Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
จอมใจอเวจี (Psycho Hell).....บทที่ 28 (เงาใจกลางสายลม) ติดต่อทีมงาน

=================
PSYCHO HELL...จอมใจอเวจี
บทที่ 28...เงาใจกลางสายลม
:GTW / Psycho Man
=================


บทที่แล้ว
http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W12354849/W12354849.html



*********

สรุปย่อ
เฟรี่ยังคงค้างคืนอยู่บนยอดเขาสื่อสาร กับไนท์ เพราะลงมาไม่ทันเนื่องจากเส้นทางไกล ไนท์ลงไปหาอาหาร ขึ้นมาพบว่าเฟรี่หายไป


****



ไนท์เดินลงไปหาอาหารมาจนได้พร้อมกับน้ำสองกระบอก อย่างน้อยคืนนี้ก็ไม่ต้องฟังเสียงบ่นว่าหิวของนางฟ้าจอมดื้อคนนั้น

เปิดประตูเข้าไปแล้วต้องใจหายวาบ

เฟรี่ไม่อยู่ในห้องนั้น!!


******

“รุก....!”

สตรีผมยาววงหน้าขาวตัดกับเรือนผมยาวสลวยประบ่าในชุดดำสนิทและนัยน์ตาหลับสนิทตลอดเวลา วางหมากตัวเรือลงในกระดานหมากรุกพร้อมริมฝีปากปรากฏรอยยิ้มเล็กน้อยเหมือนจะเยาะเย้ยผู้กำลังนั่งเล่นด้วย

เก้าอี้ด้านตรงกันข้ามเป็นสตรีผมยาวสีขาวในชุดขาวทั้งชุด นัยน์ตาเป็นสีขาวปราศจากตาดำภายใต้กรอบขอบตาสีดำเหมือนใช้แปรงสีตวัดวาด เมื่อเห็นอีกฝ่ายวางหมากเพื่อรุก ยังมีสีหน้าเรียบเฉยไม่เปลี่ยนแปลง นั่งเอามือท้าวคางมองกระดานนิ่งอยู่เช่นนั้น

บุคคลิกภาพประหลาดคนที่ตัดกันอย่างดุเดือดรุนแรงแบบนี้ย่อมเป็นปีศาจขาวผู้เป็นเจ้าบ้านและเทพธิดาบอดผู้มาเยือน

ทั้งสองยังคงเล่นหมากรุกกันแบบข้ามวันข้ามคืนอยู่ใต้เงาไม้ใหญ่ด้านข้างคฤหาสถ์ของปีศาจขาวซึ่งร่มรื่นในเวลากลางวัน และมีร่มเงาไม้กันลมฝน กลางคืนมีแสงสว่างจากโคมไฟศิลา ทั้งคู่เหมือนจะเล่นกันแบบเอาเป็นเอาตายไปข้างหนึ่ง จนความมืดเริ่มมาเยือนอีกวาระหนึ่งแล้ว

เทพธิดาบอดถึงจะนัยน์ตาบอดสนิททั้งสองข้างแต่ดูเหมือนว่าจะไม่เป็นปัญหาอะไรกับการใช้ชีวิตประจำวันเลยสักนิด ราวกับมีตาวิเศษที่มองไม่เห็นอยู่อีกคู่หนึ่ง ไม่เคยมีใครเห็นเห็นเธอก้าวพลาดท่า หรือมีอาการของคนตาบอดคลำทางอะไรเลยสักนิด แถมหมากตานี้ยังเป็นฝ่ายไล่ต้อนคู่ต่อสู้หมากรุกได้ด้วยการรุก แม้ว่าจะไม่ถึงกับทำให้อีกฝ่ายพ่ายแพ้แต่ก็ถือว่าเป็นต่อ..อย่างน้อยก็ได้รุก..

“ข้าให้เวลาคิดตามสบาย..จะเป็นหนึ่งอึดใจ หนึ่งยาม หนึ่งวัน ก็ได้ทั้งนั้น ข้าให้โอกาสเสมอกับคนที่อ่อนด้อยกว่า”

ฟังแล้วเจ้าบ้านได้แต่นั่งเอานิ้วเคาะโต๊ะหินอ่อนเล่นไปมา พลางจ้องมองหมากในกระดานอย่างครุ่นคิด หมากตานี้ยังไม่ถึงกับเพลี่ยงพล้ำมากมาย ยังพอแก้ทางได้ แต่วาจากวนประสาทนี่ต่างหากที่น่ากลัวกว่าหมากบนกระดาน

“ข้ายังไม่ได้จน..มีทางหนีตั้งหลายทาง”

เจ้าบ้านบอกด้วยน้ำเสียงราบเรียบ แต่ยังไม่ยอมเคลื่อนย้ายหมากของตนเอง

“ก็หนีไปสิ แต่หนีให้ถูกทางนะ ไม่งั้นจนกลางกระดาน แล้วจะหาว่าข้าไม่เตือน”

“มีใครใช้ให้เตือนกันเล่า”

“ไม่มีใครใช้ให้เตือนหรอก ข้าเตือนเองก็ได้ เรื่องแบบนี้ไม่จำเป็นต้องให้ใครเอ่ยบอกงอนง้อให้เตือน นึกเสียว่าเป็นความเมตตาของผู้กำลังจะเอาชนะเจ้าก็แล้วกัน”

ปีศาจขาวฟังแล้วหัวเราะในลำคอ มองหน้าซีดขาวของอีกฝ่ายอย่างอารมณ์เย็น ทั้งขบขันทั้งขุ่นเคืองเล็กๆกับคนซึ่งพอได้ทีเล็กน้อยก็เอาใหญ่ ทำนองผลักสองนิ้วกระเด็นไปสามวา

“ได้รุกแค่นี้ ทำเป็นเหมือนกับเพิ่งเดินออกมาจากสมรภูมิการรบอันห้าวหาญ เล่นกันมาข้ามวันข้ามคืน เจ้าชนะข้ากี่ตากันแน่ แล้วข้าชนะเจ้ากี่ตากันแน่”

เทพธิดาบอด ยกนิ้วขึ้นนับไปมาครู่หนึ่งก่อนตอบด้วยเสียงสำราญบานใจว่า

“ข้าชนะเจ้า5 กระดาน ส่วนเจ้าชนะข้า 4 กระดาน”

“อะไรกัน” ปีศาจขาวร้องอย่างไม่เชื่อหูตัวเอง “เจ้าอย่ามามั่วนิ่มแบบหน้าตาเฉยแบบนี้  เจ้าชนะข้า 5 กระดานส่วนข้าก็ชนะเจ้า 5กระดาน เท่ากันพอดี เราถึงมาตัดสินกันในหมากตานี้ไง”

“ใครบอกกันเล่า...เราเพิ่งเล่นกัน 9 กระดาน เจ้าแพ้ข้าอยู่ 1 กระดาน”

“เชื่อเขาเลย....”

ปีศาจสาวเจ้าบ้านส่ายหน้าอย่างเอือมระอา “นึกไม่ถึงว่าเจ้าจะความทรงจำเลอะเลือนขนาดนี้ สงสัยอยู่คนเดียวในถ้ำของเจ้านานเกินไป”

“ตอนนี้ข้าไม่ได้อยู่คนเดียว” นางฟ้าตาบอดตอบอย่างสบายใจ พลางยกมือเอียงตัวบิดซ้ายบิดขวาเป็นการคลายเมื่อย

“แถมยังมีห้องนอนอย่างสบาย มีอาหารการกินพอเพียงไม่ต้องหาเองก็มีคนหามาให้”

“แล้วใครใช้ให้เจ้ามา ข้าไม่ได้เชิญเจ้ามาสักหน่อย”

“ไม่เห็นต้องมีใครเชิญ ข้าเชิญตัวเองได้ เรื่องอะไรต้องให้คนอื่นเชิญ”

“นี่มันบ้านข้านะ” น้ำเสียงของปีศาจสาวเจ้าบ้านเริ่มมีอารมณ์

“และข้าเองก็ไม่ได้อยากให้เจ้ามาเลยสักนิด”

“นั่นล่ะ ยิ่งทำให้ข้าอยากจะมา เพราะเจ้าไม่อยากให้ข้ามา ข้าก็เลยต้องมายังไงล่ะ แถมจะอยู่อีกหลายวัน อยู่จนกว่าจะพอใจถึงจะกลับถิ่นของข้า ส่วนเจ้าก็อย่าเสียมรรยาท ต้อนรับแขกผู้มาเยือนให้ดีก็แล้วกัน อย่าให้เสียชื่อ และอย่าให้คนอื่นนินทาว่าร้าย..ว่าดูแลแขกผู้มาเยือนไม่ดี”

“ใครกันแน่ที่ต้องเป็นฝ่ายกลัวการเสียมรรยาท นี่มันบ้านของข้า”

“ก็ใครเถียงล่ะว่านี่มันไม่ใช่บ้านของเจ้า ข้าเองก็ยังไม่ได้บอกว่านี่เป็นบ้านของข้าสักหน่อย อย่าคิดมากน่า เดี๋ยวหน้าไม่สวยนะ ยิ้มเข้าไว้”

“นี่เจ้ามาบ้านคนอื่นแล้วยังมากวนประสาทเจ้าบ้านอีกหรือไง”

เทพธิดาบอดหัวเราะชอบใจกับคำพูดของอีกฝ่าย บอกพลางหัวเราะพลางว่า

“กวนประสาทที่ไหนกัน ข้าพยายามอธิบายหลักการและเหตุผลให้เจ้าเข้าใจต่างหาก ยังไงเจ้าเองก็ยังไม่ได้ไล่ข้านี่นา ข้าย่อมมีสิทธิจะอยู่ต่อไป”

“งั้นข้าไล่เจ้าให้กลับบ้านเดี๋ยวนี้เลย” ปีศาจขาวตบโต๊ะฉาดลุกขึ้นยืนพูดเสียงดัง เทพธิดาบอดยังคงนั่งเฉยแบบไม่รู้เรื่องพลางพูดว่า

“เจ้ากลัวแพ้หมากรุกข้าล่ะสิ เลยหาเรื่องพาล ไล่แขกแบบนี้มันเสียมรรยาทนะจะบอกให้”

“เจ้าต่างหากเสียมรรยาท  คนเขาไม่เชิญยังมาอีก”

“ก็บอกแล้วไงว่าเพราะเจ้าไม่เชิญข้าถึงมา ถ้าเจ้าเชิญยังไงข้าก็ไม่มา”

“พูดแบบนี้มาสู้กันดีกว่า”  

“กำลังรอคำนี้อยู่พอดี” เทพธิดาผู้มาเยือนลุกขึ้นยกมือขึ้นดัดนิ้วมือเสียงดังกร้อบ “นั่งนานแล้วมาออกกำลังกันบ้างก็ดี จะได้ไม่อ้วน”

พูดจบก็ฟาดฝ่ามือออกมาทันที ปีศาจขาวระวังตัวอยู่แล้วแต่นึกไม่ถึงว่าอีกฝ่ายจะลงมือแบบไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ยไม่มีการเตือนล่วงหน้าแบบนี้ ในยามกะทันหันได้แต่กระโดดปราดลอยตัวขึ้นและใช้มือปิดพลังของเทพธิดาบอด เสียงดังตูมสนั่น ร่างของปีศาจสาวเจ้าบ้านลอยกระเด็นไปด้านหลังห้าหกวาก่อนพลิกตัวเอาเท้าลงเหยียบพื้น ก่อนมองปราดออกไปก็พบว่าคู่ปรับหายไปจากสายตาเสียแล้ว

ประสบการณ์และความคุ้นเคยทำให้ปีศาจสาวเจ้าบ้านไม่ต้องเสียเวลาขบคิดแม้แต่น้อย ควงแขนขวาฟาดกลับไปด้านหลังของตนเองเต็มกำลัง เสียงดังโครมใหญ่พร้อมลมกระโชกวูบจนต้นไม้กิ่งไม้แถวนั้นเอนไกวไหวครืนเมื่อเทพธิดาบอดซึ่งอยู่ด้านหลังยกมือสะกัดกั้นเอาไว้ได้ เธอตามประกบราวเป็นเงาตามตัวตั้งแต่ปีศาจขาวลอยอยู่กลางอากาศ

ทั้งสองดูเหมือนจะรู้ทันชั้นเชิงของกันและกันเป็นอย่างดี

เงาร่างของสองคู่ปรับหนึ่งชุดขาวหนึ่งชุดดำกระโดดปราดไปมาพัวพันกันไปตามสนามหญ้าหน้าคฤหาสถ์หลังใหญ่ พร้อมกับเสียงระเบิดของพลังปะทะกันดังอยู่เป็นระยะ บางครั้งพากันพุ่งขึ้นไปในอากาศราวพลุไฟ

ไม่ว่าการต่อสู้จะดุเดือดรุนแรงปานใดก็ตาม คนในคฤหาสถ์หลังใหญ่กลับไม่ค่อยสนใจอะไรมากนัก ต่างคนต่างทำหน้าที่ประจำวันของตน คงเป็นเพราะความคุ้นเคยกับพฤติกรรมของทั้งคู่แล้วนี่เอง

ทั้งคู่พากันพัวพันต่อสู้กันจนมาถึงลานหินอ่อนหน้าคฤหาสถ์ ปีศาจขาวพอรู้สึกตัวว่ามาอยู่หน้าคฤหาสถ์ของตัวเองก็ยกมือห้ามร้องบอกว่า

“พอแล้วๆ...เดี๋ยวลานหินอ่อนหน้าตึกข้าพังหมด”

“พังก็ช่าง ไม่ใช่หน้าบ้านของข้า”

ปากบอกว่าพังก็ช่าง...แต่เทพธิดาบอดก็หยุดมือลงเช่นกัน สภาพของคนทั้งสองตอนนี้มอมแมมเนื้อตัวเต็มไปด้วยฝุ่นและเศษดิน ผมเฝ้ายุ่งสลายเสื้อผ้าอาถรณ์เต็มไปด้วยร่องรอยขาดวิ่น

เจ้าบ้านมองสภาพของผู้มาเยือนครู่หนึ่งแล้วใบหน้าซีดขาวก็เริ่มปรากฏรอยยิ้มอย่างขบขันเมื่อเห็นสภาพของคู่ปรับ

“เจ้าก็เหมือนกันล่ะ” เทพธิดาบอดพูดขึ้นอย่างรู้ทันความคิดของอีกฝ่าย

“มอมแมมไม่ต่างจากข้าเท่าไรหรอกน่า”

“ข้าว่าเราไปอาบน้ำอาบท่าทานข้าวกันดีกว่า แล้วค่อยคิดกันใหม่ว่าจะเอายังไงต่อไป”

“ก็ดี...ข้าหิวแล้ว อยากอาบน้ำเต็มที...”

บทจะเลิกก็เลิกกันง่ายๆ เหมือนไม่เคยมีเรื่องทะเลาะกันมาก่อน เดินจูงมือกันเข้าไปในคฤหาสถ์

“ข้ารู้นะว่าทำไมเจ้าถึงมาที่นี่”

ปีศาจเอ่ยขึ้นขณะพากันเดินไปตามทางเดินมุ่งหน้าไปยังห้องพักของเทพธิดาบอด

“ข้าก็แค่มาเยี่ยมเจ้าเท่านั้น”

“ข้ารู้หรอกน่า...อย่ามาหลอกข้าเลย เจ้าเป็นห่วงลูกของเจ้าใช่ไหมล่ะ”

“เจ้าเอาอะไรมาพูด..”

“อย่ามาปากแข็งเลย ทำไมข้าจะไม่รู้จักนิสัยของเจ้า ที่จริงข้าก็ดูแลเขาให้อยู่แล้วไม่เห็นต้องมีอะไรน่าเป็นห่วง”

เทพธิดาบอดเงียบไปพักหนึ่ง ตนมาถึงหน้าห้องพักจึงหยุดเดิน หันมาหาเจ้าบ้าน ถอนใจเฮือกใหญ่ก่อนเอ่ยเสียงแผ่วเบาว่า

“ยังไงเจ้าก็เป็นคนที่ข้าหลอกไม่ได้สักครั้ง..ใช่แล้ว ข้ารู้สึกถึงลางสังหรณ์..ว่าจะมีเรื่องไม่ดีเกิดขึ้นกับเขา เรื่องที่ร้ายแรงที่สุดเท่าที่ข้าเคยสัมผัสถึง”

“สาเหตุมาจากนางฟ้าตกสวรรค์คนนั้นใช่ไหม”

“ข้าคิดว่ามันเป็นเรื่องของชะตากรรมมากกว่า.....ชะตากรรมที่เคยเกิดขึ้นกับพวกเรายังไงล่ะ...เราจะไปโทษใครคงไม่ได้”

“แล้วมีทางแก้ไขไหม”

“คงต้องได้แต่รอดูต่อไปเท่านั้น”

ปีศาจสาวเจ้าบ้านฟังแล้วเงียบไปอึดใจแล้วยกมือขึ้นมาตบบ่าของเทพธิดาบอดก่อนพูดเสียงหนักๆว่า

“ชะตากรรมของเราสองคนก็เหมือนกัน ถึงจะพยายามหลีกหนีกันยังไงก็ตัดกันไม่เคยขาดอยู่ดี..ลูกของเราก็เช่นกัน..พยายามแยกกันให้ห่างอย่างไรก็มาเกี่ยวข้องกันจนได้......เอาล่ะ เจอกันที่ห้องอาหาร”

พูดจบปีศาจขาวเจ้าบ้านก็หันกายเดินจากไป คล้ายพกอะไรบางอย่างถ่วงความรู้สึกไปด้วย เทพธิดาบอดฝืนยิ้มให้กับตัวเองก่อนเดินเข้าห้องพัก

ส่วนปีศาจขาวยังไม่เดินกลับห้องของตัวเอง เดินเอามือไพล่หลังสาวเท้าช้าๆ เหมือนคนกำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่างอยู่ในใจจนก้าวออกมาหน้าตึกอีกครั้ง

เงยหน้ามองท้องฟ้าอันปราศจากดวงดาว  ดูมืดทะมึนลึกล้สุดคาดคะเน นานเท่าไรแล้วนะที่ท้องฟ้าไร้ดาวไร้เดือนแบบนี้ เชร่าสาวใช้เคยเล่าให้ฟังว่าโลกมนุษย์ท้องฟ้ามีดวงดาวและแสงจันทรา มันจะงดงามแค่ไหนกัน

และอีกคนที่ไม่เคยลบเลือนออกไปจากหัวใจ ได้แต่ “มารอส” ชาวเบื้องบนอดีตตนรักผู้ห่างหายไปนานแสนนาน เขาเคยเล่าถึงท้องฟ้าอันเต็มไปด้วยดวงดาวให้ฟังเช่นกัน ชะตากรรมเป็นสิ่งที่ทำให้ต้องมาแยกจากกัน ได้แต่เฝ้ารอคอยด้วยความหวังเล็กน้อยหล่อเลี้ยงหัวใจของตนเองไว้ตลอดมา

รักของสาวปีศาจแห่งโลกมืดกับบุรุษหนุ่มแห่งแดนสรวงเมื่อครั้งอดีต เป็นความรักต้องห้าม สุดท้ายก็ต้องแยกจากกัน เหลือเพียงความทรงจำที่เก็บไว้ในลิ้นชักของหัวใจ

ความหวังสุดท้ายตอนนี้ก็อยู่ที่ เฟรี่ ซึ่งรับปากว่ากลับขึ้นไปได้จะตามหา มารอส ให้พบ เพื่อแก้ปริศนาหัวใจบางอย่าง..เพื่อที่ว่า อาจจะได้พบกันอีกสักครั้ง

หน้าตึกไม่ได้มีแค่ปีศาจขาวเจ้าบ้าน ยังมีใครอีกคนกำลังยืนมองท้องฟ้าอย่างเงียบ ๆ เช่นกัน

“เชร่า เจ้ายืนเหม่ออะไรแถวนี้ ทำงานเรียบร้อยหรือยัง”

เมื่อเห็นว่าเป็นใครจึงเอ่ยทักขึ้นก่อน สาวใช้สะดุ้งหันมามองแล้วรีบจรดมือคารวะ

“ขออภัยค่ะ เชร่าไม่ทันรู้สึกตัว”

“แล้วมายืนเหม่ออะไรแถวนี้” ยังไม่ลืมคำถามเดิม

“เชร่ายืนคิดถึงคุณเฟรี่ค่ะ”

“อะไรกัน..ยังรู้จักกันไม่นาน สนิทกันเร็วจริงนะ”

“ก็คุณเฟรี่เป็นคนดีนี่คะ เชร่าเลยต้องคิดถึง กลับไปแล้ว เชร่าต้องหาโอกาสแวะไปเยี่ยมคุณเฟรี่บ้าง”

“รู้อย่างไรว่าเป็นคนดี”

สาวใช้เอานิ้วชี้ ชี้บริเวณตำแหน่งหัวใจของตนเอง แล้วย้ายไปชี้บริเวณขมับพลางยิ้มตอบว่า

“รู้ด้วยใจและความรู้สึกไงคะ”

ปีศาจสาวเจ้าบ้านพยักหน้าเป็นเชิงรับรู้

“อีกหน่อยเฟรี่ก็กลับบ้านของเธอแล้วล่ะ”

“เชร่ารู้ค่ะ ก็เตรียมใจเตรียมกายไว้แล้ว มีพบก็ต้องมีจาก จะช้าจะเร็วเท่านั้น เชร่าทำใจได้ค่ะ และมีความทรงจำดีๆเกี่ยวกับคุณเฟรี่ไว้ในใจเรียบร้อยแล้ว ใครก็ขโมยไปไม่ได้”

เจ้าเป็นคนฉลาดและเข้มแข็งมากนะ” ปีศาจสาวเอ่ยชมจากในจริง มองดูสาวใช้คนเก่งด้วยความรู้สึกรักสนิท เป็นเวลานานแล้วที่เธออยู่ที่นี่จนเหมือนกลับกลายเป็นส่วนหนึ่งของที่นี่ไปแล้ว เป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวที่ปราศจากบุคคลในครอบครัวอันชัดเจน ในฐานะเจ้าของคฤหาสถ์ปีศาจอันใหญ่โตกว้างขวาง บางครั้งกลับให้ความรู้สึกโดดเดี่ยวอ้างว้าง..ภายใต้วงหน้าขาวซีดแบบปีศาจนั้น

“ที่จริงเชร่าบางครั้งบางเรื่องก็เป็นคนใจอ่อนนะคะ แต่พยายามจัดการกับความรู้สึกของตัวเองเท่านั้น”

“นั่นล่ะ ข้าถึงว่าเจ้าฉลาดล่ะ..ว่างๆก็หัดให้ข้าจัดการกับความรู้สึกของข้าบ้างนะ”

เชร่าฟังแล้วทำตาโตบอกว่า

“เชร่าเรียนรู้มาจากท่านนะคะ จะหัดให้ได้อย่างไรกัน...ท่านล้อเชร่าเล่นแบบนี้เชร่าก็แย่สิคะ”

ปีศาจเจ้าของคฤหาสถ์หัวเราะ ไม่ปล่อยครั้งนักที่จะเห็นปีศาจขาวผู้เย็นยะเยือกคนนี้จะหัวเราะ  พอเห็นแล้วทำให้สาวใช้คนเก่งรู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูก


***********

จากคุณ : GTW
เขียนเมื่อ : วันภาษาไทยแห่งชาติ 55 16:49:45




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com