Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
เลขาเนื้อทอง :: ยอแสงแข - 9 ติดต่อทีมงาน

http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W12410655/W12410655.html

บทที่ 9

พอบ่าอุ่นความคิดก็หยุดไหล ตรงฉัตรทิ้งมันไปโดยไม่นึกเสียดาย เขากระแอมเบาๆ เหลียวมายิ้มขรึมกับเจ้าของมือที่ยังวางค้างเหมือนอยากรู้คำตอบที่เขาซ่อนไว้ในความเงียบ

"ผมกำลังคิดว่าถ้าคุณพลิ้วกลับมาแล้ว ปัญหาที่รุมเร้าเราสองคนในตอนนี้จะหนักขึ้นหรือเบาลง"

"น้องไม่เกี่ยวหรอก" ณพนาตอบแล้วมองมือที่เลื่อนจากบ่าพลางไหลเข้าไปอุ่นในอุ้งมือใหญ่

"ผมเคยเตือนคุณนาแล้ว คุณนาต้องเตรียมใจไว้บ้างนะครับ คุณพลิ้วเป็นหมากตัวเดียวที่ผมกลับเห็นว่าสำคัญที่สุดบนกระดาน"

"นาย.. "

"เห็นได้ชัดว่าเกมมันควรจะจบ แต่คุณพันศิลป์ก็ยังทำใจเย็น ค่อยๆ รุก ค่อยๆ ถอย เหมือนบีบคั้นให้คุณนาหายใจลำบาก สักพักก็ยอมเติมอากาศมาให้ แล้วสักพักก็ริบคืนไปอีก"

"ฉันไม่หมูในอวยขนาดนั้นหรอกนายตรง"

"คุณนาคือศัตรูพิศวาสที่เขากำกับหมายเลขให้ไม่ได้เลยต่างหาก" ตรงฉัตรสำทับสิ่งที่เขาคิด มันขัดแย้งกับข้อแก้ตัวชุ่ยๆ ของเจ้านายสาวใหญ่มากเลย "เขาไม่ต้องการเห็นคุณนาแพ้เกมกระดานนี้หรอกครับ ที่เขาต้องการจริงๆ ก็คือไม่มีที่สักครึ่งคืบให้คุณนายืนต่างหาก"

"ก็เหมือนฉัน" ณพนายังแถต่อไป

"ไม่เหมือน" พ่อเลขาก็เถียงไม่ลดละ "คุณนาต้องการเห็นเขาแพ้ คุณนาอยากได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของตัวเองดังที่สุด แล้วจบเท่านั้น เขาจะได้รับแค่นาทีอับอายและเจ็บปวด แต่ตราบใดที่เขายังมีที่ยืน เชื่อเถอะว่าเขาจะย้อนกลับมาล้างอายอีก"

"ฉันรู้ว่านายคิดอ่านลึกซึ้ง แต่ก็ไม่เกี่ยวกับน้อง นายอย่าดึง.. "

"ไม่ใช่ผมดึงคุณนา" ตรงฉัตรถอนใจ "ได้โปรดเถอะ มองความจริงอย่างกล้าๆ หน่อย คนที่ดึงคุณพลิ้วเข้ามาร่วมเกมคือคุณพันศิลป์"

"นายตรง"

"ผมมีชีวิตเดียว ใจก็ดวงเดียว แล้วก็ยกให้คุณนาไปแล้ว ถ้าผมมีมากกว่านี้ ผมจะใช้ที่เหลือนั่นล่ะ มาเป็นเดิมพัน การพนันเป็นสิ่งไม่ดี แต่ผมจะยอมเล่นสักครั้งถ้ามันจะทำให้คุณนาตาสว่างกับเกมร้ายเกมรักบ้าๆ นี่เสียที"

"เกมร้ายย่ะ มันจะไม่มีวันเป็นเกมรัก นายอย่าพ่วงมันไว้ด้วยกัน ฉันฟังแล้วจะอ้วก"

"เอาสิ"

ตรงฉัตรหัวเราะ รีบลูบหลังเหมือนยั่วให้คนเสียงเดือดรีบของขึ้น ณพนากระทืบเท้าเขา แต่ดีว่าเขาหลบทัน พอหัวเราะดังขึ้น หล่อนก็ทำท่าตบหน้า

ไม่ล่ะ ดึกแล้ว จะมาตบตีกันทำไม เขาอยากให้หล่อนพักผ่อนเยอะๆ เกมร้ายที่หล่อนขับเคี่ยวกับสามีมาเฟียทำให้หล่อนเหนื่อยมานานหลายปีแล้ว

เขาเองก็ไม่ดี ที่ออกหน้าช่วยได้ไม่มาก แต่ก็ดูเถอะ ขนาดว่าอยู่เฉยๆ ไม่พาตัวเข้าไปยุ่งกับวังวนไฟแล้วนะ จู่ๆ ไฟก็ลามมาเผาเสียอย่างนั้น แล้วแผลไฟลวกมันก็อ่านได้ว่า 'ชายชู้'




ห้องนอนของณพนาส่องหลัวด้วยแสงไฟสีม่วงอ่อน หล่อนหน้าบึ้งปนแค้นอยู่เลยตอนเขาอุ้มมาวางบนเตียง ผลักไหล่ให้นอนตึงลงไป ขำที่หล่อนด่าแหวออกมาว่า 'ไอ้เด็กบ้า'

"ไม่ต้องพึ่งยานอนหลับนะ พยายามหลับเอง" เขาดักคอไว้ก่อน ยิ้มสวยและเสียงนุ่มมาก ถ้าปัญปัทม์มาเห็นละก็ อาจมีเคลิ้ม ถึงขั้นกล้องถ่ายรูปร่วง

"ไม่ต้องมาสั่ง ฉันเป็นเจ้านาย ส่วนนาย.. "

"ผมรักคุณนา ใช้ความรักขอร้อง อยากปฏิเสธก็ตามใจ"

"ตรงฉัตร"

เจ้านายหัวดื้อก็มีอันเสียงอ่อนเสียงระทวย เพราะพ่ายในกระแสล้ำลึกของความรัก มันไหลครืนให้เห็นอยู่ในรอยยิ้มผูกพันกับดวงตาภักดี

"เอาล่ะ นี่มันก็ดึกมากโข พรุ่งนี้เรายังมีงานต้องทำ ไหนจะเรียกประชุมพนักงาน ทำความเข้าใจให้ตรงกันว่าจากนี้ไปเราต้องปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ในการเรียกความมั่นใจจากลูกค้าคืนยังไงบ้าง ไหนจะจัดการกับนายสมเกียรติ"

พ่อเลขาอมยิ้ม เอ็นดูเสียง 'อืม' อ่อยๆ ของสาวใหญ่ใจสู้ หล่อนยอมนอนดีๆ ยอมให้ห่มผ้าให้ ยอมให้จูบหน้าผากราตรีสวัสดิ์ แล้วพอเขาทำท่าจะผละไป หล่อนก็ลุกมากอดเอว สัมผัสที่มีเพียงเขาเท่านั้นที่เข้าใจว่าหล่อนกำลัง 'ขอบคุณ'

"ผมรักคุณนา" เขาหย่อนตัวลง กุมมืออุ่นของหล่อนไว้ สบตาภักดี แล้วสำทับนุ่ม "ระหว่างเราสองคนไม่จำเป็นต้องมีคำว่าขอบคุณ คำว่าซึ้งใจ หรือคำอะไรก็ตามที่มันแปลว่าเราต่างก็รู้สึกเป็นบุญคุณในกันและกัน"

"ฉันรู้" ณพนาพยักหน้าหงอยๆ

"แล้วผมก็ไม่เคยลืมว่าสาบานอะไรไว้กับคุณนา จะไม่มีใครหรืออะไรมาทำให้ผมหวั่นไหว วันที่ผมจะยอมไปจากคุณนาก็คือวันที่ผมตายแล้ว นอนเถอะครับ อ้อ " เขาลุกยืน เสียงนุ่มเปลี่ยนเป็นทะเล้นร้อนปุบปับ "แล้วก็อย่าลุกมากอดอีกนะ อย่านึกนะว่าผมไม่รู้ว่าทำเนียนแตะอั๋งของรักของหวง ความรักของผมน่ะ มันฉลาด ขอบอก"

"ไอ้บ้า ไอ้ทุเรศ ฉันขอทายเลยนะว่าปากเฮงซวยของนายจะไม่มีวันทำให้นายจีบเนื้อคู่ติด นายจะโสด นายจะขึ้นคาน ฉันจะเปลี่ยนฉายานายเสียใหม่ ไอ้เลขาเนื้อทองเก๊"

ตรงฉัตรหัวเราะต่ำๆ ในลำคอ ไม่สนใจเสียงแหวไร้สาระ นอกจากสาวเท้ายาวๆ ออกจากห้องเจ้านายทรวงเดือด ก็เห็นหล่อนทำตาซึ้งหน้าเชื่อมนี่ เขาไม่อยากให้หล่อนเคลิ้ม ก็ต้องตัดอารมณ์กันหน่อย

ส่วนไอ้เรื่องเนื้อคู่ที่หล่อนแช่งๆ มา เขาก็ยักไหล่ไม่ยี่หระทิ้งไว้หน้าประตูนั่นแหละ ชาตินี้ทั้งชาติ เขาไม่สนใจผู้หญิงในอนาคตคนนั้นหรอก 'เขาจะไม่มี'


 

เขาสาบานด้วยหัวใจภักดีว่าเขาจะยกชีวิตนี้ให้หล่อน จะไม่เป็นฝ่ายจากหล่อนไป ขับไล่ยังไงก็ไม่ไป เว้นเสียแต่หล่อนจะมอบความตายมาทลายความภักดี

"นายตัดสินใจเร็วเกินไปแล้วพ่อหนุ่มน้อย แล้วนายก็หมดโอกาสจะกลับคำกลับลำ นายเป็นของฉันนับแต่คำสาบานของนายจบลง เอาล่ะ เตรียมตัวเตรียมใจตามฉันไปรู้จักกับนรกบนดินได้แล้ว"

บ่ายวันนั้น หล่อนเป็นสาวสะพรั่งวัยยี่สิบต้นๆ แม้น้ำเสียงจะทรงอำนาจ ฟังแล้วน่าเกรงขาม แต่เสียงหัวเราะก็แฝงทะเล้นมาให้เขาหัวเราะได้

แค่ว่าตอนนั้น ความสนิทสนมผูกพันยังไม่เกิด การต่อปากต่อคำก็เลยไม่มี หล่อนก็เลยได้ใจไป แล้วเขาก็เป็นฝ่ายยอมอย่างเกรงใจ เป็นอย่างนั้นมาเรื่อย กระทั่งคืนนั้นมาเยือน ความเกรงใจในกันและกันก็ 'หายไป'

แต่หล่อนก็ไม่ได้ขู่นะ ชีวิตที่ต้องคอยเดินตามรอยเท้าของนางพญามันคือนรกบนดินจริงๆ เขาต้องมองหล่อนเหน็ดเหนื่อยกับการกู้วิกฤติล้มละลาย โดยมีบิดาที่หมดไฟคอยช่วยอย่างกระท่อนกระแท่น

หล่อนเคยร้องไห้ในสวน แล้วเขาก็ปวดใจมากเมื่อในเวลาเดียวกันอย่างนั้น พลิ้วแพรกลับหัวเราะเริงร่าอยู่ในห้องโถง และคุยเฮฮากับเพื่อนใจแตกด้วยกันด้วยประเด็นไร้สาระที่ค่อนไปทาง 'ผู้ชาย'

"อย่าร้องไห้คนเดียว คุณนายังมีผม ต่อไปถ้าอยากร้องไห้ ก็เรียกผมมาอยู่เป็นเพื่อน ผมปลอบโยนไม่เป็น ช่วยให้น้ำตาแห้งไม่ได้ แก้ปัญหาให้ก็ไม่ได้ ที่ผมทำได้ก็คืออยู่เป็นเพื่อนให้คุณนารู้สึกว่าคุณนามีผม มีเสมอ และมีตลอดไป"

"นายเสียใจหรือยัง ฉันเคยบอกนายไว้ว่าที่นี่คือนรกบนดิน ไม่ใช่ที่ที่นายจะมาใช้ชีวิตผูกมัดตัวเองไว้ด้วยคำสาบาน นายใจเร็วด่วนได้ นาย.. "

"ย้อนเวลากลับไป ผมก็จะทำอย่างนี้ ผมเป็นของคุณนา เป็นตั้งแต่วินาทีแรกที่ผมลืมตา"

"ตรงฉัตร"

"ร้องไห้เถอะ ผมจะนั่งเงียบๆ "

แล้วบ่ายวันนั้น เขาก็นั่งเป็นเพื่อน เฝ้าดูนางพญาในวัยสะพรั่งเศร้าโศกเคล้าน้ำตาอย่างเดียวดาย มันนานมากเลย จวบจนเย็นโน่นล่ะ หล่อนถึงพอใจและยอมลุกขึ้นพร้อมกับสูดหายใจกระทืบความอ่อนแอเสียแหลก แล้วก็ประกาศดังๆ ออกมาว่า

"ฉันไม่เชื่อหรอกว่าบริษัทจะล้มละลายในยุคของฉัน จริงไหมนายตรง"

"ไม่แน่ใจ แต่ถ้าคิดได้อย่างนั้น มันก็เป็นอย่างนั้นไปครึ่งหนึ่งแล้ว"

"ไอ้เด็กบ้า เดี๋ยวนี้ปากคอนะ ลามปามไม่รู้จักที่ต่ำที่สูงขึ้นทุกวัน"

พอสิ้นเสียงแว้ดที่แหลมบาดหู ฉากประทับใจก็เริ่มต้นขึ้น ทาสหนุ่มวัยสิบแปดต้นๆ กับเจ้าชีวิตวัยยี่สิบสามปลายๆ วิ่งไล่ทุบตีกันรอบสวน

จังหวะหนึ่ง หล่อนสะดุดขอบอ่างเลี้ยงปลา ตัวหมุนคว้างบิดเป็นเกลียว เขามัวแต่วิ่งหนีกับหัวเราะ จึงถลันไปรับไม่ทัน หล่อนก็ร่วงตูมลงสระบัว

เขาก็รู้สึกไม่ดีเลยที่ปล่อยให้หล่อนเปียกไปตามลำพัง จึงต้องกระโจนตามลงไปให้หล่อนแหวกว่ายมาหยิกมาข่วนระบายความฉุนเฉียวแต่อารมณ์ดีขึ้นเป็นกองแล้ว

ตรงฉัตรใช้หลังมือป้ายน้ำตาหยดสุดท้ายพร้อมกับเก็บอดีตงดงามแกมเศร้าไว้ในลิ้นชักความทรงจำดังเดิม เขาล้มตัวลงนอน ปิดไฟหัวเตียง ใช้ความมืดมาเอาชนะหัวใจที่ปวดแปลบๆ เพื่อให้หลับเร็วๆ

มันก็ยากอยู่หรอก ก็มันกี่ปีมาแล้วเล่าที่เขาต้องเผชิญหน้ากับอาการปวดใจแปลบแล้วแปลบอีกกับความขมขื่นเงียบๆ ของณพนา หล่อนเป็นบุตรสาวคนโตที่เขาอยากจะบอกว่าอาภัพนัก บิดารักน้อยและขาดความยุติธรรม

ซ้ำยังเห็นหล่อนเป็นเครื่องมือโอบอุ้มธุรกิจทรุดโทรม เคี่ยวเข็ญให้หล่อนทำในสิ่งที่ตนปรารถนาทุกอย่าง แม้แต่จะทำลายความฝันสวยๆ ที่หล่อนมี

ณพนาไม่ชอบธุรกิจ ไม่ชอบงานบริหาร ไม่ชอบปกครองคน ไม่ชอบสู้รบปรบมือกับคู่แข่งขัน หล่อนรักสงบ รักธรรมชาติ และรักเด็กๆ อยากเป็นครู อยากมีโรงเรียน เคยเสนอบิดาเกี่ยวกับโครงการสร้างโรงเรียนในชนบท

ตอนนั้น เขาเรียนใกล้จบแล้ว หล่อนใส่ชื่อเขาเป็นครูใหญ่ด้วย เขายังหัวเราะขำๆ แต่ก็ไม่คัดค้าน ก็บอกแล้ว เขาเป็นของหล่อน อยากให้เป็นอะไรก็จะเป็น

แต่บิดาของหล่อนไม่ใช่อย่างนั้น ท่านไม่อนุมัติโครงการ ซ้ำยังฉีกมันทิ้งด้วยการประกาศปุบปับให้หล่อนแต่งงานกันพันศิลป์ ไม่ว่าหล่อนจะประท้วงเสียงกร้าวแค่ไหน อาละวาดอยู่ตั้งหลายวัน แต่สุดท้าย อาการป่วยขั้นโคม่าก็กลายเป็นกรรมการตัดสินให้หล่อนแพ้หมดรูป

ดูเหมือนว่าความพ่ายแพ้จะรักและผูกพันกับณพนามากทีเดียว หล่อนไล่เท่าไหร่ มันก็ไม่ยอมหายหัวไปเสียที บางครั้ง เขาอยากช่วยไล่อีกแรง แต่หล่อนก็ขัดเสียงตึงเสียงดื้อว่า

"ไม่ต้องยุ่ง นายอยู่เฉยๆ ไป ฉันจะลุยกับมันเอง หน้าที่ของนายก็แค่ระวังหลังอย่าให้มันดอดมาแทงฉันได้สำเร็จก็พอ ส่วนศึกข้างหน้าฉันรับมือไหว"

มันไม่ไหวหรอก ก็แค่หลอกตัวเองไปวันๆ เพื่อให้วันคืนผ่านไปกับผ่านไป จนถึงคืนนี้ ณพนาในวัยสาวใหญ่ก็ยังปากดีไม่เลิกเหมือนเดิม

ส่วนเขาก็อยู่เฉยๆ ตามคำสั่ง ภารกิจระวังหลังครั้งล่าสุดก็เรื่องนี้ยังไง ลากคอหนอนบ่อนไส้ออกมาประจานเหลี่ยมมาเฟียใจผู้หญิง แล้วเขาก็รู้ดีด้วยว่ามันไม่ใช่ 'ครั้งสุดท้าย'




ขณะที่ณพนาเบิกตาโพลงกับสภาพศพของนายสมเกียรติ ตรงฉัตรกลับทำแค่ถอนใจพรู เขาคาดเดาไว้อย่างนั้น จึงสั่งคนมาเฝ้าเวรยามอย่างเข้มงวด

แต่ปรากฏว่ายามเคราะห์ร้ายสามคนถูกฆ่าหมดเกลี้ยง มันบัดซบจริงๆ ยามร่างล่ำตั้งสามคน จ้างมาเพื่อคุ้มครองความปลอดภัยของจำเลยเพียงคนเดียว สุดท้ายก็ยังจูงมือกันไปตาย

"ไอ้สารเลวเอ๊ย มันต้องการอะไร"

ณพนาแผดเสียง หล่อนปราดเข้าไปใกล้ศพที่นอนตายน่าสมเพช นายสมเกียรติถูกเชือดคอเหี้ยมเกรียม ยามสามคนก็สภาพเดียวกัน มันเป็นการฆ่าที่สยดสยองยิ่ง

"นายตรง"

ตรงฉัตรร้อง 'จุ๊ๆ ' เขาต้องรับโทรศัพท์ที่ส่งเสียงขัดจังหวะก่อน สีหน้าไม่ถึงกับเครียดแต่ก็ไม่ได้มีความสุขอะไร เมื่อลูกน้องคนเก่งรายงานว่า

"บ้านถูกเผาครับ แต่ไม่มีใครเห็นศพเลย ไม่แน่ใจนะครับว่ายังมีชีวิตอยู่ หรือว่าถูกพาไปฆ่าปิดปากที่อื่น"

"น่าสงสาร"

"จริงครับ คุณพันศิลป์โหดเหี้ยมไร้หัวใจมากเลย ทำได้กระทั่งคนแก่กับเด็กๆ "

"เอาล่ะ ขอบใจ มีอะไรก็โทรมาเรื่อยๆ นะ แค่นี้ก่อน ทางนี้ก็ยุ่ง"

"ยังไงครับ"

"ก็ตายเหมือนกัน"

เขาตัดสายเมื่อตอบกระชับจบลง แล้วถอนใจพรูให้ณพนาเดินมาพยักพเยิด พอเขาเล่าให้ฟัง หล่อนก็ทุบหมัดอัดใส่ฝ่ามือ อ้าปากจะแผดเสียงด่าอีกแล้ว

"ตำรวจมาแล้วครับ ผมรับหน้าเอง คุณนาอย่าพูดอะไรนะครับ"

"ทำไมฉันต้องหยุดพูด ฉันมีปัญญา.. "

"เก็บปัญญาไว้สู้กับศึกข้างหน้าเถอะ คดีแทงข้างหลังแบบนี้ผมรับผิดชอบเองดีกว่า"

ณพนาโกรธจนควันออกหู ใจมันจะระเบิด ถ้ามันแตกเป็นเสี่ยงๆ ได้ หล่อนคงพอใจกว่าที่จะต้องมายืนร้อนเร่าไปด้วยไฟอาฆาต

พันศิลป์เล่นแรงจริงๆ ใช่ ทำไมหล่อนถึงเพิ่งจะมาฉุกคิดได้ในวันนี้นะ ตลอดสองปีที่ผ่านมา ดูเหมือนเขาจะร้อนรนต่อการหย่าเหลือเกิน มันมีอะไรซ่อนอยู่เบื้องหลังหรือเปล่า

คนไม่เคยอยากหย่าทั้งที่ครั้งหนึ่งหล่อนเองที่ปรารถนาอิสรภาพเช่นนั้น ทำทุกอย่างเพื่อให้เขาปลดปล่อย แต่เขาก็ยืนกราน ตั้งมั่นว่าการกักขังเธอไว้ในกรงสมรสคือความสุขที่แสนสะใจ แล้วจู่ๆ ตอนนี้ก็พลุ่งพล่านทำทุกวิธีบีบคั้นให้หล่อนเป็นฝ่ายยอมปลดปล่อยบ้าง

"ฉันอโหสิกรรมให้นะนายสมเกียรติ" หล่อนเดินไปหยุดห่างๆ "ฉันอาจจะโกรธมากที่นายทรยศฉัน แต่ก็ไม่ถึงกับอยากให้นายตาย ฉันฆ่าคนไม่เป็นหรอก แล้วถ้าฉันจะฆ่าใครสักคนจริงๆ ในโลกนี้ก็มีแค่คนเดียวที่ฉันจะทำโดยไม่ลังเลถ้ามีโอกาสก็คือไอ้พันศิลป์สารเลว"

นักบริหารคนเก่งเตร่ไปหยุดสำรวจความเคลื่อนไหวนอกหน้าต่าง เห็นตรงฉัตรกำลังให้ปากคำกับตำรวจ เขาชี้เข้ามาในนี้ สักประเดี๋ยวตำรวจก็คงเข้ามา พ่อเลขาคนดียักไหล่นิดๆ ตอนฟังตำรวจพูดอะไรก็ไม่ทราบ

วูบหนึ่ง หัวใจมันก็เศร้าลงไปเอง หล่อนสงสารหนุ่มอาภัพคนนี้จริงๆ ไม่รู้อีโหน่อีเหน่ก็ต้องมาพลอยหัวหมุนเพราะโดนคลื่นมรสุมชีวิตของหล่อนม้วนเข้ามาพัวพัน

ใจหนึ่งก็อยากไล่เขาออกไป แต่อีกใจก็ขัดแย้งแข็งกร้าว มันก็จริงอย่างที่หล่อนเคยปรารภไว้นั่นแหละ ถ้าตรงฉัตรหายไปจากชีวิต แล้วหล่อนจะอยู่ยังไง

"ฉันเป็นเจ้านายที่เห็นแก่ตัวชะมัดเลย แล้วฉันว่านายเองก็รู้ด้วยนะ แต่นายทำฉันซึ้งใจมาก รู้ทั้งรู้ก็ไม่ยอมหันหลังให้ฉัน เต็มกลั้นนายก็กลืน เต็มกลืนนายก็กลั้น เฮ้อ โชคชะตาของณพนาคนนี้ก็ไม่ถึงกับห่วยแตกไปเสียทั้งหมดหรอกนะ"

หล่อนหยุดรำพึง หมุนตัวกลับมาพยักหน้าอย่างเย่อหยิ่งกับตำรวจสองสามนาย ปล่อยให้ทำงานกันไปตามกระบวนการ ตัวเองก็ย้ายมายืนข้างเลขาหนุ่ม สะกิดเอวเบาๆ

แต่ดูเหมือนเขากำลังทุ่มสมาธิไปยังการทำงานของตำรวจจึงไม่รู้สึก หล่อนก็เลยจี้หนักๆ เสียเลย เขาสะดุ้งให้หล่อนรีบปิดปากกลั้นหัวเราะ เห็นเขานิ่วหน้าตาขวางด้วย

"ฉันไม่ได้เจตนา แต่ฉันอยากคุย" หล่อนบอกไม่รู้ไม่ชี้ แล้วพยักพเยิดให้เดินตามไปหยุดใกล้หน้าต่าง และห่างจากตำรวจพอสมควร

"ผมจัดการทุกอย่างได้เรียบร้อยดี จดบัญชีไว้ด้วย มันต้องวัดค่าเป็นโบนัสตอนปลายปีได้" เขาพูดก่อน ยียวนมาก

"ไอ้งกเอ๊ย"

"รอให้ผมบวชไม่สึกเสียก่อนสิ แล้วผมจะปล่อยวางทั้งหมดให้ดู"

"จะเก็บเงินไปทำสวรรค์วิมานอะไรยะ แฟนก็ไม่มี ลูกก็ไม่มี พ่อแม่ก็ไม่มี พี่น้องก็ไม่มี นายมันไม่มีอะไรเลย"

"ไม่ลืมตัวเลยใช่ไหมที่พูดนี่น่ะ น่าซึ้งใจจริงๆ เดี๋ยวก้มกราบให้ตำรวจดูเลย"

เจ้านายสาวใหญ่เลิกคิ้วแล้วหัวเราะขำๆ อะไรได้ ความจริงน่ะหล่อนรู้สึกตัวว่าพูดในสิ่งที่ไม่ควรพูดตั้งแต่หลุดปากว่า 'พ่อแม่ก็ไม่มี' แล้วล่ะ

แต่เห็นว่ามันหลุดไปแล้ว จะสะดุดแล้วหยุดกึกไปเลย ก็อาจจะยิ่งสร้างความสะเทือนใจให้คนฟัง จึงจำใจพล่ามต่อไปให้จบ แล้วมันได้ผลดีไหมล่ะ อย่างน้อยแสงสะเทือนใจในตาก็ไม่คมเกินไป แถมยังแดกดันกลับได้เสียงทุ้มน่ารักน่าหยิกเชียว

"เพราะอย่างนี้ใช่ไหม นายถึงเกลี้ยกล่อมให้ฉันยกโทษให้นายสมเกียรติ นายเดาล่วงหน้าไว้แล้วว่าไอ้เลวนั่นมันต้องไม่ยอมปล่อยเหยื่อที่กุมความลับ นายแอบจ้างยามอายุสั้นมาตั้งสามคนโดยไม่หารือฉัน นาย.. "

"คุณนาครับ"

ตรงฉัตรพาสองมือไพล่หลัง ต่อหน้าคนอื่น เขาไม่เคยแสดงความสนิทสนมผูกพันให้เห็น มันเป็นกิริยาสำรวมที่เขาเคร่งครัดมากจนณพนาเองยังแอบปลาบปลื้มเงียบๆ เลย

"ถ้าคุณนาจำได้ ผมเคยพูดว่ามันไม่ง่ายอย่างนั้นหรอก เรื่องนี้ก็เป็นอย่างนั้น"

ณพนากลืนน้ำลาย ในแววตาฉายแสงคับแค้นวูบหนึ่ง ใช่ หล่อนจำได้ คืนนั้น ตรงฉัตรพูดอย่างนี้จริงๆ

เขาเตือนสติว่าหล่อนวู่วามเกินไป หล่อนน่าจะถ่วงเวลาเพื่อใคร่ครวญก่อนจะยืดอกอย่างไม่เจียมตัวรับคำท้าทายชั่วช้าของพันศิลป์ แล้วจากคืนนั้นมาจนถึงวันนี้ หล่อนก็คือลูกหนี้ลูกไก่ที่มาเฟียสารเลวหยอกเย้าอย่างสมเพชโดยไม่เอ็นดู

เห็นหรือยังเล่า ถ้าหล่อนไม่มีตรงฉัตร หล่อนจะอยู่ยังไง การรับมือกับพันศิลป์ การเอาชนะเหลี่ยมคู การหลบหลีกวิถีสาดพิษร้าย มันเหนื่อยออก เพราะหล่อนต้องทำอย่างนั้นอยู่ตลอดเวลา หล่อนฉลาด หล่อนสู้ได้ แต่มันเป็นไปได้ที่จะให้หล่อนเอาชนะไปตามลำพัง

ดังนั้น หล่อนจึงจำเป็นต้องมีผู้ช่วยที่ไม่ต้องเก่งอะไรมาก แค่ทุ่มใจภักดีมาให้ พร้อมที่จะอยู่ด้วยกันอย่างตกทุกข์ได้ยาก กล้าที่จะเสียสละและยอมตายก่อน และไม่ต้องมากนะ คนเดียวก็พอแล้ว

หล่อนมีใช่ไหม เขายืนอยู่ตรงนี้ ชื่อตรงฉัตร ฉายาเสียดสีของเขาก็คือ 'เลขาเนื้อทอง'

จากคุณ : รัชนีกานต์
เขียนเมื่อ : 30 ก.ค. 55 08:44:57




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com