามของเธอบิดเบี้ยวเพราะความโกรธ  เมื่อเธอยกมือส่งสัญญาณ  คนบนเรือจำนวนมากต่างทยอยเดินออกมาจากด้านใน  พวกเขาถูกล้อมไว้หมดแล้ว!  

“ข้าแปลกใจว่าทำไมเจ้าพวกนั้นถึงหลับได้ง่ายดายนัก  ข้าให้คนเทเหล้าที่เหลือทิ้งไปหมดแล้ว  จับพวกมันให้หมดทุกคน!”  ยูซิสสั่ง  คนบนเรือล้อมวงเข้ามาใกล้พวกเขามากขึ้นทุกที  โจอี้พยายามหาทางหนี  เขาเหลือบเห็นเป้ของแอนนาที่นีย่าสะพายอยู่  โจอี้ล้วงเอาไฟฉายขึ้นมา

“หยุดนะ!  ถ้ายังไม่อยากตาย”  โจอี้ยื่นไฟฉายไปข้างหน้า  มือข้างนั้นค่อนข้างสั่น  เขาได้แต่ภาวนาขอให้มันได้ผล  

“ฮ่า  ฮ่า  คิดว่าของพรรค์นั้นจะทำอะไรพวกเราได้”  คนบนเรือหัวเราะลั่นอย่างไม่กลัว  
โจอี้เม้มปากแน่น  เดี๋ยวก็รู้…โจอี้คิด  เขากดสวิตช์เพื่อให้มันเปิด  ไฟดวงเล็กสว่างจ้าขึ้นทันที  ทุกคนต่างส่งเสียงฮือฮาและหยุดการเคลื่อนไหวทุกอย่างกะทันหัน  บ้างก็ตัวสั่นแล้วเดินถอยหลังไป  บ้างก็ยืนนิ่งอึ้งอยู่กับที่  โจอี้ยิ้มกับปฏิกิริยาของคนเหล่านั้น  ทางเดินทุกแห่งถูกแหวกออกเมื่อโจอี้กราดแสงไฟไป  คนบนเรือต่างหลบหลีกเพื่อไม่ให้แสงไฟมาถูกตัว  โจอี้โบกมือไล่ให้เด็กคนอื่นขึ้นฝั่งไปก่อน  แอนนาวิ่งตามไปทีหลัง  เมื่อเธอวิ่งไปได้ครึ่งทางเธอหยุดอยู่ที่กลางไม้กระดานแล้วหันมาเรียกโจอี้กับนีย่า

“พอได้แล้ว!  ตามมาเร็ว!”   แอนนาเร่ง  นีย่ารีบวิ่งตามแอนนาไป  โจอี้ค่อยๆเดินถอยหลังออกมาโดยกราดแสงไฟอยู่ตลอดเวลา  ไม่มีใครกล้าตามพวกเขามาแม้แต่คนเดียว  แต่ก่อนที่เขาจะเดินพ้นกระดานไม้ที่พาดไว้สิ่งที่ไม่ได้คาดฝันก็เกิดขึ้น

“แย่แล้ว!”  แสงไฟจากไฟฉายเริ่มริบหรี่ลง  ไฟเริ่มกะพริบติดๆดับๆ  โจอี้ตาเหลือกขึ้น  เขาเคาะไฟฉายแรงๆหลายครั้งเพื่อให้แสงไฟสว่างแต่ผลที่ได้กลับตรงกันข้าม  ไฟฉายในมือดับสนิท  เขาตัดสินใจออกวิ่งทันที  โจอี้และนีย่าช่วยกันโยนกระดานไม้ทิ้งน้ำก่อนที่คนเหล่านั้นจะตามมาได้  ทั้งหมดออกวิ่งโดยไม่คิดชีวิต  ทั้งสามคนวิ่งมาไกลที่สุดเท่าที่จะทำได้  เมื่อไม่มีใครตามมาพวกเขาจึงทรุดนั่งลงกับพื้นหญ้าอย่างหมดแรง

“มีใครตามมาไหม?”  เสียงของโจอี้ขาดเป็นห้วงๆ  เขานอนแผ่ลงบนพื้นพร้อมหายใจหอบ  เขาคิดว่าในช่วงเวลาไม่กี่วันที่ผ่านมาเขาได้วิ่งมากกว่าที่เคยวิ่งในช่วงครึ่งปีเลยทีเดียว

“ไม่มี”  นีย่าตอบกลับ  เสียงหายใจหอบเหนื่อยไม่แพ้กัน

“เจ้านี่ถ่านหมดแล้วแอนนา  เธอไม่ได้เปลี่ยนมาใหม่หรือ”  โจอี้ชูไฟฉายในมือให้แอนนาดู  ถ้าหนีช้าอีกนิดเดียวพวกเขาต้องแย่แน่

“ไม่..ฉันหยิบได้ก็เอามาเลย”  แอนนาหงายหลังลงนอนกับพื้นอีกคน  เธอเหนื่อยจนไม่อยากจะพูดแล้ว

“หมายความว่าพวกเจ้าสร้างไฟไม่ได้แล้วอย่างนั้นหรือ”  นีย่าเลิกคิ้วขึ้น  เขามองทั้งสองคนด้วยความแปลกใจ  พวกเขาดูไม่มีพลังวิเศษเท่าที่คิด
“ฮื่อ...”  เสียงโจอี้ตอบกลับมาแค่นั้น  เขาไม่รู้ว่าจะอธิบายอะไรได้ดีไปกว่านี้  “พวกเราจะไปที่ไหนต่อ”  


“เธอใช้นาฬิกาได้แล้วก็พาพวกเราไปที่เมมฟิสเลยสิ”  แอนนาบอก  เธอไม่อยากเหนื่อยมากไปกว่านี้อีกแล้ว  เธออยากพบใครสักคนจะเป็นครูมิลเลอร์หรือพ่อของโจอี้ก็ได้

“ฉันไม่รู้ว่าเราจะเดินทางข้ามไปที่ไกลๆได้หรือเปล่า  แต่ลองดูก็ได้”  โจอี้ลุกขึ้นยืน  ท่าทางของเขาดูกระฉับกระเฉงขึ้นมาทันที  เขาอยากลองใช้นาฬิกาของพ่อดูอีกสักครั้ง

“แต่ข้าอยากเดินไปมากกว่า”  นีย่าบอกเสียงอ่อย  เขาไม่อยากหายตัวได้อีก  มันให้ความรู้สึกโหวงๆชอบกล

“ลองดูอีกครั้งนะนีย่า  น่า...อีกครั้งเดียวเท่านั้น”  โจอี้ขอร้อง  เขาอยากเดินทางไปถึงเมมฟิสให้เร็วที่สุด  นีย่าสบสายตาอ้อนวอนของโจอี้แล้วปฏิเสธไม่ลง

“ก็ได้”  นีย่าพยักหน้า  เขาจะปฏิเสธเพื่อนคนแรกที่มีได้อย่างไร  โจอี้ร้องไชโยพร้อมกระโดดกอดคอ  นีย่าด้วยความดีใจ  

“เตรียมตัวนะ..”  โจอี้ร้องบอกพร้อมจับมือของทั้งสองคนขึ้นมา

“ด..เดี๋ยวก่อน  ขอเวลาทำใจก่อนได้ไหม”  นีย่าต่อรอง  ทุกอย่างมันกะทันหันเกินไป  

“ไม่ต้องแล้ว”  โจอี้ยิ้ม  เขาจับข้อมือของทั้งสองคนแน่นแล้วเตรียมกดนาฬิกา  สิ่งที่คิดถึงคือเมมฟิส  พ่อต้องอยู่ที่นั่นแน่  แต่ในวินาทีสุดท้าย  คนที่แวบเข้ามาในความคิดอีกคนก็คือครูมิลเลอร์  ทั้งหมดหายตัวไปจากบริเวณนั้น

จากคุณ : ojaru
เขียนเมื่อ : วันภาษาไทยแห่งชาติ 55 13:11:03




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com